สตง อาจต้องรับผิดชอบ ต่อการปะทะกันกับเพื่อนบ้าน
การลงโทษผุ้ทำผิดอย่างล่าช้า
อาจเป็น จุด ที่เพื่อนบ้านมองออกว่า กำลังเกิดอะไรที่อ่อนแอภายใน
เขมร มองไทยออก: ตึกสตงถล่ม บททดสอบจากเพื่อนบ้าน
เขมร มองไทยออก: ตึกสตงถล่มในไทย บททดสอบจากเพื่อนบ้าน
“เมื่อตึกสตงที่ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสพังทลาย
ความจริงอันขมขื่นก็ปรากฏ—เพื่อนบ้านอย่างเขมรกำลังจับตา”
การล่มสลายของตึกสตง: โศกนาฏกรรมแห่งความไว้วางใจ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
แห่งใหม่ย่านแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ถล่มลงจากแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางในเมียนมา
เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตและทิ้งรอยแผลในใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย
อาคารที่ใช้เงินงบประมาณกว่า 2,136 ล้านบาท ซึ่งควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสและการตรวจสอบ
กลับกลายเป็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว การถล่มของตึกสตงเผยให้เห็นรอยร้าวของระบบที่เต็มไปด้วยข้อครหาการคอร์รัปชัน การตรวจสอบที่หละหลวม และการบริหารจัดการที่ขาดความรับผิดชอบ
สิ่งนี้ไม่เพียงทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนไทย แต่ยังดึงดูดสายตาจากเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
รากฐานที่สั่นคลอน: การโกงที่ฝังลึก
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า การก่อสร้างตึกสตงมีการเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง
เช่น การลดความหนาของผนังปล่องลิฟต์ การใช้วัสดุที่อาจไม่ได้มาตรฐาน
และการอนุมัติโดยบุคคลที่ไม่ใช่วิศวกรคุมงาน ข้อกล่าวหาเรื่องการคอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจสอบยิ่งตอกย้ำความไม่โปร่งใส แม้ว่าสตง. จะยืนยันว่าการก่อสร้างยึดหลักความโปร่งใสและมีข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT)
แต่การที่ ACT เข้ามามีส่วนร่วมหลังจากการเลือกผู้รับเหมาและกำหนด TOR
ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของการกำกับดูแล การโกงที่ฝังลึกนี้กลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
เขมรมองไทย: การปะทะทางความคิดเห็น
สำหรับกัมพูชา กรณีตึกสตงถล่มในไทยไม่ใช่แค่ข่าวจากเพื่อนบ้าน
แต่เป็นกระจกสะท้อนปัญหาการคอร์รัปชันที่ทั้งสองประเทศต่างเผชิญ
สื่อและประชาชนในกัมพูชาอาจมองเหตุการณ์นี้ด้วยความเห็นใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าระบบตรวจสอบของไทย ซึ่งมี สตง. เป็นหัวหอก
กลับล้มเหลวในการตรวจสอบตัวเอง
การปะทะกันในที่นี้ไม่ใช่การเผชิญหน้าทางกายภาพ
แต่เป็นการถกเถียงในระดับนานาชาติเกี่ยวกับความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
สื่อกัมพูชาอาจตั้งคำถามว่า “หาก สตง. ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการเงินของรัฐ
ยังปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการของตัวเอง แล้วประชาชนจะวางใจได้อย่างไร?”
ขณะที่สื่อไทยบางส่วนตอบโต้ว่ากัมพูชาเองก็มีปัญหาคล้ายกันในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
สะท้อนถึงความท้าทายร่วมในภูมิภาค
ความรับผิดชอบของ สตง.: บททดสอบที่ต้องเผชิญ
สตง. ในฐานะผู้ว่าจ้างและกำกับดูแลโครงการตึกใหม่
ถูกคาดหวังให้แสดงความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมนี้
การที่ สตง. ไม่แสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว
รวมถึงการยืนยันว่าโครงการเป็นไปตามกฎหมาย
ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดียว่าเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
การปะทะทางความคิดเห็นกับกัมพูชายิ่งทำให้ สตง. ต้องเผชิญแรงกดดัน
จากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
สตง. ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่น จำเป็นต้องแสดงความโปร่งใสในการสืบสวน
ลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบภายในให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
บทเรียนจากเพื่อนบ้าน: โอกาสในการเปลี่ยนแปลง
การถล่มของตึกสตงเป็นบททดสอบสำหรับประเทศไทย
และเป็นโอกาสให้ทั้งไทยและกัมพูชาได้เรียนรู้ร่วมกัน การต่อสู้กับคอร์รัปชัน
การยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง และการเพิ่มความโปร่งใสในโครงการขนาดใหญ่
เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกัน ในฐานะเพื่อนบ้านที่เคยเผชิญปัญหาคล้ายกัน
ไทยสามารถแบ่งปันบทเรียนและทำงานร่วมกับกัมพูชาเพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมในอนาคต
การปะทะทางความคิดเห็นสามารถเปลี่ยนเป็นการปะทะพลังเพื่อสร้างระบบที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
สรุป: เมื่อรากฐานพังทลาย ความไว้วางใจต้องถูกสร้างใหม่
ตึกสตงถล่มลงไม่เพียงเพราะแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว
แต่เพราะรากฐานของความไว้วางใจที่ถูกกัดกร่อนโดยการโกง สำหรับ สตง.
นี่คือช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตัวเอง สำหรับประเทศไทย
นี่คือโอกาสในการทบทวนและปรับปรุงระบบ
และสำหรับกัมพูชา นี่คือกระจกที่สะท้อนความท้าทายร่วมกัน เ
พื่อนบ้านอาจมองไทยออก แต่ไทยก็ต้องมองตัวเองให้ชัดเจน
เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดซ้ำรอย
“เมื่อตึกถล่ม ความจริงปรากฏ แต่เมื่อไรที่เราจะสร้างรากฐานแห่งความโปร่งใสที่แข็งแกร่งกว่าเดิม?”
เขมร มองไทยออก จาก ตึกสตง ถล่ม ผลของความอ่อนแอในระบบ ทำให้ประเทศต้องเจอบททดสอบ จากเพื่อนบ้าน
การลงโทษผุ้ทำผิดอย่างล่าช้า
อาจเป็น จุด ที่เพื่อนบ้านมองออกว่า กำลังเกิดอะไรที่อ่อนแอภายใน
เขมร มองไทยออก: ตึกสตงถล่ม บททดสอบจากเพื่อนบ้าน
เขมร มองไทยออก: ตึกสตงถล่มในไทย บททดสอบจากเพื่อนบ้าน
“เมื่อตึกสตงที่ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสพังทลาย
ความจริงอันขมขื่นก็ปรากฏ—เพื่อนบ้านอย่างเขมรกำลังจับตา”
การล่มสลายของตึกสตง: โศกนาฏกรรมแห่งความไว้วางใจ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
แห่งใหม่ย่านแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ถล่มลงจากแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางในเมียนมา
เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตและทิ้งรอยแผลในใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย
อาคารที่ใช้เงินงบประมาณกว่า 2,136 ล้านบาท ซึ่งควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสและการตรวจสอบ
กลับกลายเป็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว การถล่มของตึกสตงเผยให้เห็นรอยร้าวของระบบที่เต็มไปด้วยข้อครหาการคอร์รัปชัน การตรวจสอบที่หละหลวม และการบริหารจัดการที่ขาดความรับผิดชอบ
สิ่งนี้ไม่เพียงทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนไทย แต่ยังดึงดูดสายตาจากเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
รากฐานที่สั่นคลอน: การโกงที่ฝังลึก
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า การก่อสร้างตึกสตงมีการเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง
เช่น การลดความหนาของผนังปล่องลิฟต์ การใช้วัสดุที่อาจไม่ได้มาตรฐาน
และการอนุมัติโดยบุคคลที่ไม่ใช่วิศวกรคุมงาน ข้อกล่าวหาเรื่องการคอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจสอบยิ่งตอกย้ำความไม่โปร่งใส แม้ว่าสตง. จะยืนยันว่าการก่อสร้างยึดหลักความโปร่งใสและมีข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT)
แต่การที่ ACT เข้ามามีส่วนร่วมหลังจากการเลือกผู้รับเหมาและกำหนด TOR
ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของการกำกับดูแล การโกงที่ฝังลึกนี้กลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
เขมรมองไทย: การปะทะทางความคิดเห็น
สำหรับกัมพูชา กรณีตึกสตงถล่มในไทยไม่ใช่แค่ข่าวจากเพื่อนบ้าน
แต่เป็นกระจกสะท้อนปัญหาการคอร์รัปชันที่ทั้งสองประเทศต่างเผชิญ
สื่อและประชาชนในกัมพูชาอาจมองเหตุการณ์นี้ด้วยความเห็นใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าระบบตรวจสอบของไทย ซึ่งมี สตง. เป็นหัวหอก
กลับล้มเหลวในการตรวจสอบตัวเอง
การปะทะกันในที่นี้ไม่ใช่การเผชิญหน้าทางกายภาพ
แต่เป็นการถกเถียงในระดับนานาชาติเกี่ยวกับความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
สื่อกัมพูชาอาจตั้งคำถามว่า “หาก สตง. ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการเงินของรัฐ
ยังปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการของตัวเอง แล้วประชาชนจะวางใจได้อย่างไร?”
ขณะที่สื่อไทยบางส่วนตอบโต้ว่ากัมพูชาเองก็มีปัญหาคล้ายกันในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
สะท้อนถึงความท้าทายร่วมในภูมิภาค
ความรับผิดชอบของ สตง.: บททดสอบที่ต้องเผชิญ
สตง. ในฐานะผู้ว่าจ้างและกำกับดูแลโครงการตึกใหม่
ถูกคาดหวังให้แสดงความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมนี้
การที่ สตง. ไม่แสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว
รวมถึงการยืนยันว่าโครงการเป็นไปตามกฎหมาย
ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดียว่าเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
การปะทะทางความคิดเห็นกับกัมพูชายิ่งทำให้ สตง. ต้องเผชิญแรงกดดัน
จากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
สตง. ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่น จำเป็นต้องแสดงความโปร่งใสในการสืบสวน
ลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบภายในให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
บทเรียนจากเพื่อนบ้าน: โอกาสในการเปลี่ยนแปลง
การถล่มของตึกสตงเป็นบททดสอบสำหรับประเทศไทย
และเป็นโอกาสให้ทั้งไทยและกัมพูชาได้เรียนรู้ร่วมกัน การต่อสู้กับคอร์รัปชัน
การยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง และการเพิ่มความโปร่งใสในโครงการขนาดใหญ่
เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกัน ในฐานะเพื่อนบ้านที่เคยเผชิญปัญหาคล้ายกัน
ไทยสามารถแบ่งปันบทเรียนและทำงานร่วมกับกัมพูชาเพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมในอนาคต
การปะทะทางความคิดเห็นสามารถเปลี่ยนเป็นการปะทะพลังเพื่อสร้างระบบที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
สรุป: เมื่อรากฐานพังทลาย ความไว้วางใจต้องถูกสร้างใหม่
ตึกสตงถล่มลงไม่เพียงเพราะแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว
แต่เพราะรากฐานของความไว้วางใจที่ถูกกัดกร่อนโดยการโกง สำหรับ สตง.
นี่คือช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตัวเอง สำหรับประเทศไทย
นี่คือโอกาสในการทบทวนและปรับปรุงระบบ
และสำหรับกัมพูชา นี่คือกระจกที่สะท้อนความท้าทายร่วมกัน เ
พื่อนบ้านอาจมองไทยออก แต่ไทยก็ต้องมองตัวเองให้ชัดเจน
เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดซ้ำรอย
“เมื่อตึกถล่ม ความจริงปรากฏ แต่เมื่อไรที่เราจะสร้างรากฐานแห่งความโปร่งใสที่แข็งแกร่งกว่าเดิม?”