ตอนแรกที่รู้ว่าป่วยคือเราเคยพยายามฆ่าตัวตายมา2ครั้งแล้วค่ะ ครั้งแรก อายุ13 จะกินน้ำยาล้างห้องน้ำค่ะ แต่ก็กลัวจนเลิกคิด เพราะเรามีปัญหาครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ พ่อแม่ทะเลาะกันจนจะแยกทางกันหลายครั้งเพราะพ่อติดเหล้าอย่างหนัก ครั้งที่2 อายุ 27 เนื่องจากทะเลาะกับแฟนหนักมากเพราะเค้าจะทิ้งเราไปมีคนอื่นแล้วรับไม่ได้ ครั้งนี้ทำสำเร็จค่ะปกติมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทานยารักษาโรคค่ะ ทุกยาเลย มาแกะรวมๆกันได้กำใหญ่กำนึง กินเข้าไปเลยค่ะทั้งหมดจนหมดสติ รู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว เลยรู้ว่าตัวเองป่วย ปกติเป็นคนคิดมากค่ะ มีอะไรจะเก็บมาคิดหมดเก็บทุกรายละเอียดเล็กๆน้อย เก็บมาคิดหมด ตอนนี้เราก็ยังไม่เลิกกับแฟนนะค่ะแต่งงานกันแล้ว เค้าก็ยอมรับผิดและช่วยเรารักษาโรคด้วยความเข้าใจค่ะ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นเราไม่เคยทะเลาะกันอีกเลยค่ะ ตอนนี้ก็รักษาเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่โรงพยาบาล ต่อเนื่องค่ะ แต่รู้สึกว่าผ่อนคลายหรืออาการดีขึ้นเพราะยา ถ้าหยุดยาอาการจะขึ้นๆลงๆ เรากลัวว่าเราจะทำอะไรไม่ดีลงไปค่ะ ยิ่งตอนนี้เรามีปัญหาที่ทำงานค่ะ เพื่อนร่วมงานก็รู้นะค่ะว่าเราป่วย แต่เค้าไม่เข้าใจ ตอนนี้เราอึดอัดค่ะ เข้าประเด็นเลยนะค่ะ เค้าบอกว่าเราคิดมากมีอะไรทำไมไม่ปล่อยวางมีปัญหาอะไรทำไมไม่คุยกันเก็บมาคิดมาเครียดทำไม เราจะเป็นคนที่มีความทุกข์จะไม่เอาไปเล่าให้ใครฟัง เพราะถือว่า เวลาเราสุขเรายังไม่ไปเล่าให้เค้าฟัง แต่เวลาทุกข์เราจะเอาไปเล่าให้เค้าฟังทำไม (แต่เรามีเพื่อนคนที่รับฟังเราได้เสมอนะค่ะ เป็นเพื่อนสมัยอนุบาล เลยสนิทกันมาก 3คน เล่าให้ฟังทุกเรื่อง แต่เราเลือกไม่เล่าค่ะ ) ต่อที่เพื่อนร่วมงานค่ะ เค้าพยามเปลี่ยนเราไหมเราไม่รู้แต่เค้าบอกเค้าหวังดี ไม่อยากให้เราคิดมากบอกว่าเราดื้อเราเป็นน้ำเต็มแก้ว บอกให้เราใจเย็นและแนะนำเราต่างๆนาๆ แต่เราก็รู้ค่ะว่าเค้าอยากช่วยแต่มันกลับเป็นการกดดันเรา เพราะเราบอกที่พูดมาทำหมดแล้ว ก็หาว่าเราพยายามถึงที่สุดแล้วหรอ และเอาเราไปเปรียบเทียบกับเค้า และมันทำให้เราปิดกั้นเราจากเพื่อนร่วมงานและไม่ไว้ใจเค้าค่ะ เพื่อนอีกคนเค้าแนะนำให้เราสวดมนต์ คิดบวก อื่นๆเป็นวิธีทั่วไปค่ะ อย่างแรกคือเค้าบอกเราอย่าคิดมากเราเลยบอกว่าเราทำไม่ได้ พยายามแล้ว เพราะถ้าเราคิดมากเราจะกินข้าวไม่ได้ค่ะ กินได้แต่พวกนม และน้ำเปล่า อาหารเหลวๆกินได้น้อยน้ำหนักก็ลงเร็วค่ะ พ่วงด้วยนอนไม่หลับนอนไม่ได้เลยถ้าไม่ใช้ยา แต่ถ้าหายกังวลน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจะกินเยอะมากค่ะ คล้ายๆน้ำหนักมันโยโย่เอฟเฟคค่ะ ตอนนี้อึดอัดมากค่ะกับคำแนะนำของเพื่อนร่วมงาน เราคิดว่าเค้าไม่เข้าใจเราค่ะ ตอนนี้ระบบความคิดเราปิดกั้นพวกเค้าไปแล้วค่ะ นั่งพิมพ์ไปนึกถึงหน้าคุณหมอไปค่ะ อยากเล่าให้คุณหมอฟังจะแย่ อยากระบาย เลยมาพิมพ์เพื่อขอความเห็นจากทุกคนค่ะ และคำพูดเราตรงๆค่ะและแรง เพื่อนบอกไม่พอใจ ก็พูดออกมา บอกมาเลยไม่ต้องเก็บ เราเลยบอกว่าถ้าเราพูดเธอจะรับได้ไหม เขาก็บอกพูดดีๆสิ ถึงพูดดีแค่ไหนถ้าเราบอกว่าสิ่งที่เค้าทำเราไม่ชอบเค้าก็จะบอกอยู่ดีว่าเราต้องยอมรับเพราะเราอยู่ในสังคมบลาๆ เราเคยลองพูดแล้วนะเสียเพื่อนไปเลย เพื่อนเลยน้อย บางครั้งรู้จักกันแรกๆเราจะเป็นคนเงียบขรึมพูดเพราะวางตัวดีค่ะ เป็นอีกบุคลิกนึง แต่ถ้าได้ไว้ใจแล้วก็จะเป็นอีกแบบพูดมาก บุคลิกลิกตรงข้ามกับแบบแรกอย่างสิ้นเชิง และเรารับไม่ได้ที่จะใช้ของร่วมกับคนอื่นค่ะ เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ทุกอย่างค่ะ แม้แต่พี่สาวมาใช้เสื้อเราครั้งเดียวเราทิ้งเลยค่ะ แต่อาการหวงของดีขึ้นแล้วค่ะ เพราะบางครั้งเราก็ต้องพึ่งคนอื่นด้วยการยืมของเค้าทำให้เราเปิดใจและลบปมนี้ได้ลงเยอะเลยค่ะ (ปมหวงของคือสมัยเด็กๆจะได้เสื้อผ้าเก่าพี่ตลอดเลยค่ะ พี่ได้ใหม่ตลอด พอเราโตทันพี่ เราก็ไม่ใช้ของต่อจากพี่เลยค่ะ และสมัยมัธยม เพื่อนชอบยืมปากกาและลิขวิด เราเป็นพวกพกกล่องดินสอสองเซ็ตค่ะมีเหมือนกันทุกอย่างเลย อันที่เราใช้ห้ามมาแตะ อีกกล่องนึงมีไว้ให้ยืมใครจะยืมมาหยิบไปได้เลยแต่จะเฉพาะกับคนที่เราเปิดใจนะ ซึ่งเราก็สับสนค่ะ บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจตัวเราเองค่ะ และคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจ ยิ่งคนที่พยายามช่วยให้เราเปิดใจเรายิ่งคิดว่าเค้าไม่เข้าใจเหมือนตอนนี้ที่เพื่อนร่วมงานเราอยากช่วยให้เราไม่คิดมากค่ะ เราไม่อยากคิดนะค่ะแต่มันทำไม่ได้ จนบางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆเรายังอยากหนีปัญด้วยการตายเลย เราไม่เคยกลัวตายเลยค่ะ กลัวสติหลุดแล้วคิดฆ่าตัวตายอีก แต่พอจะทำก็มีกลัวๆนะแต่ก็ทำอยู่ดี เราผิดปกติมากไหมค่ะ
รักษาโรคซึมเศร้ามา 3ปีแล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหน อยากหายเป็นคนปกติค่ะ