งานเรามาเป็นช่วงๆ และช่วงไหนที่มีงานก็จะมีเยอะมากราวกับภูเขาไฟระเบิด เงินค่าโอทีก็ไม่มีให้ และเราก็ไม่เคยขอให้ใครมาช่วยเราทำ
ถึงงานเราจะยุ่ง แต่เราไม่ต้องการให้ใครมาก้าวก่ายงานเรา ถ้าเราให้คนอื่นช่วย เราก็ต้องเสียเวลาสอนเขาอีกว่าต้องทำยังไง
พอเขาทำเสร็จ เราก็ต้องตรวจความถูกต้องอีก ซึ่งเราคิดว่าเราทำเองดีกว่า งานของเรานี่นา
แต่พองานเสร็จ เราก็ว่างยาวเลย ส่วนบางคนอาจมีงานยุ่ง เพราะแต่ละคนงานมีช่วงงานเข้าไม่พร้อมกัน
พอเราว่าง เราก็เปิดเน็ตค้นคว้าหาความรู้ไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องบันทึกไทม์ชีททุกวันว่าเราทำอะไรไปบ้างในเวลา 8 ชั่วโมง
เวลาเราไม่มีงานทำ เราก็จะบันทึกว่าเราศึกษาหาความรู้อย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันไม่มีช้อยให้พนักงานลงว่า "ว่างงาน" ถ้ามีเราก็จะลงอันนั้น
แต่เราก็บันทึกไปแบบโกหก เพราะเราไม่ได้ศึกษาหาความรู้ตลอด มันน่าเบื่อ บางทีเราก็เล่นพันทิป หานิยายอ่าน หาความรู้เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงาน เล่นโทรศัพท์ เฟสบุ๊ค คุยไลน์กับคนรู้จัก บางทีก็เปิดเว็บหางานใหม่ (เพราะเรากำลังจะลาออกจากที่นี่)
ทีนี้มีอยู่วันหนึ่ง รุ่นพี่ที่นั่งใกล้เรา ทำงานร่วมกับเรา เขาเห็นเรากำลังกดโทรศัพท์คุยไลน์กับคนอื่น เขาก็ถามว่า 'เราทำอะไรอยู่'
เราก็ตอบว่าเปล่า รุ่นพี่ก็ถามว่า 'แล้วน้องได้ถามคนอื่นแล้วยัง ว่าเขามีอะไรให้น้องช่วยไหม' เราก็ตอบว่าเปล่า
เราคิดว่าถ้าคนอื่นมีงานให้เราช่วยทำ เดี๋ยวเขาก็บอกเราเองแหละ เพราะเราไม่เคยเกี่ยงเวลามีคนมาขอให้ช่วย
และเราก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ไปไหน เรียกใช้ได้ตลอดอยู่แล้ว ทีนี้รุ่นพี่เราก็ของขึ้น บอกว่า 'น้องต้องเป็นคนไปถามคนอื่นว่ามีงานให้ช่วยไหม ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาบอก แล้วถ้าน้องนั่งว่างๆ แล้วน้องจะบันทึกไทม์ชีทยังไงล่ะ'
เราได้ยินแล้วก็ของขึ้นในใจเหมือนกัน ในใจตอบแล้วว่า 'ก็บันทึกว่าศึกษาหาความรู้อย่างที่เคยบันทึกทุกเดือนๆ น่ะสิ' แต่ไม่ได้พูดออกไป
เราเคยไปสัมภาษณงานที่องค์กรอื่นที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน เราเคยถามเขาว่าให้พนักงานลงไทม์ชีทไหม เขาตอบว่าไม่มี
เพราะมันยากกว่าการทำงานอีก พนักงานก็โกหกกันกระจาย เราก็คิดว่าจริง ไม่มีใครไม่โกหกหรอก
เรารู้สึกว่ารุ่นพี่ไปเหนื่อยกับงานอื่นมา แล้วก็มาระบายอารมณ์ลงที่เรา หรือไม่เขาก็เห็นเราเป็นคนง่ายๆ ไม่มีปากเสียงกับใคร
เขาก็เลยคิดว่าจะด่าจะว่าเรายังไงก็ได้ (ลองเราได้โต้ตอบเขาแบบเจ็บๆ สิ เชื่อว่าเขาคงเกรงใจเรามากขึ้น)
ใช่ว่ารุ่นพี่จะไม่เคยว่างงาน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นเน็ต ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นโทรศัพท์ แล้วเคยมีใครว่าเขาไหม ก็ไม่มี
เขาเองก็ต้องบันทึกไทม์ชีทแบบโกหกเหมือนกัน มาทำเป็นไม่เข้าใจเรา ทำเป็นแกล้งถามเรา เราทำงานที่แสนยุ่งยากเสร็จ
เราก็ควรได้ว่างบ้าง ชดเชยกันไป ให้มันสมดุล เวลามีงานเราก็ทำเต็มที่ กลับบ้านเกินเวลาตลอด โอทีก็ไม่ได้
แต่พอเราว่างงาน กลายเป็นเราผิด เราผิดเหรอที่ไม่ไปเสนอตัวขอช่วยงานคนอื่น เราอาจจะผิดเรื่องที่เอาเวลาไปใช้ส่วนตัว
แต่ไม่มีใครที่จะใช้เวลางาน 8 ชั่วโมงเต็มที่ไปกับงานหรอก อย่างน้อยสุดๆก็ต้องมีลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปเม้าท์กับคนอื่น
ถ้าไม่ให้เราเล่นเน็ต ไม่ให้เล่นโทรศัพท์ งั้นถ้าเรากลับบ้านตอนว่างงาน หรือเอาหนังสือสอบ ป.โท ไปอ่านที่ทำงานจะได้ไหม ก็ไม่ได้อยู่ดี
ผิดเหรอ ที่เราทำงานตัวเองเสร็จ แล้วเราไม่ไปขอช่วยงานคนอื่น
ถึงงานเราจะยุ่ง แต่เราไม่ต้องการให้ใครมาก้าวก่ายงานเรา ถ้าเราให้คนอื่นช่วย เราก็ต้องเสียเวลาสอนเขาอีกว่าต้องทำยังไง
พอเขาทำเสร็จ เราก็ต้องตรวจความถูกต้องอีก ซึ่งเราคิดว่าเราทำเองดีกว่า งานของเรานี่นา
แต่พองานเสร็จ เราก็ว่างยาวเลย ส่วนบางคนอาจมีงานยุ่ง เพราะแต่ละคนงานมีช่วงงานเข้าไม่พร้อมกัน
พอเราว่าง เราก็เปิดเน็ตค้นคว้าหาความรู้ไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องบันทึกไทม์ชีททุกวันว่าเราทำอะไรไปบ้างในเวลา 8 ชั่วโมง
เวลาเราไม่มีงานทำ เราก็จะบันทึกว่าเราศึกษาหาความรู้อย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมันไม่มีช้อยให้พนักงานลงว่า "ว่างงาน" ถ้ามีเราก็จะลงอันนั้น
แต่เราก็บันทึกไปแบบโกหก เพราะเราไม่ได้ศึกษาหาความรู้ตลอด มันน่าเบื่อ บางทีเราก็เล่นพันทิป หานิยายอ่าน หาความรู้เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงาน เล่นโทรศัพท์ เฟสบุ๊ค คุยไลน์กับคนรู้จัก บางทีก็เปิดเว็บหางานใหม่ (เพราะเรากำลังจะลาออกจากที่นี่)
ทีนี้มีอยู่วันหนึ่ง รุ่นพี่ที่นั่งใกล้เรา ทำงานร่วมกับเรา เขาเห็นเรากำลังกดโทรศัพท์คุยไลน์กับคนอื่น เขาก็ถามว่า 'เราทำอะไรอยู่'
เราก็ตอบว่าเปล่า รุ่นพี่ก็ถามว่า 'แล้วน้องได้ถามคนอื่นแล้วยัง ว่าเขามีอะไรให้น้องช่วยไหม' เราก็ตอบว่าเปล่า
เราคิดว่าถ้าคนอื่นมีงานให้เราช่วยทำ เดี๋ยวเขาก็บอกเราเองแหละ เพราะเราไม่เคยเกี่ยงเวลามีคนมาขอให้ช่วย
และเราก็นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ไปไหน เรียกใช้ได้ตลอดอยู่แล้ว ทีนี้รุ่นพี่เราก็ของขึ้น บอกว่า 'น้องต้องเป็นคนไปถามคนอื่นว่ามีงานให้ช่วยไหม ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาบอก แล้วถ้าน้องนั่งว่างๆ แล้วน้องจะบันทึกไทม์ชีทยังไงล่ะ'
เราได้ยินแล้วก็ของขึ้นในใจเหมือนกัน ในใจตอบแล้วว่า 'ก็บันทึกว่าศึกษาหาความรู้อย่างที่เคยบันทึกทุกเดือนๆ น่ะสิ' แต่ไม่ได้พูดออกไป
เราเคยไปสัมภาษณงานที่องค์กรอื่นที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน เราเคยถามเขาว่าให้พนักงานลงไทม์ชีทไหม เขาตอบว่าไม่มี
เพราะมันยากกว่าการทำงานอีก พนักงานก็โกหกกันกระจาย เราก็คิดว่าจริง ไม่มีใครไม่โกหกหรอก
เรารู้สึกว่ารุ่นพี่ไปเหนื่อยกับงานอื่นมา แล้วก็มาระบายอารมณ์ลงที่เรา หรือไม่เขาก็เห็นเราเป็นคนง่ายๆ ไม่มีปากเสียงกับใคร
เขาก็เลยคิดว่าจะด่าจะว่าเรายังไงก็ได้ (ลองเราได้โต้ตอบเขาแบบเจ็บๆ สิ เชื่อว่าเขาคงเกรงใจเรามากขึ้น)
ใช่ว่ารุ่นพี่จะไม่เคยว่างงาน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นเน็ต ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นโทรศัพท์ แล้วเคยมีใครว่าเขาไหม ก็ไม่มี
เขาเองก็ต้องบันทึกไทม์ชีทแบบโกหกเหมือนกัน มาทำเป็นไม่เข้าใจเรา ทำเป็นแกล้งถามเรา เราทำงานที่แสนยุ่งยากเสร็จ
เราก็ควรได้ว่างบ้าง ชดเชยกันไป ให้มันสมดุล เวลามีงานเราก็ทำเต็มที่ กลับบ้านเกินเวลาตลอด โอทีก็ไม่ได้
แต่พอเราว่างงาน กลายเป็นเราผิด เราผิดเหรอที่ไม่ไปเสนอตัวขอช่วยงานคนอื่น เราอาจจะผิดเรื่องที่เอาเวลาไปใช้ส่วนตัว
แต่ไม่มีใครที่จะใช้เวลางาน 8 ชั่วโมงเต็มที่ไปกับงานหรอก อย่างน้อยสุดๆก็ต้องมีลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปเม้าท์กับคนอื่น
ถ้าไม่ให้เราเล่นเน็ต ไม่ให้เล่นโทรศัพท์ งั้นถ้าเรากลับบ้านตอนว่างงาน หรือเอาหนังสือสอบ ป.โท ไปอ่านที่ทำงานจะได้ไหม ก็ไม่ได้อยู่ดี