เรื่องเล่าจากค่ายทัศนศึกษา (อ้างอิงจากประสบการณ์จริง)

วิญญาณ อาจจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนคงจะไม่เชื่อกัน เช่นเดียวกับผมที่ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งลี้ลับพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เชื่อซะที่เดียวเมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ถ้ามันเจอคนเดียวก็อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่การที่เจอพร้อมกันสองคนแบบไม่ได้เตี๊ยมกันมาคงจะเป็นเรื่องที่จะไม่เชื่อก็ยังไงอยู่

     วันนั้นเป็นค่ายทัศนศึกษาที่โรงเรียนของผมจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็ได้ไปเข้าค่ายกัน ณ ค่าย ๆ หนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองกรุงเทพที่โรงเรียนผมอยู่มากนัก เมื่อทุกคนลงจากรถท้องฟ้าก็โปร่งอย่างเป็นใจ ลักษณะของรีสอร์ทนี้ก็ไม่ต่างกับค่ายลูกเสือทั่ว ๆ ไป แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าค่ายลูกเสืออื่น ๆ อยู่พอสมควร มีหอประชุมใหญ่ ต้นสนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม สระน้ำที่ทำขึ้นเพื่อกิจกรรมทางน้ำโดยเฉพาะ ระหว่างที่ทุกคนกำลังดูตื่นตาตื่นใจกับค่ายที่เพิ่งเห็นหลังจากลงรถบัส ครูอ๊อด ครูผู้ชายที่ลักษณะท่าทางกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา อายุราว 50 ปลาย ๆ เดินดุ่ม ๆ มาหาผม "ขวย.." (นามสมมุติผมนะ) "ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วย อย่าเล่นอะไรพิเรน ๆ ที่นี่แรงใช่เล่นเลยนะขวย" "ครับ ๆ" ผมก็ตอบรับกลับไปอย่างงง ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะผมก็ไม่ได้กลัวเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ครูอ๊อดเป็นคนที่ทักแม่นจริง ๆ ครับ ตัวผมเองถูกครูเค้าทักมาหลายเรื่องแล้วก็ตรงจริง ๆ ด้วย พอผมช่วยครูไล่เพื่อนขึ้นหอประชุมจนหมดก็รีบเดินตามขึ้นไปทันที ก้าวสุดท้ายเมื่อผมเหยียบเข้าไปในพื้นที่ร่มของหอประชุมอยู่ดี ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และตกหนักแบบหยุด ๆ ตก ๆ ยันค่ำ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ด้วยความเป็นเด็กวิทย์อยู่แล้วในสายเลือด ระหว่างที่อยู่บนหอประชุมเราก็ทำกิจกรรมสนุกสนานกันปกติตลอดทั้งวัน แต่หลังจากทำกิจกรรมเสร็จก็ต้องถึงเวลานอนครับ ครูอ๊อดก็แอบมากระซิบให้ผมนำเพื่อนสวดมนต์และหาเพื่อนอีกสี่คนในการนำเพื่อน ๆ ทำสมาธิ ผมก็รับปากครูอ๊อดไป และก็ทำกิจกรรมเต้นต่อไปจนถึงเวลาสวดมนต์ ด้วยความที่ผมอาจจะเก็บกดมานานจากการศึกษาไทยมาตลอดปี ผมก็เต้นซะจนเอวปวดไปหมดครับ เลยต้องมานั่งพักตรงจุดพยาบาลและปล่อยให้เป็นหน้าที่เพื่อนในการนำสวดมนต์ต่อไป "อ๊ะ เด็ก ๆ ครับเรามานั่งสมาธิกัน แล้วจะได้แผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทางกันก่อนนอน" หลังจากที่ครูอ๊อดพูดบนเวทีจบผมก็หลับตาทำสมาธิทันที ในใจตอนนั้นผมนึกเลยครับ บุญกุศลที่ผมได้ทำมาตลอดในชาตินี้ขอให้หลังจากที่ผมทำสมาธิเสร็จแล้วลืมตาขึ้นมา เจอผีเจอวิญญาณเลย ขอให้มาจัง ๆ ต่อหน้าเลยก็ได้ ตอนนั้นไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตั้งใจไว้ว่าถ้าลืมตามาแล้วไม่เจออะไรก็จะไม่เชื่อในเรื่องนี้อีกตลอดไป แต่หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาผมก็มองไปบนเวทีทันทีครับ จัง ๆ เลยครับทุกท่าน ภาพที่เห็นได้ทำให้ผมตัดสินใจทันทีว่าบนโลกนี้ ผีมันไม่มีจริง เพราะผมไม่เจออะไรเลย พยายามขยี้ตาหรือหลับตาแล้วมองใหม่ก็ไม่เห็น แต่ก็แปลกที่ผมมองแต่จุดนั้นจุดเดียว ทำไมต้องมองที่เวทีด้านซ้ายอย่างเดียว เท่าที่ดูก็มีแค่เพื่อนห้าคนกับครูอ๊อดอีกคนนึงบนเวที นอกนั้นก็ไม่มีแล้ว ใช่!! ลืมไปเลย ผมคิดในใจอย่างกระทันหันและหันไปมองหา "ดวงดาว" (นามสมมติของเพื่อนคนหนึ่ง) ดวงดาวเป็นคนที่รู้สึกว่าจะมีเซนส์ทางด้านนี้โดยตรง เวลาเค้าจะเห็นวิญญาณเค้าจะแน่นหน้าอกรู้สึกจะร้องไห้ ผมก็เลยนึกถึงดวงดาวทันทีพยายามมองแต่ก็ไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่ดวงดาวเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในสายชั้นแล้ว แถมยังเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนหุ่นจะใหญ่ ๆ น่าจะมองหาง่ายนี่นา สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำผมคิดในแง่ดี และคืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็น่าจะนอนหลับตามปกติ ถ้า "โช" ไม่เดินมาคุยกับผม "ขวย ทำไมไม่ขึ้นไปนำแผ่เมตตาอะ พวกเค้าเลยต้องด้นสดกันเลยเนี่ย" "โถ่! ห้าคนก็นำสบาย ๆ อยู่แล้วป้ะ ไม่ต้องมีเค้าหรอก" ผมตอบแซว ๆ ไป "ห้าคนก็แย่ละ อยู่กันสี่คนเนี่ย ก็ไม่มีขวย เลยต้องนำกันสี่คน" ผมตอบกลับไปอย่างมั่นใจ "ห้าคนนะโช เค้าเห็นห้าคนจริง ๆ" เราทั้งคู่ก็ยังคงเถียงกันไปมาจนแยกย้ายกันไปนอน ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะตอนนั้นคงจะง่วง ๆ สายตาเลอะเลือนไปเอง แต่เหตุการณ์ตอนเช้านั้นมันทำให้ผมกลับความคิดของตัวเองทันที จุดที่ผมมองมันดันไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวสิครับที่รู้สึกว่าตรงนั้นมันแปลก ๆ แต่ดวงดาวดันเจอกับสิ่ง ๆ หนึ่งเข้า สิ่งที่ผมก็ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนั้น

     เช้าวันถัดมา เปิดฉากด้วยฝนที่ตกปราย ๆ ไม่หนักมาก ด้วยความที่ผมอยู่บ้านพักเป็นหลัง ๆ ก็จะมีร่มให้ส่วนตัว แต่พวกผู้หญิงจะอยู่กันเป็นหลังใหญ่คล้ายหอประชุม ก็ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ จะช่วยกันความเปียกจากฝนที่ตกได้ตกดีก็เลยพากันเดินลุยไป แต่เราจะกลัวอะไรก็แค่ฝน ร่มก็มี เลยตัดสินใจเดินไปสวย ๆ เลิศ ๆ เหมือนลูกค้า VIP ของรีสอร์ทที่มีร่มให้ส่วนตัว พอเดินไปถึงสถานที่ที่คุณครูนัดให้มารับประทานอาหารเช้า ผมก็จัดแจงหยิบอาหารของตัวเองที่ใคร่จะยัดใส่ท้องในตอนนั้นเป็นอันดับแรก สลัดผักกับน้ำสลัดญี่ปุ่น พร้อมกับชาร้อนไม่ใส่น้ำตาล เพราะคนเยอะเหลือเกินกลัวจะหมดก่อน หวังจะเดินไปหาที่นั่งเอาทีหลัง ด้วยความมั่นหน้าเหลือเกินว่าเพื่อนเยอะหาที่นั่งได้สบาย ๆ ก็ได้เดินหาที่นั่งอยู่นานสองนาน "เอ้า! ดวงดาว" ด้วยความบังเอิญเจอดวงดาวกำลังซวกอาหารเข้าปากก็รีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาหวังจะช่วงชิงเก้าอี้ด้านข้างจากคนอื่น ๆ ที่กำลังหาอยู่เช่นเดียวกับผม "มีอะไรจะเล่า" "เรื่อง..ใช่มะ" ดวงดาวพูดแทรกขึ้นมาอย่างกับรู้ใจกันว่าจะเล่าเรื่องอะไร ผมเลยเปิดด้วยการเล่าให้ฟังก่อนเป็นอันดับแรก (ย้อนไปพารากราฟที่สองแล้วเล่าตามนั้น) "เออต่อนะ ละก็หลังแผ่เมตตาอะ นี่พยายามจะมองหาแกอยู่ กะจะมาคุยหลังจากปล่อยแถวไปนอนแต่ก็หาไม่เจอ พยายามนั่งไล่จากหัวแถวของห้องแล้ว สรุปไม่มีอะไรถูกมะ" "เราก็นับได้ห้าคนขวย ไม่ใช่ห้าธรรมดา.." และดวงดาวก็เว้นความเงียบไว้สามวิแล้วเล่าต่อ "เวลาเราจะเห็นหรือสัมผัสอะไรได้อะ เราจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว อึดอัดเหมือนจะร้องไห้ ตอนให้นั่งสมาธินี่เราแทบร้องไห้ออกมาเลย" "ใช่ ๆ นางท่าทางเหมือนจะไม่ไหวละ ก็รู้แหละว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ" สนิม (ชื่อสมมติเพื่อนอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ดวงดาว) พูดขึ้นมาเพื่อแสดงตนว่าเป็นพยานรู้เห็น และดวงดาวก็เล่าต่อ "หลังจากทำสมาธิ ระหว่างแผ่เมตตาเราก็มองไปที่เวทีด้านซ้าย โหพูดละภาพยังติดตา เป็นผู้ชาย ตัวดำทั้งตัวเหมือนไหม้เกรียมเลย เห็นสีขาวแค่ตากับฟัน นั่งอยู่ขอบเวทีตาโต ๆ ยิ้มกว้างมาก ๆ ละหันมาหาเรา นั่งปรมมือแกว่งเท้าโยกตัวไปมาท่าทางสนุกสนาน เหมือนล้อเลียนพวกเรา แต่หน้าตาก็ปน ๆ โกรธไปด้วย ประมาณว่ากูไม่รับส่วนบุญที่พวกแผ่ให้หรอก ยังไงกูก็ไม่รับ และก็ทำท่านั้นตลอดเลย เรานี่ร้องไห้ออกมาเลย บอกสนิมว่าไม่ไหวแล้วอยากกลับที่พัก" "เอ้า ก็ตรงที่เรามองอะสิ แต่เราไม่เห็นอะไร" "แต่แค่นั้นยังไม่พอขวย จะนอนก็ไม่ได้นอน มาทั้งคืนเลย ที่นอนผู้หญิงจะเป็นสองชั้น ทอดยาวตั้งแต่ประตูยันท้ายบ้าน เรียงกันไปทั้งสองฝั่ง เรานอนชั้นบนที่นอนตรงกับบันไดพอดี ละหัวนอนเห็นมีเหรียญวางอยู่ เราก็ไม่รู้หรอกมันคืออะไร ก็เพิ่งมารู้เนี่ยว่ามันคือการซื้อที่ พอทุกคนนอนหลับกันหมด เราก็ล้มตัวลงนอน ...อย่าเพิ่งนอน... เสียงผู้หญิงกระซิบที่หูเรา เราก็รู้ละว่าใช่เลย กระซิบหลายรอบมากจนเราต้องถามกลับไปประมาณว่า มีอะไรหรือเปล่า ขอนอนได้มั้ย สวดมนต์แผ่เมตตาก็ทำแล้วขอนอนสบาย ๆ หน่อยนะคะ ละก็หายไปซักพัก คราวนี้มาอีก ...อย่าเพิ่งนอน ดูเพื่อนก่อน... เราเลยลุกขึ้นมานั่งละดูนาฬิกา // 02.20 น. // (เวลาสมมติ เพราะจำไม่ได้) จะให้ดูอะไรคะ ขอนอนเถอะนะคะ แล้วเราก็นอนลง ...ไปดูที่ห้องน้ำสิ... เราก็เลยตัดสินใจลุกลงไปดูที่ห้องน้ำนอกที่พัก" "หูยยยย ยิ้มเด็ดหว่ะ!!!" ผมอุทานขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจในความกล้าหาญของเพื่อนหญิง "พอเรากำลังจะเปิดห้องน้ำ ประตูห้องน้ำก็เปิดออกก่อน พร้อมกับเพื่อนผู้หญิงคนนึงที่เราก็ไม่รู้จัก แต่นางรู้จักเรา ...เอ้าดวงดาวมาทำไร... เราบอกว่ามาเข้าห้องน้ำละก็พากันเดินเข้าที่พักไปนอน เราก็ขึ้นไปนอน คราวนี้ก็เลยล้มตัวนอนอย่างสบายใจ เค้าคงมาให้เราไปดูเพื่อนมั้ง ...คราวหลังจะทำอะไรขอก่อนนะ... เราก็เลยมองไปที่หัวเตียง เห็นโทรศัพท์ที่กำลังชาร์จอยู่เลยคิดในใจ นี่ชาร์จแบตต้องขอด้วยมั้ย เออ ๆ เอาออกก็ได้วะ ก็เลยดึงออกแล้วนอนตะแคงไปอีกด้านหนึ่ง คราวนี้เสียงมาไม่เหมือนเดิมอะ ดูเข้ม ๆ ผสมผู้ชายหน่อย ๆ ...อย่าหันมานะ กูนอนอยู่... เท่านั้นแหละ อยู่ท่านั้นยันเช้าเลยจ้าาาา" และหลังจากที่ดวงดาวบอกเล่าเก้าสิบเรื่องผีให้ฟังเสร็จผมก็รีบทานและรีบกลับที่พักกะว่าจะไปเก็บสัมภาระให้เรียบร้อยก่อนชาวบ้าน ระหว่างที่เดินกางร่มอยู่คนเดียวนั้นเสียงแจ๋น ๆ ที่คุ้นเคยก็วิ่งเข้ามา "อีขวยยยยย กูขอเข้าร่มด้วยยยยย" ยัยราวกับยัยรินเพื่อนต่างห้อง (นามสมมติอีก) ก็วิ่งกระยิ้มกระสนเข้ามาใต้พื้นที่ร่มอันน้อยนิดของผม "เออ เพื่อนที่เป็นนักบาสตัวสูง ๆ อะชื่ออะไรนะ ที่นอนที่พักเดียวกับกูอะ" รินถามขึ้นมา ผมเลยตอบกลับไป "ดวงดาวอะหรอ" "เออ ๆ ใช่ ๆ คือกูเห็นผีหว่ะ" "หืมมมมมม เอาละไง เล่า เพราะกูจะเล่าเซม" ผมรอนางรินเล่าอย่างตื่นเต้นท่ามกลางการเดินใต้ร่มกลางสายฝน "ก็กูตื่นมาตอนประมาณ 02.20 น. อะ พอดูนาฬิกาก็กำลังจะนอน มึ๊งงงง ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ แต่กูว่าผีชัวร์ นั่งอยู่ปลายเตียงดวงดาว ห้อยขาแกว่งไปแกว่งมาอะ ด้วยความที่กูอยู่ฝั่งตรงข้ามดวงดาว ละเยื้องมาหน่อย ๆ เห็นเต็มสองตา เอาผ้ามาคลุมหัวแทบไม่ทัน ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยยยย" ผมก็เลยเล่าให้นางฟังอย่างตั้งใจ (ย้อนไปพารากราฟที่สามแล้วเล่าตามนั้น) "เชี่ยย!!!" ราวและรินอุทานป่าช้าแตก ยัยรินนี่ขาสั่นเลยครับ ดูท่าทางนางจะกลัวผีเข้าจริง ๆ จัง ๆ

     เรื่องที่มาเล่าก็ประมาณนี้ครับ อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านการฟังด้วย ต้องขออภัยถ้าเล่าเรื่องสะดุดตรงไหน ใช้คำหยาบคายหรือไม่เหมาะสมไปบ้าง ก็เพื่ออรรถรสในการอ่านเรื่องเหล่านี้ ขอบพระคุณครับที่กรุณาอ่านมาได้ถึงบรรทัดนี้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่