คือมีคำถามในใจตั้งนานแล้วครับ ว่าคำสอนของศาสนาพุทธ ที่สอนว่าเมื่อเจอปัญหา ให้วางอุเบกขา ปล่อยวาง อย่าแบกโลกไว้
จากข้อความข้างต้น ผมคิดว่า อะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง ปล่อยวาง กับ ปล่อยปละละเลย หรือ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ครับ ในเมื่อเราเจอปัญหา ทำไมไม่แก้ปัญหา
เป็นไปได้มั้ยว่า ที่ประเทศไทยมีปัญหาสารพัด ทุกวงการ เพราะคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ยึดหลัก ปล่อยวาง มันก็เลยกลายเป็นว่าปัญหาไม่ถูกแก้ไข ปัญหาหมักหมมจากเรื่องเล็ก เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น
ขอยกตัวอย่างหน่อละกันครับ
เราทุกคน ต้องเคยเห็นสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ แต่ทุกคนก็เหมือนจะเคยชิน วางเฉย ไม่มีใครคิดแก้ไข จนมันไม่เป็นระเบียบไปทั่วประเทศ
เราทุกคน ต้องเคยเห็นรถจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า หรือรถยนต์จอดบนทางเท้า แต่เราก็ วางเฉย ไม่มีใครคิดแก้ไข แม้แต่ตำรวจ ที่บางครั้งปัญหาอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ทำอะไร
เราทุกคน ต้องเคยพบแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แต่ก็ไม่มีใครแก้ไขปัญหา
ก็เลยคิดว่า เราถูกสอน ให้ ปล่อยวาง วางเฉย อย่าไปแบกโลก แบกปัญหาไว้ มันก็กลายเป็นไม่มีใครแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด
อะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง วางอุเบกขา (ปล่อยวาง) กับ ปล่อยปละละเลย
จากข้อความข้างต้น ผมคิดว่า อะไรคือเส้นแบ่งระหว่าง ปล่อยวาง กับ ปล่อยปละละเลย หรือ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ครับ ในเมื่อเราเจอปัญหา ทำไมไม่แก้ปัญหา
เป็นไปได้มั้ยว่า ที่ประเทศไทยมีปัญหาสารพัด ทุกวงการ เพราะคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ยึดหลัก ปล่อยวาง มันก็เลยกลายเป็นว่าปัญหาไม่ถูกแก้ไข ปัญหาหมักหมมจากเรื่องเล็ก เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น
ขอยกตัวอย่างหน่อละกันครับ
เราทุกคน ต้องเคยเห็นสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ แต่ทุกคนก็เหมือนจะเคยชิน วางเฉย ไม่มีใครคิดแก้ไข จนมันไม่เป็นระเบียบไปทั่วประเทศ
เราทุกคน ต้องเคยเห็นรถจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า หรือรถยนต์จอดบนทางเท้า แต่เราก็ วางเฉย ไม่มีใครคิดแก้ไข แม้แต่ตำรวจ ที่บางครั้งปัญหาอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ทำอะไร
เราทุกคน ต้องเคยพบแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แต่ก็ไม่มีใครแก้ไขปัญหา
ก็เลยคิดว่า เราถูกสอน ให้ ปล่อยวาง วางเฉย อย่าไปแบกโลก แบกปัญหาไว้ มันก็กลายเป็นไม่มีใครแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด