วันนี้ขอมาต่อตอนที่ 2 มองโกเลียนะคะ
ต้องขออภัยที่ขาดตอนไปหน่อย ใครจะคิดว่าเขียนรีวิวแบบนี้ยากว่าเขียนบล็อกพร่ำเพ้อถึงผู้เป็นไหนๆ แต่ไหนๆเริ่มแล้วเราต้องต่อกันให้จบให้เยอะที่สุดแล้วกันนะคะ
ตอนที่ 1 แผนเดินทาง
https://m.pantip.com/topic/36387878
ตอนที่ 2 มองโกเลีย นอนเกอร์
https://pantip.com/topic/36397398
ตอนที่ 3 นั่งรถไฟจนสุดเขตชายแดนมองโกเลีย เข้าเขตแดนรัสเซีย
https://pantip.com/topic/36403060
ตอนที่ 4 เมือง Irkutsk เที่ยวทะเลสาบไบคาล
https://pantip.com/topic/36424911
ตอนที่ 5 เล่นหิมะและล่าแสงเหนือที่ Murmansk
https://pantip.com/topic/36455787
เริ่มจากวันเดินทางค่ะ
การไปมองโกเลียจากกรุงเทพสามารถไปได้จากหลายทางค่ะ ทั้งผ่านจีนหรือผ่านเกาหลี แต่ที่ประหยัดเวลาที่สุดตามที่เราหาได้ก็เป็นทางฮ่องกงนี่แหละค่ะ แถมราคายังถูกที่สุดด้วย (บิน oneway ประมาณ 13000-15000)
การหาตั๋วเครื่องบินเราใช้ skyscanner เปรียบเทียบราคาก่อน และเว็บที่เสนอราคาถูกที่สุดตอนนั้นคือ cheaptickets ค่ะ แต่การซื้อตั๋วผ่านเว็บพวกนี้มักเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากราคาที่บอกอีก ตอนนั้นเข้าใจว่าราคาที่ได้ค่าตั๋วประมาณ 13,000 กว่าๆ แต่มีค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตอีกหลักร้อยบาทค่ะ เลยกลายเป็น 14291 บาท
เราบินจาก กทม ด้วย hong kong airlines ไฟลท์ HX774 ออกประมาณตี 4 ถึงฮ่องกงประมาณ 8.05 น. (บิน 2 ชม) โดยต้องแวะรอเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงประมาณ 5 ชม จากนั้นบินโดย Mongolian Airlines OM298 ตอนเวลาประมาณ 12.30 อีก 6 ชม ถึงยังอูลันบาตอร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมองโกเลียตอนเวลาประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น (เวลาที่ฮ่องกง และอูลันบาตอร์เป็นเวลาเดียวกันค่ะ คือเร็วกว่าไทย 1 ชม)
จริงๆมี Option ที่น่าสนใจและราคาใกล้เคียงกัน (สูงกว่านิดหน่อย) คือของ Cathay Pacific ที่บินจากเมืองไทยออก 8 โมงเช้า และใช้เวลาต่อเครื่องน้อยกว่ากันมาก แต่เนื่องจากเราเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกโดยไม่คาดคิด เช่น หากเกิดข้อผิดพลาดไฟลท์จากเมืองไทยดีเลย์ หรืออะไรก็แล้วแต่ อาจทำให้เราตกเครื่องไปมองโกเลียได้ เราเลยเลือกไปนอนรอที่สนามบินฮ่องกงดีกว่าค่ะ เพราะจากฮ่องกงมีไฟลท์ไปมองโกเลียวันละ 1 ไฟลท์ถ้าไปไม่ทันต้องรออีกวันเลย เด๋วจะผิดแผนน่ะ

ขอแนะนำเรื่องการจองตั๋วแบบ oneway ไปและกลับคนละเที่ยวบินจากคนละประเทศแบบนี้ ผู้โดยสารต้องเตรียมตั๋วขากลับเอาไว้ให้ จนท checkin ที่สุวรรณภูมิตรวจด้วยค่ะ เพราะเค้าจะต้องระบุในรายละเอียดว่าคนไทยออกนอกประเทศและจะกลับไทยได้อย่างสวัสดิภาพหรือไม่สำหรับเคสเรายิ่งน่าสงสัย เพราะตั๋วไปไปมองโกเลีย แต่กลับจากรัสเซียเลยต้องอธิบายไปอีกว่าจะเดินทางเข้ารัสเซียทางไหน อย่างไร จองตั๋วรถไฟหรือยัง อันนี้ตอบๆเค้าไปเถอะค่ะ ไม่ได้ยากอะไร เป็นหน้าที่ที่เค้าจะต้องรู้และรายงาน (มั้งนะ)
สำหรับไฟลท์แบบนี้ สัมภาระของเราจะถูกส่งต่อไปยังมองโกเลียโดยตรงนะคะ ส่วนตัวเราก็ไปนอนรอแถวๆ transfer desk พอได้เวลาก็รอออกตั๋วไปมองโกเลียจากฮ่องกงค่ะ

จุดเค้าเตอร์ Transfer ของมองโกเลียอยู่ที่โซน E1 เวลาต้องเดินทางแบบเปลี่ยนเครื่องและต้องออกตั๋วด้วยตัวเองแบบนี้ ลองเช็คทางเน็ทบนเว็บของสนามบินก่อนก็ได้ค่ะว่า สกบ ไหน transfer โซนอะไร

มองโกเลียนแอร์ไลน์เป็น full service flight โดยรวมถือว่าไม่แย่นะคะ ที่นั่งกว้างขวางอยู่ค่ะ อาหารก็โอเค แค่ไม่มีหนังให้ดูเท่านั้น
นี่เป็นภาพภายในเครื่องค่ะ

มี Forbes เป็นของประเทศตัวเองด้วย แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไม่เบาเหมือนกัน

มีอาหารบริการค่ะ ทั้งอาหารว่าง และอาหารเที่ยง
อาหารว่างเป็นถั่ว Standard snack

ส่วนอาหารเที่ยง ของเราเป็นเนื้อค่ะ ของเพื่อนเราเป็นซีฟู้ด


บินมา 5 ชม กว่าๆ ก็เกือบจะถึงแล้ว ตื่นเต้นมากๆ

พอเครื่องใกล้จะลง บอกตรงๆว่าเรากับเพื่อนตื่นเต้นมากๆ เพราะยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเรากำลังจะเหยียบประเทศมองโกเลียจริงๆ จากตอนเด็กๆที่เคยได้รู้จักประเทศนี้ว่าเป็นประเทศอันไกลโพ้น ไม่มีทางออกสู่ทะเล แถมประชากรเป็นเผ่าเร่ร่อน ภาพจากพวกสารคดีต่างๆยังอยู่ในหัวว่าน่าจะเป็นดินแดนที่เราไม่มีวันจะมาถึงได้ แต่ในที่สุดเรากำลังจะเหยียบแผ่นดินเจงกิสข่านแล้ว

แตะพื้นแล้ว เย้ๆๆ นี่เราไม่ได้ฝันใช่มั้ย นี่คือมองโกเลียจริงๆ

ตม ของมองโกเลียใช้เวลาไม่นานในการตรวจ persport คนไทยค่ะ เข้าประเทศง่ายมากๆ ไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยเลย
วิวสนามบินเจงกิสข่านน่าตะลึงมากๆ

ในที่สุดเราก็ถึงมองโกเลีย อากาศอุ่นๆของช่วงใบไม้ผลิต้อนรับเราเบาๆที่ -2 องศา ตอนยืนรอรถนี่แอบหูชาอยู่เหมือนกัน

สำหรับการเข้าเมือง เราให้ทางเกสต์เฮาส์มารับค่ะ คือจริงๆปกติเราชอบความท้าทายของการใช้ขนส่งสาธารณะของท้องถิ่นนะ แต่เนื่องจากเราเดินทางมานานมากและมีเส้นทางอีกยาวไกล แถมอากาศหนาว กระเป๋าหนักตลอดทริป และมาถึงก็เย็นแล้ว ไม่อยากเสี่ยงกับการขึ้นลงรถผิดป้ายหรือไปผิดที่ ใช้เงินแก้ปัญหาบ้างก็น่าจะดีที่สำคัญค่าใช้จ่ายที่มองโกเลียเมื่อคิดแล้วไม่สูงเลยค่ะ (ค่ารถรับส่งจากสนามบินของเกสต์เฮาส์ ราคา 18 usd ต่อเที่ยว ไปกันกี่คนก็หารกันไป) เลยสนับสนุนคนท้องถิ่นเสียหน่อยดีกว่า ตามสไตล์ป้าสายเปย์อย่างเรา
พอขึ้นรถคนขับรถบอก "ยูโชคดีนะ วันนี้อากาศดี อบอุ่นแค่ -2 เอง spring is coming everyone is happy" ส่วนเรานี่แบบ อ้าปากแทบไม่ได้แล้วบรึ๊ยยยยย แต่วิวข้างทางสวยตั้งแต่แรกเห็นจนเราลืมความหนาวไปเลย

ถึงที่พักแล้วค่ะ ที่พักยอดฮิต Khongor Guesthouse ต้องเดินขึ้นบันไดไป 2 ชั้นเพื่อเช็คอิน


โดยรวม Khongor Guesthouse นี่สะดวกสบายใช้ได้เลยค่ะ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำแบบรวม และเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากๆ เราคุยกับผู้หญิงชื่อ Semy ตั้งแต่ตอนที่จอง และเค้าก็ให้ความช่วยเหลือและยินดีตอบคำถาม พอไปเจอตัวจริงนางเป็นหญิงสวยคม ตัวเล็กผอมเพรียวเป็นนางแบบเลย

ส่วนห้องพักอยู่ชั้น 3 แบกกระเป๋ากันขึ้นไป
นี่เป็นห้องพักของเรา ราคาคืนละ 20 USD

หลังจากเช็คอินล้างหน้าล้างตาแล้ว เราก็จะออกไปชมบรรยากาศซะหน่อย ที่หมายแรกคือไปแลกเงินก่อน ที่พักของเราโลเคชั่นดีมากๆ คืออยู่บนถนนสายหลัก ใกล้กับห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เราเดินไปแลกเงินที่ห้าง State Department Store เรตแลกเงินวันนี้ 1 USD ได้ประมาณ 2468ทุกรุก

รวยแล้ว

ตอนแรกเรากะว่าจะซื้อซิมการ์ดใช้งาน แต่คิดว่าพรุ่งนี้เข้าอุทยานแห่งชาติคงจะไม่มีสัญญาณหรอกมั้ง แต่เราคงคิดผิดค่ะ เพราะเห็นคนก็ใช้โทรศัพท์ปกตินะ เลยพลาดไป ไม่ได้สื่อสารตลอดทั้ง 3 วันในมองโกเลียเลย แฮ่ๆๆ
นี่เป็นหน้าห้าง State Department Store ยามค่ำคืน

จากนั้นก็ไปหาร้านอาหาร เพื่อนเราบอกอยากกินชาบูมองโกเลีย ทางเกสต์เฮาส์แนะนำร้านชื่อ The Bull เราเลยเดินจากหน้าห้างลงไปตามถนนเรื่อยๆ ตามเส้นทางนี้นะคะ

เดินไปเรื่อยๆ

นี่มัน The Beatles นี่

ถึงแล้ว The Bull เดินเข้าประตูขึ้นไปชั้น 2 นะคะ

The Bull เป็นชาบูหม้อเดี่ยว มีให้เลือกเป็นเนื้อ หมู และซีฟู้ด เราทานเนื้อค่ะ ส่วนเพื่อนทานซีฟู้ด ซีฟู้ดแพงกว่าเนื้อ แต่ราคาไม่โหดมาก เนื้อถาดที่เห็นคือใหญ่มาก ราคาน่าตกใจฝุดๆ ทั้งถาดเป็นบ้านเราคงน่าจะ 500 อัพแต่ถาดนี้ 8800 ทุกรุก คิดไปคิดมาราวๆ 3.5 ดอลลาร์ หรือประมาณ 130-150 บาทไทย ยอดมว้ากกกกก

ทั้งหมดทั้งมื้อ กินไป 60,500 ทุกรุก หรือประมาณ 800-900 บาท

จากนั้นก็เดินกลับที่พักค่ะ คืนนี้ต้องพักผ่อน และจัดของลงกระเป๋าย่อยๆพรุ่งนี้เราจะไปนอนเกอร์ชาวมองโกเลียกันค่ะ
ค่าใช้จ่ายวันนี้: เราเตรียมเงินไปใช้จ่ายที่มองโกเลียคนละประมาณ 200-220 ดอลล่าค่ะ แบ่งเป็น
ค่ารถรับจากสนามบินคนละ 9 USD (18 USD ต่อเที่ยว ถ้าไป 3-4 คนก็หารกันไปค่ะ)
ค่ารถไปส่งสถานีรถไฟคนละ 4 USD (จ่ายล่วงหน้าสำหรับวันมะรืน ราคา 8 USD ต่อเที่ยว)
จ่ายค่าห้องคนละ 10 USD
ค่าทัวร์เกอร์ คนละ 80 USD
ค่าตั๋วรถไฟ ให้ทางเกสต์เฮาส์ไปจองให้คนละ 75 USD สามารถไปซื้อเองได้ที่ Ticket Center อาจได้ราคาถูกกว่านี้ น่าจะประมาณ 60-65 USD แต่ต้องแลกเงินเป็น Tughrik ก่อนนะคะ เราเอาสะดวก เพราะว่า...บอกตรงๆ ขี้เกียจค่ะ เหะๆๆ
สำหรับค่ากินค่าอยู่นั้น เราใช้เศษเงินทอนกลมๆ แลกรวมกันกะเพื่อนไป 50 USD หรือคนละ 25 USD ค่ะ เพราะพรุ่งนี้ไปอุทยานไม่ต้องใช้เงินเลย ใช้แค่ค่าข้าวคืนนี้กับวันสุดท้ายก่อนขึ้นรถไฟเท่านั้น
ปล ทำไมรูปแนวตั้งมันออกมาใหญ่ขนาดนี้อ่า ต้องทำไงช่วยบอกที
เด๋วมาต่อเรื่องกการออกเดินทางไปนอนเกอร์นะคะ ขอไปย่อรูป แพร๊พพ
14 วันสู่เส้นทางมองโกเลีย-ไซบีเรีย-ตามล่าแสงเหนือที่รัสเซีย (2) มองโกเลีย
ต้องขออภัยที่ขาดตอนไปหน่อย ใครจะคิดว่าเขียนรีวิวแบบนี้ยากว่าเขียนบล็อกพร่ำเพ้อถึงผู้เป็นไหนๆ แต่ไหนๆเริ่มแล้วเราต้องต่อกันให้จบให้เยอะที่สุดแล้วกันนะคะ
ตอนที่ 1 แผนเดินทาง https://m.pantip.com/topic/36387878
ตอนที่ 2 มองโกเลีย นอนเกอร์ https://pantip.com/topic/36397398
ตอนที่ 3 นั่งรถไฟจนสุดเขตชายแดนมองโกเลีย เข้าเขตแดนรัสเซีย https://pantip.com/topic/36403060
ตอนที่ 4 เมือง Irkutsk เที่ยวทะเลสาบไบคาล https://pantip.com/topic/36424911
ตอนที่ 5 เล่นหิมะและล่าแสงเหนือที่ Murmansk https://pantip.com/topic/36455787
เริ่มจากวันเดินทางค่ะ
การไปมองโกเลียจากกรุงเทพสามารถไปได้จากหลายทางค่ะ ทั้งผ่านจีนหรือผ่านเกาหลี แต่ที่ประหยัดเวลาที่สุดตามที่เราหาได้ก็เป็นทางฮ่องกงนี่แหละค่ะ แถมราคายังถูกที่สุดด้วย (บิน oneway ประมาณ 13000-15000)
การหาตั๋วเครื่องบินเราใช้ skyscanner เปรียบเทียบราคาก่อน และเว็บที่เสนอราคาถูกที่สุดตอนนั้นคือ cheaptickets ค่ะ แต่การซื้อตั๋วผ่านเว็บพวกนี้มักเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากราคาที่บอกอีก ตอนนั้นเข้าใจว่าราคาที่ได้ค่าตั๋วประมาณ 13,000 กว่าๆ แต่มีค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตอีกหลักร้อยบาทค่ะ เลยกลายเป็น 14291 บาท
เราบินจาก กทม ด้วย hong kong airlines ไฟลท์ HX774 ออกประมาณตี 4 ถึงฮ่องกงประมาณ 8.05 น. (บิน 2 ชม) โดยต้องแวะรอเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงประมาณ 5 ชม จากนั้นบินโดย Mongolian Airlines OM298 ตอนเวลาประมาณ 12.30 อีก 6 ชม ถึงยังอูลันบาตอร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมองโกเลียตอนเวลาประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น (เวลาที่ฮ่องกง และอูลันบาตอร์เป็นเวลาเดียวกันค่ะ คือเร็วกว่าไทย 1 ชม)
จริงๆมี Option ที่น่าสนใจและราคาใกล้เคียงกัน (สูงกว่านิดหน่อย) คือของ Cathay Pacific ที่บินจากเมืองไทยออก 8 โมงเช้า และใช้เวลาต่อเครื่องน้อยกว่ากันมาก แต่เนื่องจากเราเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกโดยไม่คาดคิด เช่น หากเกิดข้อผิดพลาดไฟลท์จากเมืองไทยดีเลย์ หรืออะไรก็แล้วแต่ อาจทำให้เราตกเครื่องไปมองโกเลียได้ เราเลยเลือกไปนอนรอที่สนามบินฮ่องกงดีกว่าค่ะ เพราะจากฮ่องกงมีไฟลท์ไปมองโกเลียวันละ 1 ไฟลท์ถ้าไปไม่ทันต้องรออีกวันเลย เด๋วจะผิดแผนน่ะ
ขอแนะนำเรื่องการจองตั๋วแบบ oneway ไปและกลับคนละเที่ยวบินจากคนละประเทศแบบนี้ ผู้โดยสารต้องเตรียมตั๋วขากลับเอาไว้ให้ จนท checkin ที่สุวรรณภูมิตรวจด้วยค่ะ เพราะเค้าจะต้องระบุในรายละเอียดว่าคนไทยออกนอกประเทศและจะกลับไทยได้อย่างสวัสดิภาพหรือไม่สำหรับเคสเรายิ่งน่าสงสัย เพราะตั๋วไปไปมองโกเลีย แต่กลับจากรัสเซียเลยต้องอธิบายไปอีกว่าจะเดินทางเข้ารัสเซียทางไหน อย่างไร จองตั๋วรถไฟหรือยัง อันนี้ตอบๆเค้าไปเถอะค่ะ ไม่ได้ยากอะไร เป็นหน้าที่ที่เค้าจะต้องรู้และรายงาน (มั้งนะ)
สำหรับไฟลท์แบบนี้ สัมภาระของเราจะถูกส่งต่อไปยังมองโกเลียโดยตรงนะคะ ส่วนตัวเราก็ไปนอนรอแถวๆ transfer desk พอได้เวลาก็รอออกตั๋วไปมองโกเลียจากฮ่องกงค่ะ
จุดเค้าเตอร์ Transfer ของมองโกเลียอยู่ที่โซน E1 เวลาต้องเดินทางแบบเปลี่ยนเครื่องและต้องออกตั๋วด้วยตัวเองแบบนี้ ลองเช็คทางเน็ทบนเว็บของสนามบินก่อนก็ได้ค่ะว่า สกบ ไหน transfer โซนอะไร
มองโกเลียนแอร์ไลน์เป็น full service flight โดยรวมถือว่าไม่แย่นะคะ ที่นั่งกว้างขวางอยู่ค่ะ อาหารก็โอเค แค่ไม่มีหนังให้ดูเท่านั้น
นี่เป็นภาพภายในเครื่องค่ะ
มี Forbes เป็นของประเทศตัวเองด้วย แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไม่เบาเหมือนกัน
มีอาหารบริการค่ะ ทั้งอาหารว่าง และอาหารเที่ยง
อาหารว่างเป็นถั่ว Standard snack
ส่วนอาหารเที่ยง ของเราเป็นเนื้อค่ะ ของเพื่อนเราเป็นซีฟู้ด
บินมา 5 ชม กว่าๆ ก็เกือบจะถึงแล้ว ตื่นเต้นมากๆ
พอเครื่องใกล้จะลง บอกตรงๆว่าเรากับเพื่อนตื่นเต้นมากๆ เพราะยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเรากำลังจะเหยียบประเทศมองโกเลียจริงๆ จากตอนเด็กๆที่เคยได้รู้จักประเทศนี้ว่าเป็นประเทศอันไกลโพ้น ไม่มีทางออกสู่ทะเล แถมประชากรเป็นเผ่าเร่ร่อน ภาพจากพวกสารคดีต่างๆยังอยู่ในหัวว่าน่าจะเป็นดินแดนที่เราไม่มีวันจะมาถึงได้ แต่ในที่สุดเรากำลังจะเหยียบแผ่นดินเจงกิสข่านแล้ว
แตะพื้นแล้ว เย้ๆๆ นี่เราไม่ได้ฝันใช่มั้ย นี่คือมองโกเลียจริงๆ
ตม ของมองโกเลียใช้เวลาไม่นานในการตรวจ persport คนไทยค่ะ เข้าประเทศง่ายมากๆ ไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยเลย
วิวสนามบินเจงกิสข่านน่าตะลึงมากๆ
ในที่สุดเราก็ถึงมองโกเลีย อากาศอุ่นๆของช่วงใบไม้ผลิต้อนรับเราเบาๆที่ -2 องศา ตอนยืนรอรถนี่แอบหูชาอยู่เหมือนกัน
สำหรับการเข้าเมือง เราให้ทางเกสต์เฮาส์มารับค่ะ คือจริงๆปกติเราชอบความท้าทายของการใช้ขนส่งสาธารณะของท้องถิ่นนะ แต่เนื่องจากเราเดินทางมานานมากและมีเส้นทางอีกยาวไกล แถมอากาศหนาว กระเป๋าหนักตลอดทริป และมาถึงก็เย็นแล้ว ไม่อยากเสี่ยงกับการขึ้นลงรถผิดป้ายหรือไปผิดที่ ใช้เงินแก้ปัญหาบ้างก็น่าจะดีที่สำคัญค่าใช้จ่ายที่มองโกเลียเมื่อคิดแล้วไม่สูงเลยค่ะ (ค่ารถรับส่งจากสนามบินของเกสต์เฮาส์ ราคา 18 usd ต่อเที่ยว ไปกันกี่คนก็หารกันไป) เลยสนับสนุนคนท้องถิ่นเสียหน่อยดีกว่า ตามสไตล์ป้าสายเปย์อย่างเรา
พอขึ้นรถคนขับรถบอก "ยูโชคดีนะ วันนี้อากาศดี อบอุ่นแค่ -2 เอง spring is coming everyone is happy" ส่วนเรานี่แบบ อ้าปากแทบไม่ได้แล้วบรึ๊ยยยยย แต่วิวข้างทางสวยตั้งแต่แรกเห็นจนเราลืมความหนาวไปเลย
ถึงที่พักแล้วค่ะ ที่พักยอดฮิต Khongor Guesthouse ต้องเดินขึ้นบันไดไป 2 ชั้นเพื่อเช็คอิน
โดยรวม Khongor Guesthouse นี่สะดวกสบายใช้ได้เลยค่ะ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำแบบรวม และเจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากๆ เราคุยกับผู้หญิงชื่อ Semy ตั้งแต่ตอนที่จอง และเค้าก็ให้ความช่วยเหลือและยินดีตอบคำถาม พอไปเจอตัวจริงนางเป็นหญิงสวยคม ตัวเล็กผอมเพรียวเป็นนางแบบเลย
ส่วนห้องพักอยู่ชั้น 3 แบกกระเป๋ากันขึ้นไป
นี่เป็นห้องพักของเรา ราคาคืนละ 20 USD
หลังจากเช็คอินล้างหน้าล้างตาแล้ว เราก็จะออกไปชมบรรยากาศซะหน่อย ที่หมายแรกคือไปแลกเงินก่อน ที่พักของเราโลเคชั่นดีมากๆ คืออยู่บนถนนสายหลัก ใกล้กับห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เราเดินไปแลกเงินที่ห้าง State Department Store เรตแลกเงินวันนี้ 1 USD ได้ประมาณ 2468ทุกรุก
รวยแล้ว
ตอนแรกเรากะว่าจะซื้อซิมการ์ดใช้งาน แต่คิดว่าพรุ่งนี้เข้าอุทยานแห่งชาติคงจะไม่มีสัญญาณหรอกมั้ง แต่เราคงคิดผิดค่ะ เพราะเห็นคนก็ใช้โทรศัพท์ปกตินะ เลยพลาดไป ไม่ได้สื่อสารตลอดทั้ง 3 วันในมองโกเลียเลย แฮ่ๆๆ
นี่เป็นหน้าห้าง State Department Store ยามค่ำคืน
จากนั้นก็ไปหาร้านอาหาร เพื่อนเราบอกอยากกินชาบูมองโกเลีย ทางเกสต์เฮาส์แนะนำร้านชื่อ The Bull เราเลยเดินจากหน้าห้างลงไปตามถนนเรื่อยๆ ตามเส้นทางนี้นะคะ
เดินไปเรื่อยๆ
นี่มัน The Beatles นี่
ถึงแล้ว The Bull เดินเข้าประตูขึ้นไปชั้น 2 นะคะ
The Bull เป็นชาบูหม้อเดี่ยว มีให้เลือกเป็นเนื้อ หมู และซีฟู้ด เราทานเนื้อค่ะ ส่วนเพื่อนทานซีฟู้ด ซีฟู้ดแพงกว่าเนื้อ แต่ราคาไม่โหดมาก เนื้อถาดที่เห็นคือใหญ่มาก ราคาน่าตกใจฝุดๆ ทั้งถาดเป็นบ้านเราคงน่าจะ 500 อัพแต่ถาดนี้ 8800 ทุกรุก คิดไปคิดมาราวๆ 3.5 ดอลลาร์ หรือประมาณ 130-150 บาทไทย ยอดมว้ากกกกก
ทั้งหมดทั้งมื้อ กินไป 60,500 ทุกรุก หรือประมาณ 800-900 บาท
จากนั้นก็เดินกลับที่พักค่ะ คืนนี้ต้องพักผ่อน และจัดของลงกระเป๋าย่อยๆพรุ่งนี้เราจะไปนอนเกอร์ชาวมองโกเลียกันค่ะ
ค่าใช้จ่ายวันนี้: เราเตรียมเงินไปใช้จ่ายที่มองโกเลียคนละประมาณ 200-220 ดอลล่าค่ะ แบ่งเป็น
ค่ารถรับจากสนามบินคนละ 9 USD (18 USD ต่อเที่ยว ถ้าไป 3-4 คนก็หารกันไปค่ะ)
ค่ารถไปส่งสถานีรถไฟคนละ 4 USD (จ่ายล่วงหน้าสำหรับวันมะรืน ราคา 8 USD ต่อเที่ยว)
จ่ายค่าห้องคนละ 10 USD
ค่าทัวร์เกอร์ คนละ 80 USD
ค่าตั๋วรถไฟ ให้ทางเกสต์เฮาส์ไปจองให้คนละ 75 USD สามารถไปซื้อเองได้ที่ Ticket Center อาจได้ราคาถูกกว่านี้ น่าจะประมาณ 60-65 USD แต่ต้องแลกเงินเป็น Tughrik ก่อนนะคะ เราเอาสะดวก เพราะว่า...บอกตรงๆ ขี้เกียจค่ะ เหะๆๆ
สำหรับค่ากินค่าอยู่นั้น เราใช้เศษเงินทอนกลมๆ แลกรวมกันกะเพื่อนไป 50 USD หรือคนละ 25 USD ค่ะ เพราะพรุ่งนี้ไปอุทยานไม่ต้องใช้เงินเลย ใช้แค่ค่าข้าวคืนนี้กับวันสุดท้ายก่อนขึ้นรถไฟเท่านั้น
ปล ทำไมรูปแนวตั้งมันออกมาใหญ่ขนาดนี้อ่า ต้องทำไงช่วยบอกที
เด๋วมาต่อเรื่องกการออกเดินทางไปนอนเกอร์นะคะ ขอไปย่อรูป แพร๊พพ