ขออีกซักโพลล์นะ “สันติบาลโพล” ^ ^

“สันติบาลโพล” บอก “หม่อมแอ๋ เมาเอ๋อ” พ่ายแพ้ หลุดลุ่ย!!

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

        วันเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ดูเหมือนชาวกรุงที่ระยะแรกของการหาเสียง ไม่ค่อยสนใจการเลือกตั้งพ่อเมืองกรุงเทพเท่าใดนัก แต่เมื่อวันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกขณะ พวกเขาชักจะเริ่มสนใจ
        ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง คนไทยที่ชอบการพนันขันต่อเป็นชีวิตจิตใจ มักชอบต่อรองท้าทายกับเพื่อนฝูง โดยมีเดิมพันเล็กๆน้อยๆ ติดปลายนวม เช่น พนันเลี้ยงอาหาร เลี้ยงเหล้าฯลฯ หรือ ถ้าจะเอาเงินหรือเดิมพันกัน ก็ไม่ได้มากมาย เล่นกันพอสนุก และที่สำคัญคือเดิมพันระหว่างเพื่อนสนิทมิตรสหายเท่านั้น
        ข้อมูลที่จะช่วยในวางเดิมพันขันต่อ นอกจากความตั้งใจของผู้เอาพนัน ซึ่งตั้งใจลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ตนเองรัก เลือกพรรคที่ชอบแล้ว เขาเหล่านั้น ยังหาเครื่องช่วยในการตัดสินใจอื่นๆอีก โดยเฉพาะจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่เรียกกันว่า “โพล” นั่นเอง
        คนไทยส่วนใหญ่ ไม่มั่นใจเรื่องโพล เพราะไม่รู้ว่า คนทำโพลนั้น ได้ทำไปตามหลักวิชาหรือไม่ หรือ ทำไปเพราะมีเงื่อนไขอื่นแอบแฝง จนทำให้ผู้คนไม่เชื่อถือผลโพล เพราะสถาบันบางแห่ง ที่เป็นเจ้ากี้เจ้าการจัดทำโพล แต่การจัดเรียนการสอน ซึ่งเป็น “หน้าที่หลัก” ของสถาบันของผู้จัดทำเอง กลับทำไม่ได้มาตรฐาน จนถึงขั้นนักศึกษา ผู้ปกครองต้องร้องเรียนกัน
        ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ไอ้ “เอแบดโพล” (A-BAD POLL) ผู้คนเลยลงความเห็นกันว่า โพลของสถาบันเอแบด นั้น…
        ...มัน BAD หรือ “” จริงๆ!
        บางโพลสำแดงอาการ “ยิ้ม ตอหลด ตดใต้น้ำ” ชัดเจน เหตุก็เพราะ
        ทั้งอธิการและคณาจารย์ในสถาบันนั้นๆ เลือกสีเลือกข้างเรียบร้อยแล้ว จะสำรวจตรวจทีไร มีทั้ง “อคติ” และเงินตราที่เขาจ้างให้ทำ ปิดบังให้ตามืดตามัว จนมองอะไรไม่เห็น เพราะความจึงเหลวไหลเลือนเปื้อน นั่นเอง
        จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ผลสำรวจหรือโพลจะออกมาด้วยลักษณะที่บิดเบี้ยวยิ้มเก ด้วยการเทน้ำหนักข้างดี ให้ฝ่ายที่ตนมีใจเอนเอียงไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงฝ่ายที่ตัวไม่ชอบ ก็ไม่รั้งรอที่จะประเคน “ความชั่วร้าย” ทั้งหลายให้ไปเป็นกะตั๊กเลยทีเดียว
        ฉะนั้น โพลลูกทั้งหลาย ที่แกว่งไปแกว่งมาตามอารมณ์ตรงง่ามขาของผู้บริหารสถาบันมาตรฐานคดเหล่านี้ ผู้คนเลยสรุปลงตรงที่ว่า
        ไม่น่าเชื่อถือ...โว้ย!

        ผมจึงแค่ฟังเอาเป็นข้อมูลเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้เครดิตอะไรกับไอ้พวกสถาบันที่ขยันทำ “โพลลูก” เหล่านี้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว
        ถ้าท่านผู้อ่านถามคนเขียนว่า
        “แล้วอย่างนั้นอาจารย์ “วาทตะวัน” ฟังโพลอะไรล่ะ?”
        ตอบได้ทันทีว่า

        “ผมฟัง...โพลสันติบาล”

        ตำรวจสันติบาลนั้น มีการ “ประเมินผลการเลือกตั้ง” หรือที่ชาวบ้านชอบเรียกจนติดปากว่า “โพลสันติบาล” (ซึ่งความจริงไม่ใช่ “โพล”) มานมนานแล้ว และในวงการหนังสือพิมพ์รู้ดี ทั้งยังให้การยกย่องว่า กรรมวิธีและการประเมินผล ของหน่วยงานนี้
        เชื่อถือได้!
        ที่น่าประหลาดอย่างมากคือ เมื่อผลโพลหรือการประเมินผลของสันติบาล ถูกเผยแพร่ออกไป หน่วยงานนี้มักถูกตำหนิทุกครั้ง หากผลการประเมิน “ไม่ถูกใจ” ผู้มีอำนาจในขณะนั้น หรือถ้าผลกลับชี้ไปว่า
        พรรครัฐบาลที่กุมอำนาจและลงเลือกตั้ง จะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือแม้แต่ฝ่ายที่เป็นรัฐบาลอยู่ ไม่ได้ลงเลือกตั้ง เพราะเป็น “รัฐบาลชั่วคราว” แต่ผลประเมินของสันติบาลชี้ว่า
        ฝ่ายที่รัฐบาลไม่ชอบหน้า จะเป็นฝ่ายชนะ!
        ผมมีตัวอย่าง ให้ท่านผู้อ่านเห็น ดังต่อไปนี้
        ก่อนมีการเลือกตั้งปี พ.ศ.2550 มีข่าวออกมาว่า รัฐมนตรีสำนักนายกฯ คือ นายธีรภัทร์ “ไอ้ตี๋” เสรีรังสรรค์ ออกอาการเม้งแตก เพราะมีข่าวโพลสันติบาลออกมาว่า พรรคทักษิณคือพรรคพลังประชาชนในขณะนั้น จะชนะการเลือกตั้ง ได้เก้าอี้เสียงข้างมาก (แต่ไม่เด็ดขาด) คือ 219 เสียง เป็นเหตุให้ คือ
        ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 ถึงกับพาดหัวว่า
        “รมต. ‘พล่าน’ โพลสันติบาล”
        เนื้อข่าวเขาบรรยาย เอาไว้ว่า
        ...เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโพลของตำรวจสันติบาลระบุว่า
        พรรคพลังประชาชนจะชนะการเลือกตั้ง ได้เก้าอี้ถึง 219 เสียงว่า ตนไม่แน่ใจว่าเป็นโพล ของสันติบาล เพราะ ผบ.ตร. ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าตำรวจสันติบาลมีหน้าที่อะไรถึงไปทำโพล และถ้าเป็นโพลจริง ตนจะได้ถาม ผบ.ตร. ว่า
        ตำรวจสันติบาลมีหน้าที่ทำโพล หรืออย่างไร?

        "โพลดังกล่าวถือว่า ชี้นำแน่นอนไม่มากก็น้อย และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ เพราะเคยมีการทำวิจัยมาแล้ว ดังนั้น จึงมักจะมีโพลชี้นำออกมา เพื่อที่จะตอกย้ำประชาชนเป็นระยะๆ ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งของการหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าใครไปจ้างทำโพล" รมต. ประจำสำนักนายกฯกล่าว

        ดู “ไอ้ตี๋” มันพูดเข้า!

        ผมไม่รู้ว่า “ไอ้ตี๋” ตัวนี้ มันได้ถาม ผบ.ตร.หรือไม่? แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมา เป็นไปตามการประเมินผลของสันติบาลทุกประการ
        “ไอ้ตี๋” หน้าแหกไปตามระเบียบ!
        ฝ่ายตำรวจสันติบาลพากันหัวเราะกันครึกครื้น เพราะไอ้ตี๋หอกหัก ที่บุญพาวาสนาส่งไปเป็นรัฐมนตรี แต่พูดจาด้วยความ “ง่าว” ที่ตนเองไม่รู้ว่า
        ภารกิจของสันติบาลนั้น มีอะไรบ้าง?
        อย่าว่าแต่หน้าที่ในการสืบสวนหาข่าวสาร หรือผู้เป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง ที่จะกระทบต่อประเทศเลย แม้แต่ “งิ้ว” ซึ่งเป็นการแสดงของบรรพบุรุษ “ไอ้ตี๋” อดีตรัฐมนตรี จะมีการแสดงกันแต่ละที ยังต้องเอาบทของ “งิ้ว” หรืออุปรากรจีน ให้สันติบาลตรวจก่อนเลย หากจะไปเล่นนอกกรุงเทพ ต้องนำบทไปให้ตำรวจท้องที่ตรวจก่อน
        ทำไมถึงจะต้องทำอย่างนั้น ไปถาม “ไอ้ตี๋” มันคงไม่รู้!?

        ใช่แต่อดีตรัฐมนตรี “จั๊ดง่าว” ยุครัฐบาลกะโหลกกะลา ซึ่งเป็นกากเดนรัฐประหาร ของนายพลเขายายเที่ยงเท่านั้น ที่รู้สึกขัดเคืองโพลสันติบาล เพราะไปประเมินว่า
        พรรคทักษิณ...จะชนะ!
        มาถึงการเลือกตั้งใหญ่ ปี พ.ศ.2554 พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นรัฐบาลขณะนั้น ก็โกรธเกรี้ยวถึงขั้นควันออกหู เพราะ “มติชน” หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ ได้พาดหัวตัวไม้ เมื่อวันเสาร์ 11 มิ.ย. 2554 ระบุว่า

        “โพลสันติบาลชี้ พท.ทิ้งขาด แลนด์สไลด์"

        คำว่า “แลนด์สไลด์” หรือ Landslide ในภาษาปะกิตนั้น หากพูดเป็นภาษาไทยธรรมดาในความหมายของ “มติชน” คือ
        “ถล่มทลาย”
        จึงไม่ต้องบอกว่า พรรคดักดานจะขัดเคืองเพียงใด ถึงขั้นลมออกหูหรือไม่ อีกทั้งเรื่องนี้ได้กลายเป็น talk of the town ไปเลย แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา
        พรรคเพื่อไทยชนะแบบ Landslide ตามการประเมินของสันติบาลจริงๆ!
        อยากเล่าเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า
        ผลโพลของสันติบาลนั้น ถูกต้องหรือใกล้เคียงที่สุดกับผลการเลือกตั้งเสมอ ถึงขั้นที่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหนึ่ง ได้ประเมินผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งในส่วนภูมิภาค “ถูกต้อง” ถูกต้องทุกจังหวัดเสียด้วยซ้ำไป!

        ที่ผมพูดอย่างนี้ ท่านผู้อ่านอาจว่า พูดเกินเลยไป แต่ นักข่าวอาวุโส ที่อยู่ในวงการข่าวมานาน คุณสุคนธ์ ชัยอารีย์ นักข่าวและหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า ซึ่งโด่งดังมาจากคอลัมน์ “ชัย อารีย์ ร้องทุกข์” ได้พูดในรายการวิทยุ FM 97 MHz ซึ่งท่านเป็นผู้จัดเอง เมื่อเช้าวันจันทร์ ที่ 13 มิถุนายน 2554 (ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปไม่กี่วัน) ถึงข่าวหนังสือพิมพ์ที่ลงเกี่ยวกับ “โพลสันติบาล” หรือโพลที่ผู้คนเข้าใจว่า ตำรวจสันติบาลเป็นผู้จัดทำเอาไว้อย่างน่าสนใจ ว่า

        ตำรวจสันติบาลนั้น มีการ “ประเมินผลการเลือกตั้ง” หรือที่ชาวบ้านชอบเรียกจนติดปากว่า การทำ “โพล” (ซึ่งความจริงไม่ใช่โพล) มานมนานแล้ว และในวงการหนังสือพิมพ์รู้ดี ทั้งยังให้การยกย่องว่า กรรมวิธีและการประเมินผล ของหน่วยงานนี้
        เชื่อถือได้!
        เจ้าของนามปากกา “ชัย อารีย์” ยังเสริมต่อไปด้วยว่า การคาดการณ์เลือกตั้งของสันติบาลนั้น...
        ...แม่นยำมาก ชนิดไม่เคยทำนายผิดเลย!!
        ท่านผู้อ่านฟังแล้ว รู้สึกอย่างไรครับ?

        ที่ผมต้องนำเรื่องนี้มาเขียนย้ำกันอีก เพราะการที่หน่วยงานของทางราชการ อย่างตำรวจสันติบาลนั้น ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนหาข่าวการเมือง และความมั่นคงของชาติมาเนิ่นนาน ที่มีประวัติและผลงานดีเด่น ในการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์มายาวนาน ตั้งแต่แนวความคิดเรื่องคอมมิวนิสต์ ติดมากับชาวจีนที่อพยพเข้ามาพึ่ง พระบรมโพธิสมภาร ตั้งแต่ พ.ศ.2464 จนถึงการล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เรียกได้ว่า
        สันติบาลไทยนั้น ได้ต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิสต์มา ตั้งแต่ยกแรก จนระฆังยกสุดท้าย และชาติของเราไม่ล่มสลายตามทฤษฎีโดมิโน หรือที่ผมเรียกว่า “ทฤษฎี ระเนระนาด” ตามคำปรามาสของนานาชาติ แต่ชาติไทยของเรา กลับเป็นฝ่าย...

        ประสพ “ชัยชนะ”ในที่สุด!

        สันติบาลไทยนั้น ได้สั่งสมบ่มเพาะบ่มประสบการณ์ในการหาข่าว ด้วยการฝังตัวอยู่ในพื้นที่อย่างยาวนาน จนสามารถจับ อารมณ์ความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งแนวโน้มทัศนะคติของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง
        ที่น่าทึ่งคือ สันติบาลมีวิธีการ “แจงนับ” ในแบบของเขาเอง เช่น นับเป็นกลุ่มโรงงาน กลุ่มอาชีพฯลฯ และซอยยิบลงไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
        ความยากอยู่ตรงที่ แม้กลุ่มอาชีพเดียวกัน แต่ต่าง “ผู้นำ” อาจทำให้แนวโน้มการลงคะแนน แตกต่างหรือไม่เหมือนกัน ซึ่งสันติบาลต้องเข้าไปสัมผัสผู้นำกลุ่มด้วย ซึ่งทำให้เทคนิคในการแจงนับ ผันแปรตามไปด้วย
        จากนั้นจึงจะนำมาประมวลผล สรุปเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาดำเนินการ หรือตัดสินใจสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใด ต่อไป

        ด้วยเหตุนี้ วิธีการประเมินของสันติบาล จึงมีความละเอียดลออ แตกต่างจากโพลอิ่น เพราะสถาบันต่างๆที่เป็นผู้ทำโพลประเภท “ลูก” นั้น
        ไม่เคยเห็น ตัวผู้ลงคะแนน!
        แต่...ระบบของสันติบาลนั้น แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะทั้งตัวตำรวจสันติบาลและสายข่าวในพื้นที่ ทั้งเคยเห็นและรู้จัก กลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนน เป็นอย่างดี  
        ฉะนั้น เมื่อสันติบาลทำรายงานผลการประเมินผลการเลือกตั้งแล้ว
        ความคลาดเคลื่อน จึงมีน้อยมาก!!  
      ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

        การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ซึ่งกำลังจะมาถึง ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ นั้น
        แม้โพลของ “สันติบาล” ยังไมออกมาก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาถึงข่าวคราวความอื้อฉาว ในเรื่องราวสารพัด “ทุจริต” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาสู่ประชาชนอย่างถี่ยิบ มีทั้งอดีตรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคนี้หลายคน รวมทั้ง...
        อดีตผู้ว่า กทม. พรรคเดียวกันอย่าง นายอภิรักษ์
โกษะโยธิน ที่เรื่องไปสู่ศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
        ที่สำคัญคือ...

        แม้แต่ “หม่อมแอ๋ เมาเอ๋อ” ที่ร่ำรวยจากเงินมรดกพกห่อมากมาย ยังต้องอับอายขายขี้หน้า เพราะต้องย้ายตูดย้วยๆ ไปรับทราบข้อกล่าวหา “ทุจริต” จากพนักงานสอบสวน DSI ด้วยแล้ว แต่...
        ยัง “หน้าทน” ไปสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง โดยหวังจะกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมได้อีก เหมือนกับนายอภิรักษ์ฯ ที่เข้ามาได้ก็จริง แต่ต้อง
        ...ลาออกไป!!

        นับว่าบรรยากาศซ้ำรอย กับการเลือกตั้งใหญ่ ปี พ.ศ.2554 จริงๆ

        ดังนั้น จะไม่แปลกใจเลย ถ้าผล “โพลสันติบาล” ระบุออกมา ว่า

        ผู้สมัครของพรรคดักดาน “หม่อมแอ๋ เมาเอ๋อ” จะเป็นฝ่าย…

        พ่ายแพ้...หลุดลุ่ย!!!

credit : http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=413
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่