‘คลัง‘ แฮร์คัตหนี้ 3 ล้านคน เตรียมหมื่นล้านล้าง NPL ช่วยรายย่อยพ้น เครดิตบูโร

กระทู้สนทนา

‘คลัง‘ แฮร์คัตหนี้ 3 ล้านคน เตรียมหมื่นล้านล้าง NPL ช่วยรายย่อยพ้น #เครดิตบูโร
.
ปัญหาหนี้สินของคนไทยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากกระทบต่อความสามารถในการบริโภคของประชาชน หากพิจารณาจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย ณ สิ้นปี 2567 หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ประมาณ 16.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
.
ทั้งนี้ เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 แม้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP จะลดลง แต่ยอดหนี้รวมยังคงอยู่ในระดับสูง และยังเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
.
ช่วงสองปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนผ่านโครงการต่างๆทั้งการแก้หนี้นอกระบบ การปรับโครงสร้างหนี้ การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งก่อนหน้านี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงแนวคิดการซื้อหนี้ประชาชนรายย่อยมาให้ภาครัฐบริหารเพื่อปลดล็อกให้รายย่อยที่ติดเครดิตบูโรหลุดจากบัญชีหนี้เสียและกลับมาทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงินได้
.
ต่อมารัฐบาลได้ออกมาตรการ “คุณสู้เราช่วย” เมื่อปลายปี 2567 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้เสียจากบ้าน รถยนต์ และ SMEs รวมถึงลูกหนี้รายย่อยของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) โดยมีเป้าหมายครอบคลุมลูกหนี้กว่า 2.1 ล้านบัญชี จากจำนวนลูกหนี้ประมาณ 1.9 ล้านราย รวมยอดหนี้ประมาณ 8.9 แสนล้านบาท
.
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนต่ำกว่าที่คาดไว้และมีผู้ลงทะเบียนเพียง 820,000 ราย หรือ 990,000 บัญชี ซึ่งคิดเป็น 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่านั้น รัฐบาลได้ปรับแผนโดยขยายระยะเวลาการลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2568 และเน้นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งคิดเป็น 35% ของหนี้เสียรวม 1.2 ล้านล้านบาท
.
 เล็งปรับเงื่อนไขคุณสู้เราช่วยอีกรอบ
.
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการหารือกันในการปรับเงื่อนไขโครงการ คุณสู้ เราช่วย รอบใหม่ โดยคาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในช่วงเดือน มิ.ย. โดยการปรับปรุงเงื่อนไขในส่วนที่สำคัญได้แก่
.
1. ขยายคุณสมบัติมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” จากเดิมที่กำหนดคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมียอดค้างชำระ ณ วันที่ 30 ต.ค.2567 เกิน 30 วันขึ้นไป จะปรับเปลี่ยนให้ลูกหนี้ที่มีประวัติเคยค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วร่วมมาตรการได้เพื่อขยายโอกาสช่วยประชาชนให้ครอบคลุมขึ้น
.
มาตรการนี้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบ้าน หรือ Home for Cash วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท, สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 8 แสนบาท, สินเชื่อรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาท และสินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาท
.
สำหรับลูกหนี้จะได้ปรับโครงสร้างหนี้ ลดค่างวดผ่อนชำระลงเหลือ 50% ในปีแรก, 70% ในปีที่สอง และ 90% ในปีที่สาม พร้อม “พักภาระดอกเบี้ย” เป็นเวลา 3 ปีเต็ม ช่วง 3 ปีนี้ ค่างวดที่ลูกหนี้ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด ส่วนดอกเบี้ยที่ถูกพักไว้ตลอดเวลา 3 ปีจะได้รับการยกเว้น
.
2. ขยายเพดานหนี้สำหรับมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” มาตรการนี้มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้เสีย โดยจะขยายเพดานภาระหนี้เสียที่เข้าร่วมโครงการได้ จากเดิมหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท จะปรับเป็นหนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน เพดานหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกันเพดานหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี
.
ภายใต้มาตรการนี้ลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้าง เพื่อปิดบัญชีหนี้ทั้งหมดทันทีรวมทั้งมีแผนขยายเวลาโครงการจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2568
.
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1183017?anm=

จ่ายตรง คงทรัพย์ น่าจะพอมีประโยชน์ แต่คือ ถ้าคนไม่มีงานทำก็ไม่มีจ่ายอยู่ดี
จ่าย ปิด จบ เหมือนโครงการนี้จะไม่ค่อยได้ผลเพราะลูกหนี้ส่วนใหญ่เลือกจะไม่จ่ายมากกว่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่