ถ้าวันหนึ่ง'' ทักษิณ '' กลับมาพัฒนาประเทศ จะมีเศรษฐกิจที่ดีรึปล่าว ?

น่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะมีคดีติดตัว และคงยากที่จะกลับมาเป็นนายกฯ ละ เอาแค่จะกลับมาอยู่ในเมืองไทยช่วงบั้นปลายชีวิต จะได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

แต่ถ้าถามเล่นๆ ก็จะตอบเล่นๆ แบบวิเคราะห์นะ

คนแรกพื้นฐานเป็นนักธุรกิจ เคยทั้งทำธุรกิจล้มเหลว เคยทำธุรกิจประสบความสำเร็จ รู้ดีว่าจะหาเงินจากตรงไหน บริหารประเทศสไตล์ธุรกิจ คือมองประเทศไทยว่าจะจุดขายคืออะไร จะเอารายได้จากไหน จะลดรายจ่ายยังไง จะเพิ่ม GDP ได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของนโยบายหลายๆ อย่าง ทั้ง

- Elite Card (เอาการท่องเที่ยวกับการลงทุนไปขาย)
- พักชำระหนี้ กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ (เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในเศรษฐกิจฐานราก เพราะคนกลุ่มนี้เป็นฐานใหญ่สุดของประเทศ)
- ปฏิรูประบบราชการ (ลดรายจ่ายไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน)
- จ่ายหนี้ IMF ให้หมดไปก่อน (ปลดภาระดอกเบี้ยระยะยาว และออกจากการบงการของ IMF)
- แปรรูปรัฐวิสาหกิจ (แปลงสินทรัพย์เป็นทุน รัฐยังถือครองหุ้นส่วนมาก ยังกำกับดูแลได้อยู่ เราจะถือหุ้น 100% ไปทำไม ในเมื่อถือแค่ 51% ก็ยังถือว่าเป็นเจ้าของอยู่ดี ขายส่วนนึงเอามาเป็นทุนขยายกิจการ...ดีกว่าไปกู้มาลงทุนให้มีดอกเบี้ย หรือเอาภาษีไปอุ้มไหม?)


คนที่สอง เติบโตมาจากระบบราชการทหาร คุ้นชินกับการรับคำสั่ง แบบห้ามโต้แย้ง ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย มีรายได้จากเงินเดือนราชการ และมรดกจำนวนหนึ่ง ไม่คุ้นชินกับการทำธุรกิจ อย่างมากก็ให้เช่า บริหารองค์กรขนาดใหญ่ แต่เป็นหน่วยงานที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการหากำไร แถมยังมีแต่ค่าใช้จ่าย (ที่ห้ามตรวจสอบ) เต็มไปหมด แตะนิดแตะหน่อยก็อ้างความมั่นคง กิจการทหารนี่ อย่าถามวิสัยทัศน์เชียวล่ะ ว่าจะหารายได้มาค้ำจุนองค์กรได้อย่างไร ท่านเหล่านี้ไม่มีไอเดียหรอกครับ เพราะคุ้ยเคยกับการเบิกเงินภาษีมาจ่ายมากกว่า (ไม่ใช่เงินตัวเอง)



ไม่ได้บอกว่าใครดีกว่ากัน ไอ้เรื่องใครสุจริตกว่ากัน บอกตรงๆ ผมก็คิดว่า คนที่สองน่าจะสุจริตมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรด่างพร้อยนะครับ ไม่งั้นเรื่องน้องชายนี่มันชัดเจนโจ่งแจ้งมากๆ ก็ยังอุ้มกันต่อได้ ไม่ทำอะไรเครือญาติตัวเอง แล้วมันต่างกันตรงไหน ผมก็ไม่เข้าใจ อันนี้วิเคราะห์ตามเนื้อผ้าล้วนๆ ถามว่าอยากให้คนแรกกลับมาเป็นนายกไหม คำตอบผมคือไม่อยาก เพราะประเทศจะกลับมาวนลูปเดิม ความขัดแย้งมันลุกลามไปเยอะแล้ว ยังมีคนไม่ยอมปล่อยวางอีกเยอะ