สวัสดีผู้ที่มีสายตาสั้นทุกคนค่ะ ^^ เข้าเรื่องเลยเนอะ จขกท เป็นคนที่สายตาสั้นไม่มากเท่าไหร่นะ ประมาณ -350 ทั้งสองข้าง
แต่จริงๆ สองข้างสั้นไม่เท่ากันหรอก ข้างนึง 325 ข้างนึง 375 มั้ง แต่เวลาตัดแว่นหรือใส่คอนแทคเลนส์ จะใส่ 350 เท่ากัน
เพราะสบายตากว่า ถ้าชัดกว่านี้ จะปวดหมอง และเดินตกบันไดแล้วค่า
เอาล่ะ เข้าเรื่อง (รอบที่สอง) คือเป็นคนที่ใส่แว่นมาตลอด 14 ปี จำได้เลยว่า ตอนที่รู้ตัวว่าสายตาชั้นสั้นนะแกเนี่ย
เกิดขึ้นในคาบวิทยาศาสตร์ตอน ป.4 ปกติเป็นเด็กเรียนนั่งหน้าห้อง ก็จะเห็นกระดานดำชัดเจนปกติ ครูถามมาก็ถามได้ตอบได้มาตลอด
มีครั้งนึง ไม่รู้ไปไงมาไง เข้าห้องช้า เลยได้ไปนั่งหลังห้อง แล้วก็สงสัยว่า ทำไมวันนี้กระดานไม่ชัดเลย เลยถามเพื่อนข้างๆว่า
เพินๆ (เด็กอีสานเรียกเพื่อนว่าเพิน) เพินมองเห็นกระดานชัดมั้ย เพื่อนบอก ก็ชัดหนิ พร้อมยักไหล่ 1 ที เราก็แบบ เหยย ชัดเหรอ งงมากว่า
นี่มันปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์อะไรหรือเปล่า ตอนนั้น ป.4 เรียนเรื่องสายตาสั้น สายตายาว เลนส์เว้า เลนส์นูนหรือยังจำไม่ได้
แต่งงกับเรื่องนี้มาก เลยเดินไปข้างหน้าห้อง เห้ยย ชัดอะ ถามคุณครู ครูบอก สายตาสั้นหรือเปล่า ไปตรวจนะ
สมัยนั้น ต้องเข้าร้านแว่นโท๊ปชาเริญ พอลองเลนส์เว้าเข้าไป เหยยยยยยย
มองเห็นไปถึงแยกไฟแดงหน้าเลยค่ะคุณตา (ไปกับคุณตา) แล้วแบบถ่องแท้มาก ว่าชั้นสายตาสั้น
เออนั่นแหละ อารัมภบทเรื่องสายตาสั้นมา 3 ย่อหน้าละ
ต่อๆ ตอนที่ใส่แว่นไปโรงเรียน ตอน ป.4 เพื่อนผู้ชายด่า หาว่า Rad คือบับ ใส่แล้วน่ารักก็บอก หยั่มมา ก็ด่ามันไป
แล้วก็ใส่ยาววววววววววว จน ม.3 สมัยนั้น เค้าก็เริ่มฮิตคอนแทคเลนส์กันแล้ว ไปลองใส่ที่ร้านเดิม โท๊ปชาเริญ
แบบว้ายย โลกใบใหม่ โนกรอบ โนเลนส์หนาๆ ลัลล้ามากๆ ใส่ไปๆ นี่ก็นำแฟชึ่นค่ะ เลนส์ใสไม่เอาล้าววว เปลี่ยนสีตาดีกว่า
ก็ใส่คอนแทคเลนส์แบบสี เปลี่ยนสีตา สีละเดือน น้ำตาล เทา ฟ้า โอ๊ย แอบมากช่วงนั้น (มโนมาก) แต่แล้ว ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง
เกิดภูมิแพ้ที่ตาจากคอนแทคเลนส์ คือเป็นตุ่มใสๆ ข้างในเปลือกตา คือแบบ ข้างในเลยนะคะ ต้องปลิ้นเปลือกตามา
จึงจะเห็น แล้วตาจะแดง คันตามากกก มากที่สุด ตาบวมด้วย และมีขี้ตาเยอะ ช่วงนั้นยาหยอดตา Hista Oph คือของคู่กันกับตาเรา
หนักหน่อยหมอจะจ่ายยาสเตียรอยด์แบบแรง หยอดครั้งสองครั้งหาย แต่เป็นอันตรายกับตามาก ไม่ควรใช้บ่อย
ก็นั่นล่ะค่ะ ขึ้นหลังเสือ แล้วลงไม่ได้ คืออาการนี้ เป็นแล้วเป็นเลย ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ค่อยได้ละ ใส่ได้ช่วงเช้า ช่วงบ่ายเริ่มตาแดง
เริ่มเคืองตา คันตา จนได้ใส่คอนแทคแค่ช่วงจำเป็นเท่านั้น เช่นออกงานไรงี้ แล้วก็กลายเป็นเด็กแว่นมาตลอด
รูปตอนไปตรวจที่ รพ.ปิยะเวท เป็นสาวแว่นนะเจ้าาา
พอมาทำงาน (อร๊ายย นี่เราผ่านวัยมาหลายวัยแล้วเหรอเนี่ย) พอทำงานไปได้สัก 2-3 ปี รู้สึกว่า มา! พร้อม! พร้อมมากๆ
สำหรับการผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้น โบนัสจะออกแล้ว ปีนี้แหละ ฤกษ์งานยามดี (ปลายปี 2016)
ช่วงนั้น เล็ง โรงพยาบาลกลางไว้ แต่ตอนโทรไป พยาบาลถามอะไรเราแปลกๆ ถามคำถามนี้กับคนที่กำลังจะทำเลสิคเหรอว้า
เราเลยแบบ ใช่เหรอว้า งงมาก เลยเปลี่ยนใจเลย >,,<
มีเพื่อน 2 คนที่ทำเลสิคมาแล้ว แล้วแนะนำหมอตุลยามา ที่ รพ.ปิยะเวท เลยหาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย
ละก็รู้ว่า ในวงการการทำเลสิคเนี่ย คุณหมอตุลาเป็นมือทองในการผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้นเลยค่ะ
และคุณหมอก็มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี ว้าววววว เอาวะ เครื่องมือก็ส่วนนึง ฝีมือหมอนี่แหละสำคัญ ถ้าช่ำชองเชี่ยวชาญแล้ว ก็ไม่ห่วง
ก็จะขอฝากความหวังไว้กับคุณหมอตุลาแล้วกัน
อันนี้คือ โปรโมชั่นล่าสุดค่ะ ตอนที่เราทำ (แบบ SBK) ก็ราคาประมาณนี้แหละ
โทรเข้าไปขอตรวจที่โรงพยาบาลปิยะเวท พี่ๆที่นั่นน่ารักมากๆ เป็นกันเองสุดๆ พูดจาดีกับคนไข้มากเลย ประทับใจนะคะ
ตอนไปตรวจ เค้าก็จะตรวจสายตาด้วยเครื่องและใส่แว่นที่มีเลนส์ ละก็อ่านตัวเลข ที่คนสายตาสั้นน่าจะคุ้นเคย
ตรวจความดันลูกตาที่จะเหมือนมีลมเป่าเบาๆ แล้วก็ตรวจความหนาของเลนส์ตา ความโค้ง ความเสี่ยงที่จะเกิดรคเกี่ยวกับตาหลังผ่าตัด
ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เครื่องมือทั้งหมด ซึ่งปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดค่ะ แล้วคุณหมอจะบอกเราเอง ว่าเราควรทำแบบไหน
ของเราคุณหมอแนะนำแบบ SBK ค่ะ คือผ่าเปิดแค่ 100 มม. และตาแห้งน้อยกว่าค่ะ
นี่คือแผนกเลสิค โรงพยาบาลปิยะเวทค่ะ
พอวิเคราะห์ออกมาแล้ว ว่าเราสามารถทำได้ ก็นัดวันได้เลย จริงๆแล้วสามารถตรวจแล้วถ้าผ่านก็ทำวันนั้นได้เลยค่ะ
วันที่จะมาทำ ก็อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย เพราะวันนั้นจะอาบน้ำไม่ได้ สระผมไม่ได้ ล้างหน้าไม่ได้
เตรียมขึ้นเขียงแล้ว ตื่นเต้นอะ คุณหมอน่ารักมาก วันนั้นช่วงปลายปี คนมาทำเยอะมาก ก่อนหน้าเราก็น่าจะ 3-4 คนเลยล่ะ
พอถึงคิวเรา หมอก็มาดูตาเรา ละบอกว่า ขอหมอทำสมาธินิดนึงนะ ตาหนูลึกมา เดี๋ยววว คุณหมอขา อย่าพูดแบบนี้สิ หนูใจไม่ดี
หนูตาปกติ ไม่ลึกเลยยยย ถ่างตาหนูได้เลย กว้างเท่าไหร่ จัดเลยค่ะ ณ จุดนั้น เป็นกำลังใจให้หมอแทน ฮ่าๆ
ก่อนเข้าห้อง พี่ผู้ช่วยคุณหมอตุลยา ก็จะมาสอนวิธีการเช็ดตาหลังจากผ่าตัด โดยหลังจากผ่าตัด ใบหน้าต้องห้ามโดนน้ำใดใด
แล้วให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือ เช็ดรอบๆดวงตา ห้ามโดนข้างในตาเด็ดขาด ย้ำว่า เด็ดขาด ช่วงนี้แผลจะยังสดอยู่ ต้องทะนุถนอมมากๆ
แปรงฟันได้ แต่ขอเบา และเซฟตาที่สุด อาจจะหลับตา หรือเอาผ้าปิดตาก็ได้
ขึ้นเขียงแล้วน้า ในห้องก็จะเหมือนห้องทำฟันแหละ มีอุปกรณ์ผ่าตัดตัวใหญ่ เราก็นอนไปเลย เครื่องมันจะมีเหมือนกล้องที่พอนอนแล้ว
กล้องมันจะตรงกับตาเราพอดี เอาล่ะ เริ่ม พี่ๆก็ช่วยกันเก็บขนตาเรา แล้วเอาเทปกาวอนามัยติดไว้บนล่าง ให้ตาเบิกกว้างที่สุด
นี่ก็พยายามเบิกช่วยหมอ เอาวะ ช่วงเวลาสำคัญช่วงหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ จัดมาเลยค่ะ จัดมา ไม่กลัววววววว
แล้วหมอก็หยอดยาชา หยอดรัวๆไปเลย หมอรู้แน่ว่าเราชาแล้ว เพราะไม่ได้ถามอะไรเรานะ หยอดไปได้พักนึง ก็ใส่อุปกรณ์ลงในตา
คล้ายๆคอนแทคเลนส์แหละ แต่ความรู้สึกเราคือ ใหญ่และแข็งกว่า แต่เราไม่รู้สึกอะไรนะ
ตอนนี้จัดมาเลย เพราะมันไม่เจ็บไง แต่มันเห็นทุกอย่าง ก็เสียวๆบ้าง
แต่ ณ ตอนนั้นหมอให้หนูลืมตา หนูก็จะถามว่า ให้หนูลืมกว้างแค่ไหน ถ้าหมอให้หนูเพ่ง หนูก็จะถามว่า ให้หนูเพ่งนานแค่ไหน ได้หมดค่ะ
มาแล้วๆ พี่ๆในห้องพูดเหมือนทำภารกิจตอนอยู่ยนอวกาศเลย “เครื่องสอง เช็คสี่ เคลียร์ ออโต้ ไฟนาเต้ สิบูเก้ พร้อม สี่วินาที สป็อต จุดสองห้า สายตาลบสามห้าศูนย์ เรดดี้ บลาๆ” นี่ก็จำไม่ได้หรอก แต่ชอบช่วงนั้นมาก เหมือนในหนังเลย อิอิ มาละ เสียงเครื่อง กลอๆที่ตา
ขั้นตอนนี้ เราต้องมองไปที่จุดสีแดง หรือสีเขียว หมอจะบอกเอง ซึ่งก็จะเห็นอยู่จุดเดียวนั่นแหละ มองไป ห้ามละสายตา ห้ามเขวไปมองอย่างอื่น
มอง มอง ช็อตนี้ขอมองจุดเดียวก่อนนะ ทนเอาไว้ ในช่วงนี้เราจะไม่รู้สึกอยากกะพริบตาหรอก เพราะตาเราชาแล้ว มองอย่างเดียว คือหน้าที่ของคุณนะคะ
สักพักจะได้ยินเสียงเครื่องทำงานดังนิดนึง เราจะได้กลิ่นไหม้ๆ แอร๊ยยยย โด๊นวอรี่ๆ นี่เปิดกระจกตาแล้วไง ใช้เลเซอร์เปิดไง
โหยย เป็นช่วงที่สุดยอดเลยย ฮ่าๆ คือเราจะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า นี่คือการเปิดเลนส์ตาแล้วนะ เปิดฟรึบ ตาจะมัวๆมองไม่เห็น
แล้วหมอก็จะทำไป ทำไป ตอนนั้นจำได้ว่าในใจนี่ร้องเพลง เพลงนึงอะ ร้องคลอแบบ คลามดาวน์ในใจ ชิลๆ พอปิดเลนส์ตาลงมาก็เริ่มมองเห็นละ
แล้วก็เห็นคล้ายๆพู่กันปัดๆที่เลนส์ตา โอ้โห โอ้โห ตาไม่ชา ทำไม่ได้นะคะเนี่ย ย้ำว่า เห็นทุกอย่าง แต่ไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
มีความซาดิสต์เบาๆ แต่ชิลมากจริงๆ อย่าวิตกไป
แล้วก็ได้ยินเสียงพี่ๆนักบินอวกาศพูดเสร็จภารกิจ “โอเค ดีมาก สถิติอยู่ที่ 28 วินาที” คิดว่าข้างนี้น่าจะใช้เวลาแค่ 28 วิเอง เร็วมากๆ
ข้างที่สองก็ทำเหมือนกัน เพ่งมองจุดตามที่หมอบอกไป หน้าที่เราในห้องผ่าตัดมีแค่นี้แหละ มองจุด มองห้ามวอกแวก ห้ามละสายตา
ตอนอยู่ในห้องช่วงที่ต้องเพ่งจุด เราก็แบบ ตาจะปิดละเว้ยย คือแบบ ลืมตาไม่ไหว เพ่งไม่ไหวแล้วอะ แต่ใจนี่ก้ฮึบมาอีกครั้ง เอาวะ 28 วินาทีวะ มาดี๊ สู้ดี๊ มองเข้าไป ดวงตามีคู่เดียว ท่องไว้ หมอฝีมือดี มีแต่เรานี่แหละ ที่กำหนดชะตา ทุกอย่างอยู่ที่เราจะเพ่งจุดได้ หรือจะยังไงยังไง อะไร เพ่งนะเว้ย
นี่ก็ให้กำลังใจตัวเอง แป๊บเดียวมากๆ จำได้ว่าอยู่ในห้องผ่าตัดไม่เกิน 15 นาที
ออกจากห้องผ่าตัดมา ก็โดนครอบตาแล้ว ตอนนั้นขอหลับตาเถอะ ไม่ไหวล้าวววว
ปกติแล้วหลังผ่าตัดคุณหมอจะให้ยาหยอดฆ่าเชื้อมา ซึ่งต้องหยอด 7 วันก่อน แล้วก็สำลี น้ำเกลือ สำหรับเช็ดรอบดวงตา
แล้วก็น้ำตาเทียม Vislube มา (น้ำตาเทียม Vislube ใช้เป็นรายวัน ขยันหยอดบ่อยๆ อย่าเสียดายนะคะ)
ตอนที่นั่งแท็กซี่กลับบ้าน คือมองแสงไฟถนนแล้วแสบตามาก น้ำตาไหลไม่หยุด เหยยยย สัญญาณยังดีอยู่ไหม ฮืออออ
วิตกจริตไปละ มองไม่ได้เลย แล้ววันนั้นกลับบ้านมา The Mask Singer มาพอดี ต้องดูไง (นี่ก็ยังห่วงดู The Mask Singer ฮ่าๆ)
แต่เปิดตาไม่ได้ กินข้าวละมองไม่เห็น น้ำตาไหลตลอด แสบตา คืนนี้คงรีบหยอดตานอนละ พรุ่งนี้มีนัด Follow Up 1 วัน
ตื่นเช้าขึ้นมา ................................
โอ้วววววววววววววววววววววว มายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก็อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เข้าใจ เข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง โลกใบใหม่มันเป็นยังไง คือเหมือนแผลเริ่มดีขึ้น มองได้แล้ว ชัดมากกกก มองจากระเบียงคอนโดได้ไกลโพ้น
โอ้ยยยยยยยยยยยยย น้ำตาจิไหล นิวเวิลด์ นิววิชั่น สดใสมากกกก
แต่ก็ต้อง Follow Up ตลอดนะ 1 วัน 7 วัน 1 เดือน 3 เดือนค่ะ
ไป Follow Up 1 วันมา หมอบอก สวยงาม เพอร์เฟ็ค แผลดี แต่ยังต้องให้ตางดโดนน้ำนะ อาบน้ำได้เบาๆ ห้ามเหวี่ยงไปมา
คิดจะเปิดคอนเสิร์ตในห้องน้ำ ก็พักไปก่อน กินข้าวก็งดพวกเส้นๆ เพราะสูดเส้น เดี๋ยวน้ำซุปจะกระเด็นเข้าตา ประมาณนี้ค่ะ
พอ 7 วันก็แต่งหน้าได้แล้ววว เย้ๆ
หลังทำ 7 วันค่ะ วู้วววววววววว
แล้วพอ 1 เดือนก็เฉิดฉาย ฮ่าๆ แนะนำว่าขอให้มีแว่นกันแดดคู่ใจนะ ผ่าตัดมาแล้ว ก็ถนอมดวงตาหน่อยเนอะ
แดดเมืองไทยร้อนแรง รังสีแผดเผามาก ทำงานหน้าคอมก็พักสายตาเถิดนะคนดี หลับลงตรงนี้ บ้างอะไรบ้าง
น้ำตาเทียมหยอดบ่อยๆ เราหยอดชั่วโมงละ 3-4 ครั้งเลย บางทีก็หยอดทุก 15-30 นาที ทะนุถนอมเยอะๆ
ณ ตอนนี้เราก็ทำมาได้ 3 เดือนแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนตาแห้งมากๆ ตาเราเลยยังมีรอยถลอกและแห้งมากๆอยู่ ช่วงนี้ก็อัดน้ำตาเทียมไปค่ะ
น้ำตาเทียมที่แนะนำมากๆ คือ Vislube นะคะ แพงแต่ดีมากๆ ซื้อแถวอนุสาวรีย์ราคาถูกค่ะ
ตอนนี้เราหยอด Cellufresh และ Vidisic Gel ค่ะเป็นแบบป้ายตาก่อนนอน ตื่นมาตาสดชื่น
โอเค จบแล้ว สนุกสนานมาก ใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ ถามเราได้นะ ถ้าเราตอบได้ เราอยากช่วยเต็มที่เลย
คนที่คิดๆอยู่ พอได้ทำแล้ว จะรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทำ เพราะ โลกใบใหม่ มันสดใสมากกกกก
ขอบคุณนะคะ
[CR] รีวิวเรื่องราวทำ Lasik กับคุณหมอตุลยา รพ.ปิยะเวท
แต่จริงๆ สองข้างสั้นไม่เท่ากันหรอก ข้างนึง 325 ข้างนึง 375 มั้ง แต่เวลาตัดแว่นหรือใส่คอนแทคเลนส์ จะใส่ 350 เท่ากัน
เพราะสบายตากว่า ถ้าชัดกว่านี้ จะปวดหมอง และเดินตกบันไดแล้วค่า
เอาล่ะ เข้าเรื่อง (รอบที่สอง) คือเป็นคนที่ใส่แว่นมาตลอด 14 ปี จำได้เลยว่า ตอนที่รู้ตัวว่าสายตาชั้นสั้นนะแกเนี่ย
เกิดขึ้นในคาบวิทยาศาสตร์ตอน ป.4 ปกติเป็นเด็กเรียนนั่งหน้าห้อง ก็จะเห็นกระดานดำชัดเจนปกติ ครูถามมาก็ถามได้ตอบได้มาตลอด
มีครั้งนึง ไม่รู้ไปไงมาไง เข้าห้องช้า เลยได้ไปนั่งหลังห้อง แล้วก็สงสัยว่า ทำไมวันนี้กระดานไม่ชัดเลย เลยถามเพื่อนข้างๆว่า
เพินๆ (เด็กอีสานเรียกเพื่อนว่าเพิน) เพินมองเห็นกระดานชัดมั้ย เพื่อนบอก ก็ชัดหนิ พร้อมยักไหล่ 1 ที เราก็แบบ เหยย ชัดเหรอ งงมากว่า
นี่มันปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์อะไรหรือเปล่า ตอนนั้น ป.4 เรียนเรื่องสายตาสั้น สายตายาว เลนส์เว้า เลนส์นูนหรือยังจำไม่ได้
แต่งงกับเรื่องนี้มาก เลยเดินไปข้างหน้าห้อง เห้ยย ชัดอะ ถามคุณครู ครูบอก สายตาสั้นหรือเปล่า ไปตรวจนะ
สมัยนั้น ต้องเข้าร้านแว่นโท๊ปชาเริญ พอลองเลนส์เว้าเข้าไป เหยยยยยยย
มองเห็นไปถึงแยกไฟแดงหน้าเลยค่ะคุณตา (ไปกับคุณตา) แล้วแบบถ่องแท้มาก ว่าชั้นสายตาสั้น
เออนั่นแหละ อารัมภบทเรื่องสายตาสั้นมา 3 ย่อหน้าละ
ต่อๆ ตอนที่ใส่แว่นไปโรงเรียน ตอน ป.4 เพื่อนผู้ชายด่า หาว่า Rad คือบับ ใส่แล้วน่ารักก็บอก หยั่มมา ก็ด่ามันไป
แล้วก็ใส่ยาววววววววววว จน ม.3 สมัยนั้น เค้าก็เริ่มฮิตคอนแทคเลนส์กันแล้ว ไปลองใส่ที่ร้านเดิม โท๊ปชาเริญ
แบบว้ายย โลกใบใหม่ โนกรอบ โนเลนส์หนาๆ ลัลล้ามากๆ ใส่ไปๆ นี่ก็นำแฟชึ่นค่ะ เลนส์ใสไม่เอาล้าววว เปลี่ยนสีตาดีกว่า
ก็ใส่คอนแทคเลนส์แบบสี เปลี่ยนสีตา สีละเดือน น้ำตาล เทา ฟ้า โอ๊ย แอบมากช่วงนั้น (มโนมาก) แต่แล้ว ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง
เกิดภูมิแพ้ที่ตาจากคอนแทคเลนส์ คือเป็นตุ่มใสๆ ข้างในเปลือกตา คือแบบ ข้างในเลยนะคะ ต้องปลิ้นเปลือกตามา
จึงจะเห็น แล้วตาจะแดง คันตามากกก มากที่สุด ตาบวมด้วย และมีขี้ตาเยอะ ช่วงนั้นยาหยอดตา Hista Oph คือของคู่กันกับตาเรา
หนักหน่อยหมอจะจ่ายยาสเตียรอยด์แบบแรง หยอดครั้งสองครั้งหาย แต่เป็นอันตรายกับตามาก ไม่ควรใช้บ่อย
ก็นั่นล่ะค่ะ ขึ้นหลังเสือ แล้วลงไม่ได้ คืออาการนี้ เป็นแล้วเป็นเลย ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ค่อยได้ละ ใส่ได้ช่วงเช้า ช่วงบ่ายเริ่มตาแดง
เริ่มเคืองตา คันตา จนได้ใส่คอนแทคแค่ช่วงจำเป็นเท่านั้น เช่นออกงานไรงี้ แล้วก็กลายเป็นเด็กแว่นมาตลอด
รูปตอนไปตรวจที่ รพ.ปิยะเวท เป็นสาวแว่นนะเจ้าาา
พอมาทำงาน (อร๊ายย นี่เราผ่านวัยมาหลายวัยแล้วเหรอเนี่ย) พอทำงานไปได้สัก 2-3 ปี รู้สึกว่า มา! พร้อม! พร้อมมากๆ
สำหรับการผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้น โบนัสจะออกแล้ว ปีนี้แหละ ฤกษ์งานยามดี (ปลายปี 2016)
ช่วงนั้น เล็ง โรงพยาบาลกลางไว้ แต่ตอนโทรไป พยาบาลถามอะไรเราแปลกๆ ถามคำถามนี้กับคนที่กำลังจะทำเลสิคเหรอว้า
เราเลยแบบ ใช่เหรอว้า งงมาก เลยเปลี่ยนใจเลย >,,<
มีเพื่อน 2 คนที่ทำเลสิคมาแล้ว แล้วแนะนำหมอตุลยามา ที่ รพ.ปิยะเวท เลยหาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย
ละก็รู้ว่า ในวงการการทำเลสิคเนี่ย คุณหมอตุลาเป็นมือทองในการผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้นเลยค่ะ
และคุณหมอก็มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี ว้าววววว เอาวะ เครื่องมือก็ส่วนนึง ฝีมือหมอนี่แหละสำคัญ ถ้าช่ำชองเชี่ยวชาญแล้ว ก็ไม่ห่วง
ก็จะขอฝากความหวังไว้กับคุณหมอตุลาแล้วกัน
อันนี้คือ โปรโมชั่นล่าสุดค่ะ ตอนที่เราทำ (แบบ SBK) ก็ราคาประมาณนี้แหละ
โทรเข้าไปขอตรวจที่โรงพยาบาลปิยะเวท พี่ๆที่นั่นน่ารักมากๆ เป็นกันเองสุดๆ พูดจาดีกับคนไข้มากเลย ประทับใจนะคะ
ตอนไปตรวจ เค้าก็จะตรวจสายตาด้วยเครื่องและใส่แว่นที่มีเลนส์ ละก็อ่านตัวเลข ที่คนสายตาสั้นน่าจะคุ้นเคย
ตรวจความดันลูกตาที่จะเหมือนมีลมเป่าเบาๆ แล้วก็ตรวจความหนาของเลนส์ตา ความโค้ง ความเสี่ยงที่จะเกิดรคเกี่ยวกับตาหลังผ่าตัด
ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เครื่องมือทั้งหมด ซึ่งปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดค่ะ แล้วคุณหมอจะบอกเราเอง ว่าเราควรทำแบบไหน
ของเราคุณหมอแนะนำแบบ SBK ค่ะ คือผ่าเปิดแค่ 100 มม. และตาแห้งน้อยกว่าค่ะ
นี่คือแผนกเลสิค โรงพยาบาลปิยะเวทค่ะ
พอวิเคราะห์ออกมาแล้ว ว่าเราสามารถทำได้ ก็นัดวันได้เลย จริงๆแล้วสามารถตรวจแล้วถ้าผ่านก็ทำวันนั้นได้เลยค่ะ
วันที่จะมาทำ ก็อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย เพราะวันนั้นจะอาบน้ำไม่ได้ สระผมไม่ได้ ล้างหน้าไม่ได้
เตรียมขึ้นเขียงแล้ว ตื่นเต้นอะ คุณหมอน่ารักมาก วันนั้นช่วงปลายปี คนมาทำเยอะมาก ก่อนหน้าเราก็น่าจะ 3-4 คนเลยล่ะ
พอถึงคิวเรา หมอก็มาดูตาเรา ละบอกว่า ขอหมอทำสมาธินิดนึงนะ ตาหนูลึกมา เดี๋ยววว คุณหมอขา อย่าพูดแบบนี้สิ หนูใจไม่ดี
หนูตาปกติ ไม่ลึกเลยยยย ถ่างตาหนูได้เลย กว้างเท่าไหร่ จัดเลยค่ะ ณ จุดนั้น เป็นกำลังใจให้หมอแทน ฮ่าๆ
ก่อนเข้าห้อง พี่ผู้ช่วยคุณหมอตุลยา ก็จะมาสอนวิธีการเช็ดตาหลังจากผ่าตัด โดยหลังจากผ่าตัด ใบหน้าต้องห้ามโดนน้ำใดใด
แล้วให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือ เช็ดรอบๆดวงตา ห้ามโดนข้างในตาเด็ดขาด ย้ำว่า เด็ดขาด ช่วงนี้แผลจะยังสดอยู่ ต้องทะนุถนอมมากๆ
แปรงฟันได้ แต่ขอเบา และเซฟตาที่สุด อาจจะหลับตา หรือเอาผ้าปิดตาก็ได้
ขึ้นเขียงแล้วน้า ในห้องก็จะเหมือนห้องทำฟันแหละ มีอุปกรณ์ผ่าตัดตัวใหญ่ เราก็นอนไปเลย เครื่องมันจะมีเหมือนกล้องที่พอนอนแล้ว
กล้องมันจะตรงกับตาเราพอดี เอาล่ะ เริ่ม พี่ๆก็ช่วยกันเก็บขนตาเรา แล้วเอาเทปกาวอนามัยติดไว้บนล่าง ให้ตาเบิกกว้างที่สุด
นี่ก็พยายามเบิกช่วยหมอ เอาวะ ช่วงเวลาสำคัญช่วงหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ จัดมาเลยค่ะ จัดมา ไม่กลัววววววว
แล้วหมอก็หยอดยาชา หยอดรัวๆไปเลย หมอรู้แน่ว่าเราชาแล้ว เพราะไม่ได้ถามอะไรเรานะ หยอดไปได้พักนึง ก็ใส่อุปกรณ์ลงในตา
คล้ายๆคอนแทคเลนส์แหละ แต่ความรู้สึกเราคือ ใหญ่และแข็งกว่า แต่เราไม่รู้สึกอะไรนะ
ตอนนี้จัดมาเลย เพราะมันไม่เจ็บไง แต่มันเห็นทุกอย่าง ก็เสียวๆบ้าง
แต่ ณ ตอนนั้นหมอให้หนูลืมตา หนูก็จะถามว่า ให้หนูลืมกว้างแค่ไหน ถ้าหมอให้หนูเพ่ง หนูก็จะถามว่า ให้หนูเพ่งนานแค่ไหน ได้หมดค่ะ
มาแล้วๆ พี่ๆในห้องพูดเหมือนทำภารกิจตอนอยู่ยนอวกาศเลย “เครื่องสอง เช็คสี่ เคลียร์ ออโต้ ไฟนาเต้ สิบูเก้ พร้อม สี่วินาที สป็อต จุดสองห้า สายตาลบสามห้าศูนย์ เรดดี้ บลาๆ” นี่ก็จำไม่ได้หรอก แต่ชอบช่วงนั้นมาก เหมือนในหนังเลย อิอิ มาละ เสียงเครื่อง กลอๆที่ตา
ขั้นตอนนี้ เราต้องมองไปที่จุดสีแดง หรือสีเขียว หมอจะบอกเอง ซึ่งก็จะเห็นอยู่จุดเดียวนั่นแหละ มองไป ห้ามละสายตา ห้ามเขวไปมองอย่างอื่น
มอง มอง ช็อตนี้ขอมองจุดเดียวก่อนนะ ทนเอาไว้ ในช่วงนี้เราจะไม่รู้สึกอยากกะพริบตาหรอก เพราะตาเราชาแล้ว มองอย่างเดียว คือหน้าที่ของคุณนะคะ
สักพักจะได้ยินเสียงเครื่องทำงานดังนิดนึง เราจะได้กลิ่นไหม้ๆ แอร๊ยยยย โด๊นวอรี่ๆ นี่เปิดกระจกตาแล้วไง ใช้เลเซอร์เปิดไง
โหยย เป็นช่วงที่สุดยอดเลยย ฮ่าๆ คือเราจะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า นี่คือการเปิดเลนส์ตาแล้วนะ เปิดฟรึบ ตาจะมัวๆมองไม่เห็น
แล้วหมอก็จะทำไป ทำไป ตอนนั้นจำได้ว่าในใจนี่ร้องเพลง เพลงนึงอะ ร้องคลอแบบ คลามดาวน์ในใจ ชิลๆ พอปิดเลนส์ตาลงมาก็เริ่มมองเห็นละ
แล้วก็เห็นคล้ายๆพู่กันปัดๆที่เลนส์ตา โอ้โห โอ้โห ตาไม่ชา ทำไม่ได้นะคะเนี่ย ย้ำว่า เห็นทุกอย่าง แต่ไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
มีความซาดิสต์เบาๆ แต่ชิลมากจริงๆ อย่าวิตกไป
แล้วก็ได้ยินเสียงพี่ๆนักบินอวกาศพูดเสร็จภารกิจ “โอเค ดีมาก สถิติอยู่ที่ 28 วินาที” คิดว่าข้างนี้น่าจะใช้เวลาแค่ 28 วิเอง เร็วมากๆ
ข้างที่สองก็ทำเหมือนกัน เพ่งมองจุดตามที่หมอบอกไป หน้าที่เราในห้องผ่าตัดมีแค่นี้แหละ มองจุด มองห้ามวอกแวก ห้ามละสายตา
ตอนอยู่ในห้องช่วงที่ต้องเพ่งจุด เราก็แบบ ตาจะปิดละเว้ยย คือแบบ ลืมตาไม่ไหว เพ่งไม่ไหวแล้วอะ แต่ใจนี่ก้ฮึบมาอีกครั้ง เอาวะ 28 วินาทีวะ มาดี๊ สู้ดี๊ มองเข้าไป ดวงตามีคู่เดียว ท่องไว้ หมอฝีมือดี มีแต่เรานี่แหละ ที่กำหนดชะตา ทุกอย่างอยู่ที่เราจะเพ่งจุดได้ หรือจะยังไงยังไง อะไร เพ่งนะเว้ย
นี่ก็ให้กำลังใจตัวเอง แป๊บเดียวมากๆ จำได้ว่าอยู่ในห้องผ่าตัดไม่เกิน 15 นาที
ออกจากห้องผ่าตัดมา ก็โดนครอบตาแล้ว ตอนนั้นขอหลับตาเถอะ ไม่ไหวล้าวววว
ปกติแล้วหลังผ่าตัดคุณหมอจะให้ยาหยอดฆ่าเชื้อมา ซึ่งต้องหยอด 7 วันก่อน แล้วก็สำลี น้ำเกลือ สำหรับเช็ดรอบดวงตา
แล้วก็น้ำตาเทียม Vislube มา (น้ำตาเทียม Vislube ใช้เป็นรายวัน ขยันหยอดบ่อยๆ อย่าเสียดายนะคะ)
ตอนที่นั่งแท็กซี่กลับบ้าน คือมองแสงไฟถนนแล้วแสบตามาก น้ำตาไหลไม่หยุด เหยยยย สัญญาณยังดีอยู่ไหม ฮืออออ
วิตกจริตไปละ มองไม่ได้เลย แล้ววันนั้นกลับบ้านมา The Mask Singer มาพอดี ต้องดูไง (นี่ก็ยังห่วงดู The Mask Singer ฮ่าๆ)
แต่เปิดตาไม่ได้ กินข้าวละมองไม่เห็น น้ำตาไหลตลอด แสบตา คืนนี้คงรีบหยอดตานอนละ พรุ่งนี้มีนัด Follow Up 1 วัน
ตื่นเช้าขึ้นมา ................................
โอ้วววววววววววววววววววววว มายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก็อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เข้าใจ เข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง โลกใบใหม่มันเป็นยังไง คือเหมือนแผลเริ่มดีขึ้น มองได้แล้ว ชัดมากกกก มองจากระเบียงคอนโดได้ไกลโพ้น
โอ้ยยยยยยยยยยยยย น้ำตาจิไหล นิวเวิลด์ นิววิชั่น สดใสมากกกก
แต่ก็ต้อง Follow Up ตลอดนะ 1 วัน 7 วัน 1 เดือน 3 เดือนค่ะ
ไป Follow Up 1 วันมา หมอบอก สวยงาม เพอร์เฟ็ค แผลดี แต่ยังต้องให้ตางดโดนน้ำนะ อาบน้ำได้เบาๆ ห้ามเหวี่ยงไปมา
คิดจะเปิดคอนเสิร์ตในห้องน้ำ ก็พักไปก่อน กินข้าวก็งดพวกเส้นๆ เพราะสูดเส้น เดี๋ยวน้ำซุปจะกระเด็นเข้าตา ประมาณนี้ค่ะ
พอ 7 วันก็แต่งหน้าได้แล้ววว เย้ๆ
หลังทำ 7 วันค่ะ วู้วววววววววว
แล้วพอ 1 เดือนก็เฉิดฉาย ฮ่าๆ แนะนำว่าขอให้มีแว่นกันแดดคู่ใจนะ ผ่าตัดมาแล้ว ก็ถนอมดวงตาหน่อยเนอะ
แดดเมืองไทยร้อนแรง รังสีแผดเผามาก ทำงานหน้าคอมก็พักสายตาเถิดนะคนดี หลับลงตรงนี้ บ้างอะไรบ้าง
น้ำตาเทียมหยอดบ่อยๆ เราหยอดชั่วโมงละ 3-4 ครั้งเลย บางทีก็หยอดทุก 15-30 นาที ทะนุถนอมเยอะๆ
ณ ตอนนี้เราก็ทำมาได้ 3 เดือนแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนตาแห้งมากๆ ตาเราเลยยังมีรอยถลอกและแห้งมากๆอยู่ ช่วงนี้ก็อัดน้ำตาเทียมไปค่ะ
น้ำตาเทียมที่แนะนำมากๆ คือ Vislube นะคะ แพงแต่ดีมากๆ ซื้อแถวอนุสาวรีย์ราคาถูกค่ะ
ตอนนี้เราหยอด Cellufresh และ Vidisic Gel ค่ะเป็นแบบป้ายตาก่อนนอน ตื่นมาตาสดชื่น
โอเค จบแล้ว สนุกสนานมาก ใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ ถามเราได้นะ ถ้าเราตอบได้ เราอยากช่วยเต็มที่เลย
คนที่คิดๆอยู่ พอได้ทำแล้ว จะรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทำ เพราะ โลกใบใหม่ มันสดใสมากกกกก
ขอบคุณนะคะ