สวัสดีคะ มีเรื่องจะรบกวนสอบถามและขอคำปรึกษา แต่ก่อนจะสอบถาม อยากเล่าเรื่องราวต่อไปนี้ให้ฟังก่อนนะคะ
เมื่อซักประมาณยี่สิบปีก่อนหน้านี้ พ่อกับแม่แต่งงานกัน หลังจากที่แต่งงานแล้วได้สักพัก พ่อกับแม่ก็ตัดสินใจไปจดทะเบียนสมรสกัน ทั้งคู่มีลูกด้วยกันเพียงคนเดียว นั่นก็คือเรา แต่อย่างที่หลายๆคำบอกเล่า "ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน" พอเราอายุได้ประมาณ 3 ขวบครึ่ง พ่อก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ..
เราว่าเราได้ใช้เวลาอยู่รวมกับพ่อเพียงแค่ช่วงหนึ่งสั้นๆ เราว่ามันแย่ละนะ ..แต่!! มันมีเหตุการณ์หลังจากที่พ่อเสียแย่ไปกว่านี้อีก ตอนก่อนหน้านี้ที่พ่อแต่งงาน ปูได้มอบที่ดินจำนวนหนึ่ง ให้พ่อ เพื่อทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวของพ่อ โดยการโอนให้แบบเสน่ห์หา พอหลังเสร็จพิธีเผาศพพ่อได้ไม่กี่วัน ปูก็มาหาแม่ที่บ้าน แต่ตอนนั้นแม่ไม่อยู่ ไปทำธุระข้างนอก เจอแต่ยาย ยายบอกว่า ปูมีหนังสือมาให้แม่เซ็นต์ (เรามารู้ที่หลังว่าเป็นหนังสือการมอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน ) พอแม่กลับมา แม่บอกเราว่า แม่ไม่เคยเซ็นต์อะไรซักอย่างเลย ปูก็เอาผู้ใหญ่บ้าน เอาใครนักหนาไม่รู้มาขู่แม่เรา แต่แม่ก็ไม่ยอมเซ็นต์ (ที่สำคัญหนึ่งในนั้นมีคนใกล้ตัวเราด้วย ) เราไม่รู้ว่าปู่ไปทำอย่างไร (อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากยาย : ยายบอกว่า หลังจากเหตุการณ์นั้นภายไป ก็มีเอกสารมาติดตามเสาไฟฟ้า ว่า เรากลับแม่เป็นบุคคลสูญหาย แล้วปู่ก็เป็นผู้จัดการมรดกแทน อันนี้เราเจ็บไปถึงขั้วหัวใจเลยนะ ตอนเรารู้ เราไม่เข้าใจว่า ทำไหมถึงกับเราได้เพียงนี้ มันก็จริงอยู่ที่ที่ดินผืนนั้นเป็นของปู่ แต่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม? ทั้งๆทีเราก็อยู่ที่นั้น เรียนที่นั้น เขาเห็นหน้าเราทุกวัน เมื่อสองปีที่ผ่านมา เราเคยถามสาเหตุตรงนี้น่ะ ปู่บอกเราว่า เขาทำเพื่อเรา เขาเก็บไว้ให้เรา ถ้ามันยังอยู่กับแม่ พอแม่มีสามีใหม่แม่ก็จะขายที่ดินนั้น มูลค่าเป็นล้าน 555 หรอ ?
เราจึงมีคำถามและขอคำปรึกษา
1. ถ้าเราอยากได้ที่ดินคืนเราควรเริ่มจากตรงไหน
2.กรณีของเราทางกฎหมายหมดอายุความไปหรือยัง ปัจจุบันเราอายุ 22 ปี ย่าง 23 เหตุเกิดตอนเราประมาณ 3 ขวบ
3.ถ้ามันยังไม่หมดอายุความ แล้วเราไปรื้อฟื้น ปู่จะติดคุกไหม (รวมถึงคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย)
4. ที่เราอยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาใหม่ เพราะเราอยากรู้ความจริงว่าปู่ทำได้อย่างไร ถึงเป็นผู้จัดการมรดกแทนได้ เพราะจากที่เราศึกษาคราวๆ ตามกฎหมาย ที่ดินผืนนั้นต้องเป็นของคู่สมรสหรือป่าว ?
5. ปู่บอกเราว่า ถ้าเราโต เขาจะโอนคืนให้ ปัจจุบันเราอายุ 22 ปีจะ 23 แล้วด้วย ก็ยังไร้วี่แววจากฝั่งทางปู่ เราเคยไปทวงนะ แต่คำตอบที่ได้รับ เหมือนเป็นข้ออ้างเรื่อยไปทั่วของปู่มากกว่า
ปล ตอนเราอายุประมาณสิบขวบกว่าๆ เราจำได้แม่นเลย ลุงเราขอทะเบียนบ้านเรา (ฉบับจริง) ไปเราก็เอาไปให้ เพราะลุงบอกว่า จะไปทำเรื่องเอาโอ่งน้ำมาให้เรา แต่แล้วลุงก็ไม่เอามาคืนเรา ลุงบอกลุงทำหาย (ลุงบอกแบบนั้น) แม่เราก็เลยไปแจ้งว่าทะเบียนบ้านหาย และย้ายปลายทางจากเดิมที่อยู่อุทัย มาชัยนาททันที เราไม่รู้มันเกี่ยวข้องกันไหม แต่เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากที่ปู่เป็นผู้จัดการมรดกที่ดินไปแล้ว
เราควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เราก็สับสน เพราะปู่ย่า และแม่ของเราเขาไม่ค่อยจะถูกชะตากันทำไรนัก แม่เราบอกให้เราไปเอาคืน แต่ทางฝั่งปู่ก็บอกจะให้ (แต่ไม่รู้ตอนไหน ) ที่ผ่านมาเราก็นิ่งๆมาตลอดน่ะ ถ้าถามว่าตอนนี้อยากได้ไหม เราก็ "อยากได้" เพราะมันก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินติดตัว ทำมาหากินได้ แต่ในเสียงอีกเสียงสะท้อนบอกเราว่า ที่ผ่านมาเราก็โตมาได้ โดยไม่ต้องมีที่ดินผืนไหน ทำไหมเราอยู่ได้
รบกวนสอบถามเรื่องการจัดการมรดกแทน
เมื่อซักประมาณยี่สิบปีก่อนหน้านี้ พ่อกับแม่แต่งงานกัน หลังจากที่แต่งงานแล้วได้สักพัก พ่อกับแม่ก็ตัดสินใจไปจดทะเบียนสมรสกัน ทั้งคู่มีลูกด้วยกันเพียงคนเดียว นั่นก็คือเรา แต่อย่างที่หลายๆคำบอกเล่า "ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน" พอเราอายุได้ประมาณ 3 ขวบครึ่ง พ่อก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ..
เราว่าเราได้ใช้เวลาอยู่รวมกับพ่อเพียงแค่ช่วงหนึ่งสั้นๆ เราว่ามันแย่ละนะ ..แต่!! มันมีเหตุการณ์หลังจากที่พ่อเสียแย่ไปกว่านี้อีก ตอนก่อนหน้านี้ที่พ่อแต่งงาน ปูได้มอบที่ดินจำนวนหนึ่ง ให้พ่อ เพื่อทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวของพ่อ โดยการโอนให้แบบเสน่ห์หา พอหลังเสร็จพิธีเผาศพพ่อได้ไม่กี่วัน ปูก็มาหาแม่ที่บ้าน แต่ตอนนั้นแม่ไม่อยู่ ไปทำธุระข้างนอก เจอแต่ยาย ยายบอกว่า ปูมีหนังสือมาให้แม่เซ็นต์ (เรามารู้ที่หลังว่าเป็นหนังสือการมอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน ) พอแม่กลับมา แม่บอกเราว่า แม่ไม่เคยเซ็นต์อะไรซักอย่างเลย ปูก็เอาผู้ใหญ่บ้าน เอาใครนักหนาไม่รู้มาขู่แม่เรา แต่แม่ก็ไม่ยอมเซ็นต์ (ที่สำคัญหนึ่งในนั้นมีคนใกล้ตัวเราด้วย ) เราไม่รู้ว่าปู่ไปทำอย่างไร (อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากยาย : ยายบอกว่า หลังจากเหตุการณ์นั้นภายไป ก็มีเอกสารมาติดตามเสาไฟฟ้า ว่า เรากลับแม่เป็นบุคคลสูญหาย แล้วปู่ก็เป็นผู้จัดการมรดกแทน อันนี้เราเจ็บไปถึงขั้วหัวใจเลยนะ ตอนเรารู้ เราไม่เข้าใจว่า ทำไหมถึงกับเราได้เพียงนี้ มันก็จริงอยู่ที่ที่ดินผืนนั้นเป็นของปู่ แต่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม? ทั้งๆทีเราก็อยู่ที่นั้น เรียนที่นั้น เขาเห็นหน้าเราทุกวัน เมื่อสองปีที่ผ่านมา เราเคยถามสาเหตุตรงนี้น่ะ ปู่บอกเราว่า เขาทำเพื่อเรา เขาเก็บไว้ให้เรา ถ้ามันยังอยู่กับแม่ พอแม่มีสามีใหม่แม่ก็จะขายที่ดินนั้น มูลค่าเป็นล้าน 555 หรอ ?
เราจึงมีคำถามและขอคำปรึกษา
1. ถ้าเราอยากได้ที่ดินคืนเราควรเริ่มจากตรงไหน
2.กรณีของเราทางกฎหมายหมดอายุความไปหรือยัง ปัจจุบันเราอายุ 22 ปี ย่าง 23 เหตุเกิดตอนเราประมาณ 3 ขวบ
3.ถ้ามันยังไม่หมดอายุความ แล้วเราไปรื้อฟื้น ปู่จะติดคุกไหม (รวมถึงคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย)
4. ที่เราอยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาใหม่ เพราะเราอยากรู้ความจริงว่าปู่ทำได้อย่างไร ถึงเป็นผู้จัดการมรดกแทนได้ เพราะจากที่เราศึกษาคราวๆ ตามกฎหมาย ที่ดินผืนนั้นต้องเป็นของคู่สมรสหรือป่าว ?
5. ปู่บอกเราว่า ถ้าเราโต เขาจะโอนคืนให้ ปัจจุบันเราอายุ 22 ปีจะ 23 แล้วด้วย ก็ยังไร้วี่แววจากฝั่งทางปู่ เราเคยไปทวงนะ แต่คำตอบที่ได้รับ เหมือนเป็นข้ออ้างเรื่อยไปทั่วของปู่มากกว่า
ปล ตอนเราอายุประมาณสิบขวบกว่าๆ เราจำได้แม่นเลย ลุงเราขอทะเบียนบ้านเรา (ฉบับจริง) ไปเราก็เอาไปให้ เพราะลุงบอกว่า จะไปทำเรื่องเอาโอ่งน้ำมาให้เรา แต่แล้วลุงก็ไม่เอามาคืนเรา ลุงบอกลุงทำหาย (ลุงบอกแบบนั้น) แม่เราก็เลยไปแจ้งว่าทะเบียนบ้านหาย และย้ายปลายทางจากเดิมที่อยู่อุทัย มาชัยนาททันที เราไม่รู้มันเกี่ยวข้องกันไหม แต่เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากที่ปู่เป็นผู้จัดการมรดกที่ดินไปแล้ว
เราควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เราก็สับสน เพราะปู่ย่า และแม่ของเราเขาไม่ค่อยจะถูกชะตากันทำไรนัก แม่เราบอกให้เราไปเอาคืน แต่ทางฝั่งปู่ก็บอกจะให้ (แต่ไม่รู้ตอนไหน ) ที่ผ่านมาเราก็นิ่งๆมาตลอดน่ะ ถ้าถามว่าตอนนี้อยากได้ไหม เราก็ "อยากได้" เพราะมันก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินติดตัว ทำมาหากินได้ แต่ในเสียงอีกเสียงสะท้อนบอกเราว่า ที่ผ่านมาเราก็โตมาได้ โดยไม่ต้องมีที่ดินผืนไหน ทำไหมเราอยู่ได้