สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษเป็นงานประจำมาเกือบ 2 ปี ว่าทำไมคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษกันมาเกือบทั้งชีวิตแต่ก็ยังสื่อสารหรือพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซักที
ปัจจัยแรกแน่นอนคือระบบการศึกษาของไทย ซึ่งอันนี้เป็นหัวข้อที่คนยกขึ้นมาถกกันอยู่เรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นปัจจัยนี้จะไม่ขอกล่าวถึงในกระทู้นี้ แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่จขกท คิดว่ามีผลกับการเรียนภาษาอังกฤษที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือตัวผู้เรียนเอง และเป็นปัจจัยที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ต่อให้ระบบการศึกษาของไทยจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถขัดขวางเราจากการพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ
เคยสังเกตมั้ยคะว่า เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน เรียนพิเศษที่เดียวกัน ทำไมเพื่อนคนอื่น ถึงได้
"พูด"ภาษาอังกฤษเก่งกว่าเรา
พูดถึงการพูดนะคะ ไม่ใช่คะแนน เพราะคะแนน การอ่าน การท่อง การจำ การเข้าใจ ช่วยทำให้ได้คะแนน (ในระบบการศึกษาของไทย) แต่การพูดเนี่ย เคยคิดมั้ยคะว่าทำไม? ทำไมเพื่อนพูดได้ ทำไมฉันพูดไม่ได้?
พูดอังกฤษไม่ได้ เรียนอังกฤษไม่เข้าใจ ไม่ได้แปลว่าโง่
เวลาที่สอนเด็กแล้วเด็กบางคนทำข้อสอบไม่ได้ เด็กหลายคนจะให้เหตุผลว่า ก็หนูโง่อังกฤษ ซึ่งจขกทจะบอกเด็กเสมอว่า การเก่งภาษาอังกฤษไม่ได้มีปัจจัยมากจากความโง่หรือฉลาด แต่การเรียนรู้ภาษามันคือทักษะอย่างหนึ่ง ซึ่งทักษะเนี่ยมันจะเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน ฉะนั้นภาษาอังกฤษถ้าอยากเก่งก็ต้องฝึกบ่อยๆ แค่นั้นเอง
อีกปัจจัยนึงก็คือความถนัด การเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้เร็ว เลียนเสียงหรือสำเนียงได้เร็วกว่าบางคน นั่นเป็นเพราะว่าเค้ามีความถนัดด้านภาษามากกว่า เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเราโง่ หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้าเราไม่ถนัดเราก็อาจจะต้องฝึกฝนให้มากขึ้นแค่นั้นเอง
ไม่กล้าพูด
เหตุผลนี้เป็นเหตุผลยอดฮิตมาก ซึ่งสาเหตุของการไม่กล้าพูดนั้นก็มาจากความ "กลัว" กลัวจะพูดผิด กลัวฝรั่ง กลัวพูดแล้วเค้าไม่เข้าใจ กลัวเค้าพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
สาเหตุนี้แก้ได้ไม่ยาก วิธีแก้ก็คือ
พูดไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวผิด เพราะยังไงก็ผิด ไม่ผิดสิแปลก (เพราะเรากำลังเรียนรู้) ถ้าเราจะไม่กล้าพูด เพียงเพราะกลัวพูดผิด อีก 20 ปียังไม่รู้จะได้อ้าปากพูดรึเปล่า ไม่รู้จะต้องเก็บเกี่ยววิทยายุทธกันอีกนานกี่ปีแสงถึงจะพูดไม่ผิดแล้วถึงจะกล้าพูด คืออยากจะบอกว่า การเรียนรู้เนี่ยมันเกิดขึ้นจากข้อผิดพลาด ถ้าเราไม่พูด เราไม่ผิด เราก็จะไม่เกิดการเรียนรู้ แก้ไข้ และจดจำ อันนี้พูดถึงกรณีเด็กไทยที่เรียนภาษาอังกฤษกันมานาน รู้ศัพท์ รู้แกรมม่าแต่ไม่กล้าพูดนะคะ ส่วนคนที่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ขึ้นต้นประโยคไม่เป็น
ติดตามตอนต่อไปจะมาแชร์วิธีเริ่มต้นในการพูดค่ะ
ไม่ชอบภาษาอังกฤษ/เกลียดภาษาอังกฤษ
เหตุผลนี้เป็นเหตุผลสำคัญมากกกก เพราะเวลาที่เราไม่ชอบอะไร มันก็จะไม่อยากทำ หรือถ้าต้องทำก็จะทำได้ไม่ดี
อันนี้ต้องมาดูเหตุผลของตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ไม่ชอบหรือเกลียด อาจจะเป็นเพราะครูผู้สอน เพื่อนล้อ คนรอบข้างล้อ สิ่งที่จะแก้ได้คือ
การเปิดใจ รู้ค่ะว่ามันทำยาก เพราะจขกทก็เกลียดเลขเนื่องจากมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับครูสอนเลขช่วงมัธยมเช่นกัน (ทุกคนน่าจะเคยชอบหรือไม่ชอบครูที่เคยสอน และแต่ละคนก็อาจจะมีการแสดงออกและรับมือต่างกันไป แต่จขกทคือโดดเรียนเลยจ้า 555 ตามประสาวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเอาใจยาก) พอไม่เข้าเรียนก็ไม่เข้าใจ แล้วเลขเนี่ยพอไม่เข้าใจหนึ่งสูตร ก็ยาวไปถึงสูตรอื่น ลามไปถึงวิชาที่มีตัวเลข ยันเคมี ฟิสิกส์

พอไม่เข้าใจ ทำไม่ได้ก็เลยเกลียด ส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าอาจารย์จะสอนดีแค่ไหนยังไง แต่เมื่อเนื้อหาที่เรียนมีตัวเลข หูก็จะเริ่มดับ สมองจะเริ่มปิดทันที


หลายคนที่ไม่ชอบเพราะเพื่อนล้อ คนอื่นล้อแล้วมันฝังใจ ยกตัวอย่าง มีเด็กคนนึงบอกว่าหนูเคยพูดแล้วเพื่อนหัวเราะขำ อาจารย์หัวเราะขำ เลยทำให้หนูฝังใจไม่กล้าพูด ตรงนี้อยากให้คิดซะว่ามันเหมือนกับร้องเพลงให้กบฟัง แล้วกบฟังไม่เข้าใจก็เลยส่งเสียงกวน

คือคนที่ชอบล้อคนอื่นเนี่ย เวลาเค้าล้อเค้าอาจจะไม่คิดอะไร ล้อเสร็จ สนุก จบ แต่คนฟังอย่างเราเก็บไปคิดแล้วเสียความมั่นใจ คือเราอย่าให้คำพูดของคนที่คิดน้อยมาขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของเราดีกว่าค่ะ มั่นใจเข้าไว้ อยากจะยกตัวอย่างเด็กที่สอน จะมีอยู่คนนึง เค้าแทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในห้องที่กล้าพูด ซึ่งเวลาเค้าพูด ก็พูดผิดบ้างถูกบ้าง เวลาที่เพื่อนขำ เค้าก็จะขำไปด้วย ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องหน้าอายหรือต้องทำให้ไม่กล้าพูด แล้วทุกวันนี้ทักษะการพูดของเค้าก้าวหน้าไปกว่าเพื่อนคนอื่นในห้อง ถึงแม้คะแนนสอบไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ แต่จขกทก็คิดว่าเค้าได้กำไรกว่าคนที่ไปนั่งเรียนแล้วได้แค่แกรมม่า ได้แค่คะแนนสอบ เพียงเพราะไม่กล้าพูดเท่านั้นเอง (เทียบกับเวลาที่เสียไปในการนั่งเรียน)

แล้วต้องเปิดใจยังไง
คำแนะนำก็คือ เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบนั้นน่ะ มันมีประโยชน์ มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน มีผลต่อความก้าวหน้าในการเรียนหรืออาชีพการงานของเรายังไง ง่ายๆ ก็คือหาแรงจูงใจนั่นเอง
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถติดต่อซื้อขายกับลูกค้าทั่วโลกได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเที่ยวได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องง้อทัวร์
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพได้เร็ว
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถพูดคุย มีเพื่อนชาวต่างชาติได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเรียนต่อต่างประเทศได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเข้าใจหนัง เข้าใจเพลงภาษาอังกฤษได้
etc.
ลองหาแรงจูงใจของตัวเองดูค่ะ
ถ้าเราเปิดใจแล้วไม่ว่าการเรียนในห้อง หรือการพูดภาษาอังกฤษ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษมันใกล้ตัวกว่าที่คิด และเริ่มจำเป็นขึ้นเรื่อยๆ มองอีกแง่หนึ่งการที่เราฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้เป็นการเปิดโอกาสต่างๆให้กับชีวิต เหมือนเปิดโลกใบใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าใครที่อยากจะอยู่ในโลกใบเดิมก็ไม่ผิดเช่นกันค่ะ แต่อยากให้เปิดใจดู
และถึงเราเกรดไม่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่งได้ อย่างที่บอกค่ะ พูดอังกฤษเก่งหรือไม่เก่ง ไม่ได้วัดกันที่คะแนนสอบ!
โพสหน้า จะมาแนะนำสิ่งที่ต้องรู้และต้องมี ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ ใครที่สนใจเชิญติดตามค่ะ
ทำไมเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนานแต่พูดไม่ได้?
ปัจจัยแรกแน่นอนคือระบบการศึกษาของไทย ซึ่งอันนี้เป็นหัวข้อที่คนยกขึ้นมาถกกันอยู่เรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นปัจจัยนี้จะไม่ขอกล่าวถึงในกระทู้นี้ แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่จขกท คิดว่ามีผลกับการเรียนภาษาอังกฤษที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือตัวผู้เรียนเอง และเป็นปัจจัยที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ต่อให้ระบบการศึกษาของไทยจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถขัดขวางเราจากการพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ
เคยสังเกตมั้ยคะว่า เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน เรียนพิเศษที่เดียวกัน ทำไมเพื่อนคนอื่น ถึงได้"พูด"ภาษาอังกฤษเก่งกว่าเรา พูดถึงการพูดนะคะ ไม่ใช่คะแนน เพราะคะแนน การอ่าน การท่อง การจำ การเข้าใจ ช่วยทำให้ได้คะแนน (ในระบบการศึกษาของไทย) แต่การพูดเนี่ย เคยคิดมั้ยคะว่าทำไม? ทำไมเพื่อนพูดได้ ทำไมฉันพูดไม่ได้?
เวลาที่สอนเด็กแล้วเด็กบางคนทำข้อสอบไม่ได้ เด็กหลายคนจะให้เหตุผลว่า ก็หนูโง่อังกฤษ ซึ่งจขกทจะบอกเด็กเสมอว่า การเก่งภาษาอังกฤษไม่ได้มีปัจจัยมากจากความโง่หรือฉลาด แต่การเรียนรู้ภาษามันคือทักษะอย่างหนึ่ง ซึ่งทักษะเนี่ยมันจะเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน ฉะนั้นภาษาอังกฤษถ้าอยากเก่งก็ต้องฝึกบ่อยๆ แค่นั้นเอง
อีกปัจจัยนึงก็คือความถนัด การเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้เร็ว เลียนเสียงหรือสำเนียงได้เร็วกว่าบางคน นั่นเป็นเพราะว่าเค้ามีความถนัดด้านภาษามากกว่า เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเราโง่ หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้าเราไม่ถนัดเราก็อาจจะต้องฝึกฝนให้มากขึ้นแค่นั้นเอง
เหตุผลนี้เป็นเหตุผลยอดฮิตมาก ซึ่งสาเหตุของการไม่กล้าพูดนั้นก็มาจากความ "กลัว" กลัวจะพูดผิด กลัวฝรั่ง กลัวพูดแล้วเค้าไม่เข้าใจ กลัวเค้าพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
สาเหตุนี้แก้ได้ไม่ยาก วิธีแก้ก็คือ พูดไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวผิด เพราะยังไงก็ผิด ไม่ผิดสิแปลก (เพราะเรากำลังเรียนรู้) ถ้าเราจะไม่กล้าพูด เพียงเพราะกลัวพูดผิด อีก 20 ปียังไม่รู้จะได้อ้าปากพูดรึเปล่า ไม่รู้จะต้องเก็บเกี่ยววิทยายุทธกันอีกนานกี่ปีแสงถึงจะพูดไม่ผิดแล้วถึงจะกล้าพูด คืออยากจะบอกว่า การเรียนรู้เนี่ยมันเกิดขึ้นจากข้อผิดพลาด ถ้าเราไม่พูด เราไม่ผิด เราก็จะไม่เกิดการเรียนรู้ แก้ไข้ และจดจำ อันนี้พูดถึงกรณีเด็กไทยที่เรียนภาษาอังกฤษกันมานาน รู้ศัพท์ รู้แกรมม่าแต่ไม่กล้าพูดนะคะ ส่วนคนที่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ขึ้นต้นประโยคไม่เป็น ติดตามตอนต่อไปจะมาแชร์วิธีเริ่มต้นในการพูดค่ะ
เหตุผลนี้เป็นเหตุผลสำคัญมากกกก เพราะเวลาที่เราไม่ชอบอะไร มันก็จะไม่อยากทำ หรือถ้าต้องทำก็จะทำได้ไม่ดี
อันนี้ต้องมาดูเหตุผลของตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ไม่ชอบหรือเกลียด อาจจะเป็นเพราะครูผู้สอน เพื่อนล้อ คนรอบข้างล้อ สิ่งที่จะแก้ได้คือการเปิดใจ รู้ค่ะว่ามันทำยาก เพราะจขกทก็เกลียดเลขเนื่องจากมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับครูสอนเลขช่วงมัธยมเช่นกัน (ทุกคนน่าจะเคยชอบหรือไม่ชอบครูที่เคยสอน และแต่ละคนก็อาจจะมีการแสดงออกและรับมือต่างกันไป แต่จขกทคือโดดเรียนเลยจ้า 555 ตามประสาวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเอาใจยาก) พอไม่เข้าเรียนก็ไม่เข้าใจ แล้วเลขเนี่ยพอไม่เข้าใจหนึ่งสูตร ก็ยาวไปถึงสูตรอื่น ลามไปถึงวิชาที่มีตัวเลข ยันเคมี ฟิสิกส์
หลายคนที่ไม่ชอบเพราะเพื่อนล้อ คนอื่นล้อแล้วมันฝังใจ ยกตัวอย่าง มีเด็กคนนึงบอกว่าหนูเคยพูดแล้วเพื่อนหัวเราะขำ อาจารย์หัวเราะขำ เลยทำให้หนูฝังใจไม่กล้าพูด ตรงนี้อยากให้คิดซะว่ามันเหมือนกับร้องเพลงให้กบฟัง แล้วกบฟังไม่เข้าใจก็เลยส่งเสียงกวน
คำแนะนำก็คือ เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบนั้นน่ะ มันมีประโยชน์ มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน มีผลต่อความก้าวหน้าในการเรียนหรืออาชีพการงานของเรายังไง ง่ายๆ ก็คือหาแรงจูงใจนั่นเอง
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถติดต่อซื้อขายกับลูกค้าทั่วโลกได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเที่ยวได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องง้อทัวร์
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพได้เร็ว
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถพูดคุย มีเพื่อนชาวต่างชาติได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเรียนต่อต่างประเทศได้
ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะสามารถเข้าใจหนัง เข้าใจเพลงภาษาอังกฤษได้
etc.
ลองหาแรงจูงใจของตัวเองดูค่ะ
ถ้าเราเปิดใจแล้วไม่ว่าการเรียนในห้อง หรือการพูดภาษาอังกฤษ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษมันใกล้ตัวกว่าที่คิด และเริ่มจำเป็นขึ้นเรื่อยๆ มองอีกแง่หนึ่งการที่เราฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้เป็นการเปิดโอกาสต่างๆให้กับชีวิต เหมือนเปิดโลกใบใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าใครที่อยากจะอยู่ในโลกใบเดิมก็ไม่ผิดเช่นกันค่ะ แต่อยากให้เปิดใจดู
และถึงเราเกรดไม่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่งได้ อย่างที่บอกค่ะ พูดอังกฤษเก่งหรือไม่เก่ง ไม่ได้วัดกันที่คะแนนสอบ!
โพสหน้า จะมาแนะนำสิ่งที่ต้องรู้และต้องมี ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ ใครที่สนใจเชิญติดตามค่ะ