สวัสดีทุกคนอีกครั้งนะคะ หลังจากปีนี้เราห่างหายจากการรีวิวมา 1 ปีเต็มๆ จากเมื่อปีที่แล้วเราเดินทางไปอินโดนีเซีย ปีนภูเขาไฟโบรโม่ คาวาอิเจี๊ยน และบาหลีกันแล้ว
https://pantip.com/topic/35063614 ปีนี้เราตั้งใจจะไปอินเดียให้ได้ หลังจากที่ได้อ่านกระทู้มากมาย ดูรายการก็เยอะแต่ก็มีคนทักท้วงว่าน่ากลัวบ้าง สกปรกบ้าง ร้อนบ้าง แต่อะไรก็ไม่สามารถหยุดต่อมเที่ยวอินเดียเราได้ เนื่องจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็มีคนทักท้วงอีก ทำให้เราเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเป็นประเทศศรีลังกาแทน
https://pantip.com/topic/32326381
ปีนี้เราตั้งใจเที่ยวอินเดีย ในแคว้นราชสถานเมือง J
aisalmer,Jodhpur,Jaipur,Agra และก็ Delhi วันที่ 6-15 เมษา นี้ โดยสายการบิน Spicejet ซึ่งเป็น Low cost ของเรา เราได้ ไป-กลับมาในราคา 7190 บาทแต่แค่ไม่ใช่ไฟล์ทตรงต้องไปต่อเครื่องที่ โกลกัลต้า ทั้ง 2 เที่ยวแทน ซึ่งราคานี้เราจองตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาค่ะ
ก่อนไปเราจะต้องทำวีซ่าก่อนนะคะ ง่ายๆ คือเข้าไปกรอกข้อมูลแล้วปริ้นออกมาที่เวป
https://indianvisaonline.gov.in/visa/index.html พร้อมนำสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน แผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่สำคัญคือรูปถ่าย 2x2 นิ้ว หน้าตรง พื้นหลังขาว เมื่อเอกสารเรียบร้อย ก็ไปที่ ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า ประเทศอินเดีย VFS ชั้น 10 อาคารพีเอสทาวเวอร์, สุขุมวิท 21, คลองเตยเหนือ, วัฒนา กรุงเทพฯ โทร: 02-258-3063-64 ลงรถไฟฟ้าอโศกแล้วต่อมอเตอร์ไซด์ง่ายนิดเดียวค่ะ เข้าไปต่อคิวจ่ายตัง 1790 บาท สแกนลายนิ้วมือ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แล้วอีกประมาณ 3 วันจะมี sms แจ้งสถานะตลอดเวลาให้เราเข้าไปรับเล่มพาสปอตคืนได้ แล้วเราก็ได้มาแบบ multiple 6 เดือน แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลามาทำก็สามารถทำ e-visa ได้ตัดผ่านบัตรเครดิต แต่ข้อเสียคือ เข้า-ออก ได้ครั้งเดียวค่ะ 1 ปีทำได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ค่าใช้จ่ายพอๆกัน แต่เมื่อต้นๆเมษาที่ผ่านมาได้รับข่าวร้ายว่าค่าวีซ่าแบบไปยื่นด้วยตนเองขึ้นราคาเป็น 4,358 บาท OH my god!! แต่อย่างเพิ่งตกใจค่ะ e-visa ก็ขึ้นมานิดหน่อย 1800 บาทได้ (ก็ได้แต่ร้องเห้อออ)
เอาล่ะค่ะ หลังจากที่เราได้วีซ่ามาเรียบร้อย ก็ถึงวันเดินทางค่ะ
Day 1 (6 Apr) Delhi-Jaisalmer
เที่ยวบินของเราวันนี้ตามนี้ค่ะ
SG 84 BKK Kolkata 5.10 6.10
SG 130 Kolkata Delhi 7.50 10.25
มาถึงเดลีตอน 10.25 ก็ตั้งใจจะตรงไปสถานีรถไฟ old delhi เลย เพราะได้จองรถไฟไป jaisalmer ไว้แล้ว การเดินทางไปสถานีรถไฟดังนี้ค่ะ เนื่องจากเราบินกับ Spicejet ผ่านตม.เสร็จออกจาก Terminal1 แล้วนั่งรถ bus เพื่อไป Airport Express ไป New Delhi และเปลี่ยนสถานีไปลง Chandi Chowk แล้วต่อตุ๊กๆก็จะถึงสถานีรถไฟค่ะ
สภาพข้างใน Airport Express
เรามาถึงสถานี old delhi ก็เกือบเที่ยงๆแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นหิวมาก ก็เดินหาอะไรกินข้างๆสถานีรถไฟ แต่หายากมาก ไม่มีร้านอาหารเลย มีอยู่ร้านนึงก็ดันเป็นมังสวิรัติอีก เอาวะ ยังไงก็ต้องกิน ท้องร้อง จ็อกๆ แล้ว บรรยากาศตามรูปค่ะ
ได้แกงดาล หรือ Dal มา เป็นเหมือนแกงกระหรี่ใส่ถั่ว กินกับโรตี พอปะทังชีวิตไป

พอกินอิ่ม เราก็เดินไปรอรถไฟกันข้างในค่ะ นิดนึงนะคะ การที่เราจะจองรถไฟที่อินเดียเนี่ย เค้าจะมีแบบฟอร์มให้เรากรอก ซึ่งเราต้องรู้บขวนเลขรถไฟ ใส่ชื่อเรา ใส่อายุ ใส่เพศ ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ออกตั๋วให้ ซึ่งบางเมืองคิวยาวมาก ต้องทำใจค่ะ
รถไฟจาก delhi ไป jaisalmer วันนี้ เราเลือกเที่ยว 14659 ออกจาก delhi ตอน 17.35 ถึง jaisalmer ตอน 11.40 ของวันพรุ่งนี้ เราคอยรถไฟนานมาก อากาศก็ยิ่งร้อน หลังจากกินอิ่ม ลมร้อนตีหน้า อาการเวียนหัว คลื่นไส้ก็เริ่มมา สรุปทีได้กินไปเมื่อกลางวัน ออกไปหมด 1 ถุงพลาสติกค่ะ นี่คือสภาพภายในสถานีรถไฟค่ะ
และแล้ว 17.35 ก็มาถึง วันนี้เราเลือก class 2A ค่ะ มีแอร์ ที่นอน 2 ชั้น มีม่านปิด

รูปนี้คือเพื่อนชาวอินเดียที่อยู่ตู้เดียวกันค่ะ เค้าก็ชวนคุย สั่งข้าวมากิน อยากบอกว่ารดชาดอาหารบนรถไฟนี่อย่าให้พูดถึง นั่งกินแต่แป้งโรตีค่ะ
เราดาวโหลด app มาในมือถือ เพื่อให้รู้สถานะของรถไฟเผื่อเผลอหลับไปจะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว แอฟนี้มีประโยชน์มากค่ะชื่อ RailYatri ค่ะ แค่ใส่เลขขบวนไปแล้วก็เลือก live status ก็จะขึ้นมาหมดเลยค่ะ รูปนี้ตื่นเช้ามาออกมาดูบรรยากาศบนรถไฟเริ่มเข้าเขตทะเลทรายแล้วค่ะ
Day 2 (7 Apr)
11.40 ถึงแล้วค่ะ Jaisalmer เมืองสีทอง วันนี้เราแพลนไว้ว่าจะขี่อูฐดูพระอาทิดย์ตกดิน แล้วค้างที่ทะเล 1 คืน ก่อนไปเราได้ติดต่อบริษัททัวร์ที่นั่นไว้แล้วค่ะ ได้มาในราคา 1000 รูปี รวมไปรับที่สถานีรถไฟ ค่าอูฐ ค่าข้าวเย็น ข้าวเช้าที่ทะเลทรายคุ้มมาก
ถ้าเพื่อนๆสนใจ ติดต่อ โยกิ Yogi ได้ค่ะ เวปไซด์-
-Contact : +91-9602023434 :+91-9414150250
-Visit Us At : www.desertsafariplannersjaisalmer.com
บรรยากาศตอนนั่งตุ๊กๆใน jaisalmer ค่ะ
พอมาถึงเค้าก็ให้เราไปพักที่ห้องรับรอง อาบน้ำ อาบท่าแล้วบ่ายสามเราจะออกเดินทางไปทะเลทรายกัน คือตอนนี้เราหิวมาก แต่ไม่อยากกินมังแล้ว เลยถามหาร้านอาหารที่ไม่มัง เค้าก็แนะนำรายการอาหารก็สั่ง chicken tendori เหมือนไก่ย่างคลุ้กเคล้าเครื่องเทศแล้วก็ chicken curry มา รดชาดโอเคเลย
บ่ายสามได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะ โยกิได้พาเราไปแวะที่ Kuldhara Village ก่อน เค้าบอกว่าเป็นหมู่บ้านโบราณ 200 กว่าปีมาแล้วก่อนที่จะถูกทำลายไปอะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ

อันนี้โยกิได้อธิบายว่าบ้านเหล่านี้สร้างมาจาก cow poo ตอนแรกเราก็งงว่ามันคืออะไร สรุป cow poo ตรงตัวคือขี้วัว เพื่อให้ภายในบ้านเย็นสบายค่ะ
เสร็จจากเยี่ยมชมหมู่บ้าน Kuldhara Village เค้าก็ขับรถพาเราเพื่อไป Sam Sand Dunes รถจอดตรงนี้ ก็มีน้องอูฐมารอรับเราแล้ว
ได้เวลาเกือบๆ สี่โมงเย็น เราก็เลือกอูฐกันได้เลยค่ะ ใครจะขี่ตัวไหน
เค้าให้พกน้ำกันไปคนละขวดเพราะว่าอากาศมันแห้ง แล้วเราจะกระหายน้ำมาก
ตอนขึ้นไปนั่งอูฐ แล้วอูฐจะยื่นนี่เราต้องจับให้มั่นนะคะ ไม่งั้นมีอันตกได้
แอบเมื่อยก้นอยู่เหมือนกัน นั่งอูฐมาประมาณ 1 ชม. ก็จะเริ่มเข้าสู่ใจกลาง Sam Sand Dunes แล้วค่ะ
เค้าพาเราไปยังจุดที่เราจะนอนกันคืนนี้ ส่วนเราก็ออกมาถ่ายรูปเล่นตามอัธยาศัย เค้าก็จะเตรียมอาหารเย็นให้ค่ะ
และตรงนี้คือที่ที่เราจะนอนกันค่ะ
เจ้าของอูฐเค้าก็ช่วยกันเตรียมอาหารเย็นกัน แบบทำกันสดๆตรงนี้เลย

หน้าตาอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ อร่อยทีเดียว
นั่งคุยรอบกองไฟกันไป ก็ได้เวลาเข้านอน เจ็ดโมงเช้าพระอาทิดย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เราเชยชมกันแล้ว
ที่นอนที่เรานอนกันเมื่อคืนค่ะ ตอนกลางคืนนี่หนาวมาก เราห่มผ้านวม 2 ผืนแล้วก็ยังหนาว ตกดึกน้ำค้างลงหัว ดีที่เอาผ้าคลุมไป ช่วยได้เยอะค่ะ ตี 2 ตื่นมาแบบรู้สึกตัว ลืมตามาอีกทีดาวเต็มฟ้ามาก พระจันทร์นี่สว่างแล้วเหมือนอยู่ใกล้เรามาก เหมือนเรานอนดูดาวอยู่ในท้องฟ้าจำลองเลยค่ะ
พอเราตื่น เค้าก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้เรา

ขาดไม่ได้เลยคือจัยที่คนอินเดียเรียกหรือชาร้อน เหมาะมากสำหรับอากาศเย็นๆตอนเช้าเยี่ยงนี้

และนี่ค่ะ นี่คือโต๊ะอาหารของเรา วิวร้อยล้านมาก มีไข้ต้ม ขนมปังปิ้งทาเนย ทานม ผลไม้
หมดเวลาสนุกแล้วสิ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จประมาณ 10.30 ก็เตรียมตัวกลับเข้าเมือง Jaisalmer อีกครั้ง โดยขี่อูฐกลับทางเดิมค่ะ
Day 3 (8 Apr)
วันนี้ เราได้จองที่พักผ่าน booking.com ไว้ ชื่อ Hotel Surja ราคา 600 รูปี เป็นที่พักข้างใน fort เลย มีแอร์ สะอาดใช้ได้

ที่ห้องจะมีระเบียงไว้นั่งดูวิวเมืองสีทองทั้งเมือง เสมือนว่าฉันเป็นมหารานี
และนี่คือ fort ของเมือง Jaisalmer ค่ะ

หลังจากอาบน้ำ เก็บข้าว เก็บของเสร็จ เราก็ออกมาเดินเล่นในเมืองค่ะ ดูวิถีชีวิตคน ดูบ้านเมืองเค้า ซึ่งเป็นสีทองจริงๆ
ชาวบ้านก็จะมีของมาขายตามทางเดินใน fort แต่ของในนี้ราคาจะสูงกว่าข้างนอกนะคะ

ที่นี่เค้าจะวาดภาพพระพิฆเนศ หน้าบ้านกันเยอะมาก เข้าใจว่าเป็นเหมือนประกาศว่าบ้านนี้มีงานแต่งงาน แต่งเสร็จก็ไม่ลบทิ้งนะคะ เก็บไว้อย่างนี้
[CR] ตอนที่ 1 สองสาวตะลุยเมืองแขกราชสถาน...นอนชมดาวกลางทะเลทราย สัมผัสอารยะธรรมอินเดี๊ย อินเดีย Apr2017
ปีนี้เราตั้งใจเที่ยวอินเดีย ในแคว้นราชสถานเมือง Jaisalmer,Jodhpur,Jaipur,Agra และก็ Delhi วันที่ 6-15 เมษา นี้ โดยสายการบิน Spicejet ซึ่งเป็น Low cost ของเรา เราได้ ไป-กลับมาในราคา 7190 บาทแต่แค่ไม่ใช่ไฟล์ทตรงต้องไปต่อเครื่องที่ โกลกัลต้า ทั้ง 2 เที่ยวแทน ซึ่งราคานี้เราจองตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาค่ะ
ก่อนไปเราจะต้องทำวีซ่าก่อนนะคะ ง่ายๆ คือเข้าไปกรอกข้อมูลแล้วปริ้นออกมาที่เวป https://indianvisaonline.gov.in/visa/index.html พร้อมนำสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน แผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่สำคัญคือรูปถ่าย 2x2 นิ้ว หน้าตรง พื้นหลังขาว เมื่อเอกสารเรียบร้อย ก็ไปที่ ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า ประเทศอินเดีย VFS ชั้น 10 อาคารพีเอสทาวเวอร์, สุขุมวิท 21, คลองเตยเหนือ, วัฒนา กรุงเทพฯ โทร: 02-258-3063-64 ลงรถไฟฟ้าอโศกแล้วต่อมอเตอร์ไซด์ง่ายนิดเดียวค่ะ เข้าไปต่อคิวจ่ายตัง 1790 บาท สแกนลายนิ้วมือ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แล้วอีกประมาณ 3 วันจะมี sms แจ้งสถานะตลอดเวลาให้เราเข้าไปรับเล่มพาสปอตคืนได้ แล้วเราก็ได้มาแบบ multiple 6 เดือน แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลามาทำก็สามารถทำ e-visa ได้ตัดผ่านบัตรเครดิต แต่ข้อเสียคือ เข้า-ออก ได้ครั้งเดียวค่ะ 1 ปีทำได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ค่าใช้จ่ายพอๆกัน แต่เมื่อต้นๆเมษาที่ผ่านมาได้รับข่าวร้ายว่าค่าวีซ่าแบบไปยื่นด้วยตนเองขึ้นราคาเป็น 4,358 บาท OH my god!! แต่อย่างเพิ่งตกใจค่ะ e-visa ก็ขึ้นมานิดหน่อย 1800 บาทได้ (ก็ได้แต่ร้องเห้อออ)
เอาล่ะค่ะ หลังจากที่เราได้วีซ่ามาเรียบร้อย ก็ถึงวันเดินทางค่ะ
Day 1 (6 Apr) Delhi-Jaisalmer
เที่ยวบินของเราวันนี้ตามนี้ค่ะ
SG 84 BKK Kolkata 5.10 6.10
SG 130 Kolkata Delhi 7.50 10.25
มาถึงเดลีตอน 10.25 ก็ตั้งใจจะตรงไปสถานีรถไฟ old delhi เลย เพราะได้จองรถไฟไป jaisalmer ไว้แล้ว การเดินทางไปสถานีรถไฟดังนี้ค่ะ เนื่องจากเราบินกับ Spicejet ผ่านตม.เสร็จออกจาก Terminal1 แล้วนั่งรถ bus เพื่อไป Airport Express ไป New Delhi และเปลี่ยนสถานีไปลง Chandi Chowk แล้วต่อตุ๊กๆก็จะถึงสถานีรถไฟค่ะ
สภาพข้างใน Airport Express
เรามาถึงสถานี old delhi ก็เกือบเที่ยงๆแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นหิวมาก ก็เดินหาอะไรกินข้างๆสถานีรถไฟ แต่หายากมาก ไม่มีร้านอาหารเลย มีอยู่ร้านนึงก็ดันเป็นมังสวิรัติอีก เอาวะ ยังไงก็ต้องกิน ท้องร้อง จ็อกๆ แล้ว บรรยากาศตามรูปค่ะ
ได้แกงดาล หรือ Dal มา เป็นเหมือนแกงกระหรี่ใส่ถั่ว กินกับโรตี พอปะทังชีวิตไป
พอกินอิ่ม เราก็เดินไปรอรถไฟกันข้างในค่ะ นิดนึงนะคะ การที่เราจะจองรถไฟที่อินเดียเนี่ย เค้าจะมีแบบฟอร์มให้เรากรอก ซึ่งเราต้องรู้บขวนเลขรถไฟ ใส่ชื่อเรา ใส่อายุ ใส่เพศ ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ออกตั๋วให้ ซึ่งบางเมืองคิวยาวมาก ต้องทำใจค่ะ
รถไฟจาก delhi ไป jaisalmer วันนี้ เราเลือกเที่ยว 14659 ออกจาก delhi ตอน 17.35 ถึง jaisalmer ตอน 11.40 ของวันพรุ่งนี้ เราคอยรถไฟนานมาก อากาศก็ยิ่งร้อน หลังจากกินอิ่ม ลมร้อนตีหน้า อาการเวียนหัว คลื่นไส้ก็เริ่มมา สรุปทีได้กินไปเมื่อกลางวัน ออกไปหมด 1 ถุงพลาสติกค่ะ นี่คือสภาพภายในสถานีรถไฟค่ะ
และแล้ว 17.35 ก็มาถึง วันนี้เราเลือก class 2A ค่ะ มีแอร์ ที่นอน 2 ชั้น มีม่านปิด
รูปนี้คือเพื่อนชาวอินเดียที่อยู่ตู้เดียวกันค่ะ เค้าก็ชวนคุย สั่งข้าวมากิน อยากบอกว่ารดชาดอาหารบนรถไฟนี่อย่าให้พูดถึง นั่งกินแต่แป้งโรตีค่ะ
เราดาวโหลด app มาในมือถือ เพื่อให้รู้สถานะของรถไฟเผื่อเผลอหลับไปจะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว แอฟนี้มีประโยชน์มากค่ะชื่อ RailYatri ค่ะ แค่ใส่เลขขบวนไปแล้วก็เลือก live status ก็จะขึ้นมาหมดเลยค่ะ รูปนี้ตื่นเช้ามาออกมาดูบรรยากาศบนรถไฟเริ่มเข้าเขตทะเลทรายแล้วค่ะ
Day 2 (7 Apr)
11.40 ถึงแล้วค่ะ Jaisalmer เมืองสีทอง วันนี้เราแพลนไว้ว่าจะขี่อูฐดูพระอาทิดย์ตกดิน แล้วค้างที่ทะเล 1 คืน ก่อนไปเราได้ติดต่อบริษัททัวร์ที่นั่นไว้แล้วค่ะ ได้มาในราคา 1000 รูปี รวมไปรับที่สถานีรถไฟ ค่าอูฐ ค่าข้าวเย็น ข้าวเช้าที่ทะเลทรายคุ้มมาก
ถ้าเพื่อนๆสนใจ ติดต่อ โยกิ Yogi ได้ค่ะ เวปไซด์-
-Contact : +91-9602023434 :+91-9414150250
-Visit Us At : www.desertsafariplannersjaisalmer.com
บรรยากาศตอนนั่งตุ๊กๆใน jaisalmer ค่ะ
พอมาถึงเค้าก็ให้เราไปพักที่ห้องรับรอง อาบน้ำ อาบท่าแล้วบ่ายสามเราจะออกเดินทางไปทะเลทรายกัน คือตอนนี้เราหิวมาก แต่ไม่อยากกินมังแล้ว เลยถามหาร้านอาหารที่ไม่มัง เค้าก็แนะนำรายการอาหารก็สั่ง chicken tendori เหมือนไก่ย่างคลุ้กเคล้าเครื่องเทศแล้วก็ chicken curry มา รดชาดโอเคเลย
บ่ายสามได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะ โยกิได้พาเราไปแวะที่ Kuldhara Village ก่อน เค้าบอกว่าเป็นหมู่บ้านโบราณ 200 กว่าปีมาแล้วก่อนที่จะถูกทำลายไปอะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ
อันนี้โยกิได้อธิบายว่าบ้านเหล่านี้สร้างมาจาก cow poo ตอนแรกเราก็งงว่ามันคืออะไร สรุป cow poo ตรงตัวคือขี้วัว เพื่อให้ภายในบ้านเย็นสบายค่ะ
เสร็จจากเยี่ยมชมหมู่บ้าน Kuldhara Village เค้าก็ขับรถพาเราเพื่อไป Sam Sand Dunes รถจอดตรงนี้ ก็มีน้องอูฐมารอรับเราแล้ว
ได้เวลาเกือบๆ สี่โมงเย็น เราก็เลือกอูฐกันได้เลยค่ะ ใครจะขี่ตัวไหน
เค้าให้พกน้ำกันไปคนละขวดเพราะว่าอากาศมันแห้ง แล้วเราจะกระหายน้ำมาก
ตอนขึ้นไปนั่งอูฐ แล้วอูฐจะยื่นนี่เราต้องจับให้มั่นนะคะ ไม่งั้นมีอันตกได้
แอบเมื่อยก้นอยู่เหมือนกัน นั่งอูฐมาประมาณ 1 ชม. ก็จะเริ่มเข้าสู่ใจกลาง Sam Sand Dunes แล้วค่ะ
เค้าพาเราไปยังจุดที่เราจะนอนกันคืนนี้ ส่วนเราก็ออกมาถ่ายรูปเล่นตามอัธยาศัย เค้าก็จะเตรียมอาหารเย็นให้ค่ะ
และตรงนี้คือที่ที่เราจะนอนกันค่ะ
เจ้าของอูฐเค้าก็ช่วยกันเตรียมอาหารเย็นกัน แบบทำกันสดๆตรงนี้เลย
หน้าตาอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ อร่อยทีเดียว
นั่งคุยรอบกองไฟกันไป ก็ได้เวลาเข้านอน เจ็ดโมงเช้าพระอาทิดย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เราเชยชมกันแล้ว
ที่นอนที่เรานอนกันเมื่อคืนค่ะ ตอนกลางคืนนี่หนาวมาก เราห่มผ้านวม 2 ผืนแล้วก็ยังหนาว ตกดึกน้ำค้างลงหัว ดีที่เอาผ้าคลุมไป ช่วยได้เยอะค่ะ ตี 2 ตื่นมาแบบรู้สึกตัว ลืมตามาอีกทีดาวเต็มฟ้ามาก พระจันทร์นี่สว่างแล้วเหมือนอยู่ใกล้เรามาก เหมือนเรานอนดูดาวอยู่ในท้องฟ้าจำลองเลยค่ะ
พอเราตื่น เค้าก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้เรา
ขาดไม่ได้เลยคือจัยที่คนอินเดียเรียกหรือชาร้อน เหมาะมากสำหรับอากาศเย็นๆตอนเช้าเยี่ยงนี้
และนี่ค่ะ นี่คือโต๊ะอาหารของเรา วิวร้อยล้านมาก มีไข้ต้ม ขนมปังปิ้งทาเนย ทานม ผลไม้
หมดเวลาสนุกแล้วสิ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จประมาณ 10.30 ก็เตรียมตัวกลับเข้าเมือง Jaisalmer อีกครั้ง โดยขี่อูฐกลับทางเดิมค่ะ
Day 3 (8 Apr)
วันนี้ เราได้จองที่พักผ่าน booking.com ไว้ ชื่อ Hotel Surja ราคา 600 รูปี เป็นที่พักข้างใน fort เลย มีแอร์ สะอาดใช้ได้
ที่ห้องจะมีระเบียงไว้นั่งดูวิวเมืองสีทองทั้งเมือง เสมือนว่าฉันเป็นมหารานี
และนี่คือ fort ของเมือง Jaisalmer ค่ะ
หลังจากอาบน้ำ เก็บข้าว เก็บของเสร็จ เราก็ออกมาเดินเล่นในเมืองค่ะ ดูวิถีชีวิตคน ดูบ้านเมืองเค้า ซึ่งเป็นสีทองจริงๆ
ชาวบ้านก็จะมีของมาขายตามทางเดินใน fort แต่ของในนี้ราคาจะสูงกว่าข้างนอกนะคะ
ที่นี่เค้าจะวาดภาพพระพิฆเนศ หน้าบ้านกันเยอะมาก เข้าใจว่าเป็นเหมือนประกาศว่าบ้านนี้มีงานแต่งงาน แต่งเสร็จก็ไม่ลบทิ้งนะคะ เก็บไว้อย่างนี้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น