หนังเก่าเล่าใหม่ 052: Rashômon (Akira Kurosawa, 1950) เขียนโดย Form Corleone

หนังเก่าเล่าใหม่ 052: Rashômon (Akira Kurosawa, 1950)


" แม้กระทั่งความจริง ยังมีความไม่จริงอยู่ในนั้น " สำหรับเรา 'ราโชมอน' คือหนังที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นมนุษย์ปุถุชนได้อย่างลึกซึ้ง ระหว่างที่นั่งดูหนังเรื่องนี้ทำให้เราตระหนักถึงที่มาของความจริงของทุกเรื่องๆ ที่ถูกถ่ายทอดบอกเล่าจากมนุษย์ด้วยกัน ว่าสุดท้ายข้อความเรื่องเล่าเหล่านั้นจะมีความจริงหลงเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ จะมีใครบ้างที่ไม่แต่งเติมเรื่องราวของตัวเอง ไม่มากก็น้อย 'มนุษย์อาจไม่ได้ซื่อสัตย์กับเรื่องของตัวเองเท่าไหร่นัก เราจะพูดเรื่องต่างๆเกี่ยวกับตัวเองได้จริงแท้โดยปราศจากการแต่งเติมได้มากแค่ไหนกัน' คำถามเชิงปรัชญาที่เราอาจตั้งไว้ถามตัวเองเหมือนกันคือ 'เราจะเชื่อได้ไงว่าเรื่องจริงนั้นคือเรื่องที่จริงที่สุด' เราเลือกที่จะลืมเรื่องไม่ดี แล้วใส่ร่างจัดทรงเรื่องราวนั้นใหม่ให้กลายเป็นเรื่องที่ดี เพื่อตัวเองจะได้ดูดีในสายตาคนอื่นมากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายเราทุกคนอาจทำเพื่อตัวเองด้วยกันทั้งนั้น


ราโชมอน เล่าเรื่องราวคดีฆาตกรรมซามูไร ซึ่งหลังจากจับตัวโจรป่าผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าซามูไรได้นั้น จึงเกิดการไต่สวนคดีเกิดขึ้นโดยมีผู้ให้การสามคนคือ โจรป่า ภรรยาของซามูไร และคนทรงวิญญาณของซามูไร เรื่องราวการสอบสวนคดีทั้งหมดเล่าจากปากของคนตัดฝืนซึ่งเป็นคนพบศพซามูไรเป็นคนแรก โดยมีพระรูปหนึ่งและคนแปลกหน้าที่เขามาหลบฝนเป็นผู้ฟังเรื่องราวทั้งหมด หนังมีพล็อตเรื่องที่ชวนให้เราติดตาม ว่าความจริงต่างๆคืออะไรกันแน่ เพราะคำให้การของทั้งสามคนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญแบบสุดขั้ว ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องล้วนมีความหมายในเชิงลึก เช่น คนแปลกหน้า อาจเป็นตัวแทนของคนจรจัด คนจนทั่วๆไป ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในแต่ละวันไปให้ได้ ตัวละครตัวนี้แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานการเอาตัวรอดโดยการเบียดเบียนผู้อื่น และมีความคิดที่ว่าการโกหกหรือการเอาตัวรอดนั้นเป็นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญ ส่วนตัวละคร พระ อาจแสดงถึงความหวังต่อมนุษย์ ความหวังในสิ่งที่ดีงามตามความจริง แม้เรื่องราวทั้งหมดจะชวนให้พระรูปนี้สิ้นหวังในหลายครั้งก็ตาม กระทั่งตัวละครอย่างคนเก็บฝืนก็ยังเล่าเรื่องราวความจริงได้ไม่หมด และไม่ต่างอะไรจาก โจรป่า ภรรยาของซามูไร รวมไปถึงวิญญาณของซามูไร ที่จนแล้วจนรอดก็พยายามแต่งเติมเรื่องราวให้ตัวเองดูดีขึ้นมาทั้งนั้น ถึงกระนั้นแล้วหนังก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนดูมากจนเกินไปที่จะทำให้เราหมดหวังในความจริงแท้เสียทั้งหมด


เราคิดว่ามนุษย์ทุกคนอาจจะรับรู้รูปแบบของความจริงแตกต่างกันก็ได้ แม้หนังจะไม่ได้เฉลยว่าความจริงของเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรก็ตาม คนดูอย่างเราคงจะต้องเลือกว่ารูปแบบไหนคือความจริงหรืออาจจะไม่จริงเลยในทุกเรื่องก็ได้ บางทีความจริงอาจเกิดจากสิ่งที่เป็นจริงหลายๆสิ่งมารวมกันแล้วใกล้เคียงคำว่าจริงที่สุด ประโยคที่สะท้อนเรื่องราวทั้งหมดของ 'ราโชมอน' ได้ดีคือคำพูดของพระทีบอกว่า 'เรื่องราวที่เกิดขึ้นในศาลนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าภัยธรรมชาติใดๆก็ตาม' ภาพรวมทั้งหมดเลยถูกสะท้อนถึงจิตใจของตัวละครที่แสวงหาหนทางให้ตัวเองดูดี แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้วยังสละการทำให้ตัวเองดูดีไม่ได้


การไต่สวนของหนังคือการให้ตัวละครทั้งสามคนที่โดนไต่สวน จ้องมองคนดูเสมือนเราเป็นผู้พิพากษาตัดสินคดีนี้ ซึ่งทำให้เรารู้สึกอินมาก หนังอาจจะดูยากสำหรับคนที่ไม่นิยมหนังแนวใช้ความคิดอย่างหนักเกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวละครทั้งหมดในเรื่อง องค์ประกอบของหนังในส่วนของเนื้อหาไม่ได้มีส่วนไหนขาดหายไปจนทำให้เราเข้าไม่ถึงเหตุการณ์ทั้งหมด แสงของหนังดีมาก เป็นหนังขาวดำที่เล่นแสงกระทบบรรยากาศ สะท้อนคนแสดงได้มีเสน่ห์และทรงพลังมากเรื่องหนึ่ง แม้หนังจะมีความยาวเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 28 นาที แต่การขับเคลื่อนของหนังนั้นมีพลังในเชิงปรัชญาที่ต้องอาศัยการดูซ้ำและตีความหลายๆรอบ ทังหมดที่เขียนมาถึงตรงนี้เราอาจตีความเรื่องผิดไปทั้งหมดก็ได้ เพราะเราคงไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดนั้นคือความจริงเสียทั้งหมด


สุดท้าย 'Rashômon' คืองานคลาสสิค ที่ชวนคนดูตีความเรื่องราวต่างๆได้สนุกสนาน สำหรับเราแล้ว 'ความจริง' จากตัวเราเองหรือจากคนอื่น ล้วนแล้วเป็นเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นมา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกรับฟังส่วนไหนเสียมากกว่า บางทีการรับฟังเรื่องราวต่างๆอย่างมีสติ อาจช่วยให้เราเข้าใกล้ความจริงไม่มากก็น้อย


ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่