ถ้าถามว่าคุณจำรูปถ่ายรูปแรกของคุณได้ไหม
คุณอาจขอเวลากลับไปถามพ่อกับแม่ที่บ้าน
แล้วอาจได้ภาพถ่ายเก๋าๆ กลับมาคนละเป็นปึกๆ
แน่นอนว่า ความได้เปรียบของเราคือ เราเกิดและเติบโตในสังคมเมือง การถ่ายภาพ หาร้านล้างภาพ-อัดภาพ มันไม่ใช่เรื่องยาก
ในทางกลับกัน ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าให้ใช้ล่ะ การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน หรืออาจเป็นวันๆ การถ่ายภาพหรืออยากมีรูปสักใบเก็บไว้ อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญพอที่จะคิดถึงเลย
มีครั้งนึงที่มีโอกาสไปทำงานอาสาเรื่องภัยพิบัติที่หมู่บ้านในหุบเขาที่เนปาล หมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาต่อตรงมาจากตาน้ำในภูเขา การเข้าหมู่บ้าน ต้องอาศัยเดินเท้า ผู้ใหญ่บางคนไม่เคยเข้าเมืองเลยด้วยซ้ำ
จากการไปอยู่คลุกคลีเป็นเดือน เราพบว่า ยังมีคนที่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เรียกว่า “กล้องถ่ายรูป” ตื่นเต้นดีใจกับการที่เห็นหน้าตัวเองปรากฏอยู่บนจอภาพ เลยมีความคิดเล็กๆ ในใจว่า น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเอาภาพที่ถ่ายเขามอบให้พวกเขาได้ ด้วยสาเหตุจากระยะทางที่ห่างไกลกัน และความลำบากในการเดินทาง
..เหล่านี้เป็นมิตรภาพระยะสั้นที่ค่อนข้างแน่ใจว่า เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก
ความรู้สึกนี้เริ่มเพิ่มขึ้นตอนไปบางที่ที่ไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสได้กลับไปอีก หรือบางที่ที่เราอาจมีโอกาสได้ไปแค่ครั้งเดียวในชีวิต
สถานที่บางแห่งเราอยากจะไปมาก แต่แค่ได้ไปสักหนในชีวิตก็พอใจแล้วเนอะ น้อยคนที่จะกลับมาซ้ำที่เดิม ยิ่งไปลำบากยิ่งยาก ก็มีแต่คนไปถ่ายภาพแล้วกลับไป เอาภาพไปโพสเฟสบุ๊ค อัพโซเชียล แค่นั้นจบ เพื่อบอกว่า…ไปมาแล้วนะ
แต่....ถ้าเจ้าของภาพที่แท้จริงได้ไว้มันคงมีคุณค่ากับเขามากกว่ามันอยู่แค่กับเราเนอะ
พอทาง Canon ส่ง SELPHY CP1200 มาให้สำหรับทำโปรเจกต์อะไรก็ได้ที่อยากทำ
ซึ่งคุณสมบัติเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือ ขนาดเล็ก พกพาได้ และยังสามารถใช้กับแบตเตอรี่แทนการเสียบสายไฟได้ เลยเข้าแก๊ปความคิดที่เคยมีในหัวว่า จะดีแค่ไหนถ้าเราปริ้นภาพออกมาที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเราอยู่ที่ไหนหรือไม่มีไฟฟ้า
เราเลยมานั่งคิดว่าภาพถ่ายนี้จะมีคุณค่ากับใครที่สุดกัน...คิดไปคิดมาก็ได้คำตอบว่า มันน่าจะมีคุณค่ากับคนที่อาจไม่เคยมีภาพถ่ายสักภาพเป็นของตัวเอง คนที่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพ หรือคนที่ถูกถ่ายภาพบ่อยๆ แต่ไม่เคยมีภาพของตัวเองเก็บไว้สักใบ


ทำไมต้องที่หมู่บ้านมอแกน บนหมู่เกาะสุรินทร์
ปีที่แล้ว มีโอกาสได้ไปเที่ยวหมู่บ้านมอแกน เป็น 1 Day Trip ที่มีเวลาอยู่บนนั้นแค่ 20 นาทีเท่านั้น
เราได้ยินเรื่องของชาวมอแกนมานาน พอมีโอกาสได้มาสัมผัส แน่นอนว่า สิ่งที่เราทำคือ เดินถ่ายภาพให้ทั่วหมู่บ้าน!
แน่นอนว่าทุกคนเป็นมิตร เพราะคุ้นชินกับการถูกนักท่องเที่ยวถ่ายภาพ เขายังทำกิจวัตรเป็นปกติ เด็กๆ ก็เล่นกันไป ไม่ได้มีใครตื่นเต้นกับการถูกถ่ายหรอก มีแต่เรานี่แหละที่ตื่นเต้นกับการถ่ายภาพชาวมอแกน

เราเลยตัดสินใจพกเครื่องปริ้นเตอร์ตัวเล็กนี้ไปหมู่บ้านมอแกนที่หมู่เกาะสุรินทร์นี่ละ!! ถ่ายเสร็จก็จะได้ปริ้นแจกเลยสดๆ เลย...
แต่ก่อนอื่นเราเตรียมภาพที่ถ่ายไปของปีที่แล้วมาด้วย! ปริ้นมาเรียบร้อย เรามาตามหาคนในภาพกันเถอะ
7 ชั่วโมง บนหมู่บ้านมอแกน
เราไปถึงหมู่บ้านมอแกนตั้งแต่ช่วง 8.30 น. ฟ้าสวยน้ำใสอากาศกำลังดี และที่สำคัญ ทัวร์ยังไม่ลง เลยได้สัมผัสชีวิตเขาก่อนการทำงานของผู้หญิงและเด็กๆ จะเริ่ม คือการขายของให้นักท่องเที่ยว
ความโชคดีของเราคือ พี่นินคนขับเรือที่เราเหมาเรือมาจากหาดไม้งาม เป็นชาวมอแกน เราเลยมีที่ให้หลบแดด นั่งปริ้นรูปกัน พร้อมกับมีไกด์ตัวน้อยนามว่า ตำลึง ลูกของพี่นินเดินไปเป็นเพื่อนเรา คอยเจรจาขอถ่ายภาพให้เราแถมเป็นคนจัดการพาเดินไปแจกภาพด้วย
อย่างแรกที่เราทำเมื่อไปถึง คือ เอาภาพเก่าของปีก่อนที่ปริ้นไว้ ไปตามหาเจ้าของภาพ

มีความฮาเล็กๆ เกิดขึ้น คือเราเอารูปที่ปริ้นมาให้พี่นินดูว่าเราถ่ายแถวบ้านพี่นิน พี่พอรู้จักเด็กในรูปไหม แค่รูปแรกที่ยื่นไป..
พี่นินมองรูปละเงยมามองหน้าละพูดว่า
“นี่คางคก ลูกผมเอง”
ฮ่าๆ โลกกลมไปไหมมมมม แล้วพี่นินก็เรียกคางคกมาดูรูป
โห คางคกตื่นเต้นใหญ่
เราเลยยกรูปทั้งปึกให้คางคก แล้วบอกว่าช่วยเอาไปแจกจ่ายให้หน่อยสิ
จากนั้นรูปที่เราถ่ายและปริ้นมาก็กระจายไปทั้งหมู่บ้าน ทุกคนตื่นเต้นที่เห็นรูปตัวเอง เหย เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยอะตอนนั้น ทุกคนเลือกรูปของตัวเอง คนรู้จัก แยกเก็บไว้ ดูละบอกนี่คนนั้นคนนี้ นี่บ้านใคร น่ารักดี
เด็กน้อยในเปลปีก่อน ปีนี้โตกันจนวิ่งได้ละ
เด็กในเปลที่คางคกช่วยไกวอยู่เมื่อปีก่อน เป็นหนุ่มละนะ อารมณ์ดีมากซะด้วย
บ้านที่ถ่ายไว้เมื่อปีที่แล้ว กลับมาปีนี้ต้องให้เด็กๆ พาไปตามหาบ้านเบอร์ 23 เพราะหาไม่เจอ แน่ละ เขาเพิ่งรื้อบ้านหลังเดิมสร้างใหม่กัน
[SR] [SR] ภาพทรงจำในท้องทะเลของมอแกน #Canon #SELPHYCP1200
คุณอาจขอเวลากลับไปถามพ่อกับแม่ที่บ้าน
แล้วอาจได้ภาพถ่ายเก๋าๆ กลับมาคนละเป็นปึกๆ
ในทางกลับกัน ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าให้ใช้ล่ะ การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน หรืออาจเป็นวันๆ การถ่ายภาพหรืออยากมีรูปสักใบเก็บไว้ อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญพอที่จะคิดถึงเลย
มีครั้งนึงที่มีโอกาสไปทำงานอาสาเรื่องภัยพิบัติที่หมู่บ้านในหุบเขาที่เนปาล หมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาต่อตรงมาจากตาน้ำในภูเขา การเข้าหมู่บ้าน ต้องอาศัยเดินเท้า ผู้ใหญ่บางคนไม่เคยเข้าเมืองเลยด้วยซ้ำ
จากการไปอยู่คลุกคลีเป็นเดือน เราพบว่า ยังมีคนที่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เรียกว่า “กล้องถ่ายรูป” ตื่นเต้นดีใจกับการที่เห็นหน้าตัวเองปรากฏอยู่บนจอภาพ เลยมีความคิดเล็กๆ ในใจว่า น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเอาภาพที่ถ่ายเขามอบให้พวกเขาได้ ด้วยสาเหตุจากระยะทางที่ห่างไกลกัน และความลำบากในการเดินทาง
..เหล่านี้เป็นมิตรภาพระยะสั้นที่ค่อนข้างแน่ใจว่า เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก
ความรู้สึกนี้เริ่มเพิ่มขึ้นตอนไปบางที่ที่ไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสได้กลับไปอีก หรือบางที่ที่เราอาจมีโอกาสได้ไปแค่ครั้งเดียวในชีวิต
สถานที่บางแห่งเราอยากจะไปมาก แต่แค่ได้ไปสักหนในชีวิตก็พอใจแล้วเนอะ น้อยคนที่จะกลับมาซ้ำที่เดิม ยิ่งไปลำบากยิ่งยาก ก็มีแต่คนไปถ่ายภาพแล้วกลับไป เอาภาพไปโพสเฟสบุ๊ค อัพโซเชียล แค่นั้นจบ เพื่อบอกว่า…ไปมาแล้วนะ
แต่....ถ้าเจ้าของภาพที่แท้จริงได้ไว้มันคงมีคุณค่ากับเขามากกว่ามันอยู่แค่กับเราเนอะ
พอทาง Canon ส่ง SELPHY CP1200 มาให้สำหรับทำโปรเจกต์อะไรก็ได้ที่อยากทำ
ซึ่งคุณสมบัติเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือ ขนาดเล็ก พกพาได้ และยังสามารถใช้กับแบตเตอรี่แทนการเสียบสายไฟได้ เลยเข้าแก๊ปความคิดที่เคยมีในหัวว่า จะดีแค่ไหนถ้าเราปริ้นภาพออกมาที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเราอยู่ที่ไหนหรือไม่มีไฟฟ้า
เราเลยมานั่งคิดว่าภาพถ่ายนี้จะมีคุณค่ากับใครที่สุดกัน...คิดไปคิดมาก็ได้คำตอบว่า มันน่าจะมีคุณค่ากับคนที่อาจไม่เคยมีภาพถ่ายสักภาพเป็นของตัวเอง คนที่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพ หรือคนที่ถูกถ่ายภาพบ่อยๆ แต่ไม่เคยมีภาพของตัวเองเก็บไว้สักใบ
เราได้ยินเรื่องของชาวมอแกนมานาน พอมีโอกาสได้มาสัมผัส แน่นอนว่า สิ่งที่เราทำคือ เดินถ่ายภาพให้ทั่วหมู่บ้าน!
แน่นอนว่าทุกคนเป็นมิตร เพราะคุ้นชินกับการถูกนักท่องเที่ยวถ่ายภาพ เขายังทำกิจวัตรเป็นปกติ เด็กๆ ก็เล่นกันไป ไม่ได้มีใครตื่นเต้นกับการถูกถ่ายหรอก มีแต่เรานี่แหละที่ตื่นเต้นกับการถ่ายภาพชาวมอแกน
เราเลยตัดสินใจพกเครื่องปริ้นเตอร์ตัวเล็กนี้ไปหมู่บ้านมอแกนที่หมู่เกาะสุรินทร์นี่ละ!! ถ่ายเสร็จก็จะได้ปริ้นแจกเลยสดๆ เลย...
แต่ก่อนอื่นเราเตรียมภาพที่ถ่ายไปของปีที่แล้วมาด้วย! ปริ้นมาเรียบร้อย เรามาตามหาคนในภาพกันเถอะ
7 ชั่วโมง บนหมู่บ้านมอแกน
เราไปถึงหมู่บ้านมอแกนตั้งแต่ช่วง 8.30 น. ฟ้าสวยน้ำใสอากาศกำลังดี และที่สำคัญ ทัวร์ยังไม่ลง เลยได้สัมผัสชีวิตเขาก่อนการทำงานของผู้หญิงและเด็กๆ จะเริ่ม คือการขายของให้นักท่องเที่ยว
ความโชคดีของเราคือ พี่นินคนขับเรือที่เราเหมาเรือมาจากหาดไม้งาม เป็นชาวมอแกน เราเลยมีที่ให้หลบแดด นั่งปริ้นรูปกัน พร้อมกับมีไกด์ตัวน้อยนามว่า ตำลึง ลูกของพี่นินเดินไปเป็นเพื่อนเรา คอยเจรจาขอถ่ายภาพให้เราแถมเป็นคนจัดการพาเดินไปแจกภาพด้วย
อย่างแรกที่เราทำเมื่อไปถึง คือ เอาภาพเก่าของปีก่อนที่ปริ้นไว้ ไปตามหาเจ้าของภาพ
มีความฮาเล็กๆ เกิดขึ้น คือเราเอารูปที่ปริ้นมาให้พี่นินดูว่าเราถ่ายแถวบ้านพี่นิน พี่พอรู้จักเด็กในรูปไหม แค่รูปแรกที่ยื่นไป..
พี่นินมองรูปละเงยมามองหน้าละพูดว่า “นี่คางคก ลูกผมเอง”
ฮ่าๆ โลกกลมไปไหมมมมม แล้วพี่นินก็เรียกคางคกมาดูรูป
โห คางคกตื่นเต้นใหญ่
เราเลยยกรูปทั้งปึกให้คางคก แล้วบอกว่าช่วยเอาไปแจกจ่ายให้หน่อยสิ
จากนั้นรูปที่เราถ่ายและปริ้นมาก็กระจายไปทั้งหมู่บ้าน ทุกคนตื่นเต้นที่เห็นรูปตัวเอง เหย เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยอะตอนนั้น ทุกคนเลือกรูปของตัวเอง คนรู้จัก แยกเก็บไว้ ดูละบอกนี่คนนั้นคนนี้ นี่บ้านใคร น่ารักดี