สวัสดีครับ วันนี้อยากจะมานำเสนอเกี่ยวกับการเป็นส่วนร่วมในงานวิจัย ที่คนธรรมดาๆก็สามารถเป็นส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องจบ ป.เอก หรือเป็น ศาสตรจารย์ ทุกคนก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการค้นคว้าและวิจัยได้ ขอแค่เรามีไฟ อินเตอร์เน็ท และคอมฯเท่านั้น
ทั้งนี้จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจเป็นเนื้อหาที่เก่า แต่ผมมองว่ามันก็ยังเป็นประโยชน์หากเราจะยังนำมาพูดถึงกันอยู่ต่อไปนะครับ
ปล. หากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใด ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ หรือท่านใดมีเนื้อหาเพิ่มเติมก็สามารถเพิ่มเติมได้นะครับ
ภาพแสดงการจำลองการซ้อนทับและจัดเรียงตัวของโปรตีนจากสายโปรตีนธรรมดา
แหล่งที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File: Protein_folding.png
เนื่องจากในปัจจุบันเราสามารถที่จะทำการศึกษาได้ถึงสาเหตุการเกิดโรคต่างๆในระดับโมเลกุล ซึ่งเป็นการศึกษาในระดับที่ยากที่จะทำนายได้เพราะกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นสามารถนำมาคำนวณความเป็นไปได้เยอะมาก ดังนั้นปัจจุบันจึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการประเมินและทำนายความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงของโมเลกุลเป้าหมาย โดยเฉพาะโปรตีน เนื่องจากโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักทั้งใน receptor, enzyme, hormone และอื่นๆ ดังนั้นหากโปรตีนที่เกี่ยวข้องเกิดการเปลี่ยนแปลงก็อาจนำมาซึ่งโรคต่างๆ ซึ่งปกติในงานศึกษาและงานวิจัยเพื่อที่จะทำการประมวลผลศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนหนึ่งๆนั้นจำเป็นจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลที่สูงมาก อาจจำเป็นต้องใช้ super computer ที่มีหน่วยประมวลผลในระดับแสน core เลยทีเดียว (ใช่ครับทุกท่านอ่านไม่ผิดแล้ว ตัดภาพมาที่ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่เราๆใช้กันอยู่มีหน่วยประมวลผลในระดับแค่เพียง 3,5,7 core) ดังนั้น หากจะต้องเอาคอมพิวเตอร์ธรรมดามาประมวลผลแล้วกว่าจะได้ผลการศึกษาจาก Protein เล็กๆสักตัว คงต้องใช้เวลาหลาย 10 ปีเป็นแน่เเท้
ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดจึงได้มีการทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการหวังว่า หากเรานำเอาคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ มาช่วยกันประมวลผลจากไม่กี่ core หากสามารถนำมาช่วยกันทำงานผ่าน server เดียวกันได้ ก็จะทำให้สามารถทำงานได้ทดเเทน หรือเทียบเท่ากับการใช้ super computer หรือดีไม่ดีการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกช่วยกันประมวลผลอาจจะได้ผลที่ดีรวดเร็วกว่าการใช้ super computer ก็ได้
ดังนั้นโครงการนี้จึงเกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2000 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลืองานวิจัยได้ ได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษา และเพื่อพัฒนายาและวิธีการในการรักษาโรคต่างๆ โดยตอนนี้ก็มีการศึกษาในหมวดโรคต่างๆเช่น
1. Alzheimer's disease
2. Huntington's disease
3. มะเร็ง
4. Osteogenesis imperfecta
5. ไวรัส
หรืออาจจะประเมินการเข้าจับของ ยา กับ Receptor
ภาพแสดงการประมวลผลทำงานของ Folding at home
แหล่งที่มา : Adam L. Beberg et al. 2009
แล้ว Folding at home มันมีหลักการทำงานอย่างไร ? ทำไมคอมพิวเตอร์ที่บ้านเรา หรือบ้านอื่นๆทั่วโลกถึงสามารถที่จะทำงาน ประมวลผลร่วมกันได้ ?
หลักการทำงานสามารถอธิบายได้คร่าวๆโดย หากสมมติว่าเราเปิดคอมและลงโปรแกรม Folding at home แล้ว คอมของเราจะทำการส่งข้อมูลไปยัง Work server เพื่อถามขอว่างานที่คอมเราจะต้องทำมีอะไรบ้าง นอกจากงานที่จะขอแล้วคอมของเราอาจจะส่งข้อมูลไปยัง Web servers ว่าในการประมวลผลโปรตีนตัวนี้เนี่ยมันจะต้องมีการกำหนดค่า in puts ใดๆบ้างเพื่อให้การคำนวณของคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน (เหมือนเวลาไปโรงเรียนแล้วอาจารย์แจกการบ้านมานั้นแหละครับ)
เมื่อคอมเราได้การบ้านมาแล้วเราก็จะทำการบ้านครับ คอมเราก็จะส่งผลการประมวลที่ได้ไปยัง work server อีกครั้ง หรือถ้าบางทีงานวิจัยที่เราร่วมอยู่นั้นมีการจัดตั้ง server เฉพาะของตัวเองก็อาจจะส่งไปยัง sever เฉพาะ (เหมือนเราทำการบ้านเสร็จแล้ว เราก็ส่งสมุดการบ้านให้อาจารย์ครับ)
สุดท้ายผลที่ได้จากการประมวลผลจะถูกส่งไปทำคำนวณเป็นสถิติต่อไป
ซึ่งเราต้องไม่ลืมนะครับว่าที่คอมเราคำนวณได้ผลๆหนึ่งได้การเรียงตัวของโปรตีนแบบหนึ่ง มันคือความเป็นไปได้ครับนั้นเท่ากับว่าสมมติว่าคอมเราคำนวณได้โปรตีนเรียงตัวเป็นรูป A แต่คอมของคนอื่นที่ทำงานเดียวกันกับเราอาจจะคำนวณเป็นรูป B ก็ได้ครับ ทุกอย่างจะถูกนำไปรวมไว้ที่ server หลักเพื่อประมวลผลเป็นสถิติอีกทีครับ ซึ่งผลที่ได้จากการประมวลผลของคอมแต่ละเครื่องก็จะได้ผลแต่แตกต่างและเฉพาะกันไป
แต่ต้องยอมรับครับว่าการช่วยกันคำนวณแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยครับ เพราะคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ CPU I7-7700 แรม 16 Gb การ์ดจอ 1060 6Gb เองก็เปิดโปรแกรมนี้ทิ้งไว้เป็นวันยังคำนวณได้ผลแค่ไม่ถึง 60% เลยครับ เราได้แค่เศษเสี้ยวของงานวิจัยจริงๆ 5555
จะเห็นได้ว่าการคำนวณเพื่อประมวลผลความเป็นไปได้ในการจัดเรียงโปรตีนสัก1สายไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะทุกอย่างถูกคำนวณบนพื้นฐานของ พลศาสตร์
เช่นการคำนวณวิถีของการเรียงตัวของสายการซ้อนทับและไม่ซ้อนทับโปรตีนที่มี barrier อาจให้ผล Simulation รูปแบบโปรตีนในระดับที่เป็น exponential หรือก็คือ ความเป็นไปได้แค่ส่วนเล็กๆของโปรตีน ก็สามารถให้รูปแบบที่เป็นไปได้ถึงระดับยกกำลัง
n/N = 1 - e(-kt)
ซึ่งมันเป็นความเป็นไปได้ที่เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ
ดังนั้นจะเห็นว่ากว่าจะได้งานวิจัยแต่ละงานมามันช่างยากเย็นยิ่งนัก
ภาพแสดงขั้นตอนความเป็นไปได้ในการจัดเรียง การซ้อนทับของสายโปรตีนหนึ่งที่อาจมี pathway ที่หลากหลายในการจัดเรียงตัว
แหล่งที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File:ACBP_MSM_from_Folding@home.tiff
แล้วตั้งแต่เปิดโปรเจ็คนี้มามีงานวิจัยใดบ้างที่สำเร็จแล้วบ้าง ?
จนถึงตอนนี้คงมีคนสงสัยว่าตั้งแต่เปิดโปรเจ็คนี้มาเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปีผ่านไปแล้ว มีงานใดบ้างที่สำเร็จ ในปัจจุบันพบว่ามีงานวิจัยกว่าร้อยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ไปแล้ว และมีส่วนของผลจากการใช้ Folding @ home ในการศึกษา นั้นแสดงว่า ผลที่ได้จากการช่วยกันวิจัยด้วยคอมพิวเตอร์บ้านๆของพวกเรานั้นสามารถเป็นส่วนช่วยให้นักวิจัยสามารถคิดค้น พัฒนา และศึกษาถึงกลไกการเกิดโรค และเป็นแนวทางในการรักษาโรคได้จริงๆ ตัวอย่างงานที่สำเร็จเช่น การศึกษา IL-2 superkine ซึ่งเป็นสารที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันต่างๆ หรือการศึกษาการจัดเรียงตัวของ four-α-helix acyl-CoA binding protein (ACBP) และอื่นๆอีกมากมาย
ภาพแสดงการศึกษาภาวะการเรียงตัวของ four-α-helix acyl-CoA binding protein (ACBP)
แหล่งที่มา : Pétur O. Heidarsson et al. 2012
ในปัจจุบันก็นอกจาก folding at home แล้วก็ยังมีการพัฒนาโปรเจ็คใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษางานด้านอื่นๆอีกเช่น Rosetta@home ซึ่งจะทำการศึกษาในโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับภาวะโรคติดเชื้อไวรัสต่างๆเช่น Herpes simplex virus 1, HIV หรือ malaria
ทั้งนี้หากใครสนใจจะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาและวิจัยเพื่อพัฒนาการรักษาใหม่ๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่
https://folding.stanford.edu/
นะครับ การใช้งานโปรแกรมไม่ยากมาก (หากไม่คิดจะทำอะไรมากนะครับ 5555) เพราะเมื่อลงโปรแกรม และเปิดโปรแกรม คอมพิวเตอร์ของเราก็จะทำการประมวลผลให้โดยอัตโนมัติเลยครับ

ไม่ยากเย็นจริงๆครับ (เพราะถ้ามันยากเย็นเกินไปคนธรรมดาเองก็คงไม่อาจเข้ามาช่วยงานได้ 555)
สุดท้ายนี้การสละเวลาและค่าไฟช่วยงานวิจัยนี้ อาจจะพูดได้ว่าเป็นช่วยกันทำบุญก็ได้นะครับ 5555 
การที่เรามาช่วยทำงานวิจัยนี้อาจจะดูเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ แต่หากฟันเฟืองเล็กๆช่วยกันทำงาน สุดท้ายก็จะได้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพมาก ทำให้เราสามาถพัฒนายาคิดค้นยาในการรักษาโรคใหม่ๆได้ ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบโรคภัยให้หายเจ็บป่วยเร็วขึ้นก็เป็นได้นะครับ 
https://www.youtube.com/watch?v=7sJx9z1uB9k&feature=youtu.be
สุดท้ายจริงๆ แล้วขอยืมคำพูดจาก Folding@homeThailand นะครับ
ขอให้กุศลของการบริจาคเวลาการทำงานของเครื่องท่านเพื่อช่วยเหลืองานวิจัยหา ยารักษาคนที่ป่วยเป็นโรคร้าย ให้ท่าน คนที่ท่านรักและครอบครัวประสบความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ
ปล.สุดท้าย สามารถติดตามเนื้อหาอื่นๆได้ที่
เพจวิจัยกากๆ
https://www.facebook.com/noobresearch/
กระทู้เก่าๆของ จขกท.
https://pantip.com/topic/36308254
https://pantip.com/topic/36338941
ทุกคนสามารถร่วมกันเป็นนักวิจัยเพื่อพัฒนายารักษาโรคใหม่ๆได้ด้วย Folding at home
ทั้งนี้จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจเป็นเนื้อหาที่เก่า แต่ผมมองว่ามันก็ยังเป็นประโยชน์หากเราจะยังนำมาพูดถึงกันอยู่ต่อไปนะครับ
ปล. หากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใด ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ หรือท่านใดมีเนื้อหาเพิ่มเติมก็สามารถเพิ่มเติมได้นะครับ
แหล่งที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File: Protein_folding.png
เนื่องจากในปัจจุบันเราสามารถที่จะทำการศึกษาได้ถึงสาเหตุการเกิดโรคต่างๆในระดับโมเลกุล ซึ่งเป็นการศึกษาในระดับที่ยากที่จะทำนายได้เพราะกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นสามารถนำมาคำนวณความเป็นไปได้เยอะมาก ดังนั้นปัจจุบันจึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการประเมินและทำนายความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงของโมเลกุลเป้าหมาย โดยเฉพาะโปรตีน เนื่องจากโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักทั้งใน receptor, enzyme, hormone และอื่นๆ ดังนั้นหากโปรตีนที่เกี่ยวข้องเกิดการเปลี่ยนแปลงก็อาจนำมาซึ่งโรคต่างๆ ซึ่งปกติในงานศึกษาและงานวิจัยเพื่อที่จะทำการประมวลผลศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนหนึ่งๆนั้นจำเป็นจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลที่สูงมาก อาจจำเป็นต้องใช้ super computer ที่มีหน่วยประมวลผลในระดับแสน core เลยทีเดียว (ใช่ครับทุกท่านอ่านไม่ผิดแล้ว ตัดภาพมาที่ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่เราๆใช้กันอยู่มีหน่วยประมวลผลในระดับแค่เพียง 3,5,7 core) ดังนั้น หากจะต้องเอาคอมพิวเตอร์ธรรมดามาประมวลผลแล้วกว่าจะได้ผลการศึกษาจาก Protein เล็กๆสักตัว คงต้องใช้เวลาหลาย 10 ปีเป็นแน่เเท้ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดจึงได้มีการทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการหวังว่า หากเรานำเอาคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ มาช่วยกันประมวลผลจากไม่กี่ core หากสามารถนำมาช่วยกันทำงานผ่าน server เดียวกันได้ ก็จะทำให้สามารถทำงานได้ทดเเทน หรือเทียบเท่ากับการใช้ super computer หรือดีไม่ดีการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกช่วยกันประมวลผลอาจจะได้ผลที่ดีรวดเร็วกว่าการใช้ super computer ก็ได้
ดังนั้นโครงการนี้จึงเกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2000 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลืองานวิจัยได้ ได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษา และเพื่อพัฒนายาและวิธีการในการรักษาโรคต่างๆ โดยตอนนี้ก็มีการศึกษาในหมวดโรคต่างๆเช่น
1. Alzheimer's disease
2. Huntington's disease
3. มะเร็ง
4. Osteogenesis imperfecta
5. ไวรัส
หรืออาจจะประเมินการเข้าจับของ ยา กับ Receptor
ภาพแสดงการประมวลผลทำงานของ Folding at home
แหล่งที่มา : Adam L. Beberg et al. 2009
แล้ว Folding at home มันมีหลักการทำงานอย่างไร ? ทำไมคอมพิวเตอร์ที่บ้านเรา หรือบ้านอื่นๆทั่วโลกถึงสามารถที่จะทำงาน ประมวลผลร่วมกันได้ ?
หลักการทำงานสามารถอธิบายได้คร่าวๆโดย หากสมมติว่าเราเปิดคอมและลงโปรแกรม Folding at home แล้ว คอมของเราจะทำการส่งข้อมูลไปยัง Work server เพื่อถามขอว่างานที่คอมเราจะต้องทำมีอะไรบ้าง นอกจากงานที่จะขอแล้วคอมของเราอาจจะส่งข้อมูลไปยัง Web servers ว่าในการประมวลผลโปรตีนตัวนี้เนี่ยมันจะต้องมีการกำหนดค่า in puts ใดๆบ้างเพื่อให้การคำนวณของคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน (เหมือนเวลาไปโรงเรียนแล้วอาจารย์แจกการบ้านมานั้นแหละครับ)
เมื่อคอมเราได้การบ้านมาแล้วเราก็จะทำการบ้านครับ คอมเราก็จะส่งผลการประมวลที่ได้ไปยัง work server อีกครั้ง หรือถ้าบางทีงานวิจัยที่เราร่วมอยู่นั้นมีการจัดตั้ง server เฉพาะของตัวเองก็อาจจะส่งไปยัง sever เฉพาะ (เหมือนเราทำการบ้านเสร็จแล้ว เราก็ส่งสมุดการบ้านให้อาจารย์ครับ)
สุดท้ายผลที่ได้จากการประมวลผลจะถูกส่งไปทำคำนวณเป็นสถิติต่อไป
ซึ่งเราต้องไม่ลืมนะครับว่าที่คอมเราคำนวณได้ผลๆหนึ่งได้การเรียงตัวของโปรตีนแบบหนึ่ง มันคือความเป็นไปได้ครับนั้นเท่ากับว่าสมมติว่าคอมเราคำนวณได้โปรตีนเรียงตัวเป็นรูป A แต่คอมของคนอื่นที่ทำงานเดียวกันกับเราอาจจะคำนวณเป็นรูป B ก็ได้ครับ ทุกอย่างจะถูกนำไปรวมไว้ที่ server หลักเพื่อประมวลผลเป็นสถิติอีกทีครับ ซึ่งผลที่ได้จากการประมวลผลของคอมแต่ละเครื่องก็จะได้ผลแต่แตกต่างและเฉพาะกันไป
แต่ต้องยอมรับครับว่าการช่วยกันคำนวณแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยครับ เพราะคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ CPU I7-7700 แรม 16 Gb การ์ดจอ 1060 6Gb เองก็เปิดโปรแกรมนี้ทิ้งไว้เป็นวันยังคำนวณได้ผลแค่ไม่ถึง 60% เลยครับ เราได้แค่เศษเสี้ยวของงานวิจัยจริงๆ 5555
จะเห็นได้ว่าการคำนวณเพื่อประมวลผลความเป็นไปได้ในการจัดเรียงโปรตีนสัก1สายไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะทุกอย่างถูกคำนวณบนพื้นฐานของ พลศาสตร์
เช่นการคำนวณวิถีของการเรียงตัวของสายการซ้อนทับและไม่ซ้อนทับโปรตีนที่มี barrier อาจให้ผล Simulation รูปแบบโปรตีนในระดับที่เป็น exponential หรือก็คือ ความเป็นไปได้แค่ส่วนเล็กๆของโปรตีน ก็สามารถให้รูปแบบที่เป็นไปได้ถึงระดับยกกำลัง
ซึ่งมันเป็นความเป็นไปได้ที่เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ
ดังนั้นจะเห็นว่ากว่าจะได้งานวิจัยแต่ละงานมามันช่างยากเย็นยิ่งนัก
แหล่งที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File:ACBP_MSM_from_Folding@home.tiff
แล้วตั้งแต่เปิดโปรเจ็คนี้มามีงานวิจัยใดบ้างที่สำเร็จแล้วบ้าง ?
จนถึงตอนนี้คงมีคนสงสัยว่าตั้งแต่เปิดโปรเจ็คนี้มาเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปีผ่านไปแล้ว มีงานใดบ้างที่สำเร็จ ในปัจจุบันพบว่ามีงานวิจัยกว่าร้อยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ไปแล้ว และมีส่วนของผลจากการใช้ Folding @ home ในการศึกษา นั้นแสดงว่า ผลที่ได้จากการช่วยกันวิจัยด้วยคอมพิวเตอร์บ้านๆของพวกเรานั้นสามารถเป็นส่วนช่วยให้นักวิจัยสามารถคิดค้น พัฒนา และศึกษาถึงกลไกการเกิดโรค และเป็นแนวทางในการรักษาโรคได้จริงๆ ตัวอย่างงานที่สำเร็จเช่น การศึกษา IL-2 superkine ซึ่งเป็นสารที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันต่างๆ หรือการศึกษาการจัดเรียงตัวของ four-α-helix acyl-CoA binding protein (ACBP) และอื่นๆอีกมากมาย
ภาพแสดงการศึกษาภาวะการเรียงตัวของ four-α-helix acyl-CoA binding protein (ACBP)
แหล่งที่มา : Pétur O. Heidarsson et al. 2012
ในปัจจุบันก็นอกจาก folding at home แล้วก็ยังมีการพัฒนาโปรเจ็คใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษางานด้านอื่นๆอีกเช่น Rosetta@home ซึ่งจะทำการศึกษาในโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับภาวะโรคติดเชื้อไวรัสต่างๆเช่น Herpes simplex virus 1, HIV หรือ malaria
ทั้งนี้หากใครสนใจจะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาและวิจัยเพื่อพัฒนาการรักษาใหม่ๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ https://folding.stanford.edu/
นะครับ การใช้งานโปรแกรมไม่ยากมาก (หากไม่คิดจะทำอะไรมากนะครับ 5555) เพราะเมื่อลงโปรแกรม และเปิดโปรแกรม คอมพิวเตอร์ของเราก็จะทำการประมวลผลให้โดยอัตโนมัติเลยครับ
สุดท้ายนี้การสละเวลาและค่าไฟช่วยงานวิจัยนี้ อาจจะพูดได้ว่าเป็นช่วยกันทำบุญก็ได้นะครับ 5555
การที่เรามาช่วยทำงานวิจัยนี้อาจจะดูเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ แต่หากฟันเฟืองเล็กๆช่วยกันทำงาน สุดท้ายก็จะได้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพมาก ทำให้เราสามาถพัฒนายาคิดค้นยาในการรักษาโรคใหม่ๆได้ ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบโรคภัยให้หายเจ็บป่วยเร็วขึ้นก็เป็นได้นะครับ
https://www.youtube.com/watch?v=7sJx9z1uB9k&feature=youtu.be
สุดท้ายจริงๆ แล้วขอยืมคำพูดจาก Folding@homeThailand นะครับ
ขอให้กุศลของการบริจาคเวลาการทำงานของเครื่องท่านเพื่อช่วยเหลืองานวิจัยหา ยารักษาคนที่ป่วยเป็นโรคร้าย ให้ท่าน คนที่ท่านรักและครอบครัวประสบความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ
ปล.สุดท้าย สามารถติดตามเนื้อหาอื่นๆได้ที่
เพจวิจัยกากๆ https://www.facebook.com/noobresearch/
กระทู้เก่าๆของ จขกท.
https://pantip.com/topic/36308254
https://pantip.com/topic/36338941