ข่าวฆ่าชิงทรัพทย์หนุ่มที่ชัยภูมิ มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตนะครับ และขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ

เมื่อเช้านอนอยู่ได้ยินเสียงข่าวที่เปิดคลอๆไว้ คือกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงของข่าวเล่าว่า ว่าพบศพชายที่หายตัวไปถูกเผา และนำมาฝัง ผมถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาดู
เนื้อหาข่าวนั้น ตอนคุณพ่อกับคุณมามาเห็นศพลูกตนเองแล้วร้องไห้เสียใจ จนผู้เป็นพ่อต้องร้องไปด้วย ดึงใบไม้ใบหญ้าไปด้วย แล้วถามว่าลูกผมผิดอะไร ทำไมต้องฆ่าลูกผม น้ำตาของผมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  ภาพในหัวตอนนั้นมันช่างคล้ายกับภาพ แม่ของผม ที่ร้องไห้ ใจจะขาด แล้วแทบเป็นบ้า เหมือนคนขาดสติ  ร้องไป นอนไป กลิ้งไป เหมือนเด็กต้องการของเล่นตามห้าง แล้วร้องเอาแต่ใจชักดิ้นชักงอ

ผมขอเข้าเรื่องเลยครับ  เหตุการณ์ที่ว่า ต้องย้อนกลับไป ปี2550 ตอนนั้นผมในวัย 13ปี   ครอบครัวของผมมี พ่อ แม่ พี่ชาย  แล้วผมเป็นคนสุดท้องครับ พ่อของผมเป็นช่างก่อสร้าง ซึ่งต้องไปทำงานต่างประเทศ ประเทศสิงค์โปร ตั้งแต่ผมยังเด็กๆ   ชีวิตนี้ผมและพี่ค่อนข้างที่จะอยู่กับแม่มามาตลอด  ไม่เคยได้อยู่กับพ่อเกิน 15 วันต่อปี  ซึ่งพ่อก็กลับมาบ้าง ไม่กลับมาบ้าง  ถ้ากลับมาพัก  ก็กลับมาบางปีก็ 15วัน  บางปีก็30วัน  ปีหนึ่งเจอพ่อไม่เกินนี้ครับ  
กลางปี 2549  ผมได้รับข่าวดีว่าพ่อจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว  กลับมาอยู่กับแม่ ผม และพี่ชาย อย่างถาวร  เพราะไปทำงาน 9ปีเต็ม   ตั้งแต่ปี 2540  พ่อบอกว่าเก็บเงินเก็บทองก่อร่างสร้างตัวได้แล้ว  ผมดีใจที่ชีวิตนี้จะได้มีครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาพอดี   พ่อจึงวางแพลนกับแม่ว่าจะสร้างบ้านอยู่กัน  เพราะผมอาศัยอยู่บ้านญาติมาตั้งแต่เกิด  เดือนมิถุนายน 2549 พ่อกลับมาพวกเราไปรับที่สนามบินอุดรธานี  ลืมบอกไปว่า  ผมอยู่จังหวัดหนองคายนะครับ  ต่างอำเภอ

พอพ่อกลับมาแล้วก็เริ่มทำตามฝันครับ  ฝันที่อยากมีบ้าน มีพ่อ แม่ ลูกครบ โดยอาชีพที่เป็นช่าง จึงวางแพลนวาดบ้าน  ออกแบบแล้วมาถามลูกๆชอบไหม  พ่อวาดสวยมาก ยังกะสถาปนิก ทั้งที่จบแค่ ป4  จนได้แบบที่ต้องการ  พ่อเลยจัดการซื้อที่ดิน  ถมที่  วางเสาเอกเสาโท  จากนั้นก็เริ่มก่อสร้าง โดยจ้างคนแถวบ้านมาช่วย  ผ่านมา 6 เดือน นี่คือเดือนธันวาคม2549 บ้านเป็นเค้าเป็นโครง มีหลังคา ประตู หน้าต่าง ทุกอย่างตรงตามที่พ่อออกแบบ เหลือมาสี ตอกตะปู ปูกะเบื้องเล็กๆน้อยๆ ก็จะเสร็จ  

ระหว่างนี้พ่อจึงเลิกจ้างคนมาช่วย แล้วบอกจะทำเองด้วยตัวเอง เพราะเป็นงานนิดเดียว ทำได้  หลังจากนั้น  ทุกวันพ่อก็ออกมาต่อเติมบ้าน  ผมและพี่ชายก็ไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนแม่ ก็ปลูกผักขายก็ต้องรดน้ำผัก เก็บผักที่สวน  พ่อจึงออกมาแต่งเติมบ้านคนเดียว เป็นกิจวัตรแบบนี้ทุกๆวัน  ลืมบอกไปว่าบ้านที่อาศัยอยู่  กับบ้านที่ทำใหม่ ห่างกัน 4กิโลเมตร โดยพ่อจะใช้มอเตอร์ไซต์คันเก่าๆขับไป  ที่ผมเกิดมาก็เห็นรถคันนี้แล้ว
คืนหนึ่งผมได้ยินพ่อคุยกับแม่ว่า  ไม่คิดว่าบ้านเราจะราคาบานปลายขนาดนี้  เงินที่เก็บมาก็ร่อยหลอลง  เห็นทีว่าสร้างบ้านเสร็จ พ่อต้องไปทำงานอีกนะ ลูกเราต้องเรียน2คน  ผมได้ยินเต็ม2หู  เพราะตอนนั้นเด็กมาก เป็นคนติดแม่ต้องนอนกับแม่

ผ่านมาจนวันที่ 8 มกราคม2550  วันที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต  ผมกำลังจะไปโรงเรียน โดยไปแต่งตัวหน้ากระจก ตอนนั้น ม.1  พี่ชาย  ม.3  ขณะที่แต่งตัวอยู่ ผมก็เห็นพ่อตื่นขึ้นมา แล้วถามผมว่า  จะไปโรงเรียนหรอลูก ตั้งใจเรียนนะ เรียนให้สูงๆ โตมาจะได้สบาย ไม่ลำบากเหมือนพ่อ ผมก็ถามพ่อว่า  วันนี้พ่อจะไปต่อเติมบ้านเหมือนเดิมไหม พ่อตอบว่าใช่ เดี๋ยวบ้านเสร็จ เราก็จะย้ายไปอยู่ไวๆนี้แล้ว  แล้วพ่อก็ถามหาแม่ ผมเลยบอกว่าแม่รดน้ำผักที่สวน  จากนั้น รถรับส่งก็มาหน้าบ้าน  ผมจึงยกมือไหว้พ่อไปขึ้นรถ ซึ่งพี่ชายรออยู่ด้านล่างแล้ว

เย็นวันนั้น ผมเลิกเรียนกลับบ้านตามปกติ  แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป  เมื่อแม่บอกว่า  ไม่รู้พ่อไปไหน ติดต่อไม่ได้ทั้งวัน ไปหาที่บ้านใหม่ ก็ไม่เจอ  ป้าข้างบ้านบอกว่าวันนี้ไม่เห็นออกมาทำงาน  ก็พากันตามหายกใหญ่  โทรนไปหาย่าว่าพ่อกลับบ้านไหม ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้กลับคืนแรกผ่านไป แม่ก็กระวนกระวาย  ผมและพี่ก็อยู่ไม่สุข  ไม่เป็นอันเรียน คือทุกคนในบ้านนั่งไม่ติดบ้านรวมถึงญาติ  คืนที่ 2 ผ่านไป ก็แล้ว  ยิ่งไปกันใหญ่  เรื่องมันเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว ไม่ปกติแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  จนผ่านไป3วัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
แต่มีสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนอีกรอบครับ  คือมีพี่ๆสายอาชีพมาแนะแนวให้ไปเรียนต่อ สาย ปวช  เรียน2ปี ฝึกงานมีรายได้อีก1ปี  นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ  ผมพยายามขอแม่ไปเรียน  เพื่อที่จะมีรายได้ตอนฝึกงาน  ทุกวันนี้ผมต้องขอขอบคุณ  มอไซต์คันนั้นที่พ่อขี่ไปตาย  ที่ผมต้องขี่มันไปสมัครเรียนในตัวจังหวัด  50 กิโล  ส่วนพี่ชาย ก็เรียนต่อ ม.4-5-6  

ผลคือ  ฝันเป็นจริงครับ  ตอนปวช 3 ผมมีรายได้จริงๆ โดยการฝึกงานในโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา  เงินเดือน+โอ+ทริปลูกค้า  มันทำให้ผมเก็บเงินได้ และส่งกลับมาบ้านได้จริงๆ   ฝึกงานไปด้วยเก็บเงินไปด้วย  แบ่งเบาภาระแม่ไปด้วย  ยิ่งพี่ชายเรียนปริญญาตรี  ต้องโทรมาขอ ผมก็เก็บเล็กๆน้อยให้  จนผมเรียนจบถึง ปวส  ผมก็ได้ทำงานที่วิทยาลัยที่ผมเรียนเลยครับ  เป็นนักศึกษากิจกรรม  เลยสมัครทำงานต่อที่นั่น  จากนั้นผมก็ส่งพี่ชาย  ประคับประคองมาจนพี่ชายผมเพิ่งจบปริญญาตรีหมาดๆตอนนี้เลยครับ  ผมเกือบไม่รอด  เพราะพี่ดันเลือกเรียนครู5ปี ค่าใช้จ่ายเยอะมาก

สุดท้ายนี้  ผมอยากจะบอกทุกท่านว่า มันไม่ง่ายเลย  ที่เด็กคนหนึ่งที่กำลังจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ต้องมาเสียเสาหลักไป กะทันหัน  มันไม่ง่ายเลย ที่จะประคองชีวิตมา  ส่งทั้งพี่ชายเรียนปตรี ดูแลแม่ไปด้วย
ผมอิจฉาทุกๆคนที่พี่พ่อแม่ครบตอนนี้นะครับ ดูแลท่านให้ดีๆ ทำให้ท่านมีความสุขนะครับ
คุณจะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่  หรือจะทานกับพ่ออยู่ข้างโรงศพกับผม
คุณจะจูงมือพ่อแม่ไปเที่ยว  หรือหรือแค่จูงสายสิญจน์โลงศพของท่านรอบเมรุเผา
คุณจะบอกรักท่านต่อหน้า  หรือบอกผ่านแค่รูปถ่ายท่าน
คุณจะถ่ายรูปกับท่านตัวเป็นๆ  หรือจะถ่านหน้าโลงตอนเผา

ปล  ผมอยากบอกพ่อว่า  พ่อครับ  ตอนนี้  ผมกำลังนั่งอยู่ที่บ้านของพ่อที่สร้างไว้และไม่ได้อยู่  ผมดูแลแม่  และพี่ชายได้แล้วนะครับ  พี่เรียนจบแล้ว  ผลสอบครูผู้ช่วยของพี่จะออกพรุ่งนี้  พ่อช่วยดลบันดาลให้พี่สอบติดด้วยนะครับ  ส่วนผม มีงานทำแล้ว  แม่ก็สบายขึ้นแล้ว  ครอบครัวของเรา  รักพ่อนะครับ หากชาติหน้ามีจริง  ต้อลขอเกิดมาทดแทนบุญคุณของพ่อสมนะครับ
ความคิดเห็นที่ 14
ขอขอบพระคุณพี่ๆทุกท่าน  ที่เข้ามาให้กำลังใจครับ  ขอบคุณมากๆครับ

ขออัพเดทเพิ่มเติม...ประเด็นการตายของพ่อในครั้งนี้  สืบเนื่องและสันนิฐานมาจาก  ตอนที่พ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ  ด้วยความที่รักเพื่อน  ใว้ใจเพื่อน  
ได้เอาเงินให้เพื่อนยืมครับ  คนละหลายหมื่นหลายแสนบาท  ด้วยความซื่อสัตย์  ด้วยความขี้เกรงใจคน จึงไม่กล้าบอกเมีย  แต่รักเพื่อน สิ่งเหล่านั้นจึงเป็นดาบสองคมกลับมาฆ่าพ่อ อย่างโหดเหี้ยม   เพราะวันที่พ่อออกไป ได้มีโทรศัพท์ปริศนาโทีเข้ามาให้ไปรับเงินที่ยืม เพราะบันทึกไว้ในเบอร์โทรเข้า  เมื่อโทรกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนซื้อซิมมาแล้วหักทิ้ง
ซึ่งมันเป็นกลอุบายของคนที่จะไม่คืนเงินอยู่แล้ว
จึงวางแผนออกไปหา  แล้วก็กลายเป็นศพอย่างที่เห็น  โดยพ่อไม่ได้บอกใครว่าไปไหน  

จึงอยากฝากเตือนทุกท่านนะครับว่า  อย่าใว้เนื้อเชื่อใจใครในเรื่องเงิน  แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย  เพื่อนสนิท  คนที่เรารัก   เขาอาจกลับมาฆ่าเราเหมือนงูเห่าที่ฆ่าชาวนาที่คอยช่วยเหลือ

พ่อผมถูกฆ่าปิดปากตายเพราะคนยืมเงินม่อยากใช้หนี้ครับ  
ไม่มีเงินใช้คืนก็บอกกันดีๆ  ไม่น่ามาฆ่ากันแบบนี้หรอกครับ  หลักฐานสัญญายืมก็ไม่มี  ยืมปากเปล่า  ก็ต้องตายเปล่า

คนใจอำมหิต ก็ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข  คนอยู่เบื้องหลังคนตายก็ใช้ชีวิตแบบทรมาณ  อยากเห็นหน้าคนที่ทำจริงๆ
ผ่านมา10ปี  คดีเงียบ  ตำรวจกินเปล่า
หรือเรื่องนี้  ถูกจ้างโดยอยู่เบื้องหลังคนมีสี........

ไม่เคยคิดอาฆาตแค้น  แต่ผลกรรมจะตามติดชีวิตของคุณเอง....

ฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนใจในการใช้ชีวิตครับ  
ย้ำ  อย่าให้คนที่เรารักยืมเงินนะครับ  เพราะพ่อผม  ตายเพราะให้คนยืมเงินครับ......
สวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่