เตรียมตัวสอบ CUTEP ให้ได้ 90+ , A-level Eng พาร์ท Reading (ฉบับอ่านเอง+เรียนภาคไทย)

 

                    สวัสดีครับพี่ชื่อใจ๋นะ  สอบcutepได้ 91/120 กับ A-level eng 93.75/100 คือตอนนี้พี่ปิดเทอมจะขึ้นปี 1  ว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรเลยมาเขียนกระทู้แนะนำการเตรียมสอบ CUTEP เนอะซึ่งพาร์ท reading เอาไปใช้สอบใน A-level eng ได้เหมือนกัน ถ้าทำ reading ของ cutep 
ได้ A-level นี่ง่ายกว่าเยอะครับน้อง อะอย่างแรก CUTEP คืออะไร CUTEP คือข้อสอบวัดภาษาอังกฤษของเราซึ่งสามารถนำไปยื่นสมัครงาน หรือ สมัครเรียนปริญญาตรีในจุฬา หรือมหาลัยอื่น  ๆ ( อันนี้ก็ต้องดู requirementของแต่ละมหาลัยด้วยนะ) CUTEP คะแนนเต็ม120คะแนน ข้อละ 1 คะแนน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 Parts (ข้อกาหมดเลย+สอบประมาณ2-3ชม)
1) Listening   (30ข้อ) 30นาที
2) Reading (60ข้อ) 70นาที
3) Writing(30ข้อ) 30นาที
​​​​​​ทั้ง3 PARTS แจกคนละเวลาและเก็บในเวลาดังนั้นถ้าทำไม่ทันให้มั่วเลยเพราะสมมติหมดเวลาพาร์ท listening เขาก็เก็บกระดาษคำถามไปเลย



1) LISTENING PART
พาร์ทนี้มี 30 ข้อ 30 นาทีพาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่อาศัยแต้มบุญเก่านะ 5555  คือพี่ว่าเราต้องคุ้นเคยกับconversationในชีวิตประจำวันอะ พาร์ทนี้ก็แบ่งเป็น3พาร์ทย่อยอีก(คือข้อสอบมันไม่ได้แบ่งไว้ว่าเป็น 3 พาร์ทย่อยแต่แบบ3พาร์ทนี้ข้อสอบไม่เหมือนกัน)
พาร์ทแรก(1)--->15ข้อ 
พี่ว่าง่ายเพราะเป็นข้อสอบแบบเขาถามแล้วตอบได้เลยไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมาก ข้อสอบพาร์ทแรกก็จะมีพวก idioms เช่น Jack of all trades, under the weather , etc. คือตอนสอบอะเขาจะให้เราฟังเทปแบบconversationระหว่างคนสองคนงี้ ละเขาก็ถามว่า คนนี้ต้องการอะไร/กล่าวโดยนัยว่ายังไง บลา ๆ เราก็ต้องตอบให้ถูก ย้ำว่าระวังโดนเขาหลอกด้วย !!! ในส่วนนี้พี่ก็ซื้อหนังสือ cutep  ที่จุฬาแต่งขึ้นเองเลยเล่มที่ 2 (ด้านหน้าจะเป็นเนื้อหาidiomsก็ต้องท่องศัพท์ไป ส่วนด้านหลังจะเป็นข้อสอบ 4ชุด ข้อสอบแนวเดียวกับที่ออกจริงเลย)  ****พาร์ทนี้ควรเต็ม****

(https://www.chulabook.com/test-prep/54696)

พาร์ทสอง(2)---->9ข้อ (SHORT CONVERSATION)
พาร์ทนี้ก็เริ่มยากมานิดนึง ข้อสอบจะเป็น 2 คนพูดกันเหมือนพาร์ทแรกแหละแต่ทีนี้เขาถามทีเดียว3ข้อ !! คือ 1 story ถามทีเดียว3ข้อ ซึ่งพาร์ท 2 นี้มี 3 stories นะ ตอนทำพี่แนะนำให้อ่านคำตอบไปก่อนเลย จะได้เดาไปก่อนว่าโจทย์เขาจะถามประมาณไหน55555 ปล. เขาถามคำถามในเทปดังนั้นฟังดีดีด้วยนาจา
พาร์ทสาม(3)--->6ข้อ (LONG CONVERSATION)
พาร์ทนี้ยากเลยแหละต้องหูเคลือบทอง เพราะพาร์ท 3 เหมือนกับพาร์ท 2 เลยแต่ตอนพูดเขาพูดยาวขึ้นมากกกกกก  โดยพาร์ทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบทความพวกข่าวทั่วไปหรือแนวๆ งานวิจัย ส่วนตัวพี่ว่าเราควรทำคะแนน
พาร์ท 1, 2 ให้เต็มหรือเกือบเต็มนะ ละก็ให้พาร์ท 3 เป็นคะแนนเสริมละกัน เพราะพาร์ทนี้ยากจริง ๆ ต้องมีสติมาก ๆ ละก็เหมือนเดิมนะครับ ทุกพาร์ทต้องรีบสแกนอ่านคำตอบก่อนเลยจะได้เดาได้ว่าโจทย์จะถามประมาณไหน

พี่คิดว่าถ้าจะฝึกพาร์ท LISTENING นะควรเอาตัวเราไปอยู่ในสิ่งที่พูดอังกฤษเช่นฟังเพลงสากลแล้วดูซับว่าคำนี้ออกเสียงยังไง หรือ ดูยูทูปช่องที่พูดอังกฤษ ละ หัด ๆ ฟังไว้ หรืออีกทางนึงที่ช่วยได้เยอะคือดูnetflix 555 แต่ต้องเป็นหนังที่แบบใช้อังกฤษนะละเราก็เปิดซับอังกฤษ ศัพท์ไหนเราไม่ได้ก็เปิด cambridge dictionary นะ พยายามอย่าใช้ google translate เพราะบางครั้งแปลไม่ตรงอะ ถ้าแปลเป็นภาษาไทย(เราควรดูนิยามศัพท์ของศัพท์นี้จากเจ้าของภาษาดีกว่า)


2) READING PART ****
พาร์ทนี้มี 60 ข้อ 70นาที ถือว่าค่อนข้างเป็นspeed testเลยเพราะตกข้อละ นาทีกว่า ๆ ละก็พาร์ทนี้ % คะแนนมากที่สุดเพราะมีถึง60ข้อถ้าจะตัดว่าได้คะแนนดีไม่ดีอยู่ที่พาร์ทนี้เลย พาร์ทนี้ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับคนชอบอ่านนิยายหรืออ่านข่าวนะ เพราะส่วนใหญ่ passage ที่ให้มาก็เอามาจากงานวิจัยเช่น การ IF มีผลดีผลเสียกับร่างกายยังไง หรือ พวกบทความ history เช่น pyramid ที่ egypt ก่อตั้งมาเพื่ออะไรบลา ๆ   ละก็พวกreading พี่ฝึกจากเล่มcutep สีชมพูด้านล่างนี้  และ ในข้อสอบcutepพาร์ทนี้ก็จะมีอยู่ 2 พาร์ทคือหลัก ๆ คือ Cloze test กับ Short/Long passage นะ    


(https://www.chulabook.com/test-prep/21892)
เล่มด้านบนมี 15 ชุด ฝึกกันฉ่ำ ๆเลยแต่เฉลยไม่มีคำอธิบายมีแต่บอกว่าตอบอะไร

Cloze test พาร์ทนี้เน้น grammar ​กับความเข้าใจเนื้อเรื่อง ซึ่งในการสอบแต่ละรอบความยากง่ายก็ไม่เท่ากันต้องพึ่งดวงเอานะ555555 พาร์ทนี้พี่แนะนำว่าให้อ่านไปเลยจะได้รู้ว่าเนื้อเรื่องประมาณไหน(อ่านไปทั้ง ๆ  ที่มีช่องว่างนั้นแหละ)ละค่อยมาตอบ
Short/Long passage พาร์ทนี้พี่แนะนำให้อ่านคำถามของทุกคำถามละวงไว้ว่าเขาถามว่าอะไร พออ่านทุกคำถามเสร็จให้ ไปอ่าน passage แบบเข้าใจ ย้ำว่าแบบเข้าใจเพราะถ้าเรารู้เรื่องว่าpassageจะสื่ออะไร เราก็ตอบคำถามได้ชิว ๆ เลย​ ถ้าข้อไหนทำไม่ได้ห้ามค้างไว้นาน ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ไปทำบทความอื่นก่อนเลย พอเสร็จทุกบทความค่อยมาย้อนที่เราทำไม่ได้ละลองอ่านpassageให้เน้นจุด ๆ ไปกว่าเดิม แล้วก็ตอนทำอย่าลืมดูเวลาด้วยเพราะเวลาผ่านไปเร็วมากกก คนส่วนใหญ่ทำพาร์ทนี้ไม่ทัน เราเลยต้องฝึกมาดีดีด้วยนะ



3) WRITING PART
พาร์ทนี้มี 30 ข้อ 30 นาที ถือว่าเป็นพาร์ทที่ใครแม่นgrammar นี่มองตอบได้เลย พี่แนะนำว่าพาร์ทนี้ควรหา subject กับ verbแท้ ละดูว่าถูกตามหลักมั้ย ถ้าเจอส่วนขยายให้วงเล็บไว้ว่าส่วนไหนคือส่วนขยายที่ทำให้ประโยคง่าย ๆยืดยาวขึ้นเพราะจะได้แบ่งได้ว่าอันไหนคือsubject verb หลัก  ส่วนใหญ่grammarที่เล่นก็พวก subject verb agreement ( He love dogs ผิด ต้องแก้เป็น He loves dogs) ส่วนใหญ่ที่ผิดจะผิดที่ verb หรือ ใช้ตัวขยายผิด เช่น ปกติต้องใช้adjขยาย N แต่อยู่ ๆ ใช้advขยาย N เฉย  พาร์ทนี้พี่แนะนำเยอะไม่ได้เพราะคะแนนก็ไม่ค่อยดี 555555 วิธีเตรียมตัวพี่ก็อ่านเนื้อหาจากในหนังสือ cutep ของจุฬาเล่มที่ 1 และ หนังสือคอร์ส
Ent. Grammar 1 ของ Dr.Ov English (อันนี้เป็นคอร์สที่เรียนตั้งแต่ ม.4,5ละ) ละก็หาหนังสือมาทำเพิ่ม


(https://www.chulabook.com/test-prep/67663)
เล่มด้านบนข้างหน้าเป็นเนื้อหา Grammar ที่ใช้ในพาร์ท Writing


(https://www.chulabook.com/test-prep/66781)
มีโจทย์ให้ทำเยอะมากกก แต่พี่ว่าโจทย์ง่ายกว่าของจริง แต่เนื้อหาในเล่มถือว่าอ่านรู้เรื่องงง


ข้างบนก็เป็นเทคนิคในการทำข้อสอบของตัวพี่เองนะ จากที่ได้ลองสอบ ๆ มา ต่อมามาพูดถึงช่อง youtube ที่พี่เรียนฟรีมาด้วยดีกว่า
1) Berante
2) ENG ME UP
3) ครูโตโน่ toeic 990 ---->ถ้าไม่มีเวลาให้ดูคนนี้เลย คนนี้ชอบมารีวิวข้อสอบcutep ละอธิบายดี



ท้ายที่สุดนี้พี่เชื่อว่าถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรแบบมีpassion กับมันพี่เชื่อว่าเราทำได้แน่นอน เราต้องเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ อย่าตีตนไปก่อนไข้ว่าฉันทำได้ไม่ดีหรอก ทำยังไงก็ไม่ถึงหรอก อันนี้จะยิ่งทำให้บั่นทอนจิตใจ ละก็ถ้าท้อ พยายามให้manifestให้นึกว่าเรากำลังประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการอย่าง สมมติกำลังอ่านหนังสือเข้าวิศวะ เวลาท้อก็ให้นึกว่าถ้าเราสอบติดชีวิตเราคงดีขึ้น  ก็ขอให้โชคดีกับการสอบ ทำคะแนนได้เยอะ ๆ ตามที่หวังทุกคนเลยนะค้าบบบบบบ ถ้ามีอะไรถามเพิ่มเติมถามมาได้เลยครับบ   
(ขอโทษด้วยถ้าเขียนตรงไหนไม่ดี กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมค้าบ)