กำลังจะจดทะเบียนสมรสเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ แฟนอยากมีงานแต่งเล็กๆบนชายหาดหัวหิน คบกันมา2ปีกว่าแล้วค่ะ ไม่ถึงขั้นอยู่ก่อนแต่งค่ะ บอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะจดทะเบียนเฉยๆ ไม่มีงานแต่ง ไม่มีสินสอดนะ อยากเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น พ่อแม่ไม่พูด (หรือพูดไม่ออกก็ไม่รู้......) เราไม่ได้แคร์คนแถวบ้านหรือญาติว่าจะตำหนิอะไรเรา เพราะเราอายุ 30 แล้วค่ะ ไม่ใช่เด็กผู้หญิงใจแตก ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว เราชอบเย็บปักถักร้อย ชอบเล่นโยคะ เคยทำงานธนาคารมาก่อนค่ะ ตอนนี้กำลังอยากทำธุระกิจส่วนตัวกับแฟน และส่วนตัวอยากเป็นครูโยคะด้วยค่ะ แฟนอยากให้ไปเล่นเป็นนักเรียนก่อน เก่งแล้วค่อยเรียนเป็นครู แต่เราอยากประหยัดเงิน ยอมฝึกเอง เก่งกว่านี้สักหน่อยค่อยเสียเงินเรียนเก็บชั่วโมงเรียนไป ฝึกได้ 2-3 เดือนแล้วค่ะ head stand ได้ ทำสะพานโค้งและเดินได้
1. ไม่อยากมีงานแต่งเพราะอยากเก็บเงินไว้ลงทุนและใช้จ่ายเวลาจำเป็นจริงๆ
2. ไม่อยากมีงานแต่งเพราะ ไม่อยากให้ทางแฟนต้องจ่ายเงินให้ทางพ่อกับแม่เรา เคยเกริ่นประมาณว่าพอเป็นพิธีได้ไหม สัก 9 บาท หรือ 99 บาท หรือ 999 บาทประมาณนี้ ไม่อยากเอาเงินแค่มาวางไว้ในงานแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ให้ทางพ่อแม่เราจริงๆ เห็นบางคนเงินยืมเงินมาวางโชว์แขกในงาน หลักแสน หลักล้าน แต่สุดท้ายก็เอาไปคืนเจ้าของ เพราะยืมมาวางเฉยๆ เราไม่อยากสร้างภาพ เหมือนพ่อแม่เราจะไม่ขำ แฟนเราก็แบบว่า แน่ใจหรอว่าอยากทำอย่างนั้นจริงๆ แฟนเราไม่ได้มีเงินเยอะ เรามีแค่จุนเจือกันและกันและมีเรื่องที่ต้องใช้เงินร่วมกันรออยู่วันข้างหน้า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
3. แฟนบอกยังไงก็อยากให้มีงานแต่ง(มีงานแต่ง 2 ครั้งนะคะเพราะเราเป็นพุทธส่วนแฟนเป็นคริสต์)แบบเล็กๆ บนชายหาดหัวหิน มีดอกกุหลาบวางบนหาด มีญาติๆและเพื่อนสนิทประมาณ 20 คนมาร่วมงาน เราเลยบอกแฟนว่า ฟังก็ดูดีนะแต่อย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า 1 แสน ซึ่งเงินนั่นก็จ่ายค่าเรียนครูโยคะ ได้ 200ชั่วโมง ไปเที่ยวที่ต่างๆ ได้หลายที่เลย แฟนบอกอยากมีรูปสวีทของเรา 2 คนติดฝาผนัง เราเลยบอกแฟนว่าขอเวลาฝึกแป้บ ฉันจะทำ hansstand kiss ให้ได้และฟิตหุ่นให้เฟิร์ม จากนั้นจะเอาหาดไหนบอกมาเลย เลยคุยกันว่าเอาแบบนี้ดีไหม?? ==>>
1. แฟนขอจดทะเบียนสมรสเพื่อยืนยันว่า ที่เราไม่อยากมีงานแต่งเพราะชอบชีวิตเรียบง่าย เพราะอยากเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น หรือ...เพราะเราไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาแบบจริงๆจังๆ เขาบอกเขาไม่อยากเป็นแค่แฟน เราบอกก็ได้นะ ฉันไม่ได้มีคนอื่นอยู่แล้ว และเขาก็เป็นคนดีมาก ดีเอามากๆ รักเรามากๆ ให้เกียรติเรามากๆ แต่....เราไม่อยากเอาเงินของเขา(ซึ่งเงินเขาก็เหมือนเงินเรา...)มาจ่ายสินสอดให้กับพ่อแม่เรา พอเงินไม่มากพอ คนอาจนินทาครหา สู้ไม่มีเลยดีกว่า ส่วนพ่อแม่เรา เราส่งเสียเขาอยู่แล้ว ยังไงเราก็จดทะเบียน ยังไงก็เป็นการให้เกียรติเราด้วยดีกว่าเพื่อนๆหลายคน อยู่ก่อนแต่งแล้วยังโกหกพ่อแม่ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันจนเลิกกันไปหลายคู่ เห็นตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฯ จนวัยทำงาน
2. เราส่งเสียทางบ้านทุกเดือนหรือบางทีมีเรื่องเร่งด่วนต้องใช้เงินอันนี้โอนไปให้เลยทันที กรณีแบบนี้ไม่มีหวง บางทีไม่มีก็ใช้บัตรกดเงินสดกดเงินแล้วโอนไปให้ เกรงใจแฟนมากๆ เพราะช่วงไหนที่เราไม่ไปดูหนัง ไม่อยากไปหาซื้อผ้ามาทำนั่นทำนี่ ไม่อยากไปกินข้าวตามร้านอาหาร แฟนจะสงสัยแล้วว่าทำไม เราไม่พูดแฟนก็เดาออก เขาก็จะเอาเงินมาวางให้เรา ซึ่งทำให้เรายิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ เขาให้เงินเราบ่อยมากถึงเงินไม่มากมาย แต่รวมกันแล้วก็ก้อนใหญ่อยู่ เราเคยมีปัญหากันเพราะเราส่งเงินให้ทางบ้านบ่อยมาก เพราะทางครอบครัวแฟนเขาไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน พอดีพ่อเราไปกู้เงินซื้อที่ดิน คิดว่าจะได้เงินจากจำนำข้าวแต่ผิดแผน พ่อแม่เราไม่มีรายได้ คนต่างจังหวัดที่ทำไร่ทำนาจะเป็นหนี้ ธกส. หรือตามหมู่บ้าน ล่าสุดนี่ค่าปุ๋ยจากบัตรเครดิตทางรัฐบาลให้ชาวนาทำได้ บางครั้งจ่ายดอกตามเจ้าหนี้ช่วงรอเงินจำนำข้าว ปีที่แล้วนี่ มรสุมหนักมาก แฟนก็ช่วยเลยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่อยากได้สินสอดอะไรเลย
3. ที่เครียดมากคือกลัวคนแถวบ้านนินทาพ่อกับแม่ว่า มีลูกสาวคนเดียว งานแต่งก้ไม่มี สินสอดก็ไม่มี เราส่งเสียพ่อแม่ชาวบ้านก็ไม่รับรู้และเราก็ไม่อยากไปเล่าอะไรให้เขาฟังว่าแฟนเราให้มาเท่าไหร่ (เยอะกว่าสินสอดลูกสาวเธออีกนะ) เพราะเราถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ยากดีมีจนก็ไม่มีใครมาช่วยอะไรอยู่แล้ว มีแต่พวกชอบเผือกและนินทาไปวันๆ ลูกบ้านนั้น บ้านนี้ที แต่พวกชอบเผือกนี่ รู้เรื่องเราดีกว่าเราอีกนะ ไม่สนใจพวกเขาหรอกเป็นห่วงแต่พ่อกับแม่จะไม่เข้าใจ พ่อแม่เราไม่พูด พอไม่พูดเลยไม่รู้ว่าพวกเขาคิดยังไง บางทีก็แอบคิดว่า ที่ไม่พูดนี่คงเพราะเขารับได้และไม่คัดค้านหรือเปล่า หรือเขาพูดไม่ออกกันแน่....
4. คุยกับแฟนว่า จดทะเบียนก่อนก็ได้ แฟนอยากจดในวันเกิดเรา เพราะ....เขาจะได้จำวันครบรอบแต่งงานได้และเวลาให้ของขวัญเขาจะให้ทั้งของขวัญครบรอบแต่งงานและวันเกิด ปรกติเวลาเขาให้ของขวัญเขาให้หลายแบบเล็กๆน้อยๆแต่หลายอย่างเพราะเผื่ออันนึงเราชอบ อันนึงเราไม่ชอบ (แฟนเราเลือกของขวัญไม่เก่งแต่เราภูมิใจในตัวเขามาก ซึ่งแฟนเพื่อนเราหลายคนไม่ให้ของขวัญวันเกิดอะไรแฟนตัวเองเลยด้วยซ้ำ) เราก็ชอบปากไวว่า ซื้อมาทำไมเปลืองเงิน!!! เขาก็จะแบบ เอาอีกละ พัน 2 พัน ปีนึงมีครั้งเดียว เรานี่ซึ้งมาก รู้สึกเขาให้อะไรเราเยอะมาก รู้สึกเขารักเรามาก เราก็เกรงใจด้วย บางสิ่งที่เขาให้ จะถูกหรือแพงไม่สำคัญเพราะเขาให้ตามมีตามเกิด เราเลยขอเวลาฟิตหุ่นก่อน จากนั้นจะตระเวนถ่ายรูปตามชายหาดเพื่อเก็บภาพเหมือน pre-wedding เราบอกเราจะสวยเพื่อเขาด้วย ป่านนั้น ปัญหาเรื่องเงินๆทองของเรา2คนคงลงตัว จากนั้นจะมีงานแต่งบนหาดไหนเราก็โอเค(เทียบกับแฟนเก่านั่นถือว่ามีอันจะกินแต่เห็นแก่ตัวมาก วันเกิดเราให้ของขวัญแค่ปีแรก ปีถัดมาเราทวง กลับเจอสวน จะเอาอะไรนักหนานี่คบกันเพราะเงินหรอ....แป่ว ซึ่งเวลาไปไหนเราก็จ่ายค่าน้ำมัน กินข้าวบางทีเราก็เป็นคนจ่าย มีเงินแต่ไม่มีน้ำใจ ไม่แมนพอ แต่เลิกกันตอนเราเปลี่ยนงาน พอดีลาออกแล้วงานใหม่เริ่มทีหลัง 1 เดือน เงินเดือนเก่าก็หมื่นนิดๆ ไม่พอกิน แฟนเก่าให้ยืม อาทิตย์ละ 200 เพื่อเป็นค่ารถไปทำงาน พอเงินเดือนออกเราก็คืน เขาบอกเป็นคนอื่นเขาคิดดอกเบี้ยไปแล้ว) เราก็เลยแบบว่ารักแฟนใหม่มาก เจอกันหลังจากเลิกกับแฟนเก่าได้ 8 ปี ตอนนั้นเข็ด ผู้ชายไปเลยจนไม่คิดอยากแต่งงาน แต่แฟนคนปัจจุบันเขากำลังจะสื่อว่าชีวิตแต่งงานไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาเคยหย่าเพราะเพราะภรรยาเก่านอกใจไปคบกับเจ้านายตัวเอง ตอนนั้นลูก 2 คนเขาดูแลเองคนเดียว
5. แฟนอยากมีลูกกับเรามาก ในสายตาเขาเราเป็นคนสวย คนดี คนตรงๆไม่เสแสร้ง ไม่ว่าเราจะทำอะไรแฟนเรามองว่าเราฉลาด เก่ง สวย ทั้งที่เราหน้าตาบ้านๆ ผิวก็กระดำกระด่างแต่เพราะขัดเลยเนียนนิดหน่อย เราผิวน้ำผึ้งออกเหลืองๆ ค่อนข้างเจ้าเนื้อแต่เราอ้วนง่าย ผอมง่ายเลยพยายามออกกำลังกายทุกวัน เราบอกแฟนว่า จดกลางปี แต่งปลายปี แต่งแล้วจะมีลูกค่อยว่ากันอีกที ขอดูก่อนว่ารายได้ ณ ตอนนั้น ดีไหม ไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วไม่มีเงิน ไม่มีเวลาเลี้ยง
6. สังคมไทยส่วนใหญ่จะรับได้ไหมถ้า จดทะเบียนแล้วอีกครึ่งปีหลัง ค่อยมีงานแต่ง ปรกติเราเป็นคนหัวโบราณแต่เรื่องนี้เราคิดนอกกรอบ นอกโลกไปไกลมากเลย เราแปลกไหม?
7. อยากฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆค่ะว่า คิดยังไงถ้าจดทะเบียนเงียบๆ จากนั้นมีเงินสักหน่อยค่อยมีงานแต่ง แล้วค่อยมีลูก
8. เรารู้สึกโชคดีมากเลยที่เจอผู้ชายคนนี้ ไม่ perfect ไม่รวยแต่เขาขยันมาก เขาไม่ใช่คน สปอร์ท กทม. อะไรนะคะ เมื่อก่อนเวลาเราส่งเงินกลับบ้าน เขาค่อนข้างโวยวายว่า เอาอีกละ ทำไมเราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรคนเดียวแล้วเมื่อไหร่เราจะตั้งตัวได้ ช่วงนึงแอบคิดอยากเลิกเพราะรู้สึกเขาไม่รัก ไม่อยากช่วยเหลือครอบครัวเรา แต่อีกใจก็เข้าใจเขาเพราะครอบครัวเขาไม่เคยเดือดร้อนอะไรเขาเลย บ้านเขาอบอุ่นค่ะแต่ทำมาหากินเอง ไม่ยุ่งเรื่องเงิน ให้ได้ตามช่วงเทศกาลแต่ไม่ได้ให้ทุกเดิอนเหมือนเรา แต่หลังๆเขาบอกเขารักเรามากขึ้นทุกวัน เขาบอกเรารักครอบครัวมากเลยอยากสร้างครอบครัวกับเรา เขาบอกเราวางแผนอนาคต คิดการไกล ไม่ฟุ่มเฟือย ผิดกับแฟนเก่าเขา ให้เงินเท่าไหร่ก็ช้อปปิ้งหมด ผิดกับเราจะเครียดตลอด ห่วงว่าถ้าซื้ออันนี้แล้ว แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรประมาณนั้น เราเกิดมาในครอบครัวยากจนเลยจะกังวลเรื่องเงินตลอด เขาอยากเห็นเรามีความสุข อะไรที่เขาให้ได้เขาก็จะให้ อย่างเรื่องงานแต่งเขาบอกใจเขาอยากมีและต้องมีพิธีทั้ง 2 ศาสนา แต่ถ้าเราไม่อยากมีก็ไม่เป็นไร เขาไม่อยากมีงานแต่งตามหมู่บ้านเพราะถ้าแต่งแบบนั้น พ่อแม่เราก็ต้องเชิญญาติผู้ใหญ่และคนในหมู่บ้านมาร่วมงาน ถ้าไม่เชิญจะดูน่าเกลียดมากเพราะมีแต่ญาติๆทั้งนั้น แต่เขาอยากมีแบบยอมจ่ายเงินเช่าบ้าน เช่าโรงแรม มีงานแต่งบนชายหาด มีแต่ญาติๆผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายและเพื่อนสนิทจริงๆไม่เกิน 20 คน
กำลังจะจดทะเบียนสมรส ไม่มีงานแต่ง ไม่มีสินสอด สังคมไทยรับได้ไหมในความเป็นจริง
1. ไม่อยากมีงานแต่งเพราะอยากเก็บเงินไว้ลงทุนและใช้จ่ายเวลาจำเป็นจริงๆ
2. ไม่อยากมีงานแต่งเพราะ ไม่อยากให้ทางแฟนต้องจ่ายเงินให้ทางพ่อกับแม่เรา เคยเกริ่นประมาณว่าพอเป็นพิธีได้ไหม สัก 9 บาท หรือ 99 บาท หรือ 999 บาทประมาณนี้ ไม่อยากเอาเงินแค่มาวางไว้ในงานแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ให้ทางพ่อแม่เราจริงๆ เห็นบางคนเงินยืมเงินมาวางโชว์แขกในงาน หลักแสน หลักล้าน แต่สุดท้ายก็เอาไปคืนเจ้าของ เพราะยืมมาวางเฉยๆ เราไม่อยากสร้างภาพ เหมือนพ่อแม่เราจะไม่ขำ แฟนเราก็แบบว่า แน่ใจหรอว่าอยากทำอย่างนั้นจริงๆ แฟนเราไม่ได้มีเงินเยอะ เรามีแค่จุนเจือกันและกันและมีเรื่องที่ต้องใช้เงินร่วมกันรออยู่วันข้างหน้า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
3. แฟนบอกยังไงก็อยากให้มีงานแต่ง(มีงานแต่ง 2 ครั้งนะคะเพราะเราเป็นพุทธส่วนแฟนเป็นคริสต์)แบบเล็กๆ บนชายหาดหัวหิน มีดอกกุหลาบวางบนหาด มีญาติๆและเพื่อนสนิทประมาณ 20 คนมาร่วมงาน เราเลยบอกแฟนว่า ฟังก็ดูดีนะแต่อย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า 1 แสน ซึ่งเงินนั่นก็จ่ายค่าเรียนครูโยคะ ได้ 200ชั่วโมง ไปเที่ยวที่ต่างๆ ได้หลายที่เลย แฟนบอกอยากมีรูปสวีทของเรา 2 คนติดฝาผนัง เราเลยบอกแฟนว่าขอเวลาฝึกแป้บ ฉันจะทำ hansstand kiss ให้ได้และฟิตหุ่นให้เฟิร์ม จากนั้นจะเอาหาดไหนบอกมาเลย เลยคุยกันว่าเอาแบบนี้ดีไหม?? ==>>
1. แฟนขอจดทะเบียนสมรสเพื่อยืนยันว่า ที่เราไม่อยากมีงานแต่งเพราะชอบชีวิตเรียบง่าย เพราะอยากเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น หรือ...เพราะเราไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาแบบจริงๆจังๆ เขาบอกเขาไม่อยากเป็นแค่แฟน เราบอกก็ได้นะ ฉันไม่ได้มีคนอื่นอยู่แล้ว และเขาก็เป็นคนดีมาก ดีเอามากๆ รักเรามากๆ ให้เกียรติเรามากๆ แต่....เราไม่อยากเอาเงินของเขา(ซึ่งเงินเขาก็เหมือนเงินเรา...)มาจ่ายสินสอดให้กับพ่อแม่เรา พอเงินไม่มากพอ คนอาจนินทาครหา สู้ไม่มีเลยดีกว่า ส่วนพ่อแม่เรา เราส่งเสียเขาอยู่แล้ว ยังไงเราก็จดทะเบียน ยังไงก็เป็นการให้เกียรติเราด้วยดีกว่าเพื่อนๆหลายคน อยู่ก่อนแต่งแล้วยังโกหกพ่อแม่ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันจนเลิกกันไปหลายคู่ เห็นตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฯ จนวัยทำงาน
2. เราส่งเสียทางบ้านทุกเดือนหรือบางทีมีเรื่องเร่งด่วนต้องใช้เงินอันนี้โอนไปให้เลยทันที กรณีแบบนี้ไม่มีหวง บางทีไม่มีก็ใช้บัตรกดเงินสดกดเงินแล้วโอนไปให้ เกรงใจแฟนมากๆ เพราะช่วงไหนที่เราไม่ไปดูหนัง ไม่อยากไปหาซื้อผ้ามาทำนั่นทำนี่ ไม่อยากไปกินข้าวตามร้านอาหาร แฟนจะสงสัยแล้วว่าทำไม เราไม่พูดแฟนก็เดาออก เขาก็จะเอาเงินมาวางให้เรา ซึ่งทำให้เรายิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ เขาให้เงินเราบ่อยมากถึงเงินไม่มากมาย แต่รวมกันแล้วก็ก้อนใหญ่อยู่ เราเคยมีปัญหากันเพราะเราส่งเงินให้ทางบ้านบ่อยมาก เพราะทางครอบครัวแฟนเขาไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน พอดีพ่อเราไปกู้เงินซื้อที่ดิน คิดว่าจะได้เงินจากจำนำข้าวแต่ผิดแผน พ่อแม่เราไม่มีรายได้ คนต่างจังหวัดที่ทำไร่ทำนาจะเป็นหนี้ ธกส. หรือตามหมู่บ้าน ล่าสุดนี่ค่าปุ๋ยจากบัตรเครดิตทางรัฐบาลให้ชาวนาทำได้ บางครั้งจ่ายดอกตามเจ้าหนี้ช่วงรอเงินจำนำข้าว ปีที่แล้วนี่ มรสุมหนักมาก แฟนก็ช่วยเลยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่อยากได้สินสอดอะไรเลย
3. ที่เครียดมากคือกลัวคนแถวบ้านนินทาพ่อกับแม่ว่า มีลูกสาวคนเดียว งานแต่งก้ไม่มี สินสอดก็ไม่มี เราส่งเสียพ่อแม่ชาวบ้านก็ไม่รับรู้และเราก็ไม่อยากไปเล่าอะไรให้เขาฟังว่าแฟนเราให้มาเท่าไหร่ (เยอะกว่าสินสอดลูกสาวเธออีกนะ) เพราะเราถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ยากดีมีจนก็ไม่มีใครมาช่วยอะไรอยู่แล้ว มีแต่พวกชอบเผือกและนินทาไปวันๆ ลูกบ้านนั้น บ้านนี้ที แต่พวกชอบเผือกนี่ รู้เรื่องเราดีกว่าเราอีกนะ ไม่สนใจพวกเขาหรอกเป็นห่วงแต่พ่อกับแม่จะไม่เข้าใจ พ่อแม่เราไม่พูด พอไม่พูดเลยไม่รู้ว่าพวกเขาคิดยังไง บางทีก็แอบคิดว่า ที่ไม่พูดนี่คงเพราะเขารับได้และไม่คัดค้านหรือเปล่า หรือเขาพูดไม่ออกกันแน่....
4. คุยกับแฟนว่า จดทะเบียนก่อนก็ได้ แฟนอยากจดในวันเกิดเรา เพราะ....เขาจะได้จำวันครบรอบแต่งงานได้และเวลาให้ของขวัญเขาจะให้ทั้งของขวัญครบรอบแต่งงานและวันเกิด ปรกติเวลาเขาให้ของขวัญเขาให้หลายแบบเล็กๆน้อยๆแต่หลายอย่างเพราะเผื่ออันนึงเราชอบ อันนึงเราไม่ชอบ (แฟนเราเลือกของขวัญไม่เก่งแต่เราภูมิใจในตัวเขามาก ซึ่งแฟนเพื่อนเราหลายคนไม่ให้ของขวัญวันเกิดอะไรแฟนตัวเองเลยด้วยซ้ำ) เราก็ชอบปากไวว่า ซื้อมาทำไมเปลืองเงิน!!! เขาก็จะแบบ เอาอีกละ พัน 2 พัน ปีนึงมีครั้งเดียว เรานี่ซึ้งมาก รู้สึกเขาให้อะไรเราเยอะมาก รู้สึกเขารักเรามาก เราก็เกรงใจด้วย บางสิ่งที่เขาให้ จะถูกหรือแพงไม่สำคัญเพราะเขาให้ตามมีตามเกิด เราเลยขอเวลาฟิตหุ่นก่อน จากนั้นจะตระเวนถ่ายรูปตามชายหาดเพื่อเก็บภาพเหมือน pre-wedding เราบอกเราจะสวยเพื่อเขาด้วย ป่านนั้น ปัญหาเรื่องเงินๆทองของเรา2คนคงลงตัว จากนั้นจะมีงานแต่งบนหาดไหนเราก็โอเค(เทียบกับแฟนเก่านั่นถือว่ามีอันจะกินแต่เห็นแก่ตัวมาก วันเกิดเราให้ของขวัญแค่ปีแรก ปีถัดมาเราทวง กลับเจอสวน จะเอาอะไรนักหนานี่คบกันเพราะเงินหรอ....แป่ว ซึ่งเวลาไปไหนเราก็จ่ายค่าน้ำมัน กินข้าวบางทีเราก็เป็นคนจ่าย มีเงินแต่ไม่มีน้ำใจ ไม่แมนพอ แต่เลิกกันตอนเราเปลี่ยนงาน พอดีลาออกแล้วงานใหม่เริ่มทีหลัง 1 เดือน เงินเดือนเก่าก็หมื่นนิดๆ ไม่พอกิน แฟนเก่าให้ยืม อาทิตย์ละ 200 เพื่อเป็นค่ารถไปทำงาน พอเงินเดือนออกเราก็คืน เขาบอกเป็นคนอื่นเขาคิดดอกเบี้ยไปแล้ว) เราก็เลยแบบว่ารักแฟนใหม่มาก เจอกันหลังจากเลิกกับแฟนเก่าได้ 8 ปี ตอนนั้นเข็ด ผู้ชายไปเลยจนไม่คิดอยากแต่งงาน แต่แฟนคนปัจจุบันเขากำลังจะสื่อว่าชีวิตแต่งงานไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาเคยหย่าเพราะเพราะภรรยาเก่านอกใจไปคบกับเจ้านายตัวเอง ตอนนั้นลูก 2 คนเขาดูแลเองคนเดียว
5. แฟนอยากมีลูกกับเรามาก ในสายตาเขาเราเป็นคนสวย คนดี คนตรงๆไม่เสแสร้ง ไม่ว่าเราจะทำอะไรแฟนเรามองว่าเราฉลาด เก่ง สวย ทั้งที่เราหน้าตาบ้านๆ ผิวก็กระดำกระด่างแต่เพราะขัดเลยเนียนนิดหน่อย เราผิวน้ำผึ้งออกเหลืองๆ ค่อนข้างเจ้าเนื้อแต่เราอ้วนง่าย ผอมง่ายเลยพยายามออกกำลังกายทุกวัน เราบอกแฟนว่า จดกลางปี แต่งปลายปี แต่งแล้วจะมีลูกค่อยว่ากันอีกที ขอดูก่อนว่ารายได้ ณ ตอนนั้น ดีไหม ไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วไม่มีเงิน ไม่มีเวลาเลี้ยง
6. สังคมไทยส่วนใหญ่จะรับได้ไหมถ้า จดทะเบียนแล้วอีกครึ่งปีหลัง ค่อยมีงานแต่ง ปรกติเราเป็นคนหัวโบราณแต่เรื่องนี้เราคิดนอกกรอบ นอกโลกไปไกลมากเลย เราแปลกไหม?
7. อยากฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆค่ะว่า คิดยังไงถ้าจดทะเบียนเงียบๆ จากนั้นมีเงินสักหน่อยค่อยมีงานแต่ง แล้วค่อยมีลูก
8. เรารู้สึกโชคดีมากเลยที่เจอผู้ชายคนนี้ ไม่ perfect ไม่รวยแต่เขาขยันมาก เขาไม่ใช่คน สปอร์ท กทม. อะไรนะคะ เมื่อก่อนเวลาเราส่งเงินกลับบ้าน เขาค่อนข้างโวยวายว่า เอาอีกละ ทำไมเราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรคนเดียวแล้วเมื่อไหร่เราจะตั้งตัวได้ ช่วงนึงแอบคิดอยากเลิกเพราะรู้สึกเขาไม่รัก ไม่อยากช่วยเหลือครอบครัวเรา แต่อีกใจก็เข้าใจเขาเพราะครอบครัวเขาไม่เคยเดือดร้อนอะไรเขาเลย บ้านเขาอบอุ่นค่ะแต่ทำมาหากินเอง ไม่ยุ่งเรื่องเงิน ให้ได้ตามช่วงเทศกาลแต่ไม่ได้ให้ทุกเดิอนเหมือนเรา แต่หลังๆเขาบอกเขารักเรามากขึ้นทุกวัน เขาบอกเรารักครอบครัวมากเลยอยากสร้างครอบครัวกับเรา เขาบอกเราวางแผนอนาคต คิดการไกล ไม่ฟุ่มเฟือย ผิดกับแฟนเก่าเขา ให้เงินเท่าไหร่ก็ช้อปปิ้งหมด ผิดกับเราจะเครียดตลอด ห่วงว่าถ้าซื้ออันนี้แล้ว แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรประมาณนั้น เราเกิดมาในครอบครัวยากจนเลยจะกังวลเรื่องเงินตลอด เขาอยากเห็นเรามีความสุข อะไรที่เขาให้ได้เขาก็จะให้ อย่างเรื่องงานแต่งเขาบอกใจเขาอยากมีและต้องมีพิธีทั้ง 2 ศาสนา แต่ถ้าเราไม่อยากมีก็ไม่เป็นไร เขาไม่อยากมีงานแต่งตามหมู่บ้านเพราะถ้าแต่งแบบนั้น พ่อแม่เราก็ต้องเชิญญาติผู้ใหญ่และคนในหมู่บ้านมาร่วมงาน ถ้าไม่เชิญจะดูน่าเกลียดมากเพราะมีแต่ญาติๆทั้งนั้น แต่เขาอยากมีแบบยอมจ่ายเงินเช่าบ้าน เช่าโรงแรม มีงานแต่งบนชายหาด มีแต่ญาติๆผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายและเพื่อนสนิทจริงๆไม่เกิน 20 คน