หลายคนบอกว่ามันเป็นปรากฏการณ์เผยธาตุแท้คนไทยซึ่งมันจริงมากๆ
ในนี้อาจจะมีความเห็นสวยๆ ที่บอกว่าฉันไม่เหยียดใครนะ ฉันมองคนที่ศักยภาพ แต่เอาเข้าจริงเราว่าคนไทยส่วนใหญ่นี่เหยียดกันจนเป็นนิสัย เหยียดกันตั้งแต่ในโรงเรียนถึงที่ทำงาน ในโรงเรียนใครทำตัวไม่เหมือนใคร เพื่อนๆก็ตั้งกลุ่มแอนตี้นินทา แต่ไม่เข้าไปบอกเขาตรงๆ ให้ปรับปรุงตัวด้วยความปรารถนาดี
ในมหาลัยเป็นช่วงหนุ่มสาว หลายคนยังค้นหาตัวเอง แต่พอลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ มีแต่คนด่า (อย่างที่เขาบอกว่าบางคนไม่ทำห้าอะไร เอาแต่ด่าคน)
ในที่ทำงาน ใครที่ไม่มีพวก ไม่เข้ากลุ่ม ไม่ตั้งแก๊งนินทาสภากาแฟยามบ่ายถือว่าไม่เข้าพวก ก็เลยมีพวกใช้ปากทำงานมากกว่าคนทำงานจริงๆ
แม้แต่ในบางขุนพรหม มีกระทู้เหยียดคน กระแนะกระแหน ล้อเลียนแทบทุกวัน หลายคนยังบอกว่าเป็น "สีสัน" ไม่มีก็น่าเบื่อ ก็แสดงว่าคุณมองว่าการกระแนะกระแหนคนอื่นเป็นเรื่องบันเทิงและผ่อนคลายทั้งสำหรับคนพูดและคนอ่าน โดยไม่สนใจว่า target รู้สึกอย่างไร
เวลาตั้งฉายาดาราก็เห็นคนเข้ามาเม้นกันสนุกสนาน สมน้ำหน้า ทั้งๆ ที่หลายฉายาฟังแล้วเหยียด หยาบคาย แต่ก็ยังบอกว่าบันเทิง ขำๆ อย่าไปคิดอะไรมาก
ในนี้ยังถือว่าน้อยเพราะแอดมินยังดูแลอยู่ ไปดูในเฟสบุ๊กในทวิตสิ มีกี่ความเห็นที่เป็นท้อปเม้นที่ไม่ด่าคน

มันสะท้อนออกมาถึงการพัฒนาของประเทศเรา ไม่ต้องดูไกล แค่ความรู้เราเกี่ยวกับเพื่อนบ้านยังไม่ค่อยมีเลย เคยสงสัยไหมว่าตลาดใกล้อย่างเพื่อนบ้านเรา ทำไมเราไม่สนใจ ก็เพราะอะไรๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับลาว เขมร พม่า กัมพูชา เรามองว่าล้าหลังกว่าเราหมด
ทั้งที่ความเป็นจริง บางประเทศระบบการศึกษาเขาเริ่มจะไปไกลกว่าเราแล้ว โรงเรียนในประเทศเพื่อนบ้านเรา มีการเรียนการสอนภาษาไทยในระดับใช้สื่อสารได้ ไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษที่ดีกว่าเรามาก แต่เราสิ หาคนที่พูดภาษาเพื่อนบ้านได้มีเยอะแค่ไหน หาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดียังน้อยเลย
ประเทศเรามองตัวเองเหนือคนอื่นมานานแล้ว และเราก็ใช้มุมมองแบบนี้ในการมองชีวิต มองคนอื่นด้วย วันนี้คุณแห่กันมาแสดงความเห็นใจเป็กผลิต (ซึ่งเขาก็น่าเห็นใจจริง) แต่ดูเถอะ อีกไม่กี่วันคุณก็เหยียดคนอื่นแล้ว คนรอบข้าง คนที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียนนั่นแหละ
กรณีเป๊กผลิต สะท้อนความเป็นจริงสังคมหน้าไหว้หลังหลอก
ในนี้อาจจะมีความเห็นสวยๆ ที่บอกว่าฉันไม่เหยียดใครนะ ฉันมองคนที่ศักยภาพ แต่เอาเข้าจริงเราว่าคนไทยส่วนใหญ่นี่เหยียดกันจนเป็นนิสัย เหยียดกันตั้งแต่ในโรงเรียนถึงที่ทำงาน ในโรงเรียนใครทำตัวไม่เหมือนใคร เพื่อนๆก็ตั้งกลุ่มแอนตี้นินทา แต่ไม่เข้าไปบอกเขาตรงๆ ให้ปรับปรุงตัวด้วยความปรารถนาดี
ในมหาลัยเป็นช่วงหนุ่มสาว หลายคนยังค้นหาตัวเอง แต่พอลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ มีแต่คนด่า (อย่างที่เขาบอกว่าบางคนไม่ทำห้าอะไร เอาแต่ด่าคน)
ในที่ทำงาน ใครที่ไม่มีพวก ไม่เข้ากลุ่ม ไม่ตั้งแก๊งนินทาสภากาแฟยามบ่ายถือว่าไม่เข้าพวก ก็เลยมีพวกใช้ปากทำงานมากกว่าคนทำงานจริงๆ
แม้แต่ในบางขุนพรหม มีกระทู้เหยียดคน กระแนะกระแหน ล้อเลียนแทบทุกวัน หลายคนยังบอกว่าเป็น "สีสัน" ไม่มีก็น่าเบื่อ ก็แสดงว่าคุณมองว่าการกระแนะกระแหนคนอื่นเป็นเรื่องบันเทิงและผ่อนคลายทั้งสำหรับคนพูดและคนอ่าน โดยไม่สนใจว่า target รู้สึกอย่างไร
เวลาตั้งฉายาดาราก็เห็นคนเข้ามาเม้นกันสนุกสนาน สมน้ำหน้า ทั้งๆ ที่หลายฉายาฟังแล้วเหยียด หยาบคาย แต่ก็ยังบอกว่าบันเทิง ขำๆ อย่าไปคิดอะไรมาก
ในนี้ยังถือว่าน้อยเพราะแอดมินยังดูแลอยู่ ไปดูในเฟสบุ๊กในทวิตสิ มีกี่ความเห็นที่เป็นท้อปเม้นที่ไม่ด่าคน
มันสะท้อนออกมาถึงการพัฒนาของประเทศเรา ไม่ต้องดูไกล แค่ความรู้เราเกี่ยวกับเพื่อนบ้านยังไม่ค่อยมีเลย เคยสงสัยไหมว่าตลาดใกล้อย่างเพื่อนบ้านเรา ทำไมเราไม่สนใจ ก็เพราะอะไรๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับลาว เขมร พม่า กัมพูชา เรามองว่าล้าหลังกว่าเราหมด
ทั้งที่ความเป็นจริง บางประเทศระบบการศึกษาเขาเริ่มจะไปไกลกว่าเราแล้ว โรงเรียนในประเทศเพื่อนบ้านเรา มีการเรียนการสอนภาษาไทยในระดับใช้สื่อสารได้ ไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษที่ดีกว่าเรามาก แต่เราสิ หาคนที่พูดภาษาเพื่อนบ้านได้มีเยอะแค่ไหน หาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดียังน้อยเลย
ประเทศเรามองตัวเองเหนือคนอื่นมานานแล้ว และเราก็ใช้มุมมองแบบนี้ในการมองชีวิต มองคนอื่นด้วย วันนี้คุณแห่กันมาแสดงความเห็นใจเป็กผลิต (ซึ่งเขาก็น่าเห็นใจจริง) แต่ดูเถอะ อีกไม่กี่วันคุณก็เหยียดคนอื่นแล้ว คนรอบข้าง คนที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียนนั่นแหละ