[CR] [CR] Exploring Fukuoka city in one day: พักหนึ่งวัน ไปปั่นจักรยานเล่นที่ฟุกุโอกะ

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของผมนะครับ หากมีอะไรขาดตกบกพร่อง หรือเขียนไม่รู้เรื่องไปบ้างก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เนื้อหาที่จะลงไว้ในกระทู้นี้ เกิดจากที่ผมได้มีโอกาสไปทดลองใช้บริการทัวร์จักรยานที่พาปั่นชมเมืองฟุกุโอกะแล้วรู้สึกชอบเส้นทางที่เค้าพาไป ก็เลยอยากเอามาบอกต่อ เผื่อใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองนี้จะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกิจกรรมครับ

ตอนท้ายๆ กระทู้ผมมีเก็บตกเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่พบระหว่างที่ใช้เวลาอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของคนญี่ปุ่นและแอบหวังว่าวันนึงเมื่อบ้านเรามีความพร้อม ก็น่าจะสามารถหยิบเอามาทำตามได้บ้าง..

ขอเท้าความก่อนว่า  ทริปปั่นจักรยานเที่ยวชมเมืองนี้ เป็นทริปตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาครับ  ผมนึกอะไรได้ก็เปิดไฟล์เอกสารขึ้นมาพิมพ์แล้วก็เลือกรูปภาพมาย่อไฟล์เก็บไว้  จนถึงตอนนี้ก็คิดว่าดองเค็มได้ที่พอดี  แฮร่ๆๆ    

ตอนนั้น ผมได้มีโอกาสเดินทางไปทำธุระที่เมืองฟุกุโอกะเป็นเวลา 5 วัน  ตามแผนการเดินทางที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนไป ผมจะมีเวลาหยุดพัก 1 วัน ก่อนที่จะบินกลับประเทศไทย ผมก็เลยมองหากิจกรรมที่จะทำให้ผมได้ฟินไปกับบรรยากาศของเมืองฟุกุโอกะได้ภายใน 1/2 - 1 วัน โดยที่ต้องไม่เหนื่อยมากนัก เพราะตอนเย็นวันนั้นผมยังมีภารกิจที่ต้องออกตามหาไอเท็มต่างๆ กลับไปเป็นของฝากให้กับคนที่บ้านต่อด้วย -_-”

สำหรับคนที่ชื่นชอบการขี่จักรยานท่องเที่ยวหรือคนที่ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน หลายๆ คนก็คงจะมีความฝันว่า ซักวันหนึ่งจะได้ลองไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวในต่างประเทศ  ซึ่งในลิสต์ของประเทศที่น่าไปปั่นจักรยานก็คงจะต้องมีประเทศญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วยแน่นอน

  

เมื่อโจทย์ของผม คือ ผมอยากเที่ยวชมเมืองฟุกุโอกะให้ทั่วๆ และถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะต้องมีคนพาเที่ยวที่สามารถให้ข้อมูลสถานที่ต่างๆ  แก่ผมได้ด้วย เมื่อเอาโจทย์ทั้งสองข้อมารวมกับความฝันที่อยากไปขี่จักรยานในต่างประเทศอยู่แล้ว ผมก็เลยได้ข้อสรุปว่า วันว่างที่เหลืออยู่ 1 วันนั้น

ผมจะต้องไปหาทริปปั่นจักรยานในฟุกุโอกะ ผมจึงเริ่มค้นหาข้อมูลจาก Trip adviser ซึ่งก็พบว่ามีผู้ให้บริการทัวร์ปั่นจักรยานชมเมืองฟุกุโอกะอยู่ ก็เลยตามเข้าไปดูข้อมูลในเวปไซท์และ Facebook ของบริษัท และทำการลงชื่อจองผ่านทางหน้าเวปไซท์ของเค้าเลย  

ทริปปั่นจักรยานชมเมืองฟุกุโอกะที่ผมเลือกนี้   มีระยะทางประมาณ 20 กม. ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เริ่มทริปตอน 9 โมงเช้า และจบทริปประมาณ บ่าย 2 โมง

จากการสอบถามไกด์ได้ข้อมูลมาว่าเป็นเส้นทางมาตรฐานที่จะพาไปตามจุดท่องเที่ยวหรือสถานที่สำคัญต่างๆ เหมือนกันทุกครั้งครับ

แต่ไกด์ที่นำเที่ยวของที่นี่จะมีอยู่หลายคน  ดังนั้น ในการออกทริปแต่ละครั้งก็อาจจะมีการบรรยายและให้เกร็ดความรู้ที่แตกต่างกันไปตามเทคนิคของแต่ละคนครับ

Mr.Nori ที่เป็นไกด์ของผมในวันนั้น กำลังอธิบายแผนที่เส้นทางทัวร์

ขอเล่าย้อนไปตอนที่ทำการจองทัวร์ไว้ซักนิดนึง ขั้นตอนมันก็ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรนะครับ  เราก็แค่เข้าไปเลือกวันที่ที่ต้องการจอง แล้วก็กรอกชื่อ อีเมล และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น ความสูง จำนวนคนที่จะร่วมทริป  

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ต้องกรอกความสูงด้วยเหรอ ซึ่งผมต้องขอบอกว่า รถจักรยานที่ทัวร์นี้เตรียมไว้ให้เป็นรถจักรยานประเภทเสือภูเขานะครับ การกรอกความสูงจะทำให้ผู้ให้บริการสามารถเตรียมรถที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดตัวของเราครับ  

เมื่อเราลงทะเบียนเรียบร้อยก็จะมีอีเมลตอบกลับมาจากบริษัท ซึ่งจะมีระบุวัน เวลา จำนวนเงินที่ต้องชำระ และสถานที่นัดหมายพร้อมทั้งมีแผนที่มาให้ครับ  

สำหรับทัวร์นี้ เราสามารถจองไปโดยที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินมัดจำนะครับ ค่าทัวร์ 5500 เยนก็ถือไปจ่ายกันที่ออฟฟิศของบริษัทก่อนที่จะเริ่มทริปเลย

ทีนี้ ตามผมมาเลยครับ มาดูกันว่าทัวร์นี้ เค้าจะพาเราไปไหนบ้าง
เนื่องจากโปรแกรมทัวร์นี้ กำหนดจุดนัดหมายเอาไว้เป็นที่ออฟฟิศของบริษัททัวร์  ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องเดินทางไปยังจุดนัดหมายตามเวลาที่กำหนดไว้

ผมนั้นพักอยู่ที่ Hotel Unizo  ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ Tenjin station ส่วนจุดนัดหมายนั้นอยู่ใกล้ๆ กับ  Kushida shrine  เมื่อส่องด้วย google map แล้วเห็นว่าระยะทางไม่ไกลมาก แค่ประมาณ 1 กม. กว่าๆ เท่านั้นเอง ผมก็เลยเลือกเดินไปครับ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ถือว่าเป็นการวอร์มอัพร่างกายไปด้วยในตัว
ถ้าผมจำไม่ผิดอุณหภูมิในวันนั้นน่าจะประมาณ 17-18 องศาเซลเซียสครับ  ถือว่ากำลังเย็นแบบพอดีๆ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

พอไปถึงตึกตามที่แผนที่บอกไว้ ก็พบว่าเป็นอาคารที่แบ่งให้เช่าทำสำนักงาน  ผมก็เดินขึ้นบันไดไปที่ออฟฟิศซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4   พอเข้าไปในออฟฟิศก็พบว่า  Mr.Makoto  ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท และ Mr.Nori  ซึ่งรับหน้าที่ไกด์นำเที่ยวของทริปในวันนั้น นั่งรออยู่แล้ว

การบรรยายในระหว่างการนำเที่ยวจะใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด และทัวร์นี้จะเป็นแบบ join trip นะครับ คือ อาจจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ที่ลงจองทัวร์เอาไว้ด้วย แต่วันที่ผมจองคิวไว้นั้น ผมโชคดีมากเพราะไม่มีกรุ๊ปอื่นๆ จองเอาไว้เลย ทัวร์ในวันนั้นก็เลยกลายเป็น private tour ไปโดยปริยาย

ในระหว่างที่อยู่ในออฟฟิศ ไกด์ก็ได้มีการแนะนำตัว มีการบรีฟเกี่ยวกับเส้นทางที่จะพาไป และบอกข้อควรระวังต่างๆ  รวมทั้งให้เลือกหมวกกันนิรภัยด้วย ซึ่งผมก็บอกเค้าว่าขอไม่ใส่ดีกว่า เพราะผมเชื่อมั่นในความปลอดภัยและวินัยบนท้องถนนของพลเมืองประเทศนี้ (จริงๆ กลัวผมเสียทรงมากกว่าครับ 555)

จากนั้นก็พากันลงมาข้างล่างเพื่อเลือกจักรยาน ตอนที่จองทริปผมให้ข้อมูลเค้าไปว่าผมสูงประมาณ 160 กว่าๆ และปรกติจะใช้จักรยานเสือภูเขาไซท์ S หรือประมาณ 15”    ดังนั้นจักรยานที่เค้าเตรียมไว้ให้จึงมีขนาดพอดีอยู่แล้ว เหลือแค่ปรับตั้งความสูงของเบาะให้ได้ตามที่ผมต้องการเท่านั้น  จากที่ขี่จนจบทริปก็พบว่าจักรยานคันที่เค้าจัดเอาไว้ให้ผมนั้น มีการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างดี  ชุดเกียร์ก็สามารถเปลี่ยนขึ้นลงได้ลื่นไหลดีครับ  

รถจักรยานคันสีฟ้า คือ รถที่ผมใช้ในทริปวันนั้นครับ

อีกเรื่องที่ต้องออกตัวไว้ก่อนก็คือ การเดินทางไปเมืองฟุกุโอกะครั้งนี้ ผมแทบจะไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของเมืองฟุกุโอกะไปเลย  จะหาข้อมูลไปก็แค่พิกัดของโรงแรมที่ผมต้องเดินทางไปร่วมงาน กับแหล่งที่จะไปหาซื้อไอเท็มต่างๆ  ตามออร์เดอร์ของทางบ้านเท่านั้นเอง 555   ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่า การได้มาปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง โดยมีคนพาปั่นและคอยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังด้วยระหว่างทาง จึงเป็นเหมือนการเติมเต็มประสบการณ์ให้กับตัวเองได้อย่างดี

สำหรับ ข้อมูลของสถานที่ต่างๆ ที่ไกด์พาไป และพวกเกร็ดความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและเรื่องราวของเมืองฟุกุโอกะที่ไกด์บรรยายให้ฟังระหว่างทาง ผมขอลงไว้เพียงสั้นๆ นะครับ ถ้าใครอยากได้ความรู้เหล่านั้น ผมแนะนำให้ไปลองใช้บริการเองจะดีกว่า  รับรองว่าบางเรื่องที่คุณจะได้ฟังจากไกด์ จะเป็นเรื่องที่คุณไม่สามารถหาอ่านได้จากอินเตอเน็ตหรือไกด์บุ๊คนำเที่ยวเล่มไหนๆ แน่นอนครับ

จุดแรกที่ไกด์พาไปก็คือ  Kushida shrine นั่นเอง ซึ่งที่จุดนี้ไกด์ก็ได้เล่าถึงประวัติและความสำคัญของศาลเจ้าแห่งนี้ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการแยกแยะความแตกต่างระหว่างศาลเจ้ากับวัด และวิธีการเข้าไปสักการะเทพเจ้าที่จะต้องมีการชำระล้างตัวเองให้บริสุทธิ์เสียก่อนด้วย

ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยแต่ตอนจอดจักรยานก็ยังต้องล่ามโซ่จักรยานไว้นะครับ แต่สังเกตดูก็จะเห็นว่าสลิงที่ใช้คล้องจักรยานนั้นเส้นนิดเดียว ดูแล้วน่าจะเป็นการล่ามไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ซะมากกว่า

ธรรมเนียมความเชื่อของญี่ปุ่น ศาลเจ้าถือเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า ดังนั้น ก่อนเข้าไปในศาลเจ้าทุกครั้ง เราจะต้องไปชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อน  ศาลเจ้าทุกแห่งจึงต้องมีบ่อน้ำอยู่บริเวณทางเข้านะครับ  ตรงจุดนี้สามารถใช้เป็นข้อสังเกตเพื่อแยกแยะว่า ศาสนสถานแห่งใดเป็นศาลเจ้าหรือเป็นวัดได้ครับ  ที่จุดนี้ไกด์จะสอนวิธีการชำระล้างร่างกายที่ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนญี่ปุ่นให้ด้วย

Kushida shrine แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมากของเมืองฟุกุโอกะ  ทุกๆ ปีจะมีเทศกาลที่ เรียกว่า ฮะคะตะ กิอง ยะมะกะสะ (Hakata Gion Yamakasa) ซึ่งจะมีขบวนแห่เทพเจ้าไปรอบเมืองฟุคุโอกะ  โดยที่ไฮไลท์ของงาน ก็คือ มีเหล่าผู้ชายสวมผ้าเตี่ยวมาช่วยกันแบกเสรี่ยงที่ภายในบรรจุเหล่าตุ๊กตาตัวแทนของเทพเจ้า

อีกจุดที่ไกด์พาไปดูคือ ก้อนหินที่อยู่ข้างศาลเจ้า ก้อนหินแต่ละก้อนมีความเป็นมาที่น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะมันเป็นก้อนหินที่จารึกชื่อของคนที่ได้แชมป์ซูโม่ในแต่ละปีเอาไว้ ซึ่งการที่แชมป์แต่ละคนจะนำก้อนหินมาวางไว้ที่นี่ได้นั้น พวกเค้าก็ต้องแบกมาไว้เองเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งของตนเองไปด้วยในตัว น้ำหนักของหินแต่ละก้อนดูแล้วก็น่าจะไม่น้อยกว่า 100 กก. เลยละครับ

จากนั้น ก็ออกปั่นจักรยานกันต่อ  เป็นเรื่องปรกติของการขี่จักรยานในประเทศญี่ปุ่น ที่เราสามารถขี่ไปบนทางเท้าร่วมกับคนที่กำลังเดินอยู่ได้  รวมทั้งเวลาที่จะข้ามทางแยกหรือข้ามถนนก็สามารถไปหยุดรอสัญญาณไฟตรงทางม้าลายได้เลย แต่ก็มีทางเท้าบางจุดที่มีป้ายห้ามขี่จักรยานอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นย่านที่มีคนพลุกพล่าน หากเราจำเป็นต้องสัญจรผ่านไปในบริเวณนั้นก็แค่ลงจูงจักรยานไปครับ

จุดต่อไปที่ไกด์พามาเป็นวัดโทโจจิ (Tochoji)  ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี บนศาลาหลังใหญ่จะเป็นที่ประดิษฐานฟุกุโอกะ ไดบุทสึ (Fukuoka Daibutsu) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่แกะสลักจากไม้ นอกจากนี้  ในวัดยังมีรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือที่ไกด์บอกว่าจะเปิดให้ชมแค่ปีละไม่กี่วันประดิษฐานอยู่ด้วย  ไฮไลท์อีกจุดนึงของวัดนี้อยู่ที่ทางเดินลอดใต้องค์พระใหญ่ ซึ่งเป็นกุศโลบายที่ใช้สอนคนให้เข้าใจเรื่องนรกและสวรรค์  ผมไม่มีรูปมาให้ดูเพราะบนศาลาที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่เค้าห้ามถ่ายรูปนะครับ

ออกจากวัด Tochoji ไกด์ก็ขี่จักรยานพาผมไปที่ วัดโซฟุคุจิ (Shofukuji Temple) ซึ่งเป็นวัดพุทธของนิกายเซนแห่งแรกของญี่ปุ่น  วัดนี้ไกด์ไม่ได้พาไปดูข้างในนะครับ แต่กลับพาผมไปดูกำแพงวัด ความพิเศษของกำแพงวัดที่ไกด์เล่าให้ฟังคือ มันเป็นกำแพงวัดที่สร้างขึ้นในยุคหลังศึกสงคราม โดยใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำกำแพงครับ

ไกด์กำลังชี้ให้ดูลายขีดบนกำแพงที่เกิดจากการฝังแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาเข้าไปตอนที่สร้างกำแพง
ชื่อสินค้า:   Fukuoka bike tour
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่