ไปไหว้พระบรมศพหนนี้ มีคนจาก "พม่า" มาไหว้ด้วย

วันนี้เดินทางไปไหว้พระบรมศพสมกับที่ตั้งใจไว้มานาน หลังจากจัดการธุระต่างๆที่ กทม.เสร็จเรียบร้อย ก็มีเรื่องประทับใจที่อดมาเล่าไม่ได้

๑ :: มีคนจากพม่ามาไหว้พระบรมศพด้วยกัน::

           ตอนเช้าที่ไปไม่ร้อน แต่อบอ้าวมาก เพราะฝนตกตอนเช้ามืดติดๆกันหลายชม. เดินต่อแถวไปใช้เวลาไม่นาน แต่ตอนที่นั่งรอตรงแถว ค๑๖ รอนานมาก ประมาณ 2 ชม.โดยคร่าวๆ ระหว่างที่นั่งรอ ทางขวามือมีผู้หญิงวัยกลางคนจากพม่าคนหนึ่งนั่งข้างๆเรา (ที่จริงเธอคนนี้ก็ร่วมเดินทางมากับเราตั้งแต่ต้นๆทางแล้ว) เราไม่มีอะไรทำ เดินสำรวจรอบๆก็แล้ว กินข้าวฟรี น้ำฟรีก็แล้ว ทดลองเข้าห้องน้ำดูก็แล้ว  เลยหันมาคุยกับเธอ

         เธอบอกว่า เธอมาจากพม่า เป็นชาวไทยใหญ่มาทำงานได้ที่ประเทศไทย 16 ปีแล้ว เราเลยถามเธอว่า

         "พี่ก็จัดว่าเป็นคนพม่านะ ทำไมถึงมาไหว้พระศพของในหลวงกันล่ะ"
          ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบเรามาว่า

         "เขาสร้างประเทศไทย สร้างแผ่นดินให้คนมีน้ำใช้ มีข้าวกิน เรามาอยู่บ้านเขา เขาก็ไม่รังเกียจเรา เขาให้เราอยู่ในแผ่นดินเขา ให้เราทำงานจนมีเงินส่งลูกเรียนสูงๆได้...  แล้วเราจะไม่รักเขาได้อย่างไร..."

          ฟังถึงตอนนี้น้ำตาอยากจะไหล พี่เขาก็พูดอีกว่า

          "ตอนที่เขายังอยู่ เราเอาแต่ทำงานๆๆๆๆๆๆ วันหยุดวันเกิดเขา (หมายถึง 5 ธันวาของทุกปีนั่นแหละ) เราก็ไม่มีโอกาสไปไหว้เขา ไม่มีโอกาสได้ไปดูไปขอบคุณเขา มาตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เรายังเสียใจอยู่...
...เรารักในหลวง..."



๒  ความรู้สึกตอนที่เข้าผ่านไปไหว้พระศพ

         พอเราถูกเรียกให้ลุกขึ้นเดินหลังจากผ่านไปประมาณสามชม.กว่าๆ เราก็เดินตามแถวไปเงียบๆ ดูนั่นดูนี่ตามประสาเราบ้าง อะไรบ้าง หลังจากนั้น พอเข้าเขตห้ามถ่ายรูป เขาก็ให้เราถอดรองเท้า (มีถุงใส่รองเท้าให้) จากนั้นก็ต่อแถวเรียงสองเตรียมเดินขึ้นไปไหว้พระศพ
          พอเราเดินขึ้นไปข้างใน จากอากาศที่ร้อนๆอบอ้าว ก็เย็นฉ่ำด้วยแอร์ เราเหลือบไปเห็นที่ๆพระองค์ท่านประทับอยู่ในโกฏิสีทองๆ แล้วรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา ตอนนั้นเรามองพระองค์ท่าน แล้วก็คิดในใจว่าอยากบอกอะไรพระองค์บ้าง และอยากจะขออะไรจากพระองค์อีก

           เราขอให้พระองค์ประทานพรที่ทำให้เราเข้มแข็ง และมีปัญญาในการพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้เส้นทางข้างหน้าจะเดียวดายอย่างไร หรือหนักหนาสาหัสอย่างไรก็ขอให้อดทนแล้วไม่ย่อท้อ เราขอกำลังใจจากพระองค์ในการเลือกเส้นทางชีวิต และก้าวต่อไป
พอเราขอเสร็จก็ถึงตอนที่เขาให้นั่งพับเพียบ จากนั้นก็มีเสียงสั่งให้ก้มลงกราบ เราก็ก้มลงกราบ รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว น้ำตาแทบจะไหลออกมา    
เรารู้สึกเสียใจที่ตอนที่เราเกิดมา ก็เป็นช่วงที่พระองค์ท่านทรงชราภาพเสียแล้ว เราไม่ค่อยเห็นพระองค์ท่านทรงงานหนักตลอดเหมือนที่พ่อแม่เราเคยเห็น เราเห็นแต่ผลลัพธ์ของสิ่งที่ท่านทำ บอกพระองค์ในใจว่า “พักผ่อนให้สบายเถอะนะพ่อ ลูกกำลังเติบโต และจะโตขึ้นเป็นคนดี”

๓. อยากขอฝากถึงพี่น้องคนไทยทั้งหลาย

      ไม่ได้อยากจะบ่นอะไรมากมายหรอกนะ แต่เห็นเจ้าหน้าที่ทำงานกันเหนื่อยแล้วรู้สึกนับถือจริงๆ ทั้งผ้าเย็น ยาดม ยานวด น้ำ อาหาร แม้กระทั่งกาแฟ ยังมีบริการไม่ขาดสาย สีหน้าของพนักงานยิ้มแย้ม  เราเห็นแล้วคือหายเหนื่อยหายเมื่อยจริงๆ ดังนั้น หากเป็นไปได้ พวกมนุษย์ป้า มนุษย์ลุงทั้งหลาย ขอความกรุณา “อย่าเยอะ” นะคะ เห็นพวกพี่เขาทำงานกันเหนื่อยมากจริงๆ
สำหรับคนที่มีความตั้งใจจะไปก็เตรียมตัวมาให้พร้อม ถ้าฝนตกเขามีร่มให้ยืม กระโปรงสั้น รองเท้าไม่สุภาพก็มีให้เปลี่ยนนะคะ แต่ทางที่ดีเตรียมไปให้พร้อมจะดีกว่า
        คนที่มาด้วยใจ มาแล้วก็ดีไปอย่าง แต่งานนี้คงไม่เหมาะสำหรับพวกที่เพื่อนมา แฟนมา ก็ตามๆกันไปด้วย หรือมาแค่พอมาเป็นพิธี อันนี้ไม่เหมาะแน่ๆ มาแล้วก็ร้อน ก็อบอ้าว รอก็นาน ประเดี๋ยวจะเสียอารมณ์กันเปล่าๆ   คนที่จะมาอยากขอให้ตั้งใจมาจริงๆ มาด้วยใจสักการะ มาด้วยใจที่พร้อมจะมา

๔. ลูกภูมิใจที่ได้เกิดในรัชกาลที่ ๙

ลูกภูมิใจที่ลูกเกิดในรัชกาลที่ ๙  
ภูมิใจที่ตอนนี้ลูกกำลังเติบโต และกำลังจะได้เรียนระดับอุดมศึกษา
ภูมิใจที่จะได้กำลังเติบโตมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และช่วยพัฒนาแผ่นดินที่พ่อสร้าง
:: ขอเป็นข้ารองบาท ทุกชาติไป::
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่