เมือง Jaisalmer เป็นเมืองเล็กๆ ที่ทุกอย่างเดินถึงกันหมด อยู่เกือบสุดชายแดน อินเดีย-ปากีสถาน มีความเป็นเขตทะเลทรายเต็มตัว มีจุดเด่นคือป้อมหินทราย Jaisalmer Fort ที่ตอนกลางคืนจะเปิดไฟทำให้ป้อมนี้สะท้อนสีเหลืองทองตระการตาอยู่บนยอดเขาที่จากทุกมุมของเมืองจะมองเห็น และในบริเวณตัวเมืองจะมีคฤหาสน์ขุนนางเก่าเรียกว่า Haveli ซึ่งเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง

เราพักที่ Mystic Jaisalmer เป็นโรงแรมที่อยู่รอบนอกแต่ก็ใช้เวลาเดินไปป้อมแค่ประมาน 10นาที
ทางโรงแรมให้บริการดี เจ้าของโรงแรมให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

ที่พักส่วนมากที่นี่จะนิยมมีที่ทานอาหารแบบเปิดบนดาดฟ้าของตัวอาคาร เพื่อรับบรรยากาศและให้ชมวิวของป้อมได้อย่างชัดเจน
ตอนเที่ยงวันนั้นเราเรียกรถตุ๊กตุ๊กเหมาไป-กลับ 250รูปี ให้พาไปสุสานของกษัตริย์ Badabarg อยู่ห่างจากที่พักออกไปนอกตัวเมืองใช้เวลา 15นาที ที่นี่เก็บค่าเข้าชมคนละ 50รูปี มีคนมาเที่ยวไม่เยอะมาก จึงค่อนข้างสงบ

ที่นี่มีลักษณะเป็นศาลากลางทะเลทรายสร้างด้วยหินทรายสีเหลือง (yellow sand stone) มีแค่เสาและหลังคาเป็นโดมอยู่ด้านบน แต่เราว่าสถาปัตยกรรมของที่นี่สวยมากค่ะ

แวะกินถั่วทอด หรือ บ่าเยีย อร่อยดีนะ
เราซื้อ package เที่ยวทะเลทรายกับของทางโรงแรมไว้คนละ 2,100รูปี บ่ายสองครึ่งมีรถมารับจากโรงแรม ไปแวะหมู่บ้านเล็กๆ เพื่ออะไรก็ไม่รู้ค่ะ ถ่ายรูปนิดหน่อยก็ออก จากนั้นก็ไปถึงแคมป์กลางทะเลทราย เพื่อขึ้นขี่อูฐประมาณ 15นาทีมุ่งสู่ Sam Sand Dunes หรือภูเขาทรายแซม

บริเวณรอบๆ จะเป็นพื้นทราย และต้นไม้เตี้ยๆ

หัวใจจะวายเล็กน้อยตอนขึ้นขี่ แล้วน้องอูฐจะลุกขึ้นยืน กับตอนน้องอูฐนั่งลงจะให้เราลง อารมณ์เหมือนเล่นรถไฟเหาะนิดๆ คือต้องเอนตัวไปข้างหลังให้มากที่สุด เวลาน้องอูฐขยับมันจะวูปๆค่ะ เกาะแน่นๆด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะร่วงลงมาบาดเจ็บได้นะคะ

อยู่กันจนพระอาทิตย์ตก หกโมงเย็นพอดีค่ะ
แล้วก็ขี่อูฐกลับฐานทัพ ที่เป็นค่ายกลางทะเลทราย ที่นี่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนอินเดียมาค้างคืนเยอะค่ะ ทางค่ายจะมีลานสี่เหลี่ยมกว้างๆ มีเก้าอี้และเบาะนั่งพื้นรอบๆ และเวทีอยู่ฝั่งนึง ตรงกลางมีกองไฟ มีห้องน้ำเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง พอค่ำก็มีการร้องเพลงและการแสดงพื้นเมือง และบุฟเฟ่อาหารอินเดียมังสวิรัติ ภายใต้หมู่ดาว *0*

อาหารเสริฟตอนประมานสามทุ่ม พอกินเสร็จประมานสี่ทุ่มก็กลับที่พักค่ะ หลับกันบนรถยาวเลย
วันรุ่งขึ้นเราเดินดูในป้อมกับตัวเมือง บ้านเรือนที่สร้างขึ้นใหม่จะยังใช้สไตล์และโทนสีแบบของเดิมจึงดูคล้ายคลึงกันไม่มีอะไรแปลกตา

ป้อมที่นี่ใหญ่และยังเป็นบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยและร้านค้าของคนท้องถิ่นในปัจจุบัน จึงทำให้สถานที่เก่าแก่แห่งนี้ยังมีชีวิตชีวาค่ะ

เดินห่างออกมาจากตัวป้อมเล็กน้อย จะเป็นคฤหาสน์ของขุนนางเก่าที่อนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ

กลางวันกินข้าวที่ Jaisal Italy ที่อยู่ทางเข้าป้อมด้านหน้า คิดว่าเปลี่ยนรสชาติอาหารบ้าง แต่ถึงจะอาหารอิตาเลี่ยนก็ยังเป็นมังสวิรัติ
ค่ำนั้นเรานั่งรถไฟไป Jodhpur ใช้เวลา 4ชม.

ที่นั่งรถไฟติดแอร์ Second AC

ลาก่อน Jaisalmer ... ชอบที่นี่จัง <3

>> อ่านบทนำ **ทำใจก่อนไปอินเดีย** ที่
http://pantip.com/topic/34632842
>> อ่านตอนที่ 1 **วันแรกใน Jaipur** ที่
http://pantip.com/topic/34649482
>> อ่านตอนที่ 2 **อดีตมหานคร Amer + RedBus โหดสัสบัสแขก** ที่
http://pantip.com/topic/34668397
>> อ่านตอนที่ 3 **ต้องมนต์ Jaisalmer** ที่
http://pantip.com/topic/34692422
>> อ่านตอนที่ 4 **Jodhpur + วัดหินอ่อนสองพันปี Ranakpur** ที่
http://pantip.com/topic/34748739
>> อ่านตอนจบ **หลงรัก Udaipur** ที่
http://pantip.com/topic/35056418
[CR] ศิษย์เก่าแดนโรตีตะลุยอินเดีย ทริปสีสันในทะเลทรายแห่ง Rajasthan ตอนที่ 3 >>> ต้องมนต์ Jaisalmer
เราพักที่ Mystic Jaisalmer เป็นโรงแรมที่อยู่รอบนอกแต่ก็ใช้เวลาเดินไปป้อมแค่ประมาน 10นาที
ทางโรงแรมให้บริการดี เจ้าของโรงแรมให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ที่พักส่วนมากที่นี่จะนิยมมีที่ทานอาหารแบบเปิดบนดาดฟ้าของตัวอาคาร เพื่อรับบรรยากาศและให้ชมวิวของป้อมได้อย่างชัดเจน
ตอนเที่ยงวันนั้นเราเรียกรถตุ๊กตุ๊กเหมาไป-กลับ 250รูปี ให้พาไปสุสานของกษัตริย์ Badabarg อยู่ห่างจากที่พักออกไปนอกตัวเมืองใช้เวลา 15นาที ที่นี่เก็บค่าเข้าชมคนละ 50รูปี มีคนมาเที่ยวไม่เยอะมาก จึงค่อนข้างสงบ
ที่นี่มีลักษณะเป็นศาลากลางทะเลทรายสร้างด้วยหินทรายสีเหลือง (yellow sand stone) มีแค่เสาและหลังคาเป็นโดมอยู่ด้านบน แต่เราว่าสถาปัตยกรรมของที่นี่สวยมากค่ะ
แวะกินถั่วทอด หรือ บ่าเยีย อร่อยดีนะ
เราซื้อ package เที่ยวทะเลทรายกับของทางโรงแรมไว้คนละ 2,100รูปี บ่ายสองครึ่งมีรถมารับจากโรงแรม ไปแวะหมู่บ้านเล็กๆ เพื่ออะไรก็ไม่รู้ค่ะ ถ่ายรูปนิดหน่อยก็ออก จากนั้นก็ไปถึงแคมป์กลางทะเลทราย เพื่อขึ้นขี่อูฐประมาณ 15นาทีมุ่งสู่ Sam Sand Dunes หรือภูเขาทรายแซม
บริเวณรอบๆ จะเป็นพื้นทราย และต้นไม้เตี้ยๆ
หัวใจจะวายเล็กน้อยตอนขึ้นขี่ แล้วน้องอูฐจะลุกขึ้นยืน กับตอนน้องอูฐนั่งลงจะให้เราลง อารมณ์เหมือนเล่นรถไฟเหาะนิดๆ คือต้องเอนตัวไปข้างหลังให้มากที่สุด เวลาน้องอูฐขยับมันจะวูปๆค่ะ เกาะแน่นๆด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะร่วงลงมาบาดเจ็บได้นะคะ
อยู่กันจนพระอาทิตย์ตก หกโมงเย็นพอดีค่ะ
แล้วก็ขี่อูฐกลับฐานทัพ ที่เป็นค่ายกลางทะเลทราย ที่นี่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนอินเดียมาค้างคืนเยอะค่ะ ทางค่ายจะมีลานสี่เหลี่ยมกว้างๆ มีเก้าอี้และเบาะนั่งพื้นรอบๆ และเวทีอยู่ฝั่งนึง ตรงกลางมีกองไฟ มีห้องน้ำเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง พอค่ำก็มีการร้องเพลงและการแสดงพื้นเมือง และบุฟเฟ่อาหารอินเดียมังสวิรัติ ภายใต้หมู่ดาว *0*
อาหารเสริฟตอนประมานสามทุ่ม พอกินเสร็จประมานสี่ทุ่มก็กลับที่พักค่ะ หลับกันบนรถยาวเลย
ป้อมที่นี่ใหญ่และยังเป็นบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยและร้านค้าของคนท้องถิ่นในปัจจุบัน จึงทำให้สถานที่เก่าแก่แห่งนี้ยังมีชีวิตชีวาค่ะ
เดินห่างออกมาจากตัวป้อมเล็กน้อย จะเป็นคฤหาสน์ของขุนนางเก่าที่อนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ
กลางวันกินข้าวที่ Jaisal Italy ที่อยู่ทางเข้าป้อมด้านหน้า คิดว่าเปลี่ยนรสชาติอาหารบ้าง แต่ถึงจะอาหารอิตาเลี่ยนก็ยังเป็นมังสวิรัติ
ค่ำนั้นเรานั่งรถไฟไป Jodhpur ใช้เวลา 4ชม.
ที่นั่งรถไฟติดแอร์ Second AC
ลาก่อน Jaisalmer ... ชอบที่นี่จัง <3
>> อ่านบทนำ **ทำใจก่อนไปอินเดีย** ที่ http://pantip.com/topic/34632842
>> อ่านตอนที่ 1 **วันแรกใน Jaipur** ที่ http://pantip.com/topic/34649482
>> อ่านตอนที่ 2 **อดีตมหานคร Amer + RedBus โหดสัสบัสแขก** ที่ http://pantip.com/topic/34668397
>> อ่านตอนที่ 3 **ต้องมนต์ Jaisalmer** ที่ http://pantip.com/topic/34692422
>> อ่านตอนที่ 4 **Jodhpur + วัดหินอ่อนสองพันปี Ranakpur** ที่ http://pantip.com/topic/34748739
>> อ่านตอนจบ **หลงรัก Udaipur** ที่ http://pantip.com/topic/35056418