พฤติกรรมของพ่อแม่ ที่แย่งชิงเพื่อลูก จนลืมมารยาทที่ดีในสังคม

เหตุการณ์ที่ได้พบเจอวันนี้ จะใช้เตือนตัวเองและครอบครัวว่า เราจะไม่ทำพฤติกรรมอย่างนั้น เพราะมันจะทำให้คนรอบข้างมองเราอย่างน่ารังเกียจ

ที่ รร.ของลูกสาวมีการชี้แจงโปรแกรมพิเศษ(เรียนเสริมจากคาบเรียนปกติตอนเย็น) เพื่อสร้างเด็กที่มีความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ ปั้นเด็กให้เก่งคณิตศาสตร์ระดับประเทศ ซึ่ง รร.ทำสำเร็จมาแล้วหลายรุ่น วันนี้ รร.จึงเชิญผู้ปกครองมาฟังบรรยาย ว่าจะตัดสินในให้บุตรหลานเข้าเรียนในโปรแกรมเสริมพิเศษนี้หรือไม่ ซึ่ง รร.รับได้เพียง 100คนเท่านั้น จากนักเรียนทั้งหมด 400 กว่าคน

รร.มีการแจกบัตรคิว ให้ผู้ปกครอบตามลำดับการมาลงทะเบียนก่อนหลัง จำนวน 100 ใบ แต่ผู้ปกครองมากันราวๆ 300-400 คน  ผู้ปกครอบลที่มีบัตรคิวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ให้ลูกสมัครโครงการนี้ ยกเว้นว่าผู้ปกครองที่มีบัตรคิวท่านใดสละสิทธิ์ ก็ยกสิทธิ์นั้นให้คนอื่นๆที่ไม่มีบัตรคิว

เมื่อการรับสมัครสิ้นลง มีผู้ปกครองที่ได้รับบัตรคิว แต่สละสิทธ็ประมาณ 3-4 คนเท่านั้น จึงทำให้ผู้ปกครองอีกจำนวนมากที่ไม่มีบัตรคิว ไปต่อแถวเพื่อขอบัตรคิวที่ว่างนั้น แต่คนเยอะ ก็วุ่นวาย แถวก็มีหลายแถว ไม่รู้ใครมาก่อนมาหลัง ทั้งขอและแย่งกันวุ่นวายไปหมด

ผมก็เป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่ไม่ได้รับบัตรคิวและยืนรอต่อแถว เพื่อจะขอรับบัตรคิว ในกรณีที่มีคนสละสิทธิ์

สุดท้าย ก็เหลือบัตรคิวว่าง 1 ใบ  ผมเข้าแถวเป็นคนแรก แต่จริงๆก็มีแถวอื่นๆอีกหลายแถว ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าไม่รู้แถวไหนเป็นแถวแรกกันแน่ เพราะทาง รร.ก็ไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ

ทันใดนั้น ก็มีคุณแม่ท่านหนึ่งซึ่งก็เป็นคนแรก ของอีกแถวหนึ่ง ตะโกนโวยวาย เสียงดังใส่ผม ประกาศตัวว่า ตนเองและพรรคพวกของตนเองซึ่งมีประมาณ 3-4 คน มาก่อนตั้งแถวตรงนี้ก่อน ยทนรอตรงนี้ตั้งนานแล้ว จะเอาบัตรคิวมาให้ผมได้ยังไง ต้องให้ตนเองซิ ผมเองก็ งง เพราะยังไม่เห็นมีใครที่ไหนบอกเลยว่า บัตรนั้นเป็นของผม และก็ไม่มีใครบอกเช่นกันว่าบัตรนั้นจะเป็นของใคร เพราะพวกเราต่างก็รอว่าทาง รร.จะจัดการกับบัตรคิว 1 ใบนั้นอย่างไร ทุกคนรออย่างสงบ มีระเบียบ มีมารยาท ยกเว้นคุณแม่ท่านั้น

คุณแม่ท่านนั้นเสียงดังโวยวาย ดูท่าทางกระวนกระวาย กระสับกระส่าย กลัวตัวเองจะไม่ได้ กลัวคนอื่นจะได้ กลัวลูกจะไม่ได้เรีบยน กลัว กลัว กลัว กลัว จนลืมมารยาทสังคม จนลืมการวางตัวที่เหมาะสม แสดงพฤติกรรมและกริยาที่ไม่เหมาะ ไม่งามออกมา จนไม่น่าดูเลยทีเดียว

ทำเอาคนรอบข้าง งง กับคุณแม่ท่านนั้น ไปตามๆกัน

เหตุการณ์นี้น่าจะสอนอะไรพวกเราที่เป็นพ่อแม่ได้ อย่างน้อยที่สุดที่ผมเรียนรู้คือ พ่อแม่แสดงพฤติกรรมอย่างไร มีนิสัยอย่างไร ลูกก็จะซึมซับและเรียนแบบ เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมอย่างนั้น นิสัยแบบนั้น ติดตัวไป

แม้ลูกจะได้เรียนโปรแกรม/โครงการพิเศษหรือวิเศษขนาดไหน หรือลูกจะเก่งกาจฉลาดมากขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีมารยาทและไม่สามารถเรียนรู้การอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ ....ทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์

สุดท้ายผมและภรรยาก็เดินออกมาจากห้องประชุมนั้น โดยไม่สนใจโปรแกรมพิเศษนั้น และไม่สนใจผู้ที่แสดงพฤติกรรมแบบนั้นในที่สาธารณะอีกเลย

เรามาสร้างลูกให้เติบโตตามธรรมชาติที่สวยงาม ตามวัยที่น่ารักสดใสของเค้า ด้วยกระบวนการและควารักของเราดีกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่