สวัสดีครับ พอดีว่าเราได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็เลยอยากลองเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราบ้าง
การเดินทางคนเดียวในญี่ปุ่นปลอดภัย ไม่ยาก และ สนุกกว่าที่คิดนะ..

เราตั้งเป้าหมายทริปนี้ว่า จะไปชมซากุระในที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ และ ไปหาฟูจิซัง
ก่อนออกเดินทางเราซุ่มดูกระทู้ของเพื่อนๆใน Pantip แล้วก็วางแผนการเดินทางไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนที่น่าสนใจก็ออกสำรวจพื้นที่ด้วย Google map + จัดเก็บลง My map ส่วนตัวเรา
(อันนี้ต้องขอบคุณพี่ที่ทำงานที่ช่วยสอนอ่ะ ช่วยให้การวางแผนท่องเที่ยว + การเดินทางของเราเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลย ทั้งนี้เจ้า My map ตัวนี้ยัง sync กับ maps ในมือถือแอนดรอยของเรา ทำให้ยิ่งสะดวกเวลาเดินทางเข้าไปใหญ่)
ขอขอบคุณ คุณลุงหมอขอพักร้อนและเจ้าของกระทู้หลายๆคนสำหรับแรงบันดาลใจ+ลายแทงในการเที่ยวครั้งนี้
ขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ “ตามรอยเพลงรักสองหัวใจ Shigatsu wa kimi no uso ที่เขตเนริมะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น” ที่ทำให้เราพบกับจุดชมซากุระที่เราชอบมากอีกที่นึงฮะ
วิธีการสำรวจสถานที่โดย Google Map กับ การโดยสารรถไฟ สไตล์เราก็จะเป็นประมาณนี้








สิ่งที่เราแนะนำว่าควรเตรียมก่อนออกเดินทางไปต่างประเทศ
-Internet Sim / pocket wifi มีประโยชน์มากกกก สำหรับการดูตารางเดินรถไฟ และโดยเฉพาะตอนหลงทาง
เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว เราจึงเลือกใช้ Sim2fly โดยเมื่อใช้งานที่ญี่ปุ่น ซิมนี้จะเชื่อมกับเครือข่าย Softbank ซึ่งสัญญานแรงดีทีเดียว
-Application: Google Map, Google translate มีประโยชน์มากตอนหลงทาง และ สื่อสารกับคนท้องถิ่นไม่รู้เรื่อง
-ประกันเดินทางต่างประเทศ เผื่อมีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยขึ้นมา จะได้อุ่นใจ // เดี๋ยวนี้สามารถซื้อออนไลน์ได้นะ สะดวกสบายมาก

ไฟลท์บินของเราฮะ

ถึงสนามบิน Narita ก่อนเวลานิดหน่อยฮะ ช่วงที่เราไปนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทำไมรอคิวตรง ตม นานทีเดียว
(แนะนำว่าควรทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเข้าไปต่อแถวนะฮะ)
ตม ไม่น่ากลัวนะ แถมไม่พูดอะไรกับเราสักคำ ฮ่าๆ // แต่พี่ศุลกากรมีถามนิดหน่อยว่า มากับใคร, เคยมาญี่ปุ่นกี่ครั้งละ, แล้วครั้งนี้จะอยู่กี่วัน
ใช้เวลาคุยกันไม่ถึง 3 นาทีก็ปล่อยผ่านจ้า
เราเดินทางจากสถามบิน Narita สู่ตัวเมืองโดย Keisei Limited Express ใช้เวลานานหน่อย แต่ราคาถูกดี
(นั่งจาก Narita Airport Terminal 2 ไปสถานี Nippori ราคา1240 เยน แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR Yamanote Komagome ราคา 140 เยน)



ออกจากสถานีรถไฟ Komagome แวะซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ และพุ่งเข้าที่พักทันทีฮะ เพราะฝนตกและหนาวมาก อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 7 องศา
ที่พักของเรา 2 คืนแรก เราจองผ่าน Airbnb ตกราคาคืนละ 900 กว่าบาท (ช่วงแรกๆกลัวเหมือนกันว่าจะมีปัญหาไหม เพราะเหมือนว่า Airbnb ไม่ได้รับการอนุญาตในบางเมือง แต่ถามเจ้าของที่พักแล้วแกบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดปัญหาจริงจะให้พักที่บ้านแกเลย) – ที่เลือกห้องพักย่านนี้เพราะราคาไม่แพง บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านดี
ที่พักจะอยู่ชั้น 2 ของตึก .. โดยก่อนเช็คอิน 1 สัปดาห์เจ้าของห้องจะอีเมลล์มาแจ้งรายละเอียดการเข้าพัก รหัสประตูอัตโนมัติ และรายละเอียดอื่นๆให้ แต่ช่วงที่อยู่ในประเทศไทยเราก็แชทคุยกับเจ้าของห้องพักได้เรื่อยๆผ่าน Application Airbnb
ข้อดีของที่นี่ คือ เจ้าของที่พักให้ความช่วยเหลือดี, อยู่ใกล้สถานีรถไฟ-ร้านสะดวกซื้อ- Yashinoya ที่เปิด 24 ชั่วโมง และราคาไม่แพง
ส่วนข้อเสีย คือ ห้องอาจจะค่อนข้างเล็ก, ห้องส้วมไม่มีชักโครกและโถส้วมถูกยกระดับขึ้นเหนือระดับพื้น ไม่ค่อยสะดวกตอนใช้งาน

วันที่ 1
วันนี้ฝนตกและอากาศประมาณ 5 องศา ก็เลยขี้เกียจออกไปเที่ยวไกลๆ ก็เลยตัดสินใจเดินเที่ยวแถวๆ Komagome นี่แหละ

ตอนเดินมาเหลือบไปเห็นต้นซากุระอยู่ฝั่งตรงข้าม เลยเดินไปดูฮะ สวยดีนะ...

แล้วก็เดินมาเรื่อยๆ จนเจอสวนเล็กๆตรงนี้ – เล็กแต่น่ารักนะเนี่ย

ตรงสถานีรถไฟก็มีต้นซากุระเยอะนะ แต่ยังบานไม่เต็มที่
(ปีนี้ซากุระนางบานช้ากว่าปีที่แล้ว เลยอดเจอ Full bloom กับเขาเลย T_T)




จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนมายัง Rikugien Gardens ราคาเข้าชม 300 เยน
ส่วนนี้กว้างใหญ่และร่มรื่นดีฮะ เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านขายของ ( Dango ร้านนี้อร่อยดีฮะ ไม้ละ 300 เยน)



เห็นต้นซากุระแล้ว สวยๆๆๆๆๆ (ตัวท้อปของสวนนี้นะ เพราะมีแค่ต้นเดียว ฮ่าๆๆๆ)



เดินสำรวจสวนไปเรื่อยๆ คิดว่าช่วงใบไม้ร่วงคงสวยอยู่ไม่น้อย


จากนั้นเราขึ้นรถไฟไปสถานี Korakuen เพื่อชมซากุระ Koishikawa Korakuen Gardens ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Tokyo Dome City (ราคาเข้าชม 300 เยนฮะ)

บรรยากาศภายในสวนก็จะประมาณนี้ฮะ





อ่อ!! ที่นี่มี Tea house ด้วยนะ นั่งจิบชาไป ชมซากุระไป ดี๊ดี

มาต่อกันที่สถานี IIdabashi ฮะ บริเวณนี้จะมีแนวซากุระยาว 2 ฝั่ง ขนานแม่น้ำและทางเดินรถไฟฮะ
ถ้า Full bloom แถวนี้ต้องสวยสุดๆแน่




เดินตามถนนเรื่อยๆ




แล้วแวะที่ Yasukuni shrine ฮะ (ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าชมฮะ)



แล้วก็เดินมาโฉบๆ Kitanomura Park (เนื่องจากมืดๆแล้ว ก็เลยแวะดูคนปั่นเรือเป็ดชมซากุระแป้บๆ - ไม่ได้เข้าชมสวนอ่ะ 555 )
เดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Kudanshita ไปลงสถานี Naga-Meguro เพื่อสิ่งนี้เลยฮะ


[CR] เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวไม่ยาก และ สนุกกว่าที่คิดนะ
การเดินทางคนเดียวในญี่ปุ่นปลอดภัย ไม่ยาก และ สนุกกว่าที่คิดนะ..
เราตั้งเป้าหมายทริปนี้ว่า จะไปชมซากุระในที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ และ ไปหาฟูจิซัง
ก่อนออกเดินทางเราซุ่มดูกระทู้ของเพื่อนๆใน Pantip แล้วก็วางแผนการเดินทางไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนที่น่าสนใจก็ออกสำรวจพื้นที่ด้วย Google map + จัดเก็บลง My map ส่วนตัวเรา
(อันนี้ต้องขอบคุณพี่ที่ทำงานที่ช่วยสอนอ่ะ ช่วยให้การวางแผนท่องเที่ยว + การเดินทางของเราเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลย ทั้งนี้เจ้า My map ตัวนี้ยัง sync กับ maps ในมือถือแอนดรอยของเรา ทำให้ยิ่งสะดวกเวลาเดินทางเข้าไปใหญ่)
ขอขอบคุณ คุณลุงหมอขอพักร้อนและเจ้าของกระทู้หลายๆคนสำหรับแรงบันดาลใจ+ลายแทงในการเที่ยวครั้งนี้
ขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ “ตามรอยเพลงรักสองหัวใจ Shigatsu wa kimi no uso ที่เขตเนริมะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น” ที่ทำให้เราพบกับจุดชมซากุระที่เราชอบมากอีกที่นึงฮะ
วิธีการสำรวจสถานที่โดย Google Map กับ การโดยสารรถไฟ สไตล์เราก็จะเป็นประมาณนี้
สิ่งที่เราแนะนำว่าควรเตรียมก่อนออกเดินทางไปต่างประเทศ
-Internet Sim / pocket wifi มีประโยชน์มากกกก สำหรับการดูตารางเดินรถไฟ และโดยเฉพาะตอนหลงทาง
เนื่องจากเราเดินทางคนเดียว เราจึงเลือกใช้ Sim2fly โดยเมื่อใช้งานที่ญี่ปุ่น ซิมนี้จะเชื่อมกับเครือข่าย Softbank ซึ่งสัญญานแรงดีทีเดียว
-Application: Google Map, Google translate มีประโยชน์มากตอนหลงทาง และ สื่อสารกับคนท้องถิ่นไม่รู้เรื่อง
-ประกันเดินทางต่างประเทศ เผื่อมีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยขึ้นมา จะได้อุ่นใจ // เดี๋ยวนี้สามารถซื้อออนไลน์ได้นะ สะดวกสบายมาก
ไฟลท์บินของเราฮะ
ถึงสนามบิน Narita ก่อนเวลานิดหน่อยฮะ ช่วงที่เราไปนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทำไมรอคิวตรง ตม นานทีเดียว
(แนะนำว่าควรทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเข้าไปต่อแถวนะฮะ)
ตม ไม่น่ากลัวนะ แถมไม่พูดอะไรกับเราสักคำ ฮ่าๆ // แต่พี่ศุลกากรมีถามนิดหน่อยว่า มากับใคร, เคยมาญี่ปุ่นกี่ครั้งละ, แล้วครั้งนี้จะอยู่กี่วัน
ใช้เวลาคุยกันไม่ถึง 3 นาทีก็ปล่อยผ่านจ้า
เราเดินทางจากสถามบิน Narita สู่ตัวเมืองโดย Keisei Limited Express ใช้เวลานานหน่อย แต่ราคาถูกดี
(นั่งจาก Narita Airport Terminal 2 ไปสถานี Nippori ราคา1240 เยน แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR Yamanote Komagome ราคา 140 เยน)
ออกจากสถานีรถไฟ Komagome แวะซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ และพุ่งเข้าที่พักทันทีฮะ เพราะฝนตกและหนาวมาก อุณหภูมิตอนนั้นประมาณ 7 องศา
ที่พักของเรา 2 คืนแรก เราจองผ่าน Airbnb ตกราคาคืนละ 900 กว่าบาท (ช่วงแรกๆกลัวเหมือนกันว่าจะมีปัญหาไหม เพราะเหมือนว่า Airbnb ไม่ได้รับการอนุญาตในบางเมือง แต่ถามเจ้าของที่พักแล้วแกบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดปัญหาจริงจะให้พักที่บ้านแกเลย) – ที่เลือกห้องพักย่านนี้เพราะราคาไม่แพง บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านดี
ที่พักจะอยู่ชั้น 2 ของตึก .. โดยก่อนเช็คอิน 1 สัปดาห์เจ้าของห้องจะอีเมลล์มาแจ้งรายละเอียดการเข้าพัก รหัสประตูอัตโนมัติ และรายละเอียดอื่นๆให้ แต่ช่วงที่อยู่ในประเทศไทยเราก็แชทคุยกับเจ้าของห้องพักได้เรื่อยๆผ่าน Application Airbnb
ข้อดีของที่นี่ คือ เจ้าของที่พักให้ความช่วยเหลือดี, อยู่ใกล้สถานีรถไฟ-ร้านสะดวกซื้อ- Yashinoya ที่เปิด 24 ชั่วโมง และราคาไม่แพง
ส่วนข้อเสีย คือ ห้องอาจจะค่อนข้างเล็ก, ห้องส้วมไม่มีชักโครกและโถส้วมถูกยกระดับขึ้นเหนือระดับพื้น ไม่ค่อยสะดวกตอนใช้งาน
วันที่ 1
วันนี้ฝนตกและอากาศประมาณ 5 องศา ก็เลยขี้เกียจออกไปเที่ยวไกลๆ ก็เลยตัดสินใจเดินเที่ยวแถวๆ Komagome นี่แหละ
ตอนเดินมาเหลือบไปเห็นต้นซากุระอยู่ฝั่งตรงข้าม เลยเดินไปดูฮะ สวยดีนะ...
แล้วก็เดินมาเรื่อยๆ จนเจอสวนเล็กๆตรงนี้ – เล็กแต่น่ารักนะเนี่ย
ตรงสถานีรถไฟก็มีต้นซากุระเยอะนะ แต่ยังบานไม่เต็มที่
(ปีนี้ซากุระนางบานช้ากว่าปีที่แล้ว เลยอดเจอ Full bloom กับเขาเลย T_T)
จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนมายัง Rikugien Gardens ราคาเข้าชม 300 เยน
ส่วนนี้กว้างใหญ่และร่มรื่นดีฮะ เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านขายของ ( Dango ร้านนี้อร่อยดีฮะ ไม้ละ 300 เยน)
เห็นต้นซากุระแล้ว สวยๆๆๆๆๆ (ตัวท้อปของสวนนี้นะ เพราะมีแค่ต้นเดียว ฮ่าๆๆๆ)
เดินสำรวจสวนไปเรื่อยๆ คิดว่าช่วงใบไม้ร่วงคงสวยอยู่ไม่น้อย
จากนั้นเราขึ้นรถไฟไปสถานี Korakuen เพื่อชมซากุระ Koishikawa Korakuen Gardens ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Tokyo Dome City (ราคาเข้าชม 300 เยนฮะ)
บรรยากาศภายในสวนก็จะประมาณนี้ฮะ
อ่อ!! ที่นี่มี Tea house ด้วยนะ นั่งจิบชาไป ชมซากุระไป ดี๊ดี
มาต่อกันที่สถานี IIdabashi ฮะ บริเวณนี้จะมีแนวซากุระยาว 2 ฝั่ง ขนานแม่น้ำและทางเดินรถไฟฮะ
ถ้า Full bloom แถวนี้ต้องสวยสุดๆแน่
เดินตามถนนเรื่อยๆ
แล้วแวะที่ Yasukuni shrine ฮะ (ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าชมฮะ)
แล้วก็เดินมาโฉบๆ Kitanomura Park (เนื่องจากมืดๆแล้ว ก็เลยแวะดูคนปั่นเรือเป็ดชมซากุระแป้บๆ - ไม่ได้เข้าชมสวนอ่ะ 555 )
เดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Kudanshita ไปลงสถานี Naga-Meguro เพื่อสิ่งนี้เลยฮะ