แค่เล่าให้ฟัง ว่าวัดที่ผมบวช และเรียนวิปัสสนา ทั้งสองที่แทบไม่มีเรื่องเงินๆทองๆมาเกี่ยวข้องเลยครับ

ผมบวชที่วัดชลประทานรังสฤษธิ์ ครับ
แล้วได้ไปเรียน วิปัสสนาที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกข์พลาราม อำเถอไชยา

เป็นพระบวชใหม่ "แย่ๆ" รูปหนึ่งครับ
เพราะผมสูบบุหรี่
สมัยอยู่วัดชลฯ ตอนดึกๆ บางทีต้องแอบไปหลังกุฏิคนเดียว ใกล้ที่เก็บศพร้างๆ เพื่อแอบสูบบุหรี่
กลัวผีแทบตาย (ฮา)

แต่เรื่องอื่นๆ ไม่เลวร้ายนะครับ
เคร่งเลยแหละ สำรวมอินทรีย์
เป๊ะทุกข้อ ออกบิณฯทุกวัน หลังเพลไม่เคยฉันท์  ไม่เคยโดดเรียน
ไม่เคยโดดทำวัตร เช้า-เย็น
สวดมนต์อะไรก็ตั้งใจ ตั้งใจเรียน ตั้งใจปฏิบัติ

พอย้ายไปเรียนวิปัสสนาที่ สวนโมกข์ฯ ก็ตั้งใจครับ
กุฏิผมอยู่ในป่า มีเพื่อนรวมกุฏิ เป็นค้างคาว 1 ตัว กับตุ๊กแก 1 ตัว ยาวเกือบฟุต  อยู่ใต้แคร่
ทั้งคู่ไม่กวนผมเลย เพราะตอนกลางคิน พวกเค้าออกไปหากินกันข้างนอก
ผมตื่นตี 4 ไปนั่งสมาธิที่ลานทรายนั่นแหละ พวกเค้าถึงกลับมา
ก็เลย สวนกันไป-มาทุกวัน ไม่ต้องเผชิญหน้ากันเท่าไหร่
ค่อยยังชั่วหน่อย (ฮา)

ฉันท์เช้ามื้อเดียว ไม่ได้ออกบิณฯ
เพราะอาจารย์โพธิ์ เจ้าอาวาส บอกว่า การออกบิณฑบาต ละแวกวัดนั้น เป็นการรบกวนชาวบ้านเปล่าๆ
เขายากจนกันมากอยู่แล้ว เราไม่ควรไปเบียดเบียนเขา
ท่านว่างั้นนะครับ
ผมฉันท์อะไรแทบไม่ได้เลยครับ อาหารไม่คุ้นเคยเลย
ก็มีกล้วยน้ำว้านี่แหละ ที่ประคองชีวิตระหว่างอยู่ที่นั่นตลอด

ทั้งสองวัด ไม่มีนโยบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองเลยครับ
ที่วัดชลฯ มีร้านขายหนังสือ เล็กๆ
ผมก็เอาปัจจัย ที่ญาติโยมถวายมา 10บาท 20 บาท ไปซื้อหนังสืออ่าน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือของหลวงพ่อพุทธทาส
น่าจะอ่านเกือบหมดทุกเล่ม
ส่วนที่สวนโมกข์ ไม่มีการใช้เงิน
อย่างมาก อาจจะมีกล่องบริจาคอะไรเล็กๆน้อยมั๊ง ผมจำไม่ได้

เป็นช่วงชีวิตที่อดอยาก เรียบง่าย และ สมถะ อย่างที่สุด
ขลาดแคลนทุกๆอย่าง ไม่มีความสะดวกสบายอะไรใดๆ แม้แต่นิดเดียว
ไม่มีสิ่งสวยงาม ไม่มีอะไรต้องถูกจัดวาง ให้ภาพสวยงามอะไรใดๆ
มีแต่ป่า มีธรรมชาติ ความชื้นแฉะ มด แมลงสารพัด

สิ่งหนึ่งที่พวกเราถูกปลูกฝัง
ในฐานะของพระ สถาบันนี้
คือพวกเราไม่ ขาย บุญ ครับ โดยเฉพาะ ขายด้วยเงิน
เราสอนชาวบ้าน ให้ทำบุญ ด้วยให้รู้ถึงเจตนารมย์ของการทำบุญ
นั่นคือ ให้รู้จักการแบ่งปัน และการสละออก
การรู้จักแบ่งปัน ทำให้โลกสงบ และร่มเย็น
ไม่ใช่ทำบุญเ ด้วยหวัง ให้ตน จะได้ร่ำรวย ยิ่งขึ้น
ไม่ไปสร้างเงื่อนไข ว่า ทำเท่าไหร่แล้วจะได้ออกเป็นการตอบแทน
เราละ เราตัด เราวางกิเลส ครับ ไม่ใช่ ก่อ กิเลส สอนให้คนรวย ด้วยการทำบุญ

คำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส หรือหลวงพ่อปัญญา มีความเหมือนกันทุกประการอยู่อย่างหนึ่ง
คือสอนให้คน มี สติ เพื่อ เกิดปัญญา
ไม่สอนให้คนงมงาย ไม่สอนให้คนไปหาหมอดู
ให้คนเรารู้จักใช้เหตุ ใช้ผล รู้จักแยกแยะ

ผมอาจจะไม่ใช่ผลผลิตที่ดีอะไรมากมาย ของ สถานที่ดีๆทั้งสองแห่งที่ผมได้ไปร่ำเรียน
ก็แค่อย่างที่ผมพูด
ว่า แค่เล่าให้ฟัง ว่า สมัยผมบวชน่ะ เงิน อยู่นอกสมการของชีวิตครับ
และ แสดงความเห็นว่า การบ้าเงิน มันทำให้โลกร้อนครับ
ยิ่งบ้ามาก ยิ่งร้อนมาก
การเอาความรำ่รวย มาเป็นตัวล่อหลอกให้คนทำบุญ ผมว่า ไม่เข้าท่าอะครับ
และไม่น่าจะเป็นคำสอนของพระศาสดา
ไม่น่าจะนำมาซึ่งความสงบ ร่มเย็นใดๆ
ไม่น่าจะสร้าง สติ เพื่อให้เกิดปัญญา แต่อย่างใด

เล่าให้ฟังสนุกๆ และไม่เถียงอะไรกับมครทั้งนั้น



ขอให้มีความสุขทุกท่านครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่