นี่แหละครับ คือปัญหาของประเทศไทย
กฎหมายเดียวกัน แต่การใช้กฎหมายไม่เหมือนกัน
เป็นเพราะการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งนั้น
เรื่องราวคร่าว ๆ
ภูทับเบิก : กรมป่าไม้เป็นเจ้าของที่ดิน
ได้มอบที่ดินให้ "กรมพัฒนาสังคม" เพื่อจัดสรรให้ชาวม้งทำกิน ด้วยการทำการเกษตร
มีเงื่อนไขคือห้ามซื้อขาย ตกทอดเป็นมรดกได้ หากเลิกทำกิน ต้องคืนที่ให้กรมพัฒนาสังคมเพื่อจัดสรรให้คนอื่น
ต่อมา ม้งก็มีการซื้อขายถ่ายโอนที่ดิน มีการเปลี่ยนมือผู้ถือครอง
จากแปลงกะหล่ำปลี ก็กลายเป็นรีสอร์ท เป็นแหล่งท่องเที่ยว
หน่วยงานของรัฐเอง ก็โหมโฆษณาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
นักลงทุนก็ลงทุน นักท่องเที่ยวก็แห่กันไปเที่ยว
วันดีคือดี ก็มีนโยบาย "ทวงคืนผืนป่า"
กรมป่าไม้ ถือธงนำหน้า อ้างว่าที่ดินภูทับเบิกทำผิดเงื่อนไข ผิดกฎหมาย
ลุยรื้อถอนราบคาบ ชนิดคนลงทุนหลายรายหมดเนื้อหมดตัว ตั้งหลักไม่ทัน
เขาค้อ : กรมป่าไม้เป็นเจ้าของที่ดิน
กรมป่าไม้ได้มอบที่ดินให้ "กองทัพภาคที่ 3" เพื่อจัดสรรให้ไทยอาสาทำกิน
โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดแบบเดียวกันกับภูทับเบิก
แล้วก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันกับภูทับเบิก
คือที่ดินเปลี่ยนมือผู้ถือครองจากไทยอาสาไปเป็นนายทุน มีการสร้างรีสอร์ท สร้างที่พัก เป็นแหล่งท่องเที่ยวนับพันหลัง
แต่กลับไม่มีการ "ทวงคืนผืนป่า"
และตอนนี้ มีข่าวว่า ขณะที่กรมป่าไม้ลุยภูทับเบิกซะราบคาบ
แต่ที่เขาค้อ กรมป่าไม้กลับกำลังหา "ช่อง" ทางกฎหมาย เพื่อทำให้การถือครองที่ดินของนายทุนเป็นเรื่องถูกต้อง
เฮ้อออ.....
ภูทับเบิก กับ เขาค้อ ห่างกันแค่ห้าสิบกิโลเมตร
แต่การบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติทางกฎหมาย ไกลกันนับแสนกิโลเมตร
เรื่องนี้ กรมป่าไม้ต้องมีคำตอบ
ไม่ใช่แค่อธิบดีกรมป่าไม้ออกมาแถว่า เรื่องเขาค้อ เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 3
เพราะกองทัพภาคที่ 3 ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน กรมป่าไม้ต่างหากคือเจ้าของที่ดิน
หลักเกณฑ์เดียวกันกับภูทับเบิกเป๊ะ แล้วจะแถทำไม
ทีภูทับเบิก ทำไมอธิบดีกรมป่าไม้ไม่อ้างบ้างว่า เป็นเรื่อของกรมพัฒนาสังคม
พอคุณศรีสุวรรณ จรรยา ทำเรื่องร้องเรียนถึงนายกฯ
ก็โดนตั้งคำถามเชิงดิสเครดิตว่า มีอะไรกับภูทับเบิก มีผลประโยชน์แอบแฝงกับกลุ่มทุนภูทับเบิกหรือเปล่า
งั้น ด้วยตรรกะเดียวกัน ที่ไม่ยอมแตะต้องเขาค้อ เพราะใครหน้าไหนมีผลประโยชน์หรือเปล่า ?
นี่แหละครับประเทศไทย มีปัญหาเรื่องแบบนี้อยู่ตลอด
เจ้าหน้าที่รัฐเลือกปฏิบัติ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ก็ตรวจสอบแบบเลือกปฏิบัติซ้ำซ้อนเข้ามาอีก คือหากเจ้าหน้าที่รัฐเป็น "พวกเดียวกัน" ก็ไม่ยอมชี้ผิด
แต่หากเป็นคนละพวก ยังไงก็ต้องหาทางเอาผิดให้ได้
แล้วประเทศนี้ จะหาทางออกเจอได้อย่างไร
หากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่กล้ายอมรับความจริงแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง
หรือจะแค่อ้างดี คนดี ดังระงมอยู่อย่างนี้ในกะลาต่อไป
ภูทับเบิก - เขาค้อ อีกหนึ่งเรื่องสองมาตรฐานของการใช้อำนาจรัฐ กฎหมายเดียวกัน กรรมเดียวกัน แต่ปฏิบัติต่างกันหน้าตาเฉย
กฎหมายเดียวกัน แต่การใช้กฎหมายไม่เหมือนกัน
เป็นเพราะการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งนั้น
เรื่องราวคร่าว ๆ
ภูทับเบิก : กรมป่าไม้เป็นเจ้าของที่ดิน
ได้มอบที่ดินให้ "กรมพัฒนาสังคม" เพื่อจัดสรรให้ชาวม้งทำกิน ด้วยการทำการเกษตร
มีเงื่อนไขคือห้ามซื้อขาย ตกทอดเป็นมรดกได้ หากเลิกทำกิน ต้องคืนที่ให้กรมพัฒนาสังคมเพื่อจัดสรรให้คนอื่น
ต่อมา ม้งก็มีการซื้อขายถ่ายโอนที่ดิน มีการเปลี่ยนมือผู้ถือครอง
จากแปลงกะหล่ำปลี ก็กลายเป็นรีสอร์ท เป็นแหล่งท่องเที่ยว
หน่วยงานของรัฐเอง ก็โหมโฆษณาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
นักลงทุนก็ลงทุน นักท่องเที่ยวก็แห่กันไปเที่ยว
วันดีคือดี ก็มีนโยบาย "ทวงคืนผืนป่า"
กรมป่าไม้ ถือธงนำหน้า อ้างว่าที่ดินภูทับเบิกทำผิดเงื่อนไข ผิดกฎหมาย
ลุยรื้อถอนราบคาบ ชนิดคนลงทุนหลายรายหมดเนื้อหมดตัว ตั้งหลักไม่ทัน
เขาค้อ : กรมป่าไม้เป็นเจ้าของที่ดิน
กรมป่าไม้ได้มอบที่ดินให้ "กองทัพภาคที่ 3" เพื่อจัดสรรให้ไทยอาสาทำกิน
โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดแบบเดียวกันกับภูทับเบิก
แล้วก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันกับภูทับเบิก
คือที่ดินเปลี่ยนมือผู้ถือครองจากไทยอาสาไปเป็นนายทุน มีการสร้างรีสอร์ท สร้างที่พัก เป็นแหล่งท่องเที่ยวนับพันหลัง
แต่กลับไม่มีการ "ทวงคืนผืนป่า"
และตอนนี้ มีข่าวว่า ขณะที่กรมป่าไม้ลุยภูทับเบิกซะราบคาบ
แต่ที่เขาค้อ กรมป่าไม้กลับกำลังหา "ช่อง" ทางกฎหมาย เพื่อทำให้การถือครองที่ดินของนายทุนเป็นเรื่องถูกต้อง
เฮ้อออ.....
ภูทับเบิก กับ เขาค้อ ห่างกันแค่ห้าสิบกิโลเมตร
แต่การบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติทางกฎหมาย ไกลกันนับแสนกิโลเมตร
เรื่องนี้ กรมป่าไม้ต้องมีคำตอบ
ไม่ใช่แค่อธิบดีกรมป่าไม้ออกมาแถว่า เรื่องเขาค้อ เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 3
เพราะกองทัพภาคที่ 3 ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน กรมป่าไม้ต่างหากคือเจ้าของที่ดิน
หลักเกณฑ์เดียวกันกับภูทับเบิกเป๊ะ แล้วจะแถทำไม
ทีภูทับเบิก ทำไมอธิบดีกรมป่าไม้ไม่อ้างบ้างว่า เป็นเรื่อของกรมพัฒนาสังคม
พอคุณศรีสุวรรณ จรรยา ทำเรื่องร้องเรียนถึงนายกฯ
ก็โดนตั้งคำถามเชิงดิสเครดิตว่า มีอะไรกับภูทับเบิก มีผลประโยชน์แอบแฝงกับกลุ่มทุนภูทับเบิกหรือเปล่า
งั้น ด้วยตรรกะเดียวกัน ที่ไม่ยอมแตะต้องเขาค้อ เพราะใครหน้าไหนมีผลประโยชน์หรือเปล่า ?
นี่แหละครับประเทศไทย มีปัญหาเรื่องแบบนี้อยู่ตลอด
เจ้าหน้าที่รัฐเลือกปฏิบัติ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ก็ตรวจสอบแบบเลือกปฏิบัติซ้ำซ้อนเข้ามาอีก คือหากเจ้าหน้าที่รัฐเป็น "พวกเดียวกัน" ก็ไม่ยอมชี้ผิด
แต่หากเป็นคนละพวก ยังไงก็ต้องหาทางเอาผิดให้ได้
แล้วประเทศนี้ จะหาทางออกเจอได้อย่างไร
หากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่กล้ายอมรับความจริงแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง
หรือจะแค่อ้างดี คนดี ดังระงมอยู่อย่างนี้ในกะลาต่อไป