สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับเวรกรรมมาเล่าให้ทุกท่านได้รับฟังกัน เพื่อไว้เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับชาวพุทธที่เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษกันครับ
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับผมโดยตรงเหมือนกับเรื่องแรก (
เรื่องกรรมของผม ตอนที่ 1) แต่เกิดกับน้าสาวของผมเองและเรื่องก็เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ ชนิดกรรมทันตาเห็น ผมจึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ขอบอกก่อนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงทุกประการ
น้าสาวแกปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านผม แกมีครอบครัวและมีลูก แต่ดูเหมือนชีวิตครอบครัวของแกนั้นไม่ราบรื่นเลย แกมีสามีมาแล้วสองคน แต่ก็เลิกลาไปหมด แกมีลูกทั้งหมด 3 คน คนสุดท้องอายุแค่ 4-5 ขวบ ด้วยที่น้าแกยังไม่แก่ ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แกก็ได้แต่งงานก็ชายแก่รุ่นพ่อ ซึ่งรู้จักกันในวงไพ่ ไม่รู้ทำท่าไหนจึงได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับลุงคนนี้ ทางแม่และพี่น้องก็เตือนแก แต่ก็ไม่ฟังเพราะคิดว่าลุงคนนั้นมีเงิน แกก็จะได้สบายไปด้วย ด้วยนิสัยที่น้าเป็นคนไม่ขยัน การตัดสินใจเช่นนี้ก็ถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้แกอยู่สบายนั่นเอง
หลังจากแต่งงานได้ประมาณ 1 เดือน แกก็รู้ตัวเองว่าตังครรถ์ ซึ่งเป็นท้องก่อนแต่ง ด้วยสามีอายุมากแล้ว น้าก็กังวลกับเรื่องนี้มาก แม่และป้าๆก็ตำหนิแกว่าทำไมถึงไม่ป้องกัน ทำไมถึงยอมให้ท้องได้อีก ด้วยเหตุนี้เองแกก็มีความคิดว่าจะต้องเอาเด็กออก แม่เล่าว่าสามีของแกนั้นไม่ยอมให้ทำแท้ง เพราะแกกลัวบาป และก็บอกกับเมียแกด้วยว่า "ถ้าทำแท้ง จะต้องฉริบหาย" เป็นคำที่ผัวพูดเหมือนกับแช่งไว้
ผ่านไปเกือบสามเดือน น้าสาวก็ตัดสินใจทำแท้ง โดยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ แต่บอกกับป้าที่เป็นพี่สาวของแม่อีกคน ป้าแกเห็นด้วยว่าจะต้องเอาเด็กออก จึงแนะนำที่ทำแท้งและวิธีต่างๆ เพื่อให้แท้งลูก แล้วแม่ก็ทราบเรื่องและได้เข้าไปพูดห้ามปราม โดยบอกว่ามันเป็นบาปน่ะ เหมือนเป็นการฆ่าคนคนนึงเลยทีเดียว น้าสาวฟังแบบนั้นก็ตอบแม่ว่า "คนอื่นเขาก็ทำกันเยอะแยะ ไม่เห็นจะเป็นอะไร" คำพูดแบบนี้หมายถึงแกไม่กลัวบาปเลย ปกติที่ผมรู้ น้าเป็นสนุกเฮฮา มีนิสัยเหมือนผู้ชาย ไม่สนใจเรื่องธรรมะ ตอนสาวๆ แกก็เคยหนีตามผู้ชายทำให้ตากับยายเสียใจมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เองแกเลยไม่สนใจว่าสิ่งที่แกกำลังจะทำนั้น มันคือบาปมหันต์ที่ทำให้แกต้องได้รับผลอันทารุณในอีกเดือนต่อมา
หลังจากที่แกตกลงใจแล้ว แกก็เริ่มกินยาขับเลือด โดยอายุครรถ์นั้นก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว การขับเลือดไม่น่าจะทำให้แท้งได้ แม่บอกว่าแกใช้วิธีการนั่งเอาก้นกระแทกพื้นแรงๆ เพื่อให้ตกเลือด บางทีก็ใช้มือทุบท้องบ้าง แกทำทุกอย่างเพื่อให้แท้ง การรกระทำดังกล่าวเป็นการทำทารุณกับเด็กในท้องเหลือเกิน อันที่จริงทารกน้อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่ต้องมาถูกแม่ใจร้ายกระทำเช่นนี้ ผมนี่อดสงสารเด็กทารกไม่ได้จริงๆ ท้ายที่สุดแกก็แท้งลูกสมใจ
หลังจากที่แกแท้งลูกได้ไม่กี่วัน เหมือนกับว่าผลกรรมที่ทำมาในอดีตและที่ทำในปัจจุบันนั้น มีกำลังเต็มที่แล้วเหมือนผลไม้ที่สุกงอมพร้อมที่จะแสดงรสชาติของมันแล้ว วันนั้นแม่บอกว่าน้าสาวเข้าห้องน้ำแล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มธรรมดา ล้มเอาก้นกระทกพื้นแต่ไม่สูงอะไร แม่บอกว่าเป็นการล้มที่ไม่ได้รุนแรง ถ้าเป็นปกติทั่วไปก็ธรรมดาคือลุกขึ้นได้ปกติ แต่สำหรับน้าที่เพิ่งทำแท้งมานั้น เหตุการณ์นี้เปลี่ยนชีวิตของแกเลยทีเดียว ปรากฏว่าแกลุกขึ้นเดินไม่ไหว
หลังจากวันนั้นขาทั้งสองก็ไม่มีแรง คล้ายๆกับเป็นอัมพาต ต้องใช้ไม้ค้ำยัน แม่บอกว่าสามีได้พาไปหาหมอหลายที่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย แม่บอกว่าน้าแกเสียใจมาก ตรอมใจกินข้าวกินปลาไม่ได้ เพราะแกรับสภาพตัวเองที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ แกกินข้าวไม่ได้หลายวัน จนร่างกายซูบผอมไปอย่างชัดเจน ผอมคอยาว แม้แต่พ่อก็อดสงสารแกไม่ได้ ปกติแกเป็นคนใจกว้าง ดีกับพี่น้องทุกคน พ่อก็ยังชมว่าแกเป็นญาติฝั่งแม่คนเดียวที่ดีที่สุด แต่สภาพแกตอนนี้ต่างจากตอนที่แกปกติอย่างมาก แม่ต้องไปอยู่คุยเป็นเพื่อนแกทุกวันเป็นเวลานานๆ เพราะแกต้องการกำลังใจ แกกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว เพราะถ้าอยู่คนเดียวแกจะคิดมากจนร้องไห้ตลอดเวลา แต่หากแม่อยู่ด้วยก็จะได้คุยเรื่องอื่นๆให้แกหายคิดมากได้บ้าง
ล่าสุดเมื่อวันก่อน แม่ได้พาแกไปโรงพยาบาล เพื่อให้หมอตรวจดูว่าเป็นอะไร หมอบอกว่าเป็นเนื้องอกที่คอ เนื้องอกไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ขาไม่มีแรงใช้การไม่ได้ จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นทางเดียวเท่านั้น แต่การผ่าตัดนั้นหมอก็ไม่รับรองผล วันนั้นแม่พาแกไปกินข้าวที่โรงอาหาร แม่บอกว่าแกนั่งเหม่อ ไม่ค่อยกินข้าว จนแม่ต้องบังคับให้กิน และนั่นก็เป็นมื้อแรกในรอบหลายๆวันที่แกได้กินอิ่มท้อง
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินไป โดยไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แม่ผมก็คอยสวดภาวนาขอให้แกหาย ส่วนผมหวังว่าแกคงหายเป็นปกติได้ แม่ยังบอกอีกว่า หลังจากที่น้าเป็นแบบนี้ แกก็หวนระลึกเรื่องที่ทำ และอยากจะเข้าวัด ฟังธรรม แกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันสายไปแล้วจริงๆ คนเราก็มักเป็นเช่นนี้เอง ถ้าไม่เจอเรื่องหนักหนาจริงๆ ก็คงจะไม่สนใจใฝ่หาธรรม จนต้องประสบทุกข์แล้ว จึงจะหันหน้าเข้าวัด หันหน้าเข้าหาพระธรรมคำสอน แม่บอกกับน้าว่า จะมานึกทำตอนนี้ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ตอนมือขายังดีอยู่ ไม่เคยคิดจะทำ มาคิดตอนนี้ก็ทำไรไม่ได้เสียแล้ว แต่แม่ก็บอกว่าหากหายป่วยแล้ว ต้องคิดใหม่น่ะ และแกก็บอกแม่ว่า หากหายป่วยได้จริง แกจะบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับทารกที่แกได้ฆ่าเองกับมือครับ
การทำแท้งมันคือการฆ่า ที่สำคัญคือเป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยแท้ พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า การประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้าย เหมือนเป็นการปาธุลีทวนลม คือปาไปแล้ว ธุลีนั้นก็จะย้อนกลับเข้ามาหาตน ผู้ที่ประทุษร้ายต่อผู้ที่ไม่ประทุษร้ายตอบนั้น ต้องได้รับโทษ 10 สถานไม่อย่างใดก็อย่างนึงคือ
๑. ประสบทุกขเวทนากล้าแข็ง
๒. ประสบหายนะความเสื่อม
๓. การแตกทำลายแห่งสรีระ (ตาย)
๔. อาพาธหนัก
๕. จิตฟุ้งซ่าน
๖. อุปสรรค เหตุขัดข้องจากผู้ใหญ่
๗. ถูกกล่าวหาร้ายแรง
๘. เสื่อมญาติ
๙. เสื่อมทรัพย์
๑๐. ไฟ หรือไฟป่าอาจไหม้บ้าน ผลที่ได้รับอันเป็นส่วนอนาคตคือ ตายแล้วย่อมเกิดในนรก
วันนี้ผมได้เห็นกับตัวเองแล้ว เกี่ยวกับเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่ก่อนอาจจะลังเลบ้าง แม้ฟังจากคนอื่นก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด แต่วันนี้มันเกิดกับคนใกล้ตัว ผมเลยเป็นคนนึงที่เชื่อเรื่องเวรกรรมแบบไม่มีข้อสงสัย ผมขอให้เรื่องที่ผมเล่านี้ จงเป็นเครื่องเตือนใจทุกท่านว่า กรรมชั่วเมื่อทำแล้ว ย่อมให้ผลชั่ว ก่อนคิดจะทำอะไรก็ควรใช้สติ คิดก่อนทำ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เหมือนกับน้าของผมครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
เรื่องกรรมของผม ตอนที่ 2 (น้าสาวทำแท้ง)
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับผมโดยตรงเหมือนกับเรื่องแรก (เรื่องกรรมของผม ตอนที่ 1) แต่เกิดกับน้าสาวของผมเองและเรื่องก็เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ ชนิดกรรมทันตาเห็น ผมจึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ขอบอกก่อนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงทุกประการ
น้าสาวแกปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านผม แกมีครอบครัวและมีลูก แต่ดูเหมือนชีวิตครอบครัวของแกนั้นไม่ราบรื่นเลย แกมีสามีมาแล้วสองคน แต่ก็เลิกลาไปหมด แกมีลูกทั้งหมด 3 คน คนสุดท้องอายุแค่ 4-5 ขวบ ด้วยที่น้าแกยังไม่แก่ ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แกก็ได้แต่งงานก็ชายแก่รุ่นพ่อ ซึ่งรู้จักกันในวงไพ่ ไม่รู้ทำท่าไหนจึงได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับลุงคนนี้ ทางแม่และพี่น้องก็เตือนแก แต่ก็ไม่ฟังเพราะคิดว่าลุงคนนั้นมีเงิน แกก็จะได้สบายไปด้วย ด้วยนิสัยที่น้าเป็นคนไม่ขยัน การตัดสินใจเช่นนี้ก็ถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้แกอยู่สบายนั่นเอง
หลังจากแต่งงานได้ประมาณ 1 เดือน แกก็รู้ตัวเองว่าตังครรถ์ ซึ่งเป็นท้องก่อนแต่ง ด้วยสามีอายุมากแล้ว น้าก็กังวลกับเรื่องนี้มาก แม่และป้าๆก็ตำหนิแกว่าทำไมถึงไม่ป้องกัน ทำไมถึงยอมให้ท้องได้อีก ด้วยเหตุนี้เองแกก็มีความคิดว่าจะต้องเอาเด็กออก แม่เล่าว่าสามีของแกนั้นไม่ยอมให้ทำแท้ง เพราะแกกลัวบาป และก็บอกกับเมียแกด้วยว่า "ถ้าทำแท้ง จะต้องฉริบหาย" เป็นคำที่ผัวพูดเหมือนกับแช่งไว้
ผ่านไปเกือบสามเดือน น้าสาวก็ตัดสินใจทำแท้ง โดยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ แต่บอกกับป้าที่เป็นพี่สาวของแม่อีกคน ป้าแกเห็นด้วยว่าจะต้องเอาเด็กออก จึงแนะนำที่ทำแท้งและวิธีต่างๆ เพื่อให้แท้งลูก แล้วแม่ก็ทราบเรื่องและได้เข้าไปพูดห้ามปราม โดยบอกว่ามันเป็นบาปน่ะ เหมือนเป็นการฆ่าคนคนนึงเลยทีเดียว น้าสาวฟังแบบนั้นก็ตอบแม่ว่า "คนอื่นเขาก็ทำกันเยอะแยะ ไม่เห็นจะเป็นอะไร" คำพูดแบบนี้หมายถึงแกไม่กลัวบาปเลย ปกติที่ผมรู้ น้าเป็นสนุกเฮฮา มีนิสัยเหมือนผู้ชาย ไม่สนใจเรื่องธรรมะ ตอนสาวๆ แกก็เคยหนีตามผู้ชายทำให้ตากับยายเสียใจมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เองแกเลยไม่สนใจว่าสิ่งที่แกกำลังจะทำนั้น มันคือบาปมหันต์ที่ทำให้แกต้องได้รับผลอันทารุณในอีกเดือนต่อมา
หลังจากที่แกตกลงใจแล้ว แกก็เริ่มกินยาขับเลือด โดยอายุครรถ์นั้นก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว การขับเลือดไม่น่าจะทำให้แท้งได้ แม่บอกว่าแกใช้วิธีการนั่งเอาก้นกระแทกพื้นแรงๆ เพื่อให้ตกเลือด บางทีก็ใช้มือทุบท้องบ้าง แกทำทุกอย่างเพื่อให้แท้ง การรกระทำดังกล่าวเป็นการทำทารุณกับเด็กในท้องเหลือเกิน อันที่จริงทารกน้อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่ต้องมาถูกแม่ใจร้ายกระทำเช่นนี้ ผมนี่อดสงสารเด็กทารกไม่ได้จริงๆ ท้ายที่สุดแกก็แท้งลูกสมใจ
หลังจากที่แกแท้งลูกได้ไม่กี่วัน เหมือนกับว่าผลกรรมที่ทำมาในอดีตและที่ทำในปัจจุบันนั้น มีกำลังเต็มที่แล้วเหมือนผลไม้ที่สุกงอมพร้อมที่จะแสดงรสชาติของมันแล้ว วันนั้นแม่บอกว่าน้าสาวเข้าห้องน้ำแล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มธรรมดา ล้มเอาก้นกระทกพื้นแต่ไม่สูงอะไร แม่บอกว่าเป็นการล้มที่ไม่ได้รุนแรง ถ้าเป็นปกติทั่วไปก็ธรรมดาคือลุกขึ้นได้ปกติ แต่สำหรับน้าที่เพิ่งทำแท้งมานั้น เหตุการณ์นี้เปลี่ยนชีวิตของแกเลยทีเดียว ปรากฏว่าแกลุกขึ้นเดินไม่ไหว
หลังจากวันนั้นขาทั้งสองก็ไม่มีแรง คล้ายๆกับเป็นอัมพาต ต้องใช้ไม้ค้ำยัน แม่บอกว่าสามีได้พาไปหาหมอหลายที่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย แม่บอกว่าน้าแกเสียใจมาก ตรอมใจกินข้าวกินปลาไม่ได้ เพราะแกรับสภาพตัวเองที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ แกกินข้าวไม่ได้หลายวัน จนร่างกายซูบผอมไปอย่างชัดเจน ผอมคอยาว แม้แต่พ่อก็อดสงสารแกไม่ได้ ปกติแกเป็นคนใจกว้าง ดีกับพี่น้องทุกคน พ่อก็ยังชมว่าแกเป็นญาติฝั่งแม่คนเดียวที่ดีที่สุด แต่สภาพแกตอนนี้ต่างจากตอนที่แกปกติอย่างมาก แม่ต้องไปอยู่คุยเป็นเพื่อนแกทุกวันเป็นเวลานานๆ เพราะแกต้องการกำลังใจ แกกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว เพราะถ้าอยู่คนเดียวแกจะคิดมากจนร้องไห้ตลอดเวลา แต่หากแม่อยู่ด้วยก็จะได้คุยเรื่องอื่นๆให้แกหายคิดมากได้บ้าง
ล่าสุดเมื่อวันก่อน แม่ได้พาแกไปโรงพยาบาล เพื่อให้หมอตรวจดูว่าเป็นอะไร หมอบอกว่าเป็นเนื้องอกที่คอ เนื้องอกไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ขาไม่มีแรงใช้การไม่ได้ จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นทางเดียวเท่านั้น แต่การผ่าตัดนั้นหมอก็ไม่รับรองผล วันนั้นแม่พาแกไปกินข้าวที่โรงอาหาร แม่บอกว่าแกนั่งเหม่อ ไม่ค่อยกินข้าว จนแม่ต้องบังคับให้กิน และนั่นก็เป็นมื้อแรกในรอบหลายๆวันที่แกได้กินอิ่มท้อง
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินไป โดยไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แม่ผมก็คอยสวดภาวนาขอให้แกหาย ส่วนผมหวังว่าแกคงหายเป็นปกติได้ แม่ยังบอกอีกว่า หลังจากที่น้าเป็นแบบนี้ แกก็หวนระลึกเรื่องที่ทำ และอยากจะเข้าวัด ฟังธรรม แกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันสายไปแล้วจริงๆ คนเราก็มักเป็นเช่นนี้เอง ถ้าไม่เจอเรื่องหนักหนาจริงๆ ก็คงจะไม่สนใจใฝ่หาธรรม จนต้องประสบทุกข์แล้ว จึงจะหันหน้าเข้าวัด หันหน้าเข้าหาพระธรรมคำสอน แม่บอกกับน้าว่า จะมานึกทำตอนนี้ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ตอนมือขายังดีอยู่ ไม่เคยคิดจะทำ มาคิดตอนนี้ก็ทำไรไม่ได้เสียแล้ว แต่แม่ก็บอกว่าหากหายป่วยแล้ว ต้องคิดใหม่น่ะ และแกก็บอกแม่ว่า หากหายป่วยได้จริง แกจะบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับทารกที่แกได้ฆ่าเองกับมือครับ
การทำแท้งมันคือการฆ่า ที่สำคัญคือเป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยแท้ พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า การประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้าย เหมือนเป็นการปาธุลีทวนลม คือปาไปแล้ว ธุลีนั้นก็จะย้อนกลับเข้ามาหาตน ผู้ที่ประทุษร้ายต่อผู้ที่ไม่ประทุษร้ายตอบนั้น ต้องได้รับโทษ 10 สถานไม่อย่างใดก็อย่างนึงคือ
๑. ประสบทุกขเวทนากล้าแข็ง
๒. ประสบหายนะความเสื่อม
๓. การแตกทำลายแห่งสรีระ (ตาย)
๔. อาพาธหนัก
๕. จิตฟุ้งซ่าน
๖. อุปสรรค เหตุขัดข้องจากผู้ใหญ่
๗. ถูกกล่าวหาร้ายแรง
๘. เสื่อมญาติ
๙. เสื่อมทรัพย์
๑๐. ไฟ หรือไฟป่าอาจไหม้บ้าน ผลที่ได้รับอันเป็นส่วนอนาคตคือ ตายแล้วย่อมเกิดในนรก
วันนี้ผมได้เห็นกับตัวเองแล้ว เกี่ยวกับเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่ก่อนอาจจะลังเลบ้าง แม้ฟังจากคนอื่นก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด แต่วันนี้มันเกิดกับคนใกล้ตัว ผมเลยเป็นคนนึงที่เชื่อเรื่องเวรกรรมแบบไม่มีข้อสงสัย ผมขอให้เรื่องที่ผมเล่านี้ จงเป็นเครื่องเตือนใจทุกท่านว่า กรรมชั่วเมื่อทำแล้ว ย่อมให้ผลชั่ว ก่อนคิดจะทำอะไรก็ควรใช้สติ คิดก่อนทำ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เหมือนกับน้าของผมครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ