มุมหนึ่งในอดีตที่เด็กๆรุ่นหลังอย่างดิฉันไม่เคยสนใจมาก่อน
และตอนนี้เริ่มตามหาอ่านบ้างแล้วค่ะ
จึงนำมาแบ่งปันกันอ่าน


เริ่มติดตามกันค่ะ...

หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน (21 เมษายน 2451 — 11 เมษายน 2491) นักเขียนชาวไทย อดีตนายเรืออากติของท่านาศที่ต้องโทษในคดีกบฎบวรเดช พ.ศ. 2476 ผู้มีผลงานเขียนวิพากวิจารณ์รัฐบาล ตั้งแต่ในช่วงที่ถูกจองจำในเรือนจำกลางบางขวาง
ประวัติ
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน ได้รับการอบรมแบบทหารภายใต้พระบารมีของ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ภายหลังจบโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้ย้ายไปเป็นนักบินขับไล่ประจำการ ณ สนามบินโคกกระเทียม เมื่ออายุ 25 ปี ขณะดำรงยศนายเรืออากาศโท
ต้องออกจากราชการด้วยกรณีศาลพิเศษ พ.ศ. 2476 พิพากษาให้จำคุก 9 ปี ในคดีกบฏบวรเดช
ในระหว่างต้องโทษ ได้เริ่มศึกษาการเมืองโดยการอ่านตำราจากต่างประเทศ ของผู้ร่วมชะตากรรมในเรือนจำกลางบางขวาง และเขียนหนังสือขึ้น เริ่มเขียนตำราด้วยลายมือลงในสมุด ลักลอบเวียนกันอ่านในหมู่นักโทษการเมืองในชื่อวารสาร “น้ำเงินแท้”
และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบ้าง ก่อนที่นักโทษด้วยกันจะขอร้องให้เลิกเพราะกลัวถูกจับได้และจะถูกเพิ่มโทษ แต่ก็ยังคงเขียนต่อไปจนถืงกับส่งบทความออกมาลงหนังสือพิมพ์ภายนอก หลังถูกจองจำอยู่เพียง 5 ปีได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อเป็นพ้นโทษแล้วได้เขียนเป็นหนังสือเล่มแรกชื่อ “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” แต่ถูกสันติบาลยึดไปจากโรงพิมพ์ทั้งหมดก่อนวางตลาด เพราะการมีพรรคการเมืองในสมัยนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ทำให้เป็นอิสระอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกสันติบาลจับกุมตัวในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากสาเหตุที่สันติบาลไปค้นวังพระองค์เจ้าหญิงศิริรัตน์บุษบง พระธิดาองค์ใหญ่ของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
แล้วเจอหนังสือกราบทูลของ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ด้วยสำนึกในพระกรุณา ของสมเด็จพระบิดาของพระองค์หญิง ที่ได้ชุบเลี้ยงตนมาว่า เมื่อออกจากที่คุมขังมาเป็นอิสระ โอกาสที่จะเอาตัวออกรองฉลองพระบาทคงมีบ้าง
ซึ่งสันติบาลแปลว่า โอกาสดังกล่าวคือ โอกาสที่จะคิดแก้แค้นรัฐบาล ในที่สุดศาลพิเศษ 2481 ได้ตัดสินว่าเป็นกบฏ และให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะถูกจองจำอยู่นั้น ได้ลอบแต่งหนังสือเมืองนิมิตร ขึ้นโดยให้ชื่อในขณะนั้นว่า “ความฝันของนักอุดมคติ” ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ
และตกถึงมือสันติบาลอีก ซึ่งมีผลทำให้ถึงกับต้องโทษเนรเทศไปอยู่เกาะเต่าถึง 3 ปี รัฐบาลใหม่ของ นายควง อภัยวงศ์ จึงได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาในปี พ.ศ. 2488 พระราชทานนิรภัยโทษให้ กลับเข้าในราชการรับบำเหน็จบำนาญสังกัด บก.ทอ. ตามเดิม
ในปี พ.ศ. 2490 ได้ทำการสมรสกับ คุณหญิงบรรจบพันธุ์ (สังขดุลย์) นวรัตน ณ อยุธยา (น้องสาวของพลเรือเอกจิตต์ สังขดุลย์ อดีตทหารผ่านศึกยุทธนาวีเกาะช้าง) แต่เนื่องจากสังขารที่กรอบเกรียมจากวัณโรคและมาเลเรีย ครั้งทนทุกข์ทรมานอยู่ ณ เกาะเต่า
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ได้สิ้นอายุขัยลงต่อหน้ามารดาและภริยา ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2491 ก่อนที่ หม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน บุตรชายคนเดียวจะเกิดเพียง 45 วัน เท่านั้น สิริรวมอยู่ได้ 39 ปี 11 เดือน กับ 20 วัน
งานประพันธ์
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน มีผลงานที่ได้ประพันธ์ขึ้นและตีพิมพ์สู่บรรณพิภพ นอกจาก “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” ที่หลุดลอดจากการทำลายของสันติบาล หลงเหลืออยู่เล่มหนึ่งในห้องหนังสือหายากของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยังมี “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง” และ “ความฝันของนักอุดมคติ” หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองนิมิตร” ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็น 1 ในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน และ 1 ใน 88 หนังสือดีวิทยาศาสตร์ไทย
นอกจากนั้น ต้นฉบับภาษาอังกฤษชื่อ The Emerald’s Cleavage ได้รับการแปลโดย ศ. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ หลังจากถึงแก่กรรมแล้ว 26 ปี และตีพิมพ์ขึ้นในชื่อ ‘’รอยร้าวของมรกต’’
งานประพันธ์ของ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ได้รับการแปลและตีพิมพ์ในภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เพื่อเผยแพร่อุดมคติของคนไทยคนหนึ่งไปทั่วโลก
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตนเป็นเจ้าของประโยคอมตะ ที่ยังทรงความหมายอย่างยิ่งต่อการเมืองไทย ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตว่า
"ข้าพเจ้าเป็นทหารของชาติ และถวายน้ำพิพัฒน์สัตยาจากพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้ามิใช่ทหารของรัฐบาลหรือกลุ่มนักการเมืองใด ๆ"
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขอบคุณ ..
http://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=01-2011&date=28&group=26&gblog=71
เพิ่มเติม....
เรื่องที่4 เป็นบทความวิชาการเรื่อง “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”
อันที่จริงเล่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นในบรรณพิภพด้วยซ้ำ
ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเขียนไว้ใน “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง”ว่า เมื่อต้องคำพิพากษาติดคุกครั้งแรกแล้วจึงได้เรื่มกระทำผิดกฏหมาย ด้วยการเขียนหนังสือ และได้ลักลอบส่งบทความออกมาจากคุกให้วารสารต่างๆอยู่เนืองๆ เป็นที่ทราบกันด้วยว่าได้ยืมชื่อพี่ชายคนหนึ่งใช้เป็นนามแฝง เมื่อก่อนพ้นโทษครั้งแรกได้ยินหลวงพิบูล ขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพูดในระหว่างการอบรมนักโทษการเมืองก่อนปลดปล่อยว่า ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดประชาธิปไตย แก้ไขให้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นโดยเร็ว (เพราะขณะนั้น มีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญห้ามไว้)
เมื่อเป็นอิสระจึงเขียนหนังสือ อธิบายถึงลัทธิการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปและเมืองไทย ใช้ชื่อร่วมกับพี่ชายที่ผู้อ่านรู้จักกันอยู่แล้ว ให้สำนักพิมพ์วางตลาดเมื่อหลวงพิบูลได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้ความจริงเข้ามาทุกนาทีแล้ว
แต่พอท่านได้เสวยอำนาจเข้าจริงๆ สันติบาลกลับระดมพลเข้าค้นทุกสำนักพิมพ์ เจอหนังสือ“พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”เข้าก็ยึดไปตรวจ แล้วก็จัดการเผาทิ้งเสียทั้งหมดทั้งๆที่ไม่เจอความผิดพอที่จะตั้งข้อหาเอากับใครได้ แต่ก็ขึ้นบัญชีดำม.ร.ว.นิมิตรมงคลไว้ว่าเพิ่งพ้นโทษแต่ก็ยังหัวแข็งไม่หลาบจำ แล้วก็หาข้อหาอื่นมายัดให้กลับไปติดคุกอีกเป็นครั้งที่สองจนได้
หนังสือที่ตำรวจยึดไปทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งคงมีใครหยิบเอาไปอ่านที่บ้านบ้างและตกค้างอยู่ ลูกหลานเอามาบริจาคให้ห้องสมุด หาเจอสองสามเล่มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งได้นำมาเป็นต้นฉบับในการพิมพ์ขึ้นใหม่ รวมเล่มกับเรื่องที่กล่าวมาแล้วในหนังสือ “ระลึก100ปีชาตกาลม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน”
ม.ร.ว.นิมิตรมงคลสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อผลิตผลงานได้เพียงเท่านี้ โรคร้ายตัวสำคัญที่เบียดเบียนอยู่คือวัณโรค สมัยนั้นยังไม่มียารักษาให้หายได้ หลังพ้นโทษจากเกาะเต่า ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเหลือปอดทำงานได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น
บุญทำกรรมแต่ง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้พบเนื้อคู่ในช่วงนี้ บรรจบพันธุ์ สังขดุลย์ ครูที่กำลังเริ่มต้นปลุกปั้นโรงเรียนอนุบาลสวนเด็กของตนเอง ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่แล้วและรู้อนาคตดีว่า ถ้าแต่งงานกันฝ่ายชายก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ฝ่ายหญิงก็มีความมั่นใจสูงและเด็ดเดี่ยวมาก เธอมองทะลุสังขารของม.ร.ว.นิมิตรมงคลไปที่สมองและจิตใจ เมื่อผู้ใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจได้ ทั้งสองจึงได้แต่งงานกันโดยมีสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรทรทรงเมตตาเป็นเจ้าภาพและประทานแหวนเพชรวงน้อยให้ฝ่ายชายสวมให้ฝ่ายหญิง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้ประสพความสุขสมหวังครั้งแรกในชีวิต
ท่ามกลางวันคืนแห่งความสุขในชีวิตสมรส วันหนึ่งรัฐบาลได้ออกประกาศคืนยศฐาบรรดาศักดิ์ที่รัฐบาลก่อนยึดไปให้แก่นักโทษทั้งหมดที่ได้รับนิรโทษกรรม ม.ร.ว.นิมิตรมงคลจะได้รับยศเรืออากาศโทคืนเป็นนายทหารนอกราชการและได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนย้อนหลัง เมื่อปรึกษากับภรรยาแล้วเห็นว่าสมควรรับไว้ จึงเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่สถานีดอนเมือง เจอกับลูกศิษย์นายทหารอากาศที่นั่นถามว่าครูจะให้ช่วยอะไรบ้าง แทนที่จะขอให้หารถไปส่งที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ กลับขอยืมจักรยานถีบไปกลางแดดเปรี้ยงของเดือนเมษายน แม้เหนื่อยแทบขาดใจยังฝืนสังขารจนกลับถึงบ้าน แต่ก็สุดวิสัยที่ร่างกายจะฟื้นคืนได้ กลางดึกนั้นเอง ปอดที่ทำงานหนักเกินกำลังก็ค่อยๆหมดเรียวแรงลงจนสงบไปในที่สุด ม.ร.ว.นิมิตรมงคลถึงแก่กรรมต่อหน้ามารดาและภรรยา หมดโอกาสได้เห็นลูกชายที่กำลังจะเกิดหลังจากนั้นเพียง45วันเท่านั้นเอง
ขอบคุณ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.195
อีกด้านของ 2475"ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน"ทายาท
http://www.komchadluek.net/news/people/272271
((มาลาริน)) ^_^ ชวนอ่านเรื่องราวย้อนอดีต....น้ำเงินแท้ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน .. " ข้าพเจ้าเป็นทหารของชาติ ... "
และตอนนี้เริ่มตามหาอ่านบ้างแล้วค่ะ
จึงนำมาแบ่งปันกันอ่าน
เริ่มติดตามกันค่ะ...
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน (21 เมษายน 2451 — 11 เมษายน 2491) นักเขียนชาวไทย อดีตนายเรืออากติของท่านาศที่ต้องโทษในคดีกบฎบวรเดช พ.ศ. 2476 ผู้มีผลงานเขียนวิพากวิจารณ์รัฐบาล ตั้งแต่ในช่วงที่ถูกจองจำในเรือนจำกลางบางขวาง
ประวัติ
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน ได้รับการอบรมแบบทหารภายใต้พระบารมีของ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ภายหลังจบโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้ย้ายไปเป็นนักบินขับไล่ประจำการ ณ สนามบินโคกกระเทียม เมื่ออายุ 25 ปี ขณะดำรงยศนายเรืออากาศโท
ต้องออกจากราชการด้วยกรณีศาลพิเศษ พ.ศ. 2476 พิพากษาให้จำคุก 9 ปี ในคดีกบฏบวรเดช
ในระหว่างต้องโทษ ได้เริ่มศึกษาการเมืองโดยการอ่านตำราจากต่างประเทศ ของผู้ร่วมชะตากรรมในเรือนจำกลางบางขวาง และเขียนหนังสือขึ้น เริ่มเขียนตำราด้วยลายมือลงในสมุด ลักลอบเวียนกันอ่านในหมู่นักโทษการเมืองในชื่อวารสาร “น้ำเงินแท้”
และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบ้าง ก่อนที่นักโทษด้วยกันจะขอร้องให้เลิกเพราะกลัวถูกจับได้และจะถูกเพิ่มโทษ แต่ก็ยังคงเขียนต่อไปจนถืงกับส่งบทความออกมาลงหนังสือพิมพ์ภายนอก หลังถูกจองจำอยู่เพียง 5 ปีได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อเป็นพ้นโทษแล้วได้เขียนเป็นหนังสือเล่มแรกชื่อ “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” แต่ถูกสันติบาลยึดไปจากโรงพิมพ์ทั้งหมดก่อนวางตลาด เพราะการมีพรรคการเมืองในสมัยนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ทำให้เป็นอิสระอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกสันติบาลจับกุมตัวในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากสาเหตุที่สันติบาลไปค้นวังพระองค์เจ้าหญิงศิริรัตน์บุษบง พระธิดาองค์ใหญ่ของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
แล้วเจอหนังสือกราบทูลของ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ด้วยสำนึกในพระกรุณา ของสมเด็จพระบิดาของพระองค์หญิง ที่ได้ชุบเลี้ยงตนมาว่า เมื่อออกจากที่คุมขังมาเป็นอิสระ โอกาสที่จะเอาตัวออกรองฉลองพระบาทคงมีบ้าง
ซึ่งสันติบาลแปลว่า โอกาสดังกล่าวคือ โอกาสที่จะคิดแก้แค้นรัฐบาล ในที่สุดศาลพิเศษ 2481 ได้ตัดสินว่าเป็นกบฏ และให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะถูกจองจำอยู่นั้น ได้ลอบแต่งหนังสือเมืองนิมิตร ขึ้นโดยให้ชื่อในขณะนั้นว่า “ความฝันของนักอุดมคติ” ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ
และตกถึงมือสันติบาลอีก ซึ่งมีผลทำให้ถึงกับต้องโทษเนรเทศไปอยู่เกาะเต่าถึง 3 ปี รัฐบาลใหม่ของ นายควง อภัยวงศ์ จึงได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาในปี พ.ศ. 2488 พระราชทานนิรภัยโทษให้ กลับเข้าในราชการรับบำเหน็จบำนาญสังกัด บก.ทอ. ตามเดิม
ในปี พ.ศ. 2490 ได้ทำการสมรสกับ คุณหญิงบรรจบพันธุ์ (สังขดุลย์) นวรัตน ณ อยุธยา (น้องสาวของพลเรือเอกจิตต์ สังขดุลย์ อดีตทหารผ่านศึกยุทธนาวีเกาะช้าง) แต่เนื่องจากสังขารที่กรอบเกรียมจากวัณโรคและมาเลเรีย ครั้งทนทุกข์ทรมานอยู่ ณ เกาะเต่า
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ได้สิ้นอายุขัยลงต่อหน้ามารดาและภริยา ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2491 ก่อนที่ หม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน บุตรชายคนเดียวจะเกิดเพียง 45 วัน เท่านั้น สิริรวมอยู่ได้ 39 ปี 11 เดือน กับ 20 วัน
งานประพันธ์
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน มีผลงานที่ได้ประพันธ์ขึ้นและตีพิมพ์สู่บรรณพิภพ นอกจาก “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” ที่หลุดลอดจากการทำลายของสันติบาล หลงเหลืออยู่เล่มหนึ่งในห้องหนังสือหายากของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยังมี “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง” และ “ความฝันของนักอุดมคติ” หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองนิมิตร” ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็น 1 ในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน และ 1 ใน 88 หนังสือดีวิทยาศาสตร์ไทย
นอกจากนั้น ต้นฉบับภาษาอังกฤษชื่อ The Emerald’s Cleavage ได้รับการแปลโดย ศ. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ หลังจากถึงแก่กรรมแล้ว 26 ปี และตีพิมพ์ขึ้นในชื่อ ‘’รอยร้าวของมรกต’’
งานประพันธ์ของ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน ได้รับการแปลและตีพิมพ์ในภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เพื่อเผยแพร่อุดมคติของคนไทยคนหนึ่งไปทั่วโลก
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตนเป็นเจ้าของประโยคอมตะ ที่ยังทรงความหมายอย่างยิ่งต่อการเมืองไทย ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตว่า
"ข้าพเจ้าเป็นทหารของชาติ และถวายน้ำพิพัฒน์สัตยาจากพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้ามิใช่ทหารของรัฐบาลหรือกลุ่มนักการเมืองใด ๆ"
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ขอบคุณ ..
http://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=01-2011&date=28&group=26&gblog=71
เพิ่มเติม....
เรื่องที่4 เป็นบทความวิชาการเรื่อง “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”
อันที่จริงเล่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นในบรรณพิภพด้วยซ้ำ
ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเขียนไว้ใน “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง”ว่า เมื่อต้องคำพิพากษาติดคุกครั้งแรกแล้วจึงได้เรื่มกระทำผิดกฏหมาย ด้วยการเขียนหนังสือ และได้ลักลอบส่งบทความออกมาจากคุกให้วารสารต่างๆอยู่เนืองๆ เป็นที่ทราบกันด้วยว่าได้ยืมชื่อพี่ชายคนหนึ่งใช้เป็นนามแฝง เมื่อก่อนพ้นโทษครั้งแรกได้ยินหลวงพิบูล ขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพูดในระหว่างการอบรมนักโทษการเมืองก่อนปลดปล่อยว่า ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดประชาธิปไตย แก้ไขให้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นโดยเร็ว (เพราะขณะนั้น มีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญห้ามไว้)
เมื่อเป็นอิสระจึงเขียนหนังสือ อธิบายถึงลัทธิการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปและเมืองไทย ใช้ชื่อร่วมกับพี่ชายที่ผู้อ่านรู้จักกันอยู่แล้ว ให้สำนักพิมพ์วางตลาดเมื่อหลวงพิบูลได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้ความจริงเข้ามาทุกนาทีแล้ว
แต่พอท่านได้เสวยอำนาจเข้าจริงๆ สันติบาลกลับระดมพลเข้าค้นทุกสำนักพิมพ์ เจอหนังสือ“พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”เข้าก็ยึดไปตรวจ แล้วก็จัดการเผาทิ้งเสียทั้งหมดทั้งๆที่ไม่เจอความผิดพอที่จะตั้งข้อหาเอากับใครได้ แต่ก็ขึ้นบัญชีดำม.ร.ว.นิมิตรมงคลไว้ว่าเพิ่งพ้นโทษแต่ก็ยังหัวแข็งไม่หลาบจำ แล้วก็หาข้อหาอื่นมายัดให้กลับไปติดคุกอีกเป็นครั้งที่สองจนได้
หนังสือที่ตำรวจยึดไปทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งคงมีใครหยิบเอาไปอ่านที่บ้านบ้างและตกค้างอยู่ ลูกหลานเอามาบริจาคให้ห้องสมุด หาเจอสองสามเล่มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งได้นำมาเป็นต้นฉบับในการพิมพ์ขึ้นใหม่ รวมเล่มกับเรื่องที่กล่าวมาแล้วในหนังสือ “ระลึก100ปีชาตกาลม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน”
ม.ร.ว.นิมิตรมงคลสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อผลิตผลงานได้เพียงเท่านี้ โรคร้ายตัวสำคัญที่เบียดเบียนอยู่คือวัณโรค สมัยนั้นยังไม่มียารักษาให้หายได้ หลังพ้นโทษจากเกาะเต่า ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเหลือปอดทำงานได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น
บุญทำกรรมแต่ง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้พบเนื้อคู่ในช่วงนี้ บรรจบพันธุ์ สังขดุลย์ ครูที่กำลังเริ่มต้นปลุกปั้นโรงเรียนอนุบาลสวนเด็กของตนเอง ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่แล้วและรู้อนาคตดีว่า ถ้าแต่งงานกันฝ่ายชายก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ฝ่ายหญิงก็มีความมั่นใจสูงและเด็ดเดี่ยวมาก เธอมองทะลุสังขารของม.ร.ว.นิมิตรมงคลไปที่สมองและจิตใจ เมื่อผู้ใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจได้ ทั้งสองจึงได้แต่งงานกันโดยมีสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรทรทรงเมตตาเป็นเจ้าภาพและประทานแหวนเพชรวงน้อยให้ฝ่ายชายสวมให้ฝ่ายหญิง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้ประสพความสุขสมหวังครั้งแรกในชีวิต
ท่ามกลางวันคืนแห่งความสุขในชีวิตสมรส วันหนึ่งรัฐบาลได้ออกประกาศคืนยศฐาบรรดาศักดิ์ที่รัฐบาลก่อนยึดไปให้แก่นักโทษทั้งหมดที่ได้รับนิรโทษกรรม ม.ร.ว.นิมิตรมงคลจะได้รับยศเรืออากาศโทคืนเป็นนายทหารนอกราชการและได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนย้อนหลัง เมื่อปรึกษากับภรรยาแล้วเห็นว่าสมควรรับไว้ จึงเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่สถานีดอนเมือง เจอกับลูกศิษย์นายทหารอากาศที่นั่นถามว่าครูจะให้ช่วยอะไรบ้าง แทนที่จะขอให้หารถไปส่งที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ กลับขอยืมจักรยานถีบไปกลางแดดเปรี้ยงของเดือนเมษายน แม้เหนื่อยแทบขาดใจยังฝืนสังขารจนกลับถึงบ้าน แต่ก็สุดวิสัยที่ร่างกายจะฟื้นคืนได้ กลางดึกนั้นเอง ปอดที่ทำงานหนักเกินกำลังก็ค่อยๆหมดเรียวแรงลงจนสงบไปในที่สุด ม.ร.ว.นิมิตรมงคลถึงแก่กรรมต่อหน้ามารดาและภรรยา หมดโอกาสได้เห็นลูกชายที่กำลังจะเกิดหลังจากนั้นเพียง45วันเท่านั้นเอง
ขอบคุณ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.195
อีกด้านของ 2475"ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน"ทายาท
http://www.komchadluek.net/news/people/272271