จริงหรือไม่ที่ว่าเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตายแม้เป็นญาติสนิทก็ไม่ได้รับ???

ทำบุญแล้วไม่ได้กรวดน้ำ


   เรื่องนี้ส่วนจริง การกรวดน้ำ คือ การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราทำให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว ที่เราระบุถึง ถ้าเราไม่ให้เขา เขาก็ไม่ได้รับ



          ในสมัยพุทธกาล มีอยู่คราวหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารท่านทำบุญแล้วไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับใคร  ทีนี้พวกญาติในอดีตชาติของท่านซึ่งชอบยักยอกของที่เขาเตรียมไว้จะถวายพระ  พวกนี้ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตนานจนนับเวลาไม่ถ้วน ตลอดเวลานั้นก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่หนอพระเจ้าพิมพิสารจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้บ้าง  แต่ทำบุญกี่ครั้งๆ พระองค์ก็ไม่กรวดน้ำให้ซักที เขาไม่ได้บุญ ก็เลยไม่พ้นสภาพจากการเป็นเปรต



         วันหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารทำบุญถวายวัดเวฬุวันให้แก่สงฆ์ แล้วไม่ได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ใครอีกเช่นเคย  เพราะไม่เคยทำซักที  แต่เนื่องจากบุญครั้งนี้มากเป็นพิเศษ  เป็นที่รู้กันทั่วไปหลายภพหลายภูมิ พวกเปรตที่เป็นญาติเก่าก็รู้ด้วย  และรอรับส่วนบุญอยู่  พอไม่ได้อย่างหวังก็นัดกันประท้วง

      


       


        เจ้าเปรตพวกนี้นัดแนะกันอย่างดีแล้ว  ตกกลางคืนก็ไปร้องกรี๊ดๆ ทำเสียงโหยหวนอยู่รอบพระราชวัง  บ้างก็แสดงกายให้เห็น

      


     


     


    พอพวกเปรตอนุโมทนาบุญ  ก็ได้รับส่วนบุญทันที  ทำให้พ้นจากสภาพเปรต  บ้างก็ได้เกิดเป็นคน  บ้างก็เกิดเป็นเทวดา

    เรื่องมันเป็นแบบนี้  เพราะฉะนั้นคุณหนูนะ  ถ้าทำบุญทำทานมีโอกาสกรวดน้ำละก็รีบทำเลย  มีแต่ได้ ไม่มีเสียหรอกระ

    ขอบคุณข้อมูลจาก หลวงพ่อตอบปัญหา

  








สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
http://www.84000.org/tipitaka/picture/f43.html
สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๔๓

ท้าวเธอทรงบำเพ็ญกุศลให้พระญาติที่เกิดเป็นเปรต
เปรตทั้งหลายต่างโมทนารับส่วนบุญ

    ในภาพที่  ๔๒  จะเห็นพระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่งน้ำจากพระเต้าลงบนพระหัตถ์ของพระพุทธ
เจ้า   การหลั่งน้ำในที่นี้เรียกว่าตามภาษาสามัญว่า  'กรวดน้ำ'   หรือเรียกเป็นคำศัพท์ว่า  'อุททิโสทก'  แปลว่า  
กรวดน้ำมอบถวาย  ใช้ในกรณีเมื่อถวายของใหญ่โตที่ไม่อาจยกประเคนใส่มือพระได้  เช่น  ที่ดินและวัด  เป็น
ต้น

    ส่วนการกรวดน้ำของพระเจ้าพิมพิสารในภาพนี้เรียกว่า 'ทักษิโณทก'  แปลว่า  กรวดน้ำแผ่ส่วน
กุศลแก่คนตาย   ใช้ในกรณีที่จะมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่ผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งเป็นผู้รับอีกเหมือนกัน   ผิดแต่ว่า   สิ่งที่ให้
มองไม่เห็นตัวตน  เพราะเป็นบุญกุศล  ผู้รับก็มองไม่เห็น  เพราะเป็นคนที่ตายไปแล้ว  พิธีนี้เป็นที่นิยมกันอยู่ใน
เมืองไทยเวลาทำบุญทุกวันนี้

    ภาพที่เห็นนี้เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลครั้งที่สองของพระเจ้าพิมพิสาร  เมื่อครั้งแรกพระเจ้า
พิมพิสารไม่ได้ทรงอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระญาติที่ล่วงลับไปแล้ว    ปฐมสมโพธิจึงว่า   ในคืนวันนั้นพวกเปรต
ซึ่งเคยเป็นพระญาติของพระเจ้าพิมพิสารได้ส่งเสียงอื้ออึงขึ้นในพระราชนิเวศน์  ที่แสดงให้เห็นก็มี

    ตามนิยายธรรมบทเล่าว่า    เปรตเหล่านี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์   เคยลักลอบ  (หรือจะเรียกอย่าง
ทุกวันนี้ว่าคอรัปชั่นก็ได้)  กินของที่คนเขานำมาถวายสงฆ์  ตายแล้วตกนรก  แล้วมาเป็นเปรต  และมาคอยรับ
ส่วนบุญที่พระเจ้าพิมพิสารอุทิศให้  แต่เมื่อผิดหวังจึงประท้วงดังกล่าว

    พระเจ้าพิมพิสารจึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันรุ่งขึ้น     ทูลถามทราบความแล้ว    จึงทรง
บำเพ็ญพระราชกุศลถวายอาหารและจีวรแก่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้นอีกต่อมา  แล้วทรงหลั่งน้ำ
อุททิโสทกว่า   อิทัง  โน  ญาตีนัง  โหตุ    แปลว่า  "ขอกุศลผลบุญครั้งนี้จงไปถึงญาติพี่น้องของข้าพเจ้าด้วย
เทอญ"   เปรตเหล่านี้จึงต่างได้รับกุศลผลบุญกันทั่วหน้า  และพ้นจากความทุกข์ทรมานที่ได้รับอยู่

    คำว่า  "อิทัง  โน  ญาตีนัง  โหตุ"  ได้กลายเป็นบทกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คนตายที่คนไทย
ใช้อยู่ในปัจจุบัน



ในพระสูตร
http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=26&A=3021&Z=3052
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา

๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ
ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตญาติพระเจ้าพิมพิสาร
             พระผู้มีพระภาคตรัสกะพระเจ้าพิมพิสารว่า
             [๙๐]     เปรตทั้งหลายพากันมาสู่เรือนของตนแล้ว ยืนอยู่ภายนอกฝาที่ตรอก
                          กำแพง และทาง ๓ แพร่ง และยืนอยู่ที่ใกล้บานประตู เมื่อข้าว น้ำ
                          ของกิน ของบริโภคเป็นอันมากเขาเข้าไปตั้งไว้แล้ว แต่ญาติไรๆ ของ
                          สัตว์เหล่านั้นระลึกไม่ได้ เพราะกรรมเป็นปัจจัย เหล่าชนผู้อนุเคราะห์
                          ย่อมให้น้ำและโภชนะอันสะอาด ประณีตสมควรแก่ญาติทั้งหลายตามกาล
                          ดุจทานที่มหาบพิตรทรงถวายแล้วฉะนั้น ด้วยเจตนาอุทิศว่า ขอทานนี้แล
                          จงสำเร็จผลแก่ญาติทั้งหลายของเรา ขอญาติทั้งหลายของเราจงเป็นสุข
                          เถิด ส่วนเปรตผู้เป็นญาติเหล่านั้น พากันมาชุมในที่นั้น เมื่อข้าว
                          และน้ำมีอยู่บริบูรณ์ ย่อมอนุโมทนาโดยเคารพว่า เราได้สมบัติเพราะ
                          เหตุแห่งญาติเหล่าใด ขอญาติของเราเหล่านั้น จงมีชีวิตอยู่ยืนนาน
                          การบูชาเป็นอันพวกญาติได้ทำแล้วแก่เราทั้งหลาย และญาติทั้งหลายผู้ให้
                          ก็ไม่ไร้ผล เพราะในเปรตวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรม ไม่มีโครักขกรรม ไม่
                          มีการค้าขายเช่นนั้น ไม่มีการซื้อการขายด้วยเงิน เปรตทั้งหลายผู้ไปใน
                          ปิตติวิสัย ย่อมเยียวยาอัตภาพด้วยทานที่ญาติหรือมิตรให้แล้วแต่มนุษย-
                          โลกนี้ น้ำฝนอันตกลงในที่ดอน ย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม ฉันใด ทานอัน
                          ญาติหรือมิตรให้แล้วในมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่เปรตทั้งหลาย
                          ฉันนั้นเหมือนกัน ห้วงน้ำใหญ่เต็มแล้ว ย่อมยังสาครให้เต็มเปี่ยม
                          ฉันใด ทานอันญาติหรือมิตรให้แล้ว แต่มนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผล
                          แก่เปรตทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน กุลบุตรเมื่อระลึกถึงอุปการะที่ท่าน
                          ทำแล้วในกาลก่อนว่า ญาติมิตรและสหายได้ให้สิ่งของแก่เรา ได้ช่วย
                          ทำกิจของเรา ดังนี้ พึงให้ทักษิณาแก่เปรตทั้งหลาย ความเศร้าโศก
                          หรือความร่ำไรอย่างอื่น ไม่ควรทำเลย เพราะความร้องไห้เป็นต้นนั้น
                          ไม่เป็นประโยชน์แก่เปรตทั้งหลาย ญาติทั้งหลายย่อมดำรงอยู่โดยปกติ
                          ธรรมดา อันทักษิณานี้แลที่ท่านเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในสงฆ์ ให้แล้ว ย่อม
                          สำเร็จประโยชน์แก่เปรตนั้นโดยพลัน สิ้นกาลนาน ญาติธรรมมหาพิตร
                          ได้แสดงให้ปรากฏแล้ว การบูชาอันยิ่งเพื่อเปรตทั้งหลาย มหาพิตรทรง
                          ทำแล้ว และกำลังกายมหาบพิตรได้เพิ่มให้แก่ภิกษุทั้งหลายแล้ว บุญมี
                          ประมาณไม่น้อยมหาบพิตรได้ทรงขวนขวายแล้ว.
จบ ติโรกุฑฑเปตวัตถุที่ ๕.



ตามหลักแล้ว เมื่อญาติอุทิศให้เปรต หากเปรตร่วมอนุโมทนาด้วย ไม่ว่าจะกรวดน้ำหรือไม่ ก็ได้รับ
แต่หากเปรต ไม่ร่วมอนุโมทนา หรืออนุโมทนาไม่เป็น ถึงจะกรวดน้ำ ก็ไม่ได้รับ
การกรวดน้ำเป็นประเพณีที่ดีงาม ที่ทำตามกันมา
เป็นกุศโลบายให้เกิด อปรเจตนา คือ เจตนาหลังจาก ที่ให้ทานไปแล้วเกิดได้ง่าย
ถึงแม้การกรวดน้ำจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับบุญที่ไปถึงเปรต แต่ก็ทำให้ทานครบเจตนา 3 ซึ่งเป็นกุศล
ความคิดเห็นที่ 7
จขกท.ไปทำความเข้าใจใหม่ครับ  ไม่ได้เป็นอย่างที่ จขกท.คิดเลย

ไม่เกี่ยวกับน้ำเลยครับ   น้ำเป็นแค่สื่อให้ใจจรดจ่อให้เป็นสมาธิเพื่อที่จะแผ่ให้กับภพภูมิอื่นๆได้กว้างขึ้น
บางคนหากมีสมาธิดีแค่ใจระลึกถึงทุกภพภูมิก็ทำแค่นึกก้ไปได้ถึงแล้วครับ    

การทำบุญไม่ใช่การบริจาคทานอย่างเดียว  การอนุโมทนาบุญ การทำใจสงบ  การสวดมนต์ก็คือการทำดีแล้ว
ระลึกถึงผู้ใดก็ได้ ส่งใจขอให้พวกเขาเหล่านั้นมีความสุข  ก็ใช้ได้ละครับ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่