ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งการดูแลอาหารการกินรวมไปถึงการออกกำลังกายต่างๆ โดยการออกกำลังกายที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายนั่นก็คือการวิ่ง จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้มีการจัดการวิ่งมาราธอนเกิดขึ้นมาหลายรายการทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นวันนี้ฟิสิคอลคลินิก ขอเสนอบทความ "เทคนิคการหายใจสำหรับนักวิ่ง"
การหายใจดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนทั่วไป เพราะคนเราเกิดมาก็ต้องหายใจกันทุกคน แต่ใครจะสังเกตได้ว่าเวลาเราหายใจกันปกติจะเป็นกายหายใจที่ค่อนข้างสั้นและถี่ แต่เมื่อเราเริ่มวิ่งหรืออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งการหายใจในแบบปกติจะทำให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกายไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งยิ่งเราออกกำลังกายในคุณภาพและปรืมาณที่หนักขึ้น ร่างกายเราจะต้องการออกซิเจนมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเผาผลาญและการสร้างพลังงาน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหอบเมื่อเราออกกำลังกาย
การนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายจะแปรผันตรงกับการหายใจ เมื่อเราหายใจเข้ามาก ปริมาณออกซิเจนในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วในการหายใจจะใช้กล้ามเนื้อสองส่วนที่เกี่ยวข้องคือ
1. กล้ามเนื้อหน้าอก
2. กล้ามเนื้อกระบังลม
ในการหายใจปกติกล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยยกกระดูกซี่โครงขึ้นเพื่อขยายพื้นที่ภายในช่องอก เพื่อรองรับการขยายตัวของปอดเวลารับออกซิเจนเข้าไป แต่หากต้องการปริมาณออกซิเจนที่มากขึ้น ต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อกระบังลมช่วย โดยกล้ามเนื้อกระบังลมจะช่วยดึงกระบังลมให้ลดต่ำลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ปอดขยายตัวได้มากขึ้น เราจึงใช้ " วิธีการฝึกหายใจด้วยท้อง " จะแบ่งเป็นช่วงหายใจเข้าและช่วงหายใจออก
ช่วงหายใจเข้า ----- จะหายใจเข้าทางจมูกแบ่งเป็น 2-3 ช่วงต่อการหายใจเข้า 1 ครั้ง
ช่วงหายใจออก ---- จะหายใจออกทางปากโดยปล่อยลมหายใจออกมาเป็นช่วงยาวช่วงเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นการหายใจต้องสอดคล้องกับจังหวะการวิ่ง ไม่ชะงัก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งการหายใจที่ถูกต้อง จะช่วยในเรื่องการนำปริมาณออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายเพิ่มขึ้น ปริมาณออกซิเจนที่มากขึ้นจะทำให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การวิ่งมีคุณภาพที่ดีและสามารถวิ่งได้นานขึ้นด้วย
ติดต่อสอบถามข้อมูลทางการรักษาและการทำกายภาพบำบัดได้ที่ Physical clinic โทร 020034318-9
http://www.physical-clinic.com/
http://www.physicalagency.com/
อยากวิ่งได้นานๆบ้าง ต้องฝึกหายใจแบบไหนดี?
การหายใจดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนทั่วไป เพราะคนเราเกิดมาก็ต้องหายใจกันทุกคน แต่ใครจะสังเกตได้ว่าเวลาเราหายใจกันปกติจะเป็นกายหายใจที่ค่อนข้างสั้นและถี่ แต่เมื่อเราเริ่มวิ่งหรืออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งการหายใจในแบบปกติจะทำให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกายไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งยิ่งเราออกกำลังกายในคุณภาพและปรืมาณที่หนักขึ้น ร่างกายเราจะต้องการออกซิเจนมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเผาผลาญและการสร้างพลังงาน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหอบเมื่อเราออกกำลังกาย
การนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายจะแปรผันตรงกับการหายใจ เมื่อเราหายใจเข้ามาก ปริมาณออกซิเจนในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้น โดยปกติแล้วในการหายใจจะใช้กล้ามเนื้อสองส่วนที่เกี่ยวข้องคือ
1. กล้ามเนื้อหน้าอก
2. กล้ามเนื้อกระบังลม
ในการหายใจปกติกล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยยกกระดูกซี่โครงขึ้นเพื่อขยายพื้นที่ภายในช่องอก เพื่อรองรับการขยายตัวของปอดเวลารับออกซิเจนเข้าไป แต่หากต้องการปริมาณออกซิเจนที่มากขึ้น ต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อกระบังลมช่วย โดยกล้ามเนื้อกระบังลมจะช่วยดึงกระบังลมให้ลดต่ำลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ปอดขยายตัวได้มากขึ้น เราจึงใช้ " วิธีการฝึกหายใจด้วยท้อง " จะแบ่งเป็นช่วงหายใจเข้าและช่วงหายใจออก
ช่วงหายใจเข้า ----- จะหายใจเข้าทางจมูกแบ่งเป็น 2-3 ช่วงต่อการหายใจเข้า 1 ครั้ง
ช่วงหายใจออก ---- จะหายใจออกทางปากโดยปล่อยลมหายใจออกมาเป็นช่วงยาวช่วงเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นการหายใจต้องสอดคล้องกับจังหวะการวิ่ง ไม่ชะงัก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งการหายใจที่ถูกต้อง จะช่วยในเรื่องการนำปริมาณออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายเพิ่มขึ้น ปริมาณออกซิเจนที่มากขึ้นจะทำให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การวิ่งมีคุณภาพที่ดีและสามารถวิ่งได้นานขึ้นด้วย
ติดต่อสอบถามข้อมูลทางการรักษาและการทำกายภาพบำบัดได้ที่ Physical clinic โทร 020034318-9
http://www.physical-clinic.com/
http://www.physicalagency.com/