หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] แลพุกาม-มัณฑเลย์ กับตะละแม่แห่งแดนสยาม ตอนที่ 2
กระทู้รีวิว
ประเทศพม่า
มัณฑะเลย์
บันทึกนักเดินทาง
ต่อกันที่ Dhammayangyi Pagoda เป็นอีกวัดสำคัญ และมีทางเดินข้างในได้รอบทั้ง 4 ทิศที่มีองค์พระประดิษฐานให้บูชา ซึ่งด้านนอกมีขายหุ่นเชิดสไตล์เมียนมาร์โดยนำมาห้อยแขวงไว้ที่ต้นไม้ แลดูแปลกตาและสีสันดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย มีบางส่วนที่นี่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวเมืองพุกาม 25000 จ๊าด ให้เค้าไว้ทำนุบำรุงโบราณสถานด้วยความเต็มใจเถอะนะป้าขอร้อง
จากที่นี่เราจะมุ่งหน้ากลับสู่มัณฑเลย์ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานไม้อุเบง แต่ขอแวะทานข้าวกลางวันที่ร้าน Queen Restaurant ไม่ทันได้ถ่ายรูปอาหารเพราะมื่อสั่นกันแล้ว ระหว่างทางถนนไฮเวย์ชมวิวข้างทางวิ่งแข็งกับพระอาทิตย์ที่เรานัดกันไว้ที่สะพานไม้อุเบง...แล้วเราก็แห้วคลาดกันไป พี่Myo ปลอบใจ ป้าๆไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้เรามากันใหม่ ถ้าป้าๆไม่เถลไถลถ่ายรูปเอาเป็นเอาตาย เราจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินแน่นอน แฮร่...
ค่ำแล้วเราอยากเช็คอินเข้าโรงแรมเพราะไม่ได้อาบน้ำมา 24 ชั่วโมงแล้ว แล้วค่อยออกมาหาไรทาน แล้วเราก็ไม่ได้ออกกัน แต่สั่งอาหารทานกันในโรงแรมนั่นแหละ โรงแรมที่พักชื่อ Hotel Iceland จองที่นี่เพราะตามเพจดังมาเรีย ณ ไกลบ้าน เคยมาพัก ห้องกว้าง ในห้องสะอาดพอใช้ อาหารเช้าระดับ 2ดาวกินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเรามีรถเช่าเองก็เลยไม่เดือดร้อนเรื่องเดินทาง แอบเห็นพี่มิวก็ยังเปิด GPS หาโรงแรมเหมือนกัน
เช้าวันที่สามตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี ตื่นมาบอกรักเหล่าเพื่อนสาวอ๊านตี้ขยี้ใจ แล้วเราก็ท่องเมืองมัณฑเลย์ รับแสงแดดอ่อนๆเราไปเริ่มที่ The Mandalay Royal Palace รถผ่านรอบพระราชวัง กำแพงวังนั้นยาวๆๆมากๆๆ และมีคูน้ำล้อมรอบกำแพง จนมาถึงประตูมีทหารดูแลอยู่ จ่ายค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวสำหรับเมืองนี้คนละ 10000 จ๊าด ทางเข้าแคบรถสวนไม่ได้ พอขับรถเข้าไป ใหญ่โต ตะลึงความอลังการ แสงแดดล้อกับสีทองของศิลปะพม่าสวยงามมาก ประวัติความเป็นมาแนะนำว่าควรอ่านก่อนพอไปเห็นจะเข้าใจเห็นภาพของจริงจะยิ่งประทับจิตมากขึ้น
ท้องพระโรงจำลองกษัตริย์และพระมเหสี นั่งว่าราชการ
หอคอยในพระราชวัง บันไดวนเหมือนเดินขึ้นสวรรค์ เป็นจุดชมวิวเมืองของมัณฑเลย์อีกที่นึง
หนึ่งใน 4 ตำหนักของพระมเหสี 4 องค์ พระราชวังปัจจุบันที่เห็นนั้นเป็นการสร้างใหม่ ปรับปรุงจากของเก่าที่ถูกทำลาย เผาไหม้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 โน่น
ไปต่อกันที่วิหารไม้สักทองชเวนันดอร์หลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น วิหารแห่งนี้เดิมเป็นตำหนักเก่าของพระเจ้ามินดง เนื่องจากไม่ได้อยู่ในพระราชฐาน จึงรอดพ้นจากการเผาทำลายของพวกกระหายสงครามล่าอาณานิคม วิหารนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวของพระราชวังที่ยังเหลือให้เราชื่นชมความวิจิตรของศิลปะมัณฑเลย์
เรามุ่งหน้าสู่เมืองอังวะหรือรัตนปุระ พี่มิวพาเรามาที่ท่าริมแม่น้ำอิระวดี จ่ายค่าเรือแล้วก็นั่งข้ามฝากไป เช่ารถม้าแบ่งเป็น 2 คัน ก็ปุเรงๆตามถนนดินลูกรังฝุ่นคลุ้งแต่เราก็ชิล ยลชุมชน สวนกล้วย ดงกระหล่ำให้ลมเย็นๆปะทะหน้าที่สั่นโงกตามผิวทางซึ่งสารถีและรถม้าคันของเราโยกไม่ยั้งเพราะยังหนุ่มแน่นด้วยกันทั้งม้าทั้งคน ส่วนอีกคันของเพื่อนเป็นม้าท้องแก่คนขับก็เป็นหญิงแลมีอายุ (แต่ไม่กล้าถามกลัวเป็นรุ่นเดียวกัน) จะตามมาแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เพราะสงสารแม่ม้าท้องแก่จะได้ไม่ต้องถูกลงแส้ จนมาถึงทางเข้าวัดบากะยะจาวน์ ซึ่งวัดแห่งนี้น่าจะเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่งในเมืองอังวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่ รอดพ้นจากภัยสงครามและภัยธรรมชาติมาได้ ด้วยการก่อสร้างด้วยไม้สักแกะสลักเกือบทั้งหลัง เสาไม้สักอายุประมาณไม่ได้ใหญ่มาก มีพระและเณรกำลังเรียนหนังสือ วัดนี้เราไม่มีข้อมูลมาเลย นึกว่าพามานั่งรถม้าดูบรรยากาศชนบท พอเห็นแล้วเทใจให้พี่แกเลย ขอบคุณมากๆที่พามา ประทับใจมาก ได้นั่งรถ ลงเรือ นั่งรถม้า อาหารกลางวันแสนหรูกลางทุ่ง วิวแม่น้ำ สุดโรแมนติคสมเป็นวันแห่งความรักที่ Beyond expected Valentine’s Day in amazing Inwa จริงๆ ละล่ำละลักน้ำตาจะไหล
ข้ามเรือกลับมาแล้วไปต่อที่ Maha Aung Mye Bon Zan Monastery (Me Nu Oak Kyaung) เป็นวิหารเก่าแก่เกือบ 200 ปี และบูรณะขึ้นมาใหม่เพราะภัยจากแผ่นดินไหว เข้าไปหลบแดดใต้ฐานวิหารกัน ก็ได้รูปดังที่เห็นนี่แหละค่ะ ท่านผู้ชม
จากนั้นเราไปต่อที่มิงกุน ดูระยะทางแล้วแค่ 40 ก.ม.แต่ไมนั่งรถนานจัง ถึงกับเมื่อยและหลับโงกไปหลายรอบ ตื่นมาก็เหมือนอยู่บนเขา ถนนเล็กๆ รถน้อยๆ จะไปถึงอินเดียวรึป่าวหนอ ชะนีป้าไม่มีอันอันพกติดมาด้วย นั่งหน้าซีดอยากเข้าห้องน้ำ และแล้วเราก็มาถึงเจดีย์มิงกุนตระหง่าน ความใหญ่โตที่สร้างไม่เสร็จหาอ่านประวัติกันได้ น่าสนใจทีเดียวทั้งความเชื่อ และความทะเยอทะยานของกษัตริย์ที่ต้องการประกาศความยิ่งใหญ่
ที่นี่อากาศไม่ร้อนเพราะร่มเงาของเจดีย์ เราเจอเด็กๆบ้างขายของ บ้างมาเล่นกับเพื่อน บ้างมีหน้าที่เป็นไกด์ยุวทูตมีสายสะพายดูแตกต่างและปราดเปรื่อง พูดไทยเป็นคำๆได้ ใครหนอสอนหนูมีคำลงท้ายประโยคว่า “อิอิ” เช่น “พาไปเที่ยวไม๊ อิอิ” “ซื้อดอกไม้ อิอิ” คือป้างงค่ะลู๊กกกก อิอิ
ถัดจากเจดีย์มิงกุน ไปที่ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี นั่นคือ เจดีย์ชินพิวเม (เมียะเต็งดาน)เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์อยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ ที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสุมทรตามหลักไตรภูมิ (ลอกการบ้านจากเนทมาอีกที ขอขอบคุณข้อมูลไว้ ณ ที่นี้) เราเดินย่อง (ต้องระวังหนามของพืชชนิดหนึ่งที่เลื้อยอยู่ที่พี้น)ไปรอบเจดีย์ขาวสะอาดเหมือนเพิ่งบูรณะทาสีใหม่ ยามต้องแสงอาทิตย์ถ่ายรูปออกมาเหมือนเหล่านางอัปสรบนสวรรค์ (คิดเอง อวยเอง) ภาพ Silhouette สวยๆนำพาเราให้เข้าถึงแสงแห่งธรรมเวลาที่ย้อนกลับมาดู ปิติน้ำตาจะไหล (อีกแล้ว)
ไม่ห่างกันมากเป็นระฆังมิงกุนที่ถูกสร้างมาเพื่อคู่ควรกับมหาเจดีย์มิงกุนจึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน เด็กเล็กๆเข้าไปอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คนคิดดูละกัน เส้นรอบวง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร หนัก 87 ตัน เล่าว่านายช่างที่ร่วมกันสร้างระฆังก็ถูกประหารเพราะพระเจ้าปดุงไม่ต้องการให้ผู้ใดสร้างเลียนแบบ (เหมือนที่สร้างวัด Ananda Phya ในพุกามเลย)
เรากลับเข้ามัณฑเลย์เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานอุเบงตามสัญญา ระหว่างทางแวะร้านและโรงงานทอลองจี (ซิ่น)ลุนตยา หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องซื้อกลับไปให้ได้เพราะมาถึงแหล่งที่ดีที่สุดของพม่าแล้ว ราคาตามความยากง่ายของลายและเนื้อผ้า โรงงานดูขลังมาก ณ จุดนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงสะพานอุเบง คราคร่ำไปด้วยผู้คน เดินทางล้ามาทั้งวัน ที่นี่เป็นจุดที่ทำให้เราชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ผืนน้ำ(ไม่รวมกลิ่น)ท้องทุ่งกว้างและแสงอาทิตย์อัสดง
พอสิ้นแสงเราก็ออกไปตบท้ายฉลองวันแห่งความรักด้วยภักษาหาร มังสาหารอันโอชะที่ร้าน Golden Duck ร้านนี้อร่อยขึ้นชื่อก็คือเป็ดย่างกับน้ำจิ้มเลิศรส อาหารทุกจานคุณภาพดี สมราคาในวันพิเศษของเรา ที่มัณฑเลย์มี 2 สาขา ที่ย่างกุ้งมีหลายสาขา ใครมาอย่าลืมแวะไป ไม่งั้นมาไม่ถึงเมียนมาร์ ป้าบอกเลย
วันสุดท้าย ติดตามได้ที่ ตอนที่ 3 เรียนเชิญนะคะ
https://pantip.com/topic/36240307
ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/36239123
ชื่อสินค้า:
แลพุกาม-มัณฑเลย์ กับตะละแม่แห่งแดนสยาม
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
งานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่ ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลม
กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลม วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น . กรมการศาสนาร่วมกับสำนักพราหมณ์พ
อาคุงกล่อง
รีวิวท่องเที่ยว “พุกาม” ไม่เน้นเที่ยวเยอะ แต่การันตีคุณภาพ
เคยแต่ไปทัวร์ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ทริปสิวิไลทั้งน้าน ช้อปปิ้ง ถ่ายรูป เกร๋ๆ ไม่เคยคิดว่าจะไปโซนประวัติศาสตร์เลยซักครั้ง เพราะคิดว่าไหนจะเดินทาง ไหนจะที่พัก ลำบากแน่ แต่ต้องลองอ่านดูนะคะว่าทำไมเราถึงอย
Hotrod Girl
รำลึกความหลัง เมื่อครั้งหนึ่งฉันไปเที่ยวพม่า สักการะ 5 มหาบูชา เมื่อปี 2011
สวัสดีค่ะชาวบลูแพลนเน็ต ปี 2011 เดือนมกราคม เรากับเพื่อนอีก 5 คนขอให้ทัวร์จัดทริปไปพม่าแบบ 9 วัน 8 คืน ให้ มีเพื่อนร่วมจอยทัวร์อีก 3 คน รวมเป็น 9 คน (หญิงล้วน) เดินทางพร้อมหัวหน้าทัวร์ และไกด์ทัวร์ชาว
sisudach
พุกาม (Bagan) ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์กว่า 2,000 องค์ เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี
พุกาม (Bagan) ทะเลย์เจดีย์กว่า 2,000 องค์ เดิมทีเคยมีมากถึงกว่า 4,000 องค์ แล้วยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปีอีกด้วย หลังจากที่มีข่าวว่าพม่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 เวลา 17.40 น. ต
น้องใจดีน่ารัก
วิหารล้านนา และเจดีย์ทรงระฆังล้านนา ... วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง
วัดพระธาตุเสด็จ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ช่วง ลำปาง-งาว กม. ที่ 17 แยกซ้ายไปอีก 2 กม. เจ้าอนันตยศ โอรสพระนางจามเทวีได้มาสร้างเมืองเขลางค์นคร อยู่ระหว่างพระบรมสารีร
tuk-tuk@korat
วัดแขกสีลม จัดงานเทศกาลนวราตรีร่วมสืบสานเทศกาลแห่งการฉลองบูชา พระแม่อุมาเทวี ครั้งยิ่งใหญ่ 1 ปีมีครั้งเดียว
กรมการศาสนา จับมือสำนักพราหมณ์ฯ และวัดแขกสีลม จัดงานเทศกาลนวราตรีร่วมสืบสานเทศกาลแห่งการฉลองบูชาพระแม่อุมาเทวี ครั้งยิ่งใหญ่ 1 ปีมีครั้งเดียว วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 08.45 น . กรมการศาสนาร
อาคุงกล่อง
ค่าธรรมเนียม เข้าเมือง ในประเทศพม่า
ไม่ได้ไปพม่านานแล้ว จะไปอีกทีปลายเมษานี้ ขอรบกวนถามดังนี้นะครับ 1 ที่พระธาต์อินทร์แขวน พุกาม อินเล อังวะ มิงกุน ล่าสุด ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ครับ ? 2 ที่พุกาม ถ้าเราแค่ไปเยี่ยมเพื่อนที่นั่น อาจจะนั่งร
สมาชิกหมายเลข 1041614
เตรียมจัดงานเทศกาลนวราตรี ร่วมสืบสานเทศกาลแห่งการฉลองบูชาพระแม่อุมาเทวี ครั้งยิ่งใหญ่ 1 ปีมีครั้งเดียว
กรมการศาสนา จับมือสำนักพราหมณ์ฯ และวัดแขกสีลม เตรียมจัดงานเทศกาลนวราตรีร่วมสืบสานเทศกาลแห่งการฉลองบูชาพระแม่อุมาเทวี ครั้งยิ่งใหญ่ 1 ปีมีครั้งเดียว นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมกา
อาคุงกล่อง
Ep.14 วัดภูเขาทองWat Phu Khao Thong Ayutthaya Thailand.#อยุธยา #เมืองเก่า #เที่ยววัด #โบราณสถาน
https://www.youtube.com/watch?v=JxL9owir-EE วัดภูเขาทองตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้กลางทุ่งภูเขาทอง พื้นที่วัดตั้งอยู่บนโคกซึ่งพื้นที่โดยรอบมีน้ำท่วมถึง วัดแห่งน
สมาชิกหมายเลข 7765218
นิราศรอบโลก : บทที่ 19 นิราศพุกาม
สวัสดีครับทุกท่าน ผมไปเที่ยวพม่าเมื่อ 30 ธันวาคม 2558 ถึง 3 มกราคม 2559 โดยไปเมืองย่างกุ้ง หงสาวดี (บาโก) และพุกาม (บากัน) รวม 4 วัน 4 คืน (ประมาณ 17,000 บาท/คน) ดังนี้ครับ Day 0 นกแอร์บินไปย่างกุ้ง
เจ้าชายนกฮูก
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประเทศพม่า
มัณฑะเลย์
บันทึกนักเดินทาง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 27
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] แลพุกาม-มัณฑเลย์ กับตะละแม่แห่งแดนสยาม ตอนที่ 2
ต่อกันที่ Dhammayangyi Pagoda เป็นอีกวัดสำคัญ และมีทางเดินข้างในได้รอบทั้ง 4 ทิศที่มีองค์พระประดิษฐานให้บูชา ซึ่งด้านนอกมีขายหุ่นเชิดสไตล์เมียนมาร์โดยนำมาห้อยแขวงไว้ที่ต้นไม้ แลดูแปลกตาและสีสันดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย มีบางส่วนที่นี่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวเมืองพุกาม 25000 จ๊าด ให้เค้าไว้ทำนุบำรุงโบราณสถานด้วยความเต็มใจเถอะนะป้าขอร้อง
จากที่นี่เราจะมุ่งหน้ากลับสู่มัณฑเลย์ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานไม้อุเบง แต่ขอแวะทานข้าวกลางวันที่ร้าน Queen Restaurant ไม่ทันได้ถ่ายรูปอาหารเพราะมื่อสั่นกันแล้ว ระหว่างทางถนนไฮเวย์ชมวิวข้างทางวิ่งแข็งกับพระอาทิตย์ที่เรานัดกันไว้ที่สะพานไม้อุเบง...แล้วเราก็แห้วคลาดกันไป พี่Myo ปลอบใจ ป้าๆไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้เรามากันใหม่ ถ้าป้าๆไม่เถลไถลถ่ายรูปเอาเป็นเอาตาย เราจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินแน่นอน แฮร่...
ค่ำแล้วเราอยากเช็คอินเข้าโรงแรมเพราะไม่ได้อาบน้ำมา 24 ชั่วโมงแล้ว แล้วค่อยออกมาหาไรทาน แล้วเราก็ไม่ได้ออกกัน แต่สั่งอาหารทานกันในโรงแรมนั่นแหละ โรงแรมที่พักชื่อ Hotel Iceland จองที่นี่เพราะตามเพจดังมาเรีย ณ ไกลบ้าน เคยมาพัก ห้องกว้าง ในห้องสะอาดพอใช้ อาหารเช้าระดับ 2ดาวกินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเรามีรถเช่าเองก็เลยไม่เดือดร้อนเรื่องเดินทาง แอบเห็นพี่มิวก็ยังเปิด GPS หาโรงแรมเหมือนกัน
เช้าวันที่สามตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี ตื่นมาบอกรักเหล่าเพื่อนสาวอ๊านตี้ขยี้ใจ แล้วเราก็ท่องเมืองมัณฑเลย์ รับแสงแดดอ่อนๆเราไปเริ่มที่ The Mandalay Royal Palace รถผ่านรอบพระราชวัง กำแพงวังนั้นยาวๆๆมากๆๆ และมีคูน้ำล้อมรอบกำแพง จนมาถึงประตูมีทหารดูแลอยู่ จ่ายค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวสำหรับเมืองนี้คนละ 10000 จ๊าด ทางเข้าแคบรถสวนไม่ได้ พอขับรถเข้าไป ใหญ่โต ตะลึงความอลังการ แสงแดดล้อกับสีทองของศิลปะพม่าสวยงามมาก ประวัติความเป็นมาแนะนำว่าควรอ่านก่อนพอไปเห็นจะเข้าใจเห็นภาพของจริงจะยิ่งประทับจิตมากขึ้น
ท้องพระโรงจำลองกษัตริย์และพระมเหสี นั่งว่าราชการ
หอคอยในพระราชวัง บันไดวนเหมือนเดินขึ้นสวรรค์ เป็นจุดชมวิวเมืองของมัณฑเลย์อีกที่นึง
หนึ่งใน 4 ตำหนักของพระมเหสี 4 องค์ พระราชวังปัจจุบันที่เห็นนั้นเป็นการสร้างใหม่ ปรับปรุงจากของเก่าที่ถูกทำลาย เผาไหม้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 โน่น
ไปต่อกันที่วิหารไม้สักทองชเวนันดอร์หลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น วิหารแห่งนี้เดิมเป็นตำหนักเก่าของพระเจ้ามินดง เนื่องจากไม่ได้อยู่ในพระราชฐาน จึงรอดพ้นจากการเผาทำลายของพวกกระหายสงครามล่าอาณานิคม วิหารนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวของพระราชวังที่ยังเหลือให้เราชื่นชมความวิจิตรของศิลปะมัณฑเลย์
เรามุ่งหน้าสู่เมืองอังวะหรือรัตนปุระ พี่มิวพาเรามาที่ท่าริมแม่น้ำอิระวดี จ่ายค่าเรือแล้วก็นั่งข้ามฝากไป เช่ารถม้าแบ่งเป็น 2 คัน ก็ปุเรงๆตามถนนดินลูกรังฝุ่นคลุ้งแต่เราก็ชิล ยลชุมชน สวนกล้วย ดงกระหล่ำให้ลมเย็นๆปะทะหน้าที่สั่นโงกตามผิวทางซึ่งสารถีและรถม้าคันของเราโยกไม่ยั้งเพราะยังหนุ่มแน่นด้วยกันทั้งม้าทั้งคน ส่วนอีกคันของเพื่อนเป็นม้าท้องแก่คนขับก็เป็นหญิงแลมีอายุ (แต่ไม่กล้าถามกลัวเป็นรุ่นเดียวกัน) จะตามมาแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เพราะสงสารแม่ม้าท้องแก่จะได้ไม่ต้องถูกลงแส้ จนมาถึงทางเข้าวัดบากะยะจาวน์ ซึ่งวัดแห่งนี้น่าจะเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่งในเมืองอังวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่ รอดพ้นจากภัยสงครามและภัยธรรมชาติมาได้ ด้วยการก่อสร้างด้วยไม้สักแกะสลักเกือบทั้งหลัง เสาไม้สักอายุประมาณไม่ได้ใหญ่มาก มีพระและเณรกำลังเรียนหนังสือ วัดนี้เราไม่มีข้อมูลมาเลย นึกว่าพามานั่งรถม้าดูบรรยากาศชนบท พอเห็นแล้วเทใจให้พี่แกเลย ขอบคุณมากๆที่พามา ประทับใจมาก ได้นั่งรถ ลงเรือ นั่งรถม้า อาหารกลางวันแสนหรูกลางทุ่ง วิวแม่น้ำ สุดโรแมนติคสมเป็นวันแห่งความรักที่ Beyond expected Valentine’s Day in amazing Inwa จริงๆ ละล่ำละลักน้ำตาจะไหล
ข้ามเรือกลับมาแล้วไปต่อที่ Maha Aung Mye Bon Zan Monastery (Me Nu Oak Kyaung) เป็นวิหารเก่าแก่เกือบ 200 ปี และบูรณะขึ้นมาใหม่เพราะภัยจากแผ่นดินไหว เข้าไปหลบแดดใต้ฐานวิหารกัน ก็ได้รูปดังที่เห็นนี่แหละค่ะ ท่านผู้ชม
จากนั้นเราไปต่อที่มิงกุน ดูระยะทางแล้วแค่ 40 ก.ม.แต่ไมนั่งรถนานจัง ถึงกับเมื่อยและหลับโงกไปหลายรอบ ตื่นมาก็เหมือนอยู่บนเขา ถนนเล็กๆ รถน้อยๆ จะไปถึงอินเดียวรึป่าวหนอ ชะนีป้าไม่มีอันอันพกติดมาด้วย นั่งหน้าซีดอยากเข้าห้องน้ำ และแล้วเราก็มาถึงเจดีย์มิงกุนตระหง่าน ความใหญ่โตที่สร้างไม่เสร็จหาอ่านประวัติกันได้ น่าสนใจทีเดียวทั้งความเชื่อ และความทะเยอทะยานของกษัตริย์ที่ต้องการประกาศความยิ่งใหญ่
ที่นี่อากาศไม่ร้อนเพราะร่มเงาของเจดีย์ เราเจอเด็กๆบ้างขายของ บ้างมาเล่นกับเพื่อน บ้างมีหน้าที่เป็นไกด์ยุวทูตมีสายสะพายดูแตกต่างและปราดเปรื่อง พูดไทยเป็นคำๆได้ ใครหนอสอนหนูมีคำลงท้ายประโยคว่า “อิอิ” เช่น “พาไปเที่ยวไม๊ อิอิ” “ซื้อดอกไม้ อิอิ” คือป้างงค่ะลู๊กกกก อิอิ
ถัดจากเจดีย์มิงกุน ไปที่ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี นั่นคือ เจดีย์ชินพิวเม (เมียะเต็งดาน)เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล คือมีองค์เจดีย์อยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ ที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสุมทรตามหลักไตรภูมิ (ลอกการบ้านจากเนทมาอีกที ขอขอบคุณข้อมูลไว้ ณ ที่นี้) เราเดินย่อง (ต้องระวังหนามของพืชชนิดหนึ่งที่เลื้อยอยู่ที่พี้น)ไปรอบเจดีย์ขาวสะอาดเหมือนเพิ่งบูรณะทาสีใหม่ ยามต้องแสงอาทิตย์ถ่ายรูปออกมาเหมือนเหล่านางอัปสรบนสวรรค์ (คิดเอง อวยเอง) ภาพ Silhouette สวยๆนำพาเราให้เข้าถึงแสงแห่งธรรมเวลาที่ย้อนกลับมาดู ปิติน้ำตาจะไหล (อีกแล้ว)
ไม่ห่างกันมากเป็นระฆังมิงกุนที่ถูกสร้างมาเพื่อคู่ควรกับมหาเจดีย์มิงกุนจึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน เด็กเล็กๆเข้าไปอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คนคิดดูละกัน เส้นรอบวง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร หนัก 87 ตัน เล่าว่านายช่างที่ร่วมกันสร้างระฆังก็ถูกประหารเพราะพระเจ้าปดุงไม่ต้องการให้ผู้ใดสร้างเลียนแบบ (เหมือนที่สร้างวัด Ananda Phya ในพุกามเลย)
เรากลับเข้ามัณฑเลย์เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานอุเบงตามสัญญา ระหว่างทางแวะร้านและโรงงานทอลองจี (ซิ่น)ลุนตยา หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องซื้อกลับไปให้ได้เพราะมาถึงแหล่งที่ดีที่สุดของพม่าแล้ว ราคาตามความยากง่ายของลายและเนื้อผ้า โรงงานดูขลังมาก ณ จุดนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงสะพานอุเบง คราคร่ำไปด้วยผู้คน เดินทางล้ามาทั้งวัน ที่นี่เป็นจุดที่ทำให้เราชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ผืนน้ำ(ไม่รวมกลิ่น)ท้องทุ่งกว้างและแสงอาทิตย์อัสดง
พอสิ้นแสงเราก็ออกไปตบท้ายฉลองวันแห่งความรักด้วยภักษาหาร มังสาหารอันโอชะที่ร้าน Golden Duck ร้านนี้อร่อยขึ้นชื่อก็คือเป็ดย่างกับน้ำจิ้มเลิศรส อาหารทุกจานคุณภาพดี สมราคาในวันพิเศษของเรา ที่มัณฑเลย์มี 2 สาขา ที่ย่างกุ้งมีหลายสาขา ใครมาอย่าลืมแวะไป ไม่งั้นมาไม่ถึงเมียนมาร์ ป้าบอกเลย
วันสุดท้าย ติดตามได้ที่ ตอนที่ 3 เรียนเชิญนะคะ https://pantip.com/topic/36240307
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/36239123