ข่าวครึกโครมวงการศึกษา ฝากถึง หมอธี เรื่อง รับแม่พิมพ์ไร้ตั๋ว

จากประสบการณ์การเป็นครูโรงเรียนระดับประถมศึกษามา 30 ปี แม้ปัจจุบันเปลี่ยนสายมาเป็นผู้บริหาร อยากระบาย อยากป่าวประกาศให้ก้องประเทศไทยว่า ... สมัยนายกทักษิณคราวหนึ่งละ ที่ทำลายคุณภาพการศึกษาของไทย โดยการเปิดรับทุกวุฒิปริญญาตรีมาเป็นครู ... ช่วงนั้น ก็ยังบอกไม่ได้ว่า ดีหรือไม่ดี แต่ ณ ขณะนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ไม่ดี ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ครูที่ท่านทักษิณเปิดสอบและบรรจุเข้ามา ขอบอกเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ (ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด 100 %) ส่วนใหญ่สอนไม่เป็น ถ่ายทอดความรู้ไม่เป็น เขียนแผนการสอนไม่เป็น นำเข้าสู่บทเรียน สรุปความรู้ ประเมินผลการเรียนรู้ไม่เป็น ส่วนจิตวิญญาณของความเป็นครูก็ไม่มี ความใส่ใจ ความจริงใจ ความรักความเมตตาต่อศิษย์ ความต้องการให้ศิษย์พัฒนาขึ้นหรือได้ดิบได้ดีไม่ใด้อยู่ในจิตใต้สำนึก พวกเขาคิดแค่ว่า เขาทำงานหน้าที่สอน ก็สอนไป นักเรียนรับความรู้ได้หรือไม่ได้ ปล่อยผ่านไปเพราะฉันสอนแล้ว เธอไม่รับรู้ก็ช่วยไม่ได้ นักเรียนแทบทุกคนที่ดิฉันเคยสอนและส่งต่อให้เขาเหล่านั้น(ชั้นสูงขึ้น) จะพากันกลับมาบ่น และบอกว่า ครูสอนไม่รู้เรื่องเลย สอนไม่เข้าใจ ไม่ลำดับความยากง่าย หรือไม่พยายามอธิบายเพื่อให้นักเรียนเข้าใจ พล่าม บลาๆๆ ไปตามตำรา นักเรียนต้องกลับมาให้ครูแก่ๆ รุ่นเก่า ๆ อธิบายตลอด นอกจากนี้เขาเหล่านี้จะมีโลกส่วนตัวสูง เก่งเทคโนโลยี วันๆ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์ งานส่วนรวมไม่สน คำสั่งไม่มี อย่าหวังว่าจะเสนอตัวเข้ามาช่วยงาน....ที่พูดมาก็แค่ในภาพรวมที่ประสบมาด้วยตนเอง....
          มาพูดเรื่องส่วนตัว(1) ดิฉันเองเป็นครูภาษาอังกฤษค่ะ ลูกๆ เกิดมาก็คลุกคลีวัฏจักรชีวิตครู จะเห็นความทุกข์ยาก ความทุ่มเทของการสอน การฝึกฝนนักเรียนทุกปี ทุกบ่อย แม่จะต้องพานักเรียนมาฝึกมาสอน มานอนที่บ้าน ลูกๆ ก็รักภาษาอังกฤษค่ะ ชอบเรียนมาก ลูกสาวคนโตเรียนจบการจัดการธุรกิจการบินจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ปัจจุบันทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ของสายการบินชื่อดังของโลก บางช่วงบางเวลา ลูกมีวันหยุด Day Off กลับมาบ้าน แม่ก็จะขอร้องเชิงบังคับให้เธอไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน เคยทดลองให้เขาสอนให้ความรู้กับนักเรียน ฝึกการสนทนาโต้ตอบ *** ขอบอกเลยค่ะ เธอทำไม่ได้ ถ่ายทอดไม่เป็น สอนไม่เป็น อธิบายไม่ได้ และทุกครั้งแม่ต้องอยู่คอยเป็นผู้ช่วย... นี่เป็นตัวอย่างลูกสาวของตัวดิฉันเอง คลุกคลีกับการไปโรงเรียนแม่บ่อย ๆ  สาอะไรกับคนทั่วไปที่เรียนจบวิชาเอกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สถาบันการผลิตครู ท่านคิดว่า จะประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนาการคุณภาพการศึกษาตามที่ท่านคาดหวังหรือคะ???
          มาถึงเรื่องเลือกเรียนในสถาบันที่รับผิดชอบผลิตครู อยากบอกว่า คนที่เขาตัดสินใจเรียนครู (ถึงต้องเรียน 5 ปีก็ยอม) เพราะเขามีจิตใต้สำนึกความรักเด็กเป็นทุน ชอบถ่ายทอดความรู้ สังเกตได้เลยตั้งแต่เด็กจนโต เธอเหล่านั้นจะเล่นบทบาทสมมุติเป็นครูเป็นนักเรียนมาตลอด  กลับมาเรื่องส่วนตัวอีกครั้ง(2) ลูกสาวคนเล็กเธอก็มีความตั้งใจจะเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก (อยากเป็นครูภาษาอังกฤษ) เธอเรียนดีค่ะ มีความรับผิดชอบสูง เรียนในโรงเรียนระดับจังหวัด  เรียนอยู่ห้อง 2 (โปรแกรมวิทย์) จากทั้งหมด 10 กว่าห้อง ปีนี้จบ ม.หก แล้วค่ะ แม่พาไปสอบตรง ม. แม่ฟ้าหลวงสอบติดและแม่ยอมจ่ายมัดจำไป 6,000 บาทแล้ว แต่เธอบอกว่า ไม่เอา ไม่เรียน เธอจะเรียนครู แม่ก็ตามใจ พาสมัครตรงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร (ผลสอบออกมาไม่ติด) ปัจจุบัน มาตรฐานการคัดเด็กเข้าเรียนครูสูงมาก ๆ ดังนั้น คนที่จบออกมาก็ต้องมีคุณภาพและมาตรฐานสูงแน่นอน ลูกสาวคนเล็กก็ไม่ย่อท้อค่ะ รอแอดมิดชั่น ยังไง ๆ ก็จะขอเรียนครูให้ได้ ****โปรดสังเกตความตั้งใจจริง****  ไม่ใช่เรียนอะไรมาก็ได้ พอตกงานสอบไม่ได้ หางานตามสายที่ตนเองเรียนมาไม่ได้ หมอธีให้โอกาส ก็หันมาจะเป็นครู(ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจแต่แรก)...สงสารอนาคตเด็กไทยค่ะ หมอธี!!!! คนเรียนจบครู 5 ปี คนเป็นครูอัตราจ้าง มีใบประกอบวิชาชีพครู(ยังไม่ได้บรรจุ) ยังตกงานอีกมากมาย ทำไมท่านไม่เปิดรับสมัคร จัดสรรตำแหน่ง เพิ่มตำแหน่งบรรจุให้เพียงพอละคะ ส่วนคนจบคณะอื่น ๆ สาขาวิชาอื่นๆ ที่ไม่ได้จบครู เขาเตรียมตัวเตรียมใจกับการทำงานอื่นตามที่เขาเลือก และไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจมาเป็นครูตั้งแต่แรก ไม่ควรเผื่อแผ่โอกาสที่เขาไม่เคยคาดหวังเลยค่ะ ....  วิชาชีพครูก็เป็นวิชาชีพชั้นสูงเหมือนแพทย์ละคะ ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเป็นได้ง่าย ๆ ... แพทย์ กับ ครู ลองแลกเปลี่ยนหน้าที่การทำงานกันสักปีสองปีไหมคะ หรือ อีกทางเลือก ขอ รมต.กระทรวงสาธารณสุข มาจากครูอาวุโส ครูเชี่ยวชาญพิเศษก็ดีนะคะ ### งานนี้ร้องเรียนถึงท่านนายกลุงตู่ด้วยนะคะ....