สวัสดีค่ะ เราจะมารีวิวการสอบTOEIC ปีล่าสุด 2024 ที่เราพึ่งไปสอบมาสดๆร้อนๆ ทั้งข้อสอบและการเตรียมตัวก่อนสอบของเรา แบบละเอียด รวมถึงเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ในการทำข้อสอบ มาเริ่มกันเลยย
ก่อนอื่นขอแนะนำก่อนว่า TOEIC คืออะไร TOEIC หรือชื่อเต็มๆ คือ Test of English for International Communication เป็นแบบทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ ที่ประกอบไปด้วย 2 พาร์ทใหญ่ คือ 1.Listening (การฟัง) และ 2.Reading (การอ่าน) โดยแต่ละพาร์ทจะมีจำนวน 100 ข้อ (รวมเป็น 200 ข้อ) คะแนนเต็ม 990 (พาร์ทละ 495) ให้เวลาในการทำ 2 ชม. โดยแบ่งเป็น part listening 45 นาที และpart reading 1 ชม. 15 นาที โดยจุดประสงค์หลักๆ ของการสอบTOEIC คือ เพื่อใช้สมัครงาน หรือขึ้นเงินเดือน เพราะเดี๋ยวนี้หลายๆบริษัทหรือหน่วยงานทั้งใหญ่เล็ก โดยเฉพาะเอกชน ต่างrequireคะแนนTOEIC ทั้งในการสมัครงาน และขึ้นเงินเดือน บางบริษัทก็ส่งพนักงานมาสอบทั้งแผนกเลยก็มี ซึ่งโดยธรรมชาติของตัวข้อสอบแล้วจะไม่ได้ออกยากหรือadvanceลงลึกมาก ง่ายกว่าข้อสอบอื่นๆ อย่าง CU-TEP ฟีลแบบเป็นเหมือนการสอบเพื่อวัดทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันและการทำงาน แต่ข้อสอบจะเป็นspeed test คือจำนวนข้อเยอะ และให้เวลาค่อนข้างน้อย ซึ่งตอนสอบต้องบริหารเวลาดีๆ ไม่งั้นจะทำไม่ทัน (เหมือนเรา T_T)
การสมัครสอบ
ตอนนี้ในประเทศไทยมีศูนย์สอบTOEICหลักๆ อยู่ 2 แห่ง คือ ศูนย์ TOEIC กรุงเทพฯ ที่ตึก BB Building บนถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) กับ ศูนย์ TOEIC เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม บางจังหวัดอาจมีเปิดสอบในบางช่วง ซึ่งต้องคอยติดตามข่าวการรับสมัครสอบ โดยเราสอบที่ศูนย์ กทม. ซึ่งมีจัดสอบเกือบทุกวันเลยในแต่ละเดือน วิธีการสมัครก็คือจะโทรไปที่ศูนย์สอบเพื่อสำรองที่นั่งสอบ มีค่าสมัคร 1,800 บาท (จ่ายในวันสอบ) แต่ถ้าสมัครในนามสถาบันการศึกษาก็จะได้ลดราคา หรืออาจ walk-in เข้าไปสมัครในวันสอบเลยก็ได้ (แต่ก็มีความเสี่ยงเพราะที่นั่งอาจเต็ม)
สิ่งที่ต้องเตรียมไปสอบ
มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างหลักๆ คือ 1.บัตรประชาชน (เพื่อยืนยันตัวตน) 2.ความรู้ (แน่อยู่ละ55) 3.สติและสมาธิ (สำคัญมากก) ไม่จำเป็นต้องเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนใดๆไป เพราะเจ้าหน้าที่จะแจกให้ก่อนเข้าสอบ ละก็อย่าลืมเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ดื่มน้ำก่อนเข้าสอบ เพราะจนท.ไม่อนุญาตให้เอาน้ำดื่มเข้าห้องสอบจ้า
ต่อมาเราจะมาอธิบายแบบเจาะลึกในตัวข้อสอบแต่ละพาร์ท
ลักษณะข้อสอบ
ดังที่เราได้เกริ่นไปแล้วตอนต้นว่าตัวข้อสอบ TOEIC จะประกอบด้วย 2 พาร์ทหลัก คือ Listening และ Reading ซึ่งในแต่ละPartก็จะแบ่งเป็นพาร์ทย่อยลงไปอีก ดังนี้
1.Listening
โดยพาร์ทนี้เป็นพาร์ทแรกที่ผู้เข้าสอบทุกคนต้องทำก่อน โดยเจ้าหน้าที่คุมสอบก็จะเปิดเทปเสียงให้ฟังในแต่ละข้อไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ฝนคำตอบจากที่ได้ฟังลงในกระดาษคำตอบ โดยแบ่งออกเป็น 4 พาร์ทย่อย ได้แก่
Part 1 Photographs 6 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะมีรูปให้ในข้อสอบ อาจเป็นรูปคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ มี 4 ตัวเลือก ซึ่งเราก็ต้องฟังแต่ละchoice ละเลือกchoiceข้อที่ตรงกับภาพมากที่สุด
Part 2 Question-Response 25 ข้อ พาร์ทนี้มีความพิเศษคือเป็นพาร์ทที่มีแต่เสียงล้วนๆ โดยเราต้องฟังเสียงที่เป็นโจทย์ในแต่ละข้อ ละเลือกคำตอบที่คล้องจองสัมพันธ์กัน ซึ่งโจทย์อาจเป็นการถามคำถามที่ต้องการคำตอบ หรืออาจเป็นการบ่น ตั้งข้อสังเกตที่ไม่ได้ต้องการคำตอบก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องเลือกตอบข้อที่ respond ได้สัมพันธ์หรือ make senseกับโจทย์มากที่สุด
Part 3 Short Conversation 39 ข้อ โดยเป็นเสียงการสนทนา ที่ประกอบด้วยผู้พูด 2-3 คน ซึ่งเราก็ต้องฟังละก็มาตอบคำถามในแต่ละข้อที่ได้ฟังจากบทสนทนา โดยบางบทก็จะมีภาพประกอบด้วย เช่น ภาพแผนผังในสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตอบคำถาม
Part 4 Short Talks 30 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะเป็นการพูดคนเดียว อย่างเช่น การประกาศเสียงตามสาย รับสมัครงาน รายงานสภาพอากาศ ฯลฯ ซึ่งบางบทก็จะมีภาพประกอบเช่นกัน
2.Reading
Part 5 Incomplete Sentence 30 ข้อ พาร์ทนี้ก็เป็นพาร์ทแรกของส่วนReading โดยรูปแบบข้อสอบ ก็จะมีประโยคมาให้ ละมี blank เป็นช่องว่างให้เติมคำที่หายไปลงในประโยคให้สมบูรณ์ โดยก็จะเป็นการวัดทั้งหลัก grammarและคำศัพท์ต่างๆ
Part 6 Text Completion 16 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะคล้ายๆ กับพาร์ทแรก คือจะวัดศัพท์กับGrammar แต่ที่ต่างคือแต่ละข้อจะไม่ได้มีแค่ประโยคเดียวแล้ว แต่จะเป็นบทความ หลายๆประโยค ละก็ให้เติมคำในช่องว่าง
Part 7 Reading Comprehension 54 ข้อ มาถึงพาร์ทสุดท้ายแล้วว พาร์ทนี้ก็เป็นการทดสอบทักษะการอ่านจับใจความ รวมทั้งวัดvocab พวก synonym ด้วย ก็จะประกอบด้วยบทความทั้งสั้นยาว โดยมีทั้งบทความเดี่ยว คู่ และสามส่วน
การเตรียมตัว
เราจำได้ว่าเตรียมตัวไม่ถึงเดือนก่อนสอบ เราก็ลองฝึกทำข้อสอบจากหนังสือสอบ TOEIC ทั่วไปที่วางขายตามร้านหนังสือ ตอนทำก็ลองจับเวลาเหมือนสอบจริงด้วย เราทำไป 5 ชุด (เฉพาะพาร์ท Reading) ซึ่งแนวข้อสอบในหนังสือก็ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงอยู่ เล่มนี้เลยย
ส่วนพาร์ท Listening เราฝึกทำจากตามช่องใน Youtube ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างเยอะมากๆ และที่สำคัญคือฟรีด้วย (คือดือมั่กก) เดวเราแปะลิงก์บางช่องให้

นอกจากนี้ เราก็มีดูคลิปติวข้อสอบ ตาม Youtube ของติวเตอร์ (เดวแปะลิงก์ให้เช่นกัน)ละก็ฝึกทำข้อสอบทั้งสองพาร์ทจากแอพเตรียมสอบ TOEIC ซึ่งก็มีอยู่เยอะมากๆ เช่นกัน

(อันนี้เป็นตะลุยข้อสอบ พี่ติวเตอร์อธิบายละเอียดมากๆ)

อันนี้เป็นแอพเตรียมสอบ TOEIC โหลดได้ที่ Play storeในมือถือเลยย
การเตรียมตัวของเราก็มีประมาณนี้ ส่วนต่อไปจะเป็นคำแนะนำและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการทำข้อสอบของเรา
คำแนะนำ & เทคนิค
1. จากที่กล่าวไปว่า TOEIC เป็นข้อสอบแบบ Speed test ที่ต้องทำแข่งกับเวลา และคนส่วนใหญ่ก็ทำไม่ทันกันเยอะมาก ดังนั้น การบริหารเวลาตอนสอบเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และส่งผลกับคะแนนอย่างยิ่ง ในส่วน reading เราแนะนำว่าตอนฝึกทำข้อสอบให้จับเวลา+ใช้กระดาษคำตอบเหมือนจริง (แบบใช้ดินสอฝนคำตอบ สามารถหาในเน็ตได้) เพื่อดูว่าเราทำทันเวลาจริงมั้ย ละก็อย่าจมหรือเสียวลาติดกับข้อใดข้อนึงนานๆ เพราะจะทำไม่ทัน ถ้าไม่รู้จริงๆ ว่าตอบข้อไหน ก็อยากแนะนำว่าให้เดาหรือใช้เซนส์ตอบไปเลย พยายามอย่าข้ามข้อเยอะ (ไม่ข้ามเลยยิ่งดี) ฟีลแบบเห็นโจทย์ปุ๊บ 123 ละตอบเลยประมาณนั้น555 Fast&Furiousมั่กก แนะนำเรื่องการแบ่งเวลาว่าพยายามจับเวลาให้ทำพาร์ท 5-6 เสร็จภายใน 20 นาที เพื่อเอาเวลาที่เหลืออีก 55 นาที ไปทำส่วนReading (ซึ่งเยอะและยาวมั่กกก T-T)
2. พาร์ท Listening เทปโจทย์คำถามจะเปิดค่อนข้างเร็วและต่อเนื่อง แบบแทบไม่ให้พักหายใจ T-T แบบจบข้อนึงก็ต่ออีกข้อเลย เราแนะนำว่าพาร์ทแรก ให้พิจารณารูป แล้วตอนฟังพยายามโฟกัสตรงSubject และ verb ของประโยคว่าคืออะไร จะช่วยให้เราเลือกคำตอบที่ตรงและสอดคล้องกับรูปภาพได้มากขึ้น ส่วนพาร์ท 2 แนะนำว่าให้ตั้งใจฟังตรงส่วนต้นของประโยค ถ้าขึ้นต้นด้วย Question words อาทิ What, where, when, why, how ก็ assumeได้เลยว่าเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ อย่างถ้าขึ้นต้นด้วย Where เราก็เดาได้แล้วว่าคำตอบก็จะต้องเป็นสถานที่ เราก็ฟัง Choice ละก็เลือกข้อที่เป็นสถานที่ ละก็วิธีนี้ทำให้สามารถตัดchoiceได้ด้วย ในกรณีที่ถึงแม้เราจะฟังทั้งประโยคไม่ออกก็ตาม อย่างถ้าถาม Where คำตอบก็ไม่น่าจะเป็นเวลาหรืออื่นๆ ส่วนพาร์ท 3-4 แนะนำว่าให้กวาดตาอ่านคำถามและChoiceอย่างเร็วๆ รอบนึงก่อน เพื่อดูว่าคำถามแต่ละข้อเป็นประมาณไหน ต้องการถามถึงอะไร เพื่อเวลาฟังจะได้โฟกัสได้ตรงจุดที่คำถามจะถาม และประหยัดเวลาด้วย ละก็บางข้อก็จะยกประโยคบางประโยคจากที่เราฟังมา แล้วถามว่าจากประโยคนี้ผู้พูดมีจุดประสงค์หรืออนุมานได้ว่าอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องมาตีความวิเคราะห์กันอีกที (แต่ไม่ยากมาก) บริบทข้างๆจากบท listening ที่ฟังก็ช่วยได้ระดับนึง ละก็ตอนฝนคำตอบเราแนะนำว่าพอฟังละได้คำตอบแล้วให้ใช้ดินสอติ๊กๆ ข้อที่เลือกไว้ก่อนละค่อยมาฝนระบายเต็มวงอีกที เพราะถ้ามัวแต่ฝนก็จะทำให้ฟังไม่ทัน
3.พาร์ท 5-6 ที่เป็นการวัด grammar กับ Vocab เราสามารถประหยัดเวลาในการทำได้ด้วยการดูที่ Choice ก่อน ถ้า Choice แต่ละข้อเป็นคำๆ เดียวกัน แต่มี Part of speech ต่างกัน (เช่น success, successful, successfully ) เราก็รู้เลยว่าโจทย์ข้อนั้นต้องการวัดเรื่อง grammar เราก็แค่ไปดูตรงโจทย์คำถามในประโยคว่าขาดส่วนไหนไป Noun Adj. หรือ adv. แล้วก็เลือกตอบข้อนั้น ในกรณีนี้ ไม่ต้องอ่านให้จบครบทั้งประโยคหรือแปลเลย แต่ถ้าดู Choice แล้วเป็นคำที่ต่างกัน เราก็อาจจำเป็นต้องแปลประโยคนั้น แล้วเลือกคำที่สอดคล้องและทำให้ประโยคมันดูโอเค make senseสุด ละก็มันจะมีบางคำที่ต้องคู่กันเลย อันนี้ก็จะง่ายหน่อยถ้าเราจำได้ เช่น meeting คู่กับ held หรือ both คู่กับ and เป็นต้น
4.พาร์ท 7 ที่ให้อ่านreading แนะนำคือขั้นแรกให้ไปดูตรงคำถามก่อนว่าเค้าถามอะไร แล้วค่อยกลับมาหาในบทความ หรืออาจskimบทความคร่าวๆ ครั้งนึงก่อน อย่าอ่านบทความทั้งหมด เพราะจะเสียเวลามากและทำไม่ทันแน่ๆ ควรใช้เทคนิค skim&scanช่วย อาจไม่จำเป็นต้องทำเรียงข้อ ดูว่าข้อไหนง่าย แบบไม่ต้องวิเคราะห์มาก ก็อาจทำข้อนั้นก่อน อย่างบางข้อจะยกศัพท์คำนึงในบทความมาแล้วถามว่าคำๆนี้ เป็น synonym หรือความหมายเดียวกันกับคำไหน ซึ่งถ้าเราแม่นศัพท์ก็อาจตอบก่อนได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องอ่านบทความด้วยซ้ำ (แต่อาจลองอ่านเช็คดูก็ได้ว่ามันสอดคล้องกับบริบทมั้ย)
5.ข้อสอบส่วนใหญ่เนื้อหาจะเป็นเรื่องแนวๆ ธุรกิจ การทำงาน สมัครงาน ดังนั้น เลยอยากแนะนำให้อ่านศัพท์vocab ในscopeแนวๆนี้ไว้ จะได้ช่วยในการทำความเข้าใจตอนทำข้อสอบ
6.มาก่อนเวลาสอบประมาณชั่วโมงนึง เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวทำสมาธิในห้องก่อนสอบ โดยเค้าจะให้ลงทะเบียนตอนประมาณ 1 ชม.ก่อนสอบ
คำแนะนำและเทคนิคของเราก็มีประมาณนี้ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ TOEIC นะคะ อยากบอกว่าข้อสอบไม่ได้ยากเกินความสามารถและความพยายามของเราแน่นอนค่ะ ละก็หวังว่าบทความแนะนำสอบTOEICที่เราตั้งใจเขียนขึ้นนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนในการเตรียมตัวและสอบไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล.คะแนนจะออกหลังวันสอบ 1 วัน สามารถไปรับได้ที่ศูนย์สอบตั้งแต่เวลา 14.30น. โดยกรรมการจะเก็บใบคะแนนไว้ให้เรา 90 วัน สามารถไปรับวันไหนก็ได้ในช่วงนี้ (เรายังไม่ได้ไปรับเลย55) หรือจะให้ส่งคะแนนทางไปรษณีย์ก็ได้
[CR] รีวิวสอบ TOEIC 2024
ก่อนอื่นขอแนะนำก่อนว่า TOEIC คืออะไร TOEIC หรือชื่อเต็มๆ คือ Test of English for International Communication เป็นแบบทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ ที่ประกอบไปด้วย 2 พาร์ทใหญ่ คือ 1.Listening (การฟัง) และ 2.Reading (การอ่าน) โดยแต่ละพาร์ทจะมีจำนวน 100 ข้อ (รวมเป็น 200 ข้อ) คะแนนเต็ม 990 (พาร์ทละ 495) ให้เวลาในการทำ 2 ชม. โดยแบ่งเป็น part listening 45 นาที และpart reading 1 ชม. 15 นาที โดยจุดประสงค์หลักๆ ของการสอบTOEIC คือ เพื่อใช้สมัครงาน หรือขึ้นเงินเดือน เพราะเดี๋ยวนี้หลายๆบริษัทหรือหน่วยงานทั้งใหญ่เล็ก โดยเฉพาะเอกชน ต่างrequireคะแนนTOEIC ทั้งในการสมัครงาน และขึ้นเงินเดือน บางบริษัทก็ส่งพนักงานมาสอบทั้งแผนกเลยก็มี ซึ่งโดยธรรมชาติของตัวข้อสอบแล้วจะไม่ได้ออกยากหรือadvanceลงลึกมาก ง่ายกว่าข้อสอบอื่นๆ อย่าง CU-TEP ฟีลแบบเป็นเหมือนการสอบเพื่อวัดทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันและการทำงาน แต่ข้อสอบจะเป็นspeed test คือจำนวนข้อเยอะ และให้เวลาค่อนข้างน้อย ซึ่งตอนสอบต้องบริหารเวลาดีๆ ไม่งั้นจะทำไม่ทัน (เหมือนเรา T_T)
การสมัครสอบ
ตอนนี้ในประเทศไทยมีศูนย์สอบTOEICหลักๆ อยู่ 2 แห่ง คือ ศูนย์ TOEIC กรุงเทพฯ ที่ตึก BB Building บนถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) กับ ศูนย์ TOEIC เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม บางจังหวัดอาจมีเปิดสอบในบางช่วง ซึ่งต้องคอยติดตามข่าวการรับสมัครสอบ โดยเราสอบที่ศูนย์ กทม. ซึ่งมีจัดสอบเกือบทุกวันเลยในแต่ละเดือน วิธีการสมัครก็คือจะโทรไปที่ศูนย์สอบเพื่อสำรองที่นั่งสอบ มีค่าสมัคร 1,800 บาท (จ่ายในวันสอบ) แต่ถ้าสมัครในนามสถาบันการศึกษาก็จะได้ลดราคา หรืออาจ walk-in เข้าไปสมัครในวันสอบเลยก็ได้ (แต่ก็มีความเสี่ยงเพราะที่นั่งอาจเต็ม)
สิ่งที่ต้องเตรียมไปสอบ
มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างหลักๆ คือ 1.บัตรประชาชน (เพื่อยืนยันตัวตน) 2.ความรู้ (แน่อยู่ละ55) 3.สติและสมาธิ (สำคัญมากก) ไม่จำเป็นต้องเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนใดๆไป เพราะเจ้าหน้าที่จะแจกให้ก่อนเข้าสอบ ละก็อย่าลืมเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ดื่มน้ำก่อนเข้าสอบ เพราะจนท.ไม่อนุญาตให้เอาน้ำดื่มเข้าห้องสอบจ้า
ต่อมาเราจะมาอธิบายแบบเจาะลึกในตัวข้อสอบแต่ละพาร์ท
ลักษณะข้อสอบ
ดังที่เราได้เกริ่นไปแล้วตอนต้นว่าตัวข้อสอบ TOEIC จะประกอบด้วย 2 พาร์ทหลัก คือ Listening และ Reading ซึ่งในแต่ละPartก็จะแบ่งเป็นพาร์ทย่อยลงไปอีก ดังนี้
1.Listening
โดยพาร์ทนี้เป็นพาร์ทแรกที่ผู้เข้าสอบทุกคนต้องทำก่อน โดยเจ้าหน้าที่คุมสอบก็จะเปิดเทปเสียงให้ฟังในแต่ละข้อไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ฝนคำตอบจากที่ได้ฟังลงในกระดาษคำตอบ โดยแบ่งออกเป็น 4 พาร์ทย่อย ได้แก่
Part 1 Photographs 6 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะมีรูปให้ในข้อสอบ อาจเป็นรูปคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ มี 4 ตัวเลือก ซึ่งเราก็ต้องฟังแต่ละchoice ละเลือกchoiceข้อที่ตรงกับภาพมากที่สุด
Part 2 Question-Response 25 ข้อ พาร์ทนี้มีความพิเศษคือเป็นพาร์ทที่มีแต่เสียงล้วนๆ โดยเราต้องฟังเสียงที่เป็นโจทย์ในแต่ละข้อ ละเลือกคำตอบที่คล้องจองสัมพันธ์กัน ซึ่งโจทย์อาจเป็นการถามคำถามที่ต้องการคำตอบ หรืออาจเป็นการบ่น ตั้งข้อสังเกตที่ไม่ได้ต้องการคำตอบก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องเลือกตอบข้อที่ respond ได้สัมพันธ์หรือ make senseกับโจทย์มากที่สุด
Part 3 Short Conversation 39 ข้อ โดยเป็นเสียงการสนทนา ที่ประกอบด้วยผู้พูด 2-3 คน ซึ่งเราก็ต้องฟังละก็มาตอบคำถามในแต่ละข้อที่ได้ฟังจากบทสนทนา โดยบางบทก็จะมีภาพประกอบด้วย เช่น ภาพแผนผังในสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตอบคำถาม
Part 4 Short Talks 30 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะเป็นการพูดคนเดียว อย่างเช่น การประกาศเสียงตามสาย รับสมัครงาน รายงานสภาพอากาศ ฯลฯ ซึ่งบางบทก็จะมีภาพประกอบเช่นกัน
2.Reading
Part 5 Incomplete Sentence 30 ข้อ พาร์ทนี้ก็เป็นพาร์ทแรกของส่วนReading โดยรูปแบบข้อสอบ ก็จะมีประโยคมาให้ ละมี blank เป็นช่องว่างให้เติมคำที่หายไปลงในประโยคให้สมบูรณ์ โดยก็จะเป็นการวัดทั้งหลัก grammarและคำศัพท์ต่างๆ
Part 6 Text Completion 16 ข้อ พาร์ทนี้ก็จะคล้ายๆ กับพาร์ทแรก คือจะวัดศัพท์กับGrammar แต่ที่ต่างคือแต่ละข้อจะไม่ได้มีแค่ประโยคเดียวแล้ว แต่จะเป็นบทความ หลายๆประโยค ละก็ให้เติมคำในช่องว่าง
Part 7 Reading Comprehension 54 ข้อ มาถึงพาร์ทสุดท้ายแล้วว พาร์ทนี้ก็เป็นการทดสอบทักษะการอ่านจับใจความ รวมทั้งวัดvocab พวก synonym ด้วย ก็จะประกอบด้วยบทความทั้งสั้นยาว โดยมีทั้งบทความเดี่ยว คู่ และสามส่วน
การเตรียมตัว
เราจำได้ว่าเตรียมตัวไม่ถึงเดือนก่อนสอบ เราก็ลองฝึกทำข้อสอบจากหนังสือสอบ TOEIC ทั่วไปที่วางขายตามร้านหนังสือ ตอนทำก็ลองจับเวลาเหมือนสอบจริงด้วย เราทำไป 5 ชุด (เฉพาะพาร์ท Reading) ซึ่งแนวข้อสอบในหนังสือก็ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงอยู่ เล่มนี้เลยย
ส่วนพาร์ท Listening เราฝึกทำจากตามช่องใน Youtube ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างเยอะมากๆ และที่สำคัญคือฟรีด้วย (คือดือมั่กก) เดวเราแปะลิงก์บางช่องให้
นอกจากนี้ เราก็มีดูคลิปติวข้อสอบ ตาม Youtube ของติวเตอร์ (เดวแปะลิงก์ให้เช่นกัน)ละก็ฝึกทำข้อสอบทั้งสองพาร์ทจากแอพเตรียมสอบ TOEIC ซึ่งก็มีอยู่เยอะมากๆ เช่นกัน
(อันนี้เป็นตะลุยข้อสอบ พี่ติวเตอร์อธิบายละเอียดมากๆ)
อันนี้เป็นแอพเตรียมสอบ TOEIC โหลดได้ที่ Play storeในมือถือเลยย
การเตรียมตัวของเราก็มีประมาณนี้ ส่วนต่อไปจะเป็นคำแนะนำและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการทำข้อสอบของเรา
คำแนะนำ & เทคนิค
1. จากที่กล่าวไปว่า TOEIC เป็นข้อสอบแบบ Speed test ที่ต้องทำแข่งกับเวลา และคนส่วนใหญ่ก็ทำไม่ทันกันเยอะมาก ดังนั้น การบริหารเวลาตอนสอบเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และส่งผลกับคะแนนอย่างยิ่ง ในส่วน reading เราแนะนำว่าตอนฝึกทำข้อสอบให้จับเวลา+ใช้กระดาษคำตอบเหมือนจริง (แบบใช้ดินสอฝนคำตอบ สามารถหาในเน็ตได้) เพื่อดูว่าเราทำทันเวลาจริงมั้ย ละก็อย่าจมหรือเสียวลาติดกับข้อใดข้อนึงนานๆ เพราะจะทำไม่ทัน ถ้าไม่รู้จริงๆ ว่าตอบข้อไหน ก็อยากแนะนำว่าให้เดาหรือใช้เซนส์ตอบไปเลย พยายามอย่าข้ามข้อเยอะ (ไม่ข้ามเลยยิ่งดี) ฟีลแบบเห็นโจทย์ปุ๊บ 123 ละตอบเลยประมาณนั้น555 Fast&Furiousมั่กก แนะนำเรื่องการแบ่งเวลาว่าพยายามจับเวลาให้ทำพาร์ท 5-6 เสร็จภายใน 20 นาที เพื่อเอาเวลาที่เหลืออีก 55 นาที ไปทำส่วนReading (ซึ่งเยอะและยาวมั่กกก T-T)
2. พาร์ท Listening เทปโจทย์คำถามจะเปิดค่อนข้างเร็วและต่อเนื่อง แบบแทบไม่ให้พักหายใจ T-T แบบจบข้อนึงก็ต่ออีกข้อเลย เราแนะนำว่าพาร์ทแรก ให้พิจารณารูป แล้วตอนฟังพยายามโฟกัสตรงSubject และ verb ของประโยคว่าคืออะไร จะช่วยให้เราเลือกคำตอบที่ตรงและสอดคล้องกับรูปภาพได้มากขึ้น ส่วนพาร์ท 2 แนะนำว่าให้ตั้งใจฟังตรงส่วนต้นของประโยค ถ้าขึ้นต้นด้วย Question words อาทิ What, where, when, why, how ก็ assumeได้เลยว่าเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ อย่างถ้าขึ้นต้นด้วย Where เราก็เดาได้แล้วว่าคำตอบก็จะต้องเป็นสถานที่ เราก็ฟัง Choice ละก็เลือกข้อที่เป็นสถานที่ ละก็วิธีนี้ทำให้สามารถตัดchoiceได้ด้วย ในกรณีที่ถึงแม้เราจะฟังทั้งประโยคไม่ออกก็ตาม อย่างถ้าถาม Where คำตอบก็ไม่น่าจะเป็นเวลาหรืออื่นๆ ส่วนพาร์ท 3-4 แนะนำว่าให้กวาดตาอ่านคำถามและChoiceอย่างเร็วๆ รอบนึงก่อน เพื่อดูว่าคำถามแต่ละข้อเป็นประมาณไหน ต้องการถามถึงอะไร เพื่อเวลาฟังจะได้โฟกัสได้ตรงจุดที่คำถามจะถาม และประหยัดเวลาด้วย ละก็บางข้อก็จะยกประโยคบางประโยคจากที่เราฟังมา แล้วถามว่าจากประโยคนี้ผู้พูดมีจุดประสงค์หรืออนุมานได้ว่าอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องมาตีความวิเคราะห์กันอีกที (แต่ไม่ยากมาก) บริบทข้างๆจากบท listening ที่ฟังก็ช่วยได้ระดับนึง ละก็ตอนฝนคำตอบเราแนะนำว่าพอฟังละได้คำตอบแล้วให้ใช้ดินสอติ๊กๆ ข้อที่เลือกไว้ก่อนละค่อยมาฝนระบายเต็มวงอีกที เพราะถ้ามัวแต่ฝนก็จะทำให้ฟังไม่ทัน
3.พาร์ท 5-6 ที่เป็นการวัด grammar กับ Vocab เราสามารถประหยัดเวลาในการทำได้ด้วยการดูที่ Choice ก่อน ถ้า Choice แต่ละข้อเป็นคำๆ เดียวกัน แต่มี Part of speech ต่างกัน (เช่น success, successful, successfully ) เราก็รู้เลยว่าโจทย์ข้อนั้นต้องการวัดเรื่อง grammar เราก็แค่ไปดูตรงโจทย์คำถามในประโยคว่าขาดส่วนไหนไป Noun Adj. หรือ adv. แล้วก็เลือกตอบข้อนั้น ในกรณีนี้ ไม่ต้องอ่านให้จบครบทั้งประโยคหรือแปลเลย แต่ถ้าดู Choice แล้วเป็นคำที่ต่างกัน เราก็อาจจำเป็นต้องแปลประโยคนั้น แล้วเลือกคำที่สอดคล้องและทำให้ประโยคมันดูโอเค make senseสุด ละก็มันจะมีบางคำที่ต้องคู่กันเลย อันนี้ก็จะง่ายหน่อยถ้าเราจำได้ เช่น meeting คู่กับ held หรือ both คู่กับ and เป็นต้น
4.พาร์ท 7 ที่ให้อ่านreading แนะนำคือขั้นแรกให้ไปดูตรงคำถามก่อนว่าเค้าถามอะไร แล้วค่อยกลับมาหาในบทความ หรืออาจskimบทความคร่าวๆ ครั้งนึงก่อน อย่าอ่านบทความทั้งหมด เพราะจะเสียเวลามากและทำไม่ทันแน่ๆ ควรใช้เทคนิค skim&scanช่วย อาจไม่จำเป็นต้องทำเรียงข้อ ดูว่าข้อไหนง่าย แบบไม่ต้องวิเคราะห์มาก ก็อาจทำข้อนั้นก่อน อย่างบางข้อจะยกศัพท์คำนึงในบทความมาแล้วถามว่าคำๆนี้ เป็น synonym หรือความหมายเดียวกันกับคำไหน ซึ่งถ้าเราแม่นศัพท์ก็อาจตอบก่อนได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องอ่านบทความด้วยซ้ำ (แต่อาจลองอ่านเช็คดูก็ได้ว่ามันสอดคล้องกับบริบทมั้ย)
5.ข้อสอบส่วนใหญ่เนื้อหาจะเป็นเรื่องแนวๆ ธุรกิจ การทำงาน สมัครงาน ดังนั้น เลยอยากแนะนำให้อ่านศัพท์vocab ในscopeแนวๆนี้ไว้ จะได้ช่วยในการทำความเข้าใจตอนทำข้อสอบ
6.มาก่อนเวลาสอบประมาณชั่วโมงนึง เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวทำสมาธิในห้องก่อนสอบ โดยเค้าจะให้ลงทะเบียนตอนประมาณ 1 ชม.ก่อนสอบ
คำแนะนำและเทคนิคของเราก็มีประมาณนี้ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ TOEIC นะคะ อยากบอกว่าข้อสอบไม่ได้ยากเกินความสามารถและความพยายามของเราแน่นอนค่ะ ละก็หวังว่าบทความแนะนำสอบTOEICที่เราตั้งใจเขียนขึ้นนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนในการเตรียมตัวและสอบไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล.คะแนนจะออกหลังวันสอบ 1 วัน สามารถไปรับได้ที่ศูนย์สอบตั้งแต่เวลา 14.30น. โดยกรรมการจะเก็บใบคะแนนไว้ให้เรา 90 วัน สามารถไปรับวันไหนก็ได้ในช่วงนี้ (เรายังไม่ได้ไปรับเลย55) หรือจะให้ส่งคะแนนทางไปรษณีย์ก็ได้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้