สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การสอบ TOEIC ครั้งแรกของเรา เนื่องจากเป็นคนพูดจามึนๆนิดหน่อย ถ้าอธิบายแล้วเหมือนพูดวนไปวนมาก็ขอโทษด้วยนะคะ555555 เพราะฉะนั้น ถ้าเราพูดไม่เข้าใจหรือไม่ครบก็ถามได้เลยนะคะ
จริงๆแล้วเป็นการไปสอบแบบงงๆค่ะ คือแม่อยากให้สอบเอาไว้ เผื่อได้มีคะแนนที่โอเค เวลายื่นสมัครงานค่ะ (ตอนนี้อยู่ปีสี่ค่ะ แม่กะว่าเผื่อบริษัทที่สนใจเปิดรับสมัครจะได้มียื่นเลย ทันๆ)
ต้องออกตัวว่าพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่หน่อย ประกอบกับว่าอยากโฟกัสกับการสอบเทอมสุดท้ายที่มหาลัยเพราะกลัวไม่จบด้วย เลยไม่ได้เทใจให้โทอิคแบบเต็มที่ เพื่อนเองก็บอกว่าไม่ยาก แต่ต้องทำให้ทัน เราก็อ๋อโอเค งั้นก็น่าจะพอถูไถไปได้
พอคะแนนออก เพื่อนๆก็ถามทริคเทคนิคว่ามีอะไรแนะนำมั้ย เลยกะว่า เออมาตั้งกระทู้ดีกว่าจะได้แนะนำในมุมมองของเราหลังสอบ เก็บตกจากส่วนที่เป็นข้อผิดพลาดของเรา หรือที่เราอยากแนะนำเพิ่มเติมให้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปสอบคนอื่นด้วยค่ะ
ซึ่งในแบบของเราอาจจะไม่ accurate กับทุกคน คิดซะว่าอ่านเป็นอีกหนึ่งความเห็นก็แล้วกันนะคะ สำหรับเราเรามองว่าเป็นข้อสอบที่วัดskill การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน แบบทั่วๆไป ประมาณว่าเป็นภาษาอังกฤษที่เราเจอได้ในหนัง หรือเวลาคุยกับฝรั่ง ไม่ถึงขั้นระดับภาษาแบบทางการ โอโหยากเวอร์วังวิชาการอะไรแบบนั้น แกรมม่าเราก็จะแนะนำให้ดูคร่าวๆไม่ถึงขั้นต้องท่อง tense ไป แค่ใช้คำแล้วก็วางให้ถูกที่พอ
ข้อสอบมีสองพาร์ทใช้ไหมคะ เป็น listening กับ reading
ในส่วนของการฟัง ส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องฝึกฝนกันเองเลยค่ะ คะแนนส่วนนี้เรามองว่าถ้าคนที่ได้ก็จะได้เลย เพราะไม่ยากมาก
การฟังเขาจะเปิดให้ฟังแค่ครั้งเดียวนะคะ ทุกครั้งก่อนสอบแต่ละพาร์ทเขาจะอธิบายให้ฟังว่าในส่วนนี้เป็นข้อสอบแบบไหน แล้วก็จะให้ตัวอย่างมาหนึ่งข้อค่ะ เพราะฉะนั้นเราว่าสำคัญมากที่จะต้องรู้ก่อนว่าข้อสอบแต่ละส่วนต้องทำอย่างไรบ้าง เราจะได้ใช้เวลาช่วงที่เขาอธิบายในการสแกนคำถามค่ะ แต่เงี่ยหูฟังให้ดีนะคะว่าเริ่มคำถามที่หนึ่งตอนไหน
พาร์ทแรกของส่วนการฟัง เขาจะให้รูปมาค่ะ อย่างที่บอกช่วงอธิบายเราก็ดูก่อนเลยค่ะว่ามีรูปอะไรบ้าง ทีนี้เขาจะให้สถานการณ์ค่ะ a) b) c) d) เป็นประโยคที่ไม่ยาก มันจะมีประโยคนึงที่ตรงกับรูปที่สุด อันอื่นไม่เกี่ยวเลย พาร์ทนี้เราว่าไม่ยากค่ะ เป็นคะแนนช่วย ถ้าใครมีเวลาก็เปิดดูพวก synonyms ไปด้วยก็ดีค่ะ อย่างเช่น ตอนเราสอบเราเจอคำว่า plaza แล้วเป็นรูปคนเดินคล้ายๆในสวนแบบกลางเมืองหน่อย เออ ปกติเราจะใช้คำว่า square ทำเอาไม่มั่นใจไปนิดนึง
พาร์ทที่สอง เป็น question response จะเป็นคนสองคนคุยกันค่ะ ประโยคของคนที่1 จะเป็นคำถาม ของคนที่2จะเป็นคำตอบค่ะ และถ้าจำไม่ผิด จะเป็นพาร์ทนี้นะคะที่มีแค่ a) b) c) เผื่อใครกะทิ้งดิ่งก็ไม่ต้องไปจิ้มที่ข้อ d) นะคะ แล้วก็ไม่ต้องไปสนชีทกระดาษคำถามนะคะพาร์ทนี้ มันไม่มีค่ะ ตั้งใจฟังอย่างเดียวพอ ต่อนะคะ คนที่1 จะพูดประโยคคำถาม แล้วเราก็ต้องเลือกการตอบคำถามที่ถูกต้องกับประโยคถามมากที่สุด เช่นถามว่า เดี๋ยวทำอะไรต่อ เราก็ต้องตอบว่าเดี๋ยวไปประชุม ใช่มั้ยคะไม่ใช่ตอบว่าตอนนี้สี่โมงแล้ว หรือว่าขอขนมสองชิ้น อะไรแบบนี้
พาร์ทที่สาม จะเป็นคนสองคนพูดกันค่ะ ปกติจะเป็นผู้ชายกับผู้หญิงคุยกันบลาๆๆค่ะ เราก็ต้องจับใจความว่าเนื้อเรื่องมีอะไรบ้าง แนะนำเหมือนเดิมค่ะช่วงที่เขาอธิบายวิธีการสอบพาร์ทนี้ ก็สแกนดูทั้งคำถามและคำตอบเลยค่ะ สำคัญมาก เราจะได้จับใจความว่าต้องตอบอันไหน คำถามส่วนใหญ่ก็จะเช่นว่า ผู้ชายน่าจะทำอาชีพอะไร สถานที่เกิดที่ไหน หรือว่าคู่สนทนา request อะไร suggest อะไร ประมาณนี้
พาร์ทที่สี่ จะคล้ายๆพาร์ทสามค่ะ แต่จะเป็นคนเดียวพูด เราก็ตอบคำถามไปว่าเค้าพูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ส่วนของการฟัง ถ้าสมมติเราสมาธิหลุด เรียกตัวเองกลับมาได้เมื่อไหร่ก็โฟกัสข้อปัจจุบันไปเลยนะคะ ปล่อยข้อที่ผ่านมาแล้วไปไม่ต้องสนมันแล้วค่ะ ค่อยกลับมากามั่วๆทีหลัง
การฝึกฟังไม่ว่าจะข้อสอบไหนๆ เราหาตัวช่วยเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องลุยแต่ simulation test เช่น เราดูหนังก็ตั้งใจฟังค่ะว่าเจ้าของภาษาเขาออกเสียงยังไง ปิดซับได้ยิ่งดีค่ะหรือไม่ก็เป็นไปได้ซับอิ้งดีกว่า ในหนังพูดอะไรแปลไม่ออกเราลองตีความจากเนื้อเรื่องก็ได้ค่ะ เราจะพอจับได้ว่าศัพท์นี้ๆใช้ในสถานการณ์แบบนี้ หรือสาวก youtube สาวๆดูเขาสอนแต่งหน้าก็ฟังไปด้วยว่าเขาออกเสียงยังไง หรือดูแคสเกมเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งบันเทิงทั้งได้ความรู้นะคะ บางครั้งเราอาจจะท่องศัพท์มาแม่นมาก แต่เราออกเสียงไม่ถูก ก็ไม่ช่วยอะไรในพาร์ทการสอบนี้ได้นะคะ
มาต่อที่พาร์ทการอ่านเลยดีกว่าค่ะ ส่วนตัวเราไม่ชอบพาร์ทนี้ เพราะเราคิดว่าเราสมาธิสั้น แล้วก็มีนิสัยที่ไม่ดีอีกอย่างคือ ถ้าอ่านเรื่องที่ไม่ได้สนใจก็อยากจะหยุดอ่านไปดื้อๆ สอบคราวนี้ก็เหมือนกัน อ่านๆ passage อยู่ละเราไม่ได้สนเรื่องนี้เลยก็รู้สึกว่าเห้อ ไม่อยากอ่านต่อละ ตอบแค่จากที่พออ่านมาก็แล้วกัน ไม่ดีเลยนะคะแบบนี้อย่าทำตาม55555
เราคิดว่าข้อสอบโทอิคเขาดีไซน์มาสำหรับการเชื่อในคำตอบจากสัญชาตญาณแรกของเรา เห็นปุ๊บตอบปั๊บ เห้ยตอบ a) กา a) เลย เพราะเวลาน้อยค่ะ 100ข้อ75นาทีเราทำแทบไม่ทัน hey! แต่ไม่ได้น้อยขนาดนั้นนะคะไม่ต้องกังวลไป เพราะเรานั่งเหม่อไปด้วย เสียเวลาชะมัด
พาร์ทแรกของการอ่านนะคะ เป็นการตอบแบบเติมคำในช่องว่าง คือเขาให้ประโยคมาค่ะ แล้วเราก็เติมว่าต้องใช้คำไหน a) b) c) d) มีทั้งการเลือกใช้คำว่าต้องเป็น noun verb adj. หรือ adv. หรือว่าให้เลือกศัพท์ที่ถูกต้องที่สุดจากสี่คำ พาร์ทนี้เราว่าใช้แกรมม่าเยอะที่สุดแล้วค่ะสำหรับเรา แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนนี้เราแนะนำเป็นทริคเล็กๆน้อยๆ ว่าเออลองดูมาว่าศัพท์ลงท้ายด้วย -ive -ion -ly ฯลฯ เป็นศัพท์จำพวกไหน คำนาม หรือคำคุณศัพท์ ฯลฯ งี้ แล้วต้องวางตรงไหนของประโยค เช่น adj. ต้องว่าหน้าคำนาม พอเข้าใจมั้ยคะ มันช่วยได้นะคะ อธิบายไม่ถูกว่าช่วยยังไงแต่เอาเป็นว่าดูไปด้วยก็ดีค่ะ ต้องช่วยได้ซักสองสามข้อแหละค่ะ อ๋อ ท่องศัพท์ไปด้วยหน่อยก็ดีนะคะ ลองเสิร์ชว่า ศัพท์ที่เจอบ่อยใน TOEIC ก็ได้ค่ะ พาร์ทนี้มี40ข้อค่ะ ทำไปได้หน่อยก็จะเบื่อค่ะ แต่ฮึบนะ สู้เค้า555555
พาร์ทถัดมาก็ยังอยู่ที่เติมคำค่ะ คล้ายกับพาร์ทแรก แต่เป็น passage มักจะเป็นพวกอีเมล หรือว่าจดหมายค่ะ มีประมาณสามสี่ข้อต่อ1passage ถ้าไม่อยากอ่านทั้งpassage ก็น่าจะได้นะคะ อ่านแค่ประโยคที่เราต้องเติมแล้วเลือกคำที่เหมาะที่สุด แต่อ่านไปก็ดีค่ะ ของเรามีหลอกอยู่ข้อนึง เหมือนว่ามันใช้ได้สองคำในช่องว่าง แต่คำนึงเติมแล้วทำให้เนื้อหาเป็นแง่ลบ อีกอันทำให้เนื้อหาเป็นแง่บวก สุดท้ายก็ต้องอ่านค่ะว่าต้องเติมให้เนื้อเรื่องเป็นแง่ไหน
พาร์ทสุดท้ายแล้วค่ะ เย้ จะเป็นพวก article จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร โฆษณา อะไรประมาณนี้ ถ้าจำไม่ผิดข้อแรกๆของพาร์ทนี้จะมีแค่หนึ่ง article เราก็อ่านไปค่ะแล้วก็ตอบ ส่วนใหญ่ก็ถามว่า เกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับใคร ผู้อ่านน่าจะเป็นกลุ่มไหน ประมาณนี้ค่ะ
ข้อหลังๆจะเริ่มมีสอง article ค่ะ บนล่าง ยกตัวอย่างอันนึงตอนที่เราสอบนะคะ อันบน เป็นจดหมายจากหนึ่งในเจ้าของร้านค้าในชุมชนว่ามีความเห็นกับการจอดรถอย่างนี้ๆ และจะนัดประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ แล้วก็มีแบบสอบถามสำหรับเจ้าของร้านค้าอื่นว่าได้ผลกระทบอย่างไรบ้าง อันล่างเป็นแบบสอบถามที่เจ้าของร้านคนนึงตอบค่ะ พวกคำถามก็จะประมาณว่า เจ้าของร้านค้า(articleล่าง) เห็นด้วยกับเจ้าของร้านค้า (articleบน) อย่างไร ประมาณนี้ค่ะ ส่วนนี้ยากหน่อย เพราะต้องวิเคราะห์นิดนึง พาร์ทนี้สำหรับเราน่าเบื่อค่ะอย่างที่บอกไว้ เรามาสมาธิหลุดตรงพาร์ทนี้แหละค่ะ ._.
ส่วนของการอ่าน passage จะสั้นๆค่ะ เทียบกับการอ่านของข้อสอบอื่น อย่างที่บอกว่ามักจะเป็นพวก หนังสือพิมพ์ หรือโฆษณา ระดับภาษายังเป็นที่ระดับที่เจอได้ทั่วไปค่ะ เบื่อๆก็เปิดอ่านนู่นนี่ไปเรื่อยก็ได้ค่ะ ไม่ถึงขั้นต้องอ่านแบบหนังสือพิมพ์ยากๆศัพท์เฉพาะเยอะๆ อย่างที่บอกเราว่าเป็นการวัดระดับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันค่ะ (ชีวิตประจำวันฝรั่งนะคะ ไม่ใช่ชีวิตประจำวันเราคนไทยที่แทบไม่เจอภาษาอังกฤษ) อย่างเราเราชอบพวก buzzfeed ค่ะ ทั้งดูทั้งอ่าน บันเทิงดีนะคะ ลองไปหาดูได้
อันนี้เป็น simulation test ค่ะ เราไม่ได้ทำอันนี้นะ แต่เราหามาให้ดูประกอบ เว็บนี้มีให้ลองสอบจริงก็ลองจิ้มๆทำๆก็ได้ค่ะ
http://student.ts.edulang.com
หรือไม่ก็ลองเสิร์ชว่า TOEIC simulation test ดูก็ได้นะคะ
พิมพ์มาตั้งยาว หวังว่าจะไม่น่าเบื่อเกิดไปนะ ฟังดูไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ ไม่ยาก ส่วนสำคัญคือขอแค่เรามีสมาธิ ไม่วอกแวกก็พอ โฟกัสกับการทำข้อสอบ อ้อ ในห้องที่เรานั่งหนาวเหมือนกันนะคะ ถ้าขี้หนาวก็อย่าลืมเอาเสื้อหนาวไปนะคะ เอาเข้าได้ จะได้ไม่ต้องนั่งสั่น บัตรประชาชน หรือเอกสารราชการอื่นเอาไปเผื่อก็ดีค่ะ (just in case) พกไปแค่นั้นพอค่ะ ดินสอ ปากกา ยางลบ มีให้พร้อมแล้ว
คะแนนจะออกวันถัดจากที่เราไปสอบค่ะ แต่ถ้าสอบวันเสาร์จะได้คะแนนวันจันทร์ แล้วก็ถ้าขี้เกียจเข้าไปเอาคะแนน จะให้ส่งมาที่บ้านก็ได้ค่ะ สอบเสร็จก็กลับเข้าไปห้องที่เราไปจ่ายตังอะค่ะ ไปเอาซองแล้วก็จ่ายเงินค่าส่งอีเอ็มเอส 50บาท แค่นี้แหละ กลับบ้านไปนอนตีพุงรอคะแนนมาได้เลยค่ะ ช้าเร็วขึ้นอยู่กับไปรษณีย์แล้วหล่ะค่ะ
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ
how to: ได้ TOEIC 925 ตั้งแต่ครั้งแรกในแบบของเรา
จริงๆแล้วเป็นการไปสอบแบบงงๆค่ะ คือแม่อยากให้สอบเอาไว้ เผื่อได้มีคะแนนที่โอเค เวลายื่นสมัครงานค่ะ (ตอนนี้อยู่ปีสี่ค่ะ แม่กะว่าเผื่อบริษัทที่สนใจเปิดรับสมัครจะได้มียื่นเลย ทันๆ)
ต้องออกตัวว่าพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่หน่อย ประกอบกับว่าอยากโฟกัสกับการสอบเทอมสุดท้ายที่มหาลัยเพราะกลัวไม่จบด้วย เลยไม่ได้เทใจให้โทอิคแบบเต็มที่ เพื่อนเองก็บอกว่าไม่ยาก แต่ต้องทำให้ทัน เราก็อ๋อโอเค งั้นก็น่าจะพอถูไถไปได้
พอคะแนนออก เพื่อนๆก็ถามทริคเทคนิคว่ามีอะไรแนะนำมั้ย เลยกะว่า เออมาตั้งกระทู้ดีกว่าจะได้แนะนำในมุมมองของเราหลังสอบ เก็บตกจากส่วนที่เป็นข้อผิดพลาดของเรา หรือที่เราอยากแนะนำเพิ่มเติมให้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปสอบคนอื่นด้วยค่ะ ซึ่งในแบบของเราอาจจะไม่ accurate กับทุกคน คิดซะว่าอ่านเป็นอีกหนึ่งความเห็นก็แล้วกันนะคะ สำหรับเราเรามองว่าเป็นข้อสอบที่วัดskill การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน แบบทั่วๆไป ประมาณว่าเป็นภาษาอังกฤษที่เราเจอได้ในหนัง หรือเวลาคุยกับฝรั่ง ไม่ถึงขั้นระดับภาษาแบบทางการ โอโหยากเวอร์วังวิชาการอะไรแบบนั้น แกรมม่าเราก็จะแนะนำให้ดูคร่าวๆไม่ถึงขั้นต้องท่อง tense ไป แค่ใช้คำแล้วก็วางให้ถูกที่พอ
ข้อสอบมีสองพาร์ทใช้ไหมคะ เป็น listening กับ reading
ในส่วนของการฟัง ส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องฝึกฝนกันเองเลยค่ะ คะแนนส่วนนี้เรามองว่าถ้าคนที่ได้ก็จะได้เลย เพราะไม่ยากมาก
การฟังเขาจะเปิดให้ฟังแค่ครั้งเดียวนะคะ ทุกครั้งก่อนสอบแต่ละพาร์ทเขาจะอธิบายให้ฟังว่าในส่วนนี้เป็นข้อสอบแบบไหน แล้วก็จะให้ตัวอย่างมาหนึ่งข้อค่ะ เพราะฉะนั้นเราว่าสำคัญมากที่จะต้องรู้ก่อนว่าข้อสอบแต่ละส่วนต้องทำอย่างไรบ้าง เราจะได้ใช้เวลาช่วงที่เขาอธิบายในการสแกนคำถามค่ะ แต่เงี่ยหูฟังให้ดีนะคะว่าเริ่มคำถามที่หนึ่งตอนไหน
พาร์ทแรกของส่วนการฟัง เขาจะให้รูปมาค่ะ อย่างที่บอกช่วงอธิบายเราก็ดูก่อนเลยค่ะว่ามีรูปอะไรบ้าง ทีนี้เขาจะให้สถานการณ์ค่ะ a) b) c) d) เป็นประโยคที่ไม่ยาก มันจะมีประโยคนึงที่ตรงกับรูปที่สุด อันอื่นไม่เกี่ยวเลย พาร์ทนี้เราว่าไม่ยากค่ะ เป็นคะแนนช่วย ถ้าใครมีเวลาก็เปิดดูพวก synonyms ไปด้วยก็ดีค่ะ อย่างเช่น ตอนเราสอบเราเจอคำว่า plaza แล้วเป็นรูปคนเดินคล้ายๆในสวนแบบกลางเมืองหน่อย เออ ปกติเราจะใช้คำว่า square ทำเอาไม่มั่นใจไปนิดนึง
พาร์ทที่สอง เป็น question response จะเป็นคนสองคนคุยกันค่ะ ประโยคของคนที่1 จะเป็นคำถาม ของคนที่2จะเป็นคำตอบค่ะ และถ้าจำไม่ผิด จะเป็นพาร์ทนี้นะคะที่มีแค่ a) b) c) เผื่อใครกะทิ้งดิ่งก็ไม่ต้องไปจิ้มที่ข้อ d) นะคะ แล้วก็ไม่ต้องไปสนชีทกระดาษคำถามนะคะพาร์ทนี้ มันไม่มีค่ะ ตั้งใจฟังอย่างเดียวพอ ต่อนะคะ คนที่1 จะพูดประโยคคำถาม แล้วเราก็ต้องเลือกการตอบคำถามที่ถูกต้องกับประโยคถามมากที่สุด เช่นถามว่า เดี๋ยวทำอะไรต่อ เราก็ต้องตอบว่าเดี๋ยวไปประชุม ใช่มั้ยคะไม่ใช่ตอบว่าตอนนี้สี่โมงแล้ว หรือว่าขอขนมสองชิ้น อะไรแบบนี้
พาร์ทที่สาม จะเป็นคนสองคนพูดกันค่ะ ปกติจะเป็นผู้ชายกับผู้หญิงคุยกันบลาๆๆค่ะ เราก็ต้องจับใจความว่าเนื้อเรื่องมีอะไรบ้าง แนะนำเหมือนเดิมค่ะช่วงที่เขาอธิบายวิธีการสอบพาร์ทนี้ ก็สแกนดูทั้งคำถามและคำตอบเลยค่ะ สำคัญมาก เราจะได้จับใจความว่าต้องตอบอันไหน คำถามส่วนใหญ่ก็จะเช่นว่า ผู้ชายน่าจะทำอาชีพอะไร สถานที่เกิดที่ไหน หรือว่าคู่สนทนา request อะไร suggest อะไร ประมาณนี้
พาร์ทที่สี่ จะคล้ายๆพาร์ทสามค่ะ แต่จะเป็นคนเดียวพูด เราก็ตอบคำถามไปว่าเค้าพูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ส่วนของการฟัง ถ้าสมมติเราสมาธิหลุด เรียกตัวเองกลับมาได้เมื่อไหร่ก็โฟกัสข้อปัจจุบันไปเลยนะคะ ปล่อยข้อที่ผ่านมาแล้วไปไม่ต้องสนมันแล้วค่ะ ค่อยกลับมากามั่วๆทีหลัง
การฝึกฟังไม่ว่าจะข้อสอบไหนๆ เราหาตัวช่วยเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องลุยแต่ simulation test เช่น เราดูหนังก็ตั้งใจฟังค่ะว่าเจ้าของภาษาเขาออกเสียงยังไง ปิดซับได้ยิ่งดีค่ะหรือไม่ก็เป็นไปได้ซับอิ้งดีกว่า ในหนังพูดอะไรแปลไม่ออกเราลองตีความจากเนื้อเรื่องก็ได้ค่ะ เราจะพอจับได้ว่าศัพท์นี้ๆใช้ในสถานการณ์แบบนี้ หรือสาวก youtube สาวๆดูเขาสอนแต่งหน้าก็ฟังไปด้วยว่าเขาออกเสียงยังไง หรือดูแคสเกมเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งบันเทิงทั้งได้ความรู้นะคะ บางครั้งเราอาจจะท่องศัพท์มาแม่นมาก แต่เราออกเสียงไม่ถูก ก็ไม่ช่วยอะไรในพาร์ทการสอบนี้ได้นะคะ
มาต่อที่พาร์ทการอ่านเลยดีกว่าค่ะ ส่วนตัวเราไม่ชอบพาร์ทนี้ เพราะเราคิดว่าเราสมาธิสั้น แล้วก็มีนิสัยที่ไม่ดีอีกอย่างคือ ถ้าอ่านเรื่องที่ไม่ได้สนใจก็อยากจะหยุดอ่านไปดื้อๆ สอบคราวนี้ก็เหมือนกัน อ่านๆ passage อยู่ละเราไม่ได้สนเรื่องนี้เลยก็รู้สึกว่าเห้อ ไม่อยากอ่านต่อละ ตอบแค่จากที่พออ่านมาก็แล้วกัน ไม่ดีเลยนะคะแบบนี้อย่าทำตาม55555
เราคิดว่าข้อสอบโทอิคเขาดีไซน์มาสำหรับการเชื่อในคำตอบจากสัญชาตญาณแรกของเรา เห็นปุ๊บตอบปั๊บ เห้ยตอบ a) กา a) เลย เพราะเวลาน้อยค่ะ 100ข้อ75นาทีเราทำแทบไม่ทัน hey! แต่ไม่ได้น้อยขนาดนั้นนะคะไม่ต้องกังวลไป เพราะเรานั่งเหม่อไปด้วย เสียเวลาชะมัด
พาร์ทแรกของการอ่านนะคะ เป็นการตอบแบบเติมคำในช่องว่าง คือเขาให้ประโยคมาค่ะ แล้วเราก็เติมว่าต้องใช้คำไหน a) b) c) d) มีทั้งการเลือกใช้คำว่าต้องเป็น noun verb adj. หรือ adv. หรือว่าให้เลือกศัพท์ที่ถูกต้องที่สุดจากสี่คำ พาร์ทนี้เราว่าใช้แกรมม่าเยอะที่สุดแล้วค่ะสำหรับเรา แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนนี้เราแนะนำเป็นทริคเล็กๆน้อยๆ ว่าเออลองดูมาว่าศัพท์ลงท้ายด้วย -ive -ion -ly ฯลฯ เป็นศัพท์จำพวกไหน คำนาม หรือคำคุณศัพท์ ฯลฯ งี้ แล้วต้องวางตรงไหนของประโยค เช่น adj. ต้องว่าหน้าคำนาม พอเข้าใจมั้ยคะ มันช่วยได้นะคะ อธิบายไม่ถูกว่าช่วยยังไงแต่เอาเป็นว่าดูไปด้วยก็ดีค่ะ ต้องช่วยได้ซักสองสามข้อแหละค่ะ อ๋อ ท่องศัพท์ไปด้วยหน่อยก็ดีนะคะ ลองเสิร์ชว่า ศัพท์ที่เจอบ่อยใน TOEIC ก็ได้ค่ะ พาร์ทนี้มี40ข้อค่ะ ทำไปได้หน่อยก็จะเบื่อค่ะ แต่ฮึบนะ สู้เค้า555555
พาร์ทถัดมาก็ยังอยู่ที่เติมคำค่ะ คล้ายกับพาร์ทแรก แต่เป็น passage มักจะเป็นพวกอีเมล หรือว่าจดหมายค่ะ มีประมาณสามสี่ข้อต่อ1passage ถ้าไม่อยากอ่านทั้งpassage ก็น่าจะได้นะคะ อ่านแค่ประโยคที่เราต้องเติมแล้วเลือกคำที่เหมาะที่สุด แต่อ่านไปก็ดีค่ะ ของเรามีหลอกอยู่ข้อนึง เหมือนว่ามันใช้ได้สองคำในช่องว่าง แต่คำนึงเติมแล้วทำให้เนื้อหาเป็นแง่ลบ อีกอันทำให้เนื้อหาเป็นแง่บวก สุดท้ายก็ต้องอ่านค่ะว่าต้องเติมให้เนื้อเรื่องเป็นแง่ไหน
พาร์ทสุดท้ายแล้วค่ะ เย้ จะเป็นพวก article จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร โฆษณา อะไรประมาณนี้ ถ้าจำไม่ผิดข้อแรกๆของพาร์ทนี้จะมีแค่หนึ่ง article เราก็อ่านไปค่ะแล้วก็ตอบ ส่วนใหญ่ก็ถามว่า เกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับใคร ผู้อ่านน่าจะเป็นกลุ่มไหน ประมาณนี้ค่ะ
ข้อหลังๆจะเริ่มมีสอง article ค่ะ บนล่าง ยกตัวอย่างอันนึงตอนที่เราสอบนะคะ อันบน เป็นจดหมายจากหนึ่งในเจ้าของร้านค้าในชุมชนว่ามีความเห็นกับการจอดรถอย่างนี้ๆ และจะนัดประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ แล้วก็มีแบบสอบถามสำหรับเจ้าของร้านค้าอื่นว่าได้ผลกระทบอย่างไรบ้าง อันล่างเป็นแบบสอบถามที่เจ้าของร้านคนนึงตอบค่ะ พวกคำถามก็จะประมาณว่า เจ้าของร้านค้า(articleล่าง) เห็นด้วยกับเจ้าของร้านค้า (articleบน) อย่างไร ประมาณนี้ค่ะ ส่วนนี้ยากหน่อย เพราะต้องวิเคราะห์นิดนึง พาร์ทนี้สำหรับเราน่าเบื่อค่ะอย่างที่บอกไว้ เรามาสมาธิหลุดตรงพาร์ทนี้แหละค่ะ ._.
ส่วนของการอ่าน passage จะสั้นๆค่ะ เทียบกับการอ่านของข้อสอบอื่น อย่างที่บอกว่ามักจะเป็นพวก หนังสือพิมพ์ หรือโฆษณา ระดับภาษายังเป็นที่ระดับที่เจอได้ทั่วไปค่ะ เบื่อๆก็เปิดอ่านนู่นนี่ไปเรื่อยก็ได้ค่ะ ไม่ถึงขั้นต้องอ่านแบบหนังสือพิมพ์ยากๆศัพท์เฉพาะเยอะๆ อย่างที่บอกเราว่าเป็นการวัดระดับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันค่ะ (ชีวิตประจำวันฝรั่งนะคะ ไม่ใช่ชีวิตประจำวันเราคนไทยที่แทบไม่เจอภาษาอังกฤษ) อย่างเราเราชอบพวก buzzfeed ค่ะ ทั้งดูทั้งอ่าน บันเทิงดีนะคะ ลองไปหาดูได้
อันนี้เป็น simulation test ค่ะ เราไม่ได้ทำอันนี้นะ แต่เราหามาให้ดูประกอบ เว็บนี้มีให้ลองสอบจริงก็ลองจิ้มๆทำๆก็ได้ค่ะ http://student.ts.edulang.com
หรือไม่ก็ลองเสิร์ชว่า TOEIC simulation test ดูก็ได้นะคะ
พิมพ์มาตั้งยาว หวังว่าจะไม่น่าเบื่อเกิดไปนะ ฟังดูไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ ไม่ยาก ส่วนสำคัญคือขอแค่เรามีสมาธิ ไม่วอกแวกก็พอ โฟกัสกับการทำข้อสอบ อ้อ ในห้องที่เรานั่งหนาวเหมือนกันนะคะ ถ้าขี้หนาวก็อย่าลืมเอาเสื้อหนาวไปนะคะ เอาเข้าได้ จะได้ไม่ต้องนั่งสั่น บัตรประชาชน หรือเอกสารราชการอื่นเอาไปเผื่อก็ดีค่ะ (just in case) พกไปแค่นั้นพอค่ะ ดินสอ ปากกา ยางลบ มีให้พร้อมแล้ว
คะแนนจะออกวันถัดจากที่เราไปสอบค่ะ แต่ถ้าสอบวันเสาร์จะได้คะแนนวันจันทร์ แล้วก็ถ้าขี้เกียจเข้าไปเอาคะแนน จะให้ส่งมาที่บ้านก็ได้ค่ะ สอบเสร็จก็กลับเข้าไปห้องที่เราไปจ่ายตังอะค่ะ ไปเอาซองแล้วก็จ่ายเงินค่าส่งอีเอ็มเอส 50บาท แค่นี้แหละ กลับบ้านไปนอนตีพุงรอคะแนนมาได้เลยค่ะ ช้าเร็วขึ้นอยู่กับไปรษณีย์แล้วหล่ะค่ะ
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ