GBU-43/B Massive Ordnance Air Blast

MOAB Massive Ordnance Air Blast ที่ฐานทัพอากาศในปี 2008
หลังจาก 15 ปีในการทำสงครามที่อัฟกานิสถาน
นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพสหรัฐตัดสินใจใช้
ระเบิด GBU-43 หรือ Massive Ordnance Air Blast
ที่มีฉายาว่า
เจ้าแม่ระเบิด Mother of all bombs
รายงานข่าวจาก CENTCOM ระบุว่า :
เมื่อวันนี้เวลา 19.32 น. (เวลาท้องถิ่นใน Afganistan)
กองทัพร่วม U.S. Forces - Afghanistan
ได้โจมตีด้วยการทิ้งระเบิดใส่ถ้ำ/อุโมงค์ ISIS-K
ที่ภายในสร้างกันอย่างสลับซับซ้อน
ที่เขต Achin จังหวัด Nangarhar ใน Afghanistan
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการกวาดล้าง
กองกำลังติดอาวุธ ISIS-K ใน Afghanistan ในปีนี้
การโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด GBU-43 จากเครื่องบินสหรัฐ
ผลการทิ้งระเบิดได้มีการประเมินผลไว้เป็นล่วงหน้าแล้วว่า
จะก่อให้เกิดอันตรายและความเสี่ยงภัยให้น้อยที่สุด
ในการสู้รบของกองทัพร่วมของ Afghan กับ U.S. Forces
เพราะผลจากการกวาดล้างกลุ่ม ISIS-K และอาวุธยุทโธปกรณ์
พร้อมกับทำลายฐานที่มั่นได้อย่างตรงเป้าหมายและอย่างแรง
ทั้งนี้ที่ผ่านมากลุ่ม ISIS-K มักอ้างว่ามีการครอบครอง/มีชัย
เหนือพื้นที่ของ Uzbekistan Afghanistan และ Pakistan
Massive Ordnance Air Blast คืออะไร
GRU-43 Massive Ordnance Air Blast
มีชื่อเล่นว่า Mother of All Bombs
และมีชื่อย่อว่า MOAB
มีการพัฒนาและจัดสร้างขึ้นในปี 2003
เป็นระเบิดที่ไม่ใช้ประเภทระเบิดประมาณู(Nuke)
แต่มีการสร้างขึ้นมาให้มีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐ
มีอำนาจและพลังในการทำลายล้างสูง
แต่ไม่มีกัมภาพรังสีตกค้างแบบระเบิดนิวเคลียร์
น้ำหนักระเบิดทั้งลูก 21,600 ปอนด์ (10,300 กิโลกรัม)
บรรจุระเบิดที่หัวรบ 18,700 ปอนด์ (8,500 กิโลกรัม)
ขนาดยาว 9.1885 เมตร (30 ฟุต 1.75 นิ้ว)
ขนาดกว้าง 1.03 เมตร (40.5 นิ้ว)
บรรจุสารระเบิด H-6 (มีสารประกอบหลักคือ RDX กับ TNT)
อำนาจการทำลายล้างเทียบเท่ากับ TNT (46 GJ) 11 ตัน
หลังการระเบิดจะสร้างก้อนเมฆรูปดอกเห็ด
คล้ายการระเบิดของระเบิดปรมาณู
MOAB มีการทดสอบครั้งสุดท้าย
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2003
9 วันก่อนสหรัฐเปิดยุทธการบุก Iraq
MOAB วิจัยพัฒนา/ผลิตโดยกองทัพอากาศ
ไม่ผ่าน Lockheed/Boeing
ราคาลูกละ 170,000 เหรียญสหรัฐ 5,950,000.-บาท (ข้อมูลล่าสุด)
ไม่ใช่ต้นทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ/หรือลูกละ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ
(คิดอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 35 บาท)
ในปี 2007 รัสเซียได้ทำการทดลองระเบิดประเภทนี้เช่นกัน
แล้วตั้งชื่อว่า
เจ้าพ่อระเบิด Father of All Bombs
โดยอ้างว่ามีพลังทำลายล้างเป็น 4 เท่าของ MOAB
มันทำงานอย่างไร
อาวุธลูกนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ทำลายเป้าหมายที่บุกเข้ายึดได้อย่างยากลำบาก
จนถึงเป้าหมายที่รองลงมาและพื้นที่การรบที่เปราะบาง
โดยมีวัตถุประสงค์ลดการต่อต้านจากฝ่ายศัตรู
เพราะผลการระเบิดอย่างรุนแรง
มีผลในการกวาดล้างในพื้นที่สู้รบ
กับระเบิดและขวากหนามในสนามรบออกทั้งหมด
การตายหรือบาดเจ็บของศัตรูในบริเวณที่ทิ้งระเบิด
เพราะผลจากการระเบิดและการกระจายตัวของแรงระเบิด
มีผลร้ายกาจมากทางด้านจิตวิทยาอย่างมีนัยสำคัญ
จากประจักษ์พยานที่เห็นได้ชัดจากการระเบิด
MOAB ภายในนอกจากบรรจุดินระเบิดแล้ว
ยังเต็มไปด้วยสารเคมีผสมถึง 18,000 ปอนด์
กับมีเศษผงอลูมีเนียมเป็นส่วนผสมระเบิดด้วย
พร้อมกับเปลือกระเบิดด้านนอกที่ทำด้วยอลูมิเนียม
เพื่อสร้างอุณหภูมิที่ร้อนแรงดั่งไฟนรก
และเศษระเบิดที่ปลิวกระจายไปไกลขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าในปี 2003 ยังไม่ได้กำหนดระเบียบปฏิบัติในการใช้ระเบิด
หรือการจะใช้ระเบิดต้องมีการพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีพิเศษหรือไม่
แต่สำหรับการทิ้งระเบิดลูกนี้ วันนี้มันได้ระเบิดแล้ว
MOAB ฆ่าคนในพื้นที่เป้าหมายด้วย
แรงระเบิดหรือการกระจายตัวของแรงระเบิด
ทำให้มีผลโดยตรงกับนักรบฝ่ายตรงข้าม
ทั้งยังไม่ต้องห้ามตามประวัติศาสตร์การสงคราม
และการใช้อาวุธทางทหารโดยทั่วไป
ทั้งยังถูกต้องตามกฎหมาย/กติกาการทำสงคราม
ระเบิดลูกนี้ไม่มีส่วนประกอบ/สารผสม
ที่จะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น
ส่วนผสมระเบิด H6 Compositions ©
https://goo.gl/0kTw0f
เป็นระเบิดที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
เป็นอาวุธทั่วไปสำหรับระเบิดประเภทนี้
ที่มีส่วนประกอบของ RDX ©
https://goo.gl/5m2M1H
และ TNT ©
https://goo.gl/RC18S2
จะมีผลกระทบจากการได้รับสารพิษในระยะยาว
แต่ระเบิดลูกนี้อยู่ในเงื่อนไขและแบบแผนยุทธการ
ของกองทัพสหรัฐและรัฐบาลสหรัฐ
ผลกระทบทางจิตวิทยาที่อาจเกิดขึ้น
จากอาวุธระเบิดนั้นไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ทรมาน
เจตนาหลักคือ ทำให้ศัตรูหมดกำลังใจหรือขู่ศัตรู
ด้วยร่องรอยการระเบิดขนาดใหญ่
กลุ่มเมฆคล้ายรูปเห็ดและเสียงดังจากการระเบิด
ที่น่าประทับใจอย่างมากทีเดียว
พลอากาศตรี Thomas J. Fiscus
ได้ระบุไว้ในรายงานเอกสารทางราชการ
ที่ทบทวนข้อปฏิบัติอาวุธสงครามทางกฎหมายในปี 2003 ©
https://goo.gl/Kb0bQZ
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคลังแสง
ทั้งยังมีขนาดและพลังการทำลายล้างน้อยกว่า
ถึง 1.3 เท่าเศษของขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่เล็กที่สุด
MOAB มีขนาดเทียบเท่า TNT ขนาด 11 ตัน
ส่วน Little Boy ลูกระเบิดปรมาณูที่ทิ้งลงที่ฮิโรชิมา
มีขนาดเทียบเท่ากับ TNT ขนาด 15 ตัน
เครื่องบินประเภทไหนที่บรรทุก MOAB ได้
ระเบิด MOAB ลูกเดียวมีขนาดยาว 9.1885 เมตร (30 ฟุต 1.75 นิ้ว)
มีขนาดกว้าง 1.03 เมตร (40.5 นิ้ว)
จึงต้องใช้เครื่องบินรบ MC-130H มาทำการดัดแปลง
เพื่อให้เปิดด้านท้ายของเครื่องบินออกมาได้
แล้วทิ้งลงจากที่สูงออกมาทางด้านหลังของเครื่องบิน
ก่อนนำทางสู่เป้าหมายด้วยระบบ GPS
ที่ระดับความสูง 3 ไมล์เหนือจากพื้นดิน
แม้ว่า MOAB จะเป็นระเบิดลูกเดียวที่น่าอันตราย
(เพราะน้ำหนักลูกเดียวที่ 21,600 ปอนด์)
แต่ก็ยังไม่ใช่อาวุธแห่งความตายที่ฆ่าคนได้มากที่สุด
เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ที่ปฏิบัติการในปี 1950
สามารถบรรทุกลูกระเบิด กับระเบิด ขีปนาวุธ
ได้หนักถึง 70,000 ปอนด์ในการบรรทุกแต่ละเที่ยว
ทำไมมันจึงถูกสร้างขึ้นมา
MOAB เข้ามาแทนที่ระเบิดขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้
ที่มีชื่อเรียกว่า BLU 82 Daisy Cutter
ที่ได้ฉายานี้เพราะว่า มันระเบิดทุกอย่างที่ขวางหน้า
รวมทั้งผลหมากรากไม้ในบริเวณที่ถูกทิ้งระเบิด
ภายใน BLU-82 บรรจุสารผสมระเบิดขนาด 12,600 ปอนด์
สหรัฐใช้ในสงครามตั้งแต่เวียดนาม
จนกระทั่งอัฟกานิสถานและในอิรัก
" ผู้คิดค้นระเบิดลูกนี้ MOAB
รู้สึกประทับใจกับผลการกับระเบิดลูกนี้มาก
เพราะมันกวาดล้างพื้นที่รกชัฎ(เพราะต้นไม้ใบหญ้า)
ให้เห็นสภาพพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันก็สร้างปล่องภูเขาไฟขนาดเล็กหรือแทบไม่เห็นเลย
พร้อมกับทำให้ภายในบริเวณที่ถูกทิ้งระเบิด
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 260 ฟุต
เหมาะสำหรับปฏิบัติการขึ้นลงจอดของเฮลิคอปเตอร์ "
ตามรายงานของกองทัพอากาศในเรื่องนี้
ทำไมมันถึงถูกใช้งาน
การที่กองทัพสหรัฐทิ้งระเบิด MOAB ในวันนี้
แม้ว่าจะมีระเบิดที่ดีกว่าในการทำลายอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ชื่อว่า MOP Massive Ordnance Penetrator
ซึ่งสามารถบรรทุกโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด Stealth bombers
แต่ MOAB เป็นอาวุธที่มีการระเบิดกลางอากาศ
มันไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อทำลายอุโมงค์ใต้ดิน
แต่ถ้าอุโมงค์ใต้ดินขุดลึกลงไปจะทำลายไม่ถึง
ทั้งนี้โดยมีเหตุผลสำคัญในเรื่องนี้
คือลดความเสี่ยงในการสู้รบให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับกองทัพร่วม Afghan and U.S. Forces
ด้วยการกวาดล้างนักรบ ISIS-K กับอาวุธยุทโธปกรณ์
(ต้องการฆ่าคนภายในอุโมงค์เป็นหลักก่อน
แล้วหาพยานหลักฐานด้านในที่หลงเหลืออยู่
เพราะถ้าระเบิดทิ้งหมดจะหาหลักฐานได้ยาก
ต้องเสียเวลาขุดเจาะหรือรื้อค้นเศษซากที่พังทลาย)
มีภยันตรายต่อพลเมืองหรือไม่
ในปี 2006 ประชากรในจังหวัด Nangarhar
มีจำนวนมากกว่า 1.3 ล้านคน
ในเขต Achin มีจำนวน 95,000 คน
มีนักรบ ISIS-K หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
กองทัพสหรัฐได้ระบุเป้าหมายที่ชัดเจน
และมีความเหมาะสมมากที่สุดแล้ว
ก่อนที่จะลงมือทิ้งระเบิดลงในที่เป้าหมาย
ได้มั่นใจแล้วว่ามีผลกระทบต่อพลเรือนน้อยที่สุด
แต่เรื่องที่สำคัญต้องรอรายงานจากในพื้นที่ว่า
สมมุติฐานดังกล่าวถูกต้องสมควรแล้วหรือไม่
และจะไม่มีการประท้วงหรือเสียงร้องเรียนจากชาวบ้าน
ว่าได้รับภัยพิบัติหรือผลกระทบจากระเบิดครั้งนี้
หมายเหตุ
ฝ่ายศัตรูมักจะเกาะติด/อยู่ท่ามกลางพลเรือน
เช่น บ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล
เพื่อเป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมในการหลบภัย
ถ้าผู้โจมตีทำร้ายถูกพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ
ก็จะสร้างภาพสร้างข่าวให้โด่งดังมากที่สุด
ว่ามีการทำร้ายคนไม่มีทางต่อสู้/ผู้บริสุทธิ์
แต่ถ้ารัสเซีย ยิว จีนแดง จะประกาศล่วงหน้า
ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอพยพออกมาภายในเวลาที่กำหนด
ถ้าถึงเวลาที่กำหนดแล้วจะลุยแหลกทันที
ไม่สนใจว่ามีเด็ก สตรี คนชรา อยู่ในบริเวณเป้าหมาย
หรือถ้ามั่นใจว่าฝ่ายศัตรูใช้พลเรือนเป็นตัวประกัน
ก็จะทำลายเป้าหมายทันทีไม่สนใจเสียงคนคัดค้าน
หรือเสียงร้องเรียนว่ามีการทำร้ายผู้บริสุทธิ์
เพราะถือคติว่า ถ้าคุณเป็นตัวประกัน
คุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดีก็แล้วกัน
ดังตัวอย่าง Clip เปรียบเทียบระหว่าง
ทีมปฏิบัติการพิเศษสหรัฐ กับ
ทีมปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย
(แบบสมชื่อโหดสัตว์รัสเซีย)
US hostage rescue vs Russian special operation
MOAB หรือ GBU-43/B Massive Ordinance Air Blast
ระเบิดขนาดยักษ์หนักถึง 21,600 ปอนด์
มีส่วนผสมของสารระเบิด H-6
ระเบิดทางการทหารที่ผสมด้วย TNT กับ RDX
และสารระเบิดลุกไหม้อย่างแรง Nitrocelluose
กับส่วนผสมผงอะลูมีเนียมกับสารเคมีอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง
เปลือกนอกห่อหุ้มด้วยอลูมีเนียม
ที่มีอำนาจการทำลายล้างเป็น 3 เท่าของ TNT
MOAB ลูกหนึ่งมีอำนาจทำลายล้างเท่ากับ TNT ขนาด 11 ตัน
และรัศมีการทำลายล้างขนาด 1.6 ไมล์(2.6 กิโลเมตร)
หรือกินพื้นที่ราว ๆ 1,625 ไร่
ความที่มันมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถทิ้งระเบิดในแบบเดิมได้
มันจึงถูกผลักออกทางด้านหลังของเครื่องบินบนที่สูง
พร้อมกับร่มชูชีพที่กางออกก่อนในบริเวณพื้นที่เป้าหมาย
ก่อนที่จะดิ่งลงไปตรงเป้าหมายตามการนำวิถีของดาวเทียม
ด้วยระบบการติดตามและลงยังเป้าหมายด้วย GPS
MOAB เจ้าแม่ระเบิด
GBU-43/B Massive Ordnance Air Blast
MOAB Massive Ordnance Air Blast ที่ฐานทัพอากาศในปี 2008
หลังจาก 15 ปีในการทำสงครามที่อัฟกานิสถาน
นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพสหรัฐตัดสินใจใช้
ระเบิด GBU-43 หรือ Massive Ordnance Air Blast
ที่มีฉายาว่า เจ้าแม่ระเบิด Mother of all bombs
รายงานข่าวจาก CENTCOM ระบุว่า :
เมื่อวันนี้เวลา 19.32 น. (เวลาท้องถิ่นใน Afganistan)
กองทัพร่วม U.S. Forces - Afghanistan
ได้โจมตีด้วยการทิ้งระเบิดใส่ถ้ำ/อุโมงค์ ISIS-K
ที่ภายในสร้างกันอย่างสลับซับซ้อน
ที่เขต Achin จังหวัด Nangarhar ใน Afghanistan
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการกวาดล้าง
กองกำลังติดอาวุธ ISIS-K ใน Afghanistan ในปีนี้
การโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด GBU-43 จากเครื่องบินสหรัฐ
ผลการทิ้งระเบิดได้มีการประเมินผลไว้เป็นล่วงหน้าแล้วว่า
จะก่อให้เกิดอันตรายและความเสี่ยงภัยให้น้อยที่สุด
ในการสู้รบของกองทัพร่วมของ Afghan กับ U.S. Forces
เพราะผลจากการกวาดล้างกลุ่ม ISIS-K และอาวุธยุทโธปกรณ์
พร้อมกับทำลายฐานที่มั่นได้อย่างตรงเป้าหมายและอย่างแรง
ทั้งนี้ที่ผ่านมากลุ่ม ISIS-K มักอ้างว่ามีการครอบครอง/มีชัย
เหนือพื้นที่ของ Uzbekistan Afghanistan และ Pakistan
Massive Ordnance Air Blast คืออะไร
GRU-43 Massive Ordnance Air Blast
มีชื่อเล่นว่า Mother of All Bombs
และมีชื่อย่อว่า MOAB
มีการพัฒนาและจัดสร้างขึ้นในปี 2003
เป็นระเบิดที่ไม่ใช้ประเภทระเบิดประมาณู(Nuke)
แต่มีการสร้างขึ้นมาให้มีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐ
มีอำนาจและพลังในการทำลายล้างสูง
แต่ไม่มีกัมภาพรังสีตกค้างแบบระเบิดนิวเคลียร์
น้ำหนักระเบิดทั้งลูก 21,600 ปอนด์ (10,300 กิโลกรัม)
บรรจุระเบิดที่หัวรบ 18,700 ปอนด์ (8,500 กิโลกรัม)
ขนาดยาว 9.1885 เมตร (30 ฟุต 1.75 นิ้ว)
ขนาดกว้าง 1.03 เมตร (40.5 นิ้ว)
บรรจุสารระเบิด H-6 (มีสารประกอบหลักคือ RDX กับ TNT)
อำนาจการทำลายล้างเทียบเท่ากับ TNT (46 GJ) 11 ตัน
หลังการระเบิดจะสร้างก้อนเมฆรูปดอกเห็ด
คล้ายการระเบิดของระเบิดปรมาณู
MOAB มีการทดสอบครั้งสุดท้าย
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2003
9 วันก่อนสหรัฐเปิดยุทธการบุก Iraq
MOAB วิจัยพัฒนา/ผลิตโดยกองทัพอากาศ
ไม่ผ่าน Lockheed/Boeing
ราคาลูกละ 170,000 เหรียญสหรัฐ 5,950,000.-บาท (ข้อมูลล่าสุด)
ไม่ใช่ต้นทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ/หรือลูกละ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ
(คิดอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 35 บาท)
ในปี 2007 รัสเซียได้ทำการทดลองระเบิดประเภทนี้เช่นกัน
แล้วตั้งชื่อว่า เจ้าพ่อระเบิด Father of All Bombs
โดยอ้างว่ามีพลังทำลายล้างเป็น 4 เท่าของ MOAB
มันทำงานอย่างไร
อาวุธลูกนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ทำลายเป้าหมายที่บุกเข้ายึดได้อย่างยากลำบาก
จนถึงเป้าหมายที่รองลงมาและพื้นที่การรบที่เปราะบาง
โดยมีวัตถุประสงค์ลดการต่อต้านจากฝ่ายศัตรู
เพราะผลการระเบิดอย่างรุนแรง
มีผลในการกวาดล้างในพื้นที่สู้รบ
กับระเบิดและขวากหนามในสนามรบออกทั้งหมด
การตายหรือบาดเจ็บของศัตรูในบริเวณที่ทิ้งระเบิด
เพราะผลจากการระเบิดและการกระจายตัวของแรงระเบิด
มีผลร้ายกาจมากทางด้านจิตวิทยาอย่างมีนัยสำคัญ
จากประจักษ์พยานที่เห็นได้ชัดจากการระเบิด
MOAB ภายในนอกจากบรรจุดินระเบิดแล้ว
ยังเต็มไปด้วยสารเคมีผสมถึง 18,000 ปอนด์
กับมีเศษผงอลูมีเนียมเป็นส่วนผสมระเบิดด้วย
พร้อมกับเปลือกระเบิดด้านนอกที่ทำด้วยอลูมิเนียม
เพื่อสร้างอุณหภูมิที่ร้อนแรงดั่งไฟนรก
และเศษระเบิดที่ปลิวกระจายไปไกลขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าในปี 2003 ยังไม่ได้กำหนดระเบียบปฏิบัติในการใช้ระเบิด
หรือการจะใช้ระเบิดต้องมีการพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีพิเศษหรือไม่
แต่สำหรับการทิ้งระเบิดลูกนี้ วันนี้มันได้ระเบิดแล้ว
MOAB ฆ่าคนในพื้นที่เป้าหมายด้วย
แรงระเบิดหรือการกระจายตัวของแรงระเบิด
ทำให้มีผลโดยตรงกับนักรบฝ่ายตรงข้าม
ทั้งยังไม่ต้องห้ามตามประวัติศาสตร์การสงคราม
และการใช้อาวุธทางทหารโดยทั่วไป
ทั้งยังถูกต้องตามกฎหมาย/กติกาการทำสงคราม
ระเบิดลูกนี้ไม่มีส่วนประกอบ/สารผสม
ที่จะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น
ส่วนผสมระเบิด H6 Compositions © https://goo.gl/0kTw0f
เป็นระเบิดที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
เป็นอาวุธทั่วไปสำหรับระเบิดประเภทนี้
ที่มีส่วนประกอบของ RDX © https://goo.gl/5m2M1H
และ TNT © https://goo.gl/RC18S2
จะมีผลกระทบจากการได้รับสารพิษในระยะยาว
แต่ระเบิดลูกนี้อยู่ในเงื่อนไขและแบบแผนยุทธการ
ของกองทัพสหรัฐและรัฐบาลสหรัฐ
ผลกระทบทางจิตวิทยาที่อาจเกิดขึ้น
จากอาวุธระเบิดนั้นไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ทรมาน
เจตนาหลักคือ ทำให้ศัตรูหมดกำลังใจหรือขู่ศัตรู
ด้วยร่องรอยการระเบิดขนาดใหญ่
กลุ่มเมฆคล้ายรูปเห็ดและเสียงดังจากการระเบิด
ที่น่าประทับใจอย่างมากทีเดียว
พลอากาศตรี Thomas J. Fiscus
ได้ระบุไว้ในรายงานเอกสารทางราชการ
ที่ทบทวนข้อปฏิบัติอาวุธสงครามทางกฎหมายในปี 2003 © https://goo.gl/Kb0bQZ
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในคลังแสง
ทั้งยังมีขนาดและพลังการทำลายล้างน้อยกว่า
ถึง 1.3 เท่าเศษของขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่เล็กที่สุด
MOAB มีขนาดเทียบเท่า TNT ขนาด 11 ตัน
ส่วน Little Boy ลูกระเบิดปรมาณูที่ทิ้งลงที่ฮิโรชิมา
มีขนาดเทียบเท่ากับ TNT ขนาด 15 ตัน
© https://goo.gl/fW6bc8
เครื่องบินประเภทไหนที่บรรทุก MOAB ได้
ระเบิด MOAB ลูกเดียวมีขนาดยาว 9.1885 เมตร (30 ฟุต 1.75 นิ้ว)
มีขนาดกว้าง 1.03 เมตร (40.5 นิ้ว)
จึงต้องใช้เครื่องบินรบ MC-130H มาทำการดัดแปลง
เพื่อให้เปิดด้านท้ายของเครื่องบินออกมาได้
แล้วทิ้งลงจากที่สูงออกมาทางด้านหลังของเครื่องบิน
ก่อนนำทางสู่เป้าหมายด้วยระบบ GPS
ที่ระดับความสูง 3 ไมล์เหนือจากพื้นดิน
แม้ว่า MOAB จะเป็นระเบิดลูกเดียวที่น่าอันตราย
(เพราะน้ำหนักลูกเดียวที่ 21,600 ปอนด์)
แต่ก็ยังไม่ใช่อาวุธแห่งความตายที่ฆ่าคนได้มากที่สุด
เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ที่ปฏิบัติการในปี 1950
สามารถบรรทุกลูกระเบิด กับระเบิด ขีปนาวุธ
ได้หนักถึง 70,000 ปอนด์ในการบรรทุกแต่ละเที่ยว
© https://goo.gl/NUJU6v
© https://goo.gl/viVOuV
ทำไมมันจึงถูกสร้างขึ้นมา
MOAB เข้ามาแทนที่ระเบิดขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้
ที่มีชื่อเรียกว่า BLU 82 Daisy Cutter
ที่ได้ฉายานี้เพราะว่า มันระเบิดทุกอย่างที่ขวางหน้า
รวมทั้งผลหมากรากไม้ในบริเวณที่ถูกทิ้งระเบิด
ภายใน BLU-82 บรรจุสารผสมระเบิดขนาด 12,600 ปอนด์
สหรัฐใช้ในสงครามตั้งแต่เวียดนาม
จนกระทั่งอัฟกานิสถานและในอิรัก
" ผู้คิดค้นระเบิดลูกนี้ MOAB
รู้สึกประทับใจกับผลการกับระเบิดลูกนี้มาก
เพราะมันกวาดล้างพื้นที่รกชัฎ(เพราะต้นไม้ใบหญ้า)
ให้เห็นสภาพพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันก็สร้างปล่องภูเขาไฟขนาดเล็กหรือแทบไม่เห็นเลย
พร้อมกับทำให้ภายในบริเวณที่ถูกทิ้งระเบิด
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 260 ฟุต
เหมาะสำหรับปฏิบัติการขึ้นลงจอดของเฮลิคอปเตอร์ "
ตามรายงานของกองทัพอากาศในเรื่องนี้
© https://goo.gl/uAXUvq
แรงระเบิดจาก BLU-82 © https://goo.gl/uMEUuV
BLU-82 Daisy Cutter
Daisy © https://goo.gl/KJhR2C
ทำไมมันถึงถูกใช้งาน
การที่กองทัพสหรัฐทิ้งระเบิด MOAB ในวันนี้
แม้ว่าจะมีระเบิดที่ดีกว่าในการทำลายอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ชื่อว่า MOP Massive Ordnance Penetrator
ซึ่งสามารถบรรทุกโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด Stealth bombers
แต่ MOAB เป็นอาวุธที่มีการระเบิดกลางอากาศ
มันไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อทำลายอุโมงค์ใต้ดิน
แต่ถ้าอุโมงค์ใต้ดินขุดลึกลงไปจะทำลายไม่ถึง
ทั้งนี้โดยมีเหตุผลสำคัญในเรื่องนี้
คือลดความเสี่ยงในการสู้รบให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับกองทัพร่วม Afghan and U.S. Forces
ด้วยการกวาดล้างนักรบ ISIS-K กับอาวุธยุทโธปกรณ์
(ต้องการฆ่าคนภายในอุโมงค์เป็นหลักก่อน
แล้วหาพยานหลักฐานด้านในที่หลงเหลืออยู่
เพราะถ้าระเบิดทิ้งหมดจะหาหลักฐานได้ยาก
ต้องเสียเวลาขุดเจาะหรือรื้อค้นเศษซากที่พังทลาย)
© https://goo.gl/eYhc7n
© https://goo.gl/j8FC8m
Boeing Delivers Massive Ordnance Penetrator (MOP)
37,000 LB Bombs To The USAF - GBU-57
มีภยันตรายต่อพลเมืองหรือไม่
ในปี 2006 ประชากรในจังหวัด Nangarhar
มีจำนวนมากกว่า 1.3 ล้านคน
ในเขต Achin มีจำนวน 95,000 คน
มีนักรบ ISIS-K หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
กองทัพสหรัฐได้ระบุเป้าหมายที่ชัดเจน
และมีความเหมาะสมมากที่สุดแล้ว
ก่อนที่จะลงมือทิ้งระเบิดลงในที่เป้าหมาย
ได้มั่นใจแล้วว่ามีผลกระทบต่อพลเรือนน้อยที่สุด
แต่เรื่องที่สำคัญต้องรอรายงานจากในพื้นที่ว่า
สมมุติฐานดังกล่าวถูกต้องสมควรแล้วหรือไม่
และจะไม่มีการประท้วงหรือเสียงร้องเรียนจากชาวบ้าน
ว่าได้รับภัยพิบัติหรือผลกระทบจากระเบิดครั้งนี้
หมายเหตุ
ฝ่ายศัตรูมักจะเกาะติด/อยู่ท่ามกลางพลเรือน
เช่น บ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล
เพื่อเป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมในการหลบภัย
ถ้าผู้โจมตีทำร้ายถูกพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ
ก็จะสร้างภาพสร้างข่าวให้โด่งดังมากที่สุด
ว่ามีการทำร้ายคนไม่มีทางต่อสู้/ผู้บริสุทธิ์
แต่ถ้ารัสเซีย ยิว จีนแดง จะประกาศล่วงหน้า
ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอพยพออกมาภายในเวลาที่กำหนด
ถ้าถึงเวลาที่กำหนดแล้วจะลุยแหลกทันที
ไม่สนใจว่ามีเด็ก สตรี คนชรา อยู่ในบริเวณเป้าหมาย
หรือถ้ามั่นใจว่าฝ่ายศัตรูใช้พลเรือนเป็นตัวประกัน
ก็จะทำลายเป้าหมายทันทีไม่สนใจเสียงคนคัดค้าน
หรือเสียงร้องเรียนว่ามีการทำร้ายผู้บริสุทธิ์
เพราะถือคติว่า ถ้าคุณเป็นตัวประกัน
คุณรอดตายได้ถือว่าคุณโชคดีก็แล้วกัน
ดังตัวอย่าง Clip เปรียบเทียบระหว่าง
ทีมปฏิบัติการพิเศษสหรัฐ กับ
ทีมปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย
(แบบสมชื่อโหดสัตว์รัสเซีย)
US hostage rescue vs Russian special operation
MOAB หรือ GBU-43/B Massive Ordinance Air Blast
ระเบิดขนาดยักษ์หนักถึง 21,600 ปอนด์
มีส่วนผสมของสารระเบิด H-6
ระเบิดทางการทหารที่ผสมด้วย TNT กับ RDX
และสารระเบิดลุกไหม้อย่างแรง Nitrocelluose
กับส่วนผสมผงอะลูมีเนียมกับสารเคมีอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง
เปลือกนอกห่อหุ้มด้วยอลูมีเนียม
ที่มีอำนาจการทำลายล้างเป็น 3 เท่าของ TNT
MOAB ลูกหนึ่งมีอำนาจทำลายล้างเท่ากับ TNT ขนาด 11 ตัน
และรัศมีการทำลายล้างขนาด 1.6 ไมล์(2.6 กิโลเมตร)
หรือกินพื้นที่ราว ๆ 1,625 ไร่
ความที่มันมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถทิ้งระเบิดในแบบเดิมได้
มันจึงถูกผลักออกทางด้านหลังของเครื่องบินบนที่สูง
พร้อมกับร่มชูชีพที่กางออกก่อนในบริเวณพื้นที่เป้าหมาย
ก่อนที่จะดิ่งลงไปตรงเป้าหมายตามการนำวิถีของดาวเทียม
ด้วยระบบการติดตามและลงยังเป้าหมายด้วย GPS