แต่งงานแล้วไม่จดทะเบียนระวัง...เจอเหตุกาณ์แบบนี้

โพสต์เตือนสติสำหรับคนที่แต่งงานแล้วมีบุตรควรที่จะไปจดทะเบียนสมรส  มิเช่นนั้นจะเจอเหตุการณ์แบบผม ทนๆอ่านกันหน่อยนะครับ  เรื่องมีอยู่ว่า
พ่อแต่งงานกับแม่ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ประวัติชีวิตยาวเกินไม่เล่า  ตัดฉากมาที่พ่อช่วง 50 ต้น พ่อทำงานเป็นลูกจ้างสิทธิ์ประกันสังคม ประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นแม่ผมก็เสียชีวิต (เศร้าครั้งที่1) ส่วนตัวผมเองก็ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ หลังจากแม่เสียได้ 2 ปี จึงให้พ่อลาออกจากงานมาเลี้ยงหลาน(ผมแต่งงานมีลูก)และให้พ่อได้ใช้สิทธิ์ข้าราชการแทนประกันสังคม แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นกับการใช้สิทธิ์ข้าราชการ เพราะว่าต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจึงจะใช้สิทธิ์ได้ แต่เนื่องจากเเม่เสียชีวิตและไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่ได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องไปขอหนังสือรับรองบุตรจากที่ว่าการอำเภอ แต่ถูกปฏิเสธไม่สามารถออกได้ จะออกหนังสือรับรองบุตรได้  (เปรี้ยง....ฟ้าผ่าทันที) คือ ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชน เพื่อให้ศาลวินิจฉัย ตามคำร้องซึ่งต้องมีหลักฐานเพิ่มจากเอกสารคือพยานบุคคลจึงตามพี่น้องและแม่ของแม่(ยาย) มาเป็นพยาน เพื่อนยืนยันว่าผมคือลูกของพ่อเพื่อให้ให้ได้หนังสือรับรองความเป็นพ่อลูกกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ถึงไปยื่นต่อหน่วยงานต้นสังกัด ให้พ่อของผมใช้สิทธิ์ข้าราชการ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเป็นพ่อลูกกันได้..ทั้งๆที่มีใบเกิดทะเบียนบ้าน ที่ระบุชัดเจนว่าเราเป็นพ่อลูกกันแต่ก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากใช้สิทธิ์เบิกได้ประมาณปีกว่าพ่อผมก็เสียชีวิตอีกคนตอนอายุ 54 ปี(เศร้ารอบ 2) และในปี 59 มีหนังสือจากประกันสังคมให้ไปยื่นคำร้องขอเงินบำเหน็จชราภาพคืนจากที่พ่อผมทำงานส่งประกันสังคมมา และกำลังจะครบอายุ 60 ในปีนี้พอดี(ถ้ายังมีชีวิตอยู่) ผมจึงเข้าไปยื่นคำร้องในฐานะเป็นบุตรที่อยู่ในพื้นที่ และมันก็ไม่งายเหมือนที่คิด ต้องเหนื่อยกันอีกรอบเนื่องจากเอกสารไม่เพียงพอจะต้องไปขอคัดสำเนามรณะบัตรของปู่และย่าของผม(เพื่อ?..ท่านเสียชีวิตนานแล้วและอยู่กันคนละภาค) ส่วนหลักฐานอื่นๆก้สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของพ่อและผม หนังสือรับรองบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายอันนี้มี ยังไม่จบแค่นี้เรื่องมีต่อคือพ่อมีลูก 2 คน ผมเป็นคนเล็ก แต่เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่พี่ชายไม่ได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็มีสิทธิ์จึงไม่ยอมให้ผมทำเรื่องคนเดียว เพราะกลัวว่าพี่ชายจะฟ้องร้องขอรับเงินบำเหน็จชราภาพของพ่อ ดั้งนั้นจะต้องให้พี่ชายที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ เดินทางมาเซนต์เอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ยังต่างจังหวัดประมาณ 300 โล เพื่อยืนยันว่าจะไม่ขอรับเงินก้อนนี้จึงจะสามารถเบิกเงินให้ได้ทั้งหมด แต่ยังไงก็ตั้งใจจะให้อยู่แล้วสำหรับพี่ชายจึงโทรให้พี่ชายให้เดินทางมาซึงอีกนานกว่าจะมาหลังจากโทรคุยกับพี่ชายๆบอกว่าถ้าเรื่องมากขนาดนี้ก็ไม่ต้องไปเอามันหรอกสำหรับเงินหลักพัน(แต่พ่อเขาอุตสาห์ทำงานก็กะจะเอาเงินส่วนนี้เพื่อไปทำบุญให้พ่อให้แม่ก็ต้องเหนื่อยต่อ)....เหตุการณ์ที่เจอแบบนี้ทำให้รู้สึกเหนื่อยกับระบบและหากจะไม่เหนื่อยอย่าลืมจดทะเบียนสมรส
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่