ธุรกิจสายการบินทยอยแจ้งผลประกอบการปี 2559 พบว่า สายการบินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีเพียง … "นกแอร์" ที่ขาดทุน
วันที่ 1 มี.ค. 60 — บริษัท สายการบิน "นกแอร์" จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการของสายการบินนกแอร์และบริษัทย่อย 2,800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2558 ที่ขาดทุน 726 ล้านบาท โดยสายการบินนกแอร์ ระบุว่า ผลขาดทุนมาจากรายได้ที่ลดลงและมีต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตามแผนการขยายฝูงบิน ค่าซ่อมบำรุงเครื่องบิน รวมถึงการนำเครื่องยนต์ของเครื่องบินซ่อมบำรุงตามระยะ และค่าใช้จ่ายซ่อมเครื่องบินที่เสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเคลมประกันภัยและรอคืนเงิน
ขณะที่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย มีกำไรสุทธิ 1,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีกำไร 1,078 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยแอร์เอเชีย ระบุว่า ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่ยังมีกำไร เพราะมีการขยายเส้นทางใหม่ 12 เส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง
ด้าน บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่กำลังเจอปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินของสนามบินสมุย ระบุว่า ปีที่แล้วได้กำไรสุทธิ 1,837 ล้านบาท ลดลง 0.7% ซึ่งปี 2560 นี้ มีแผนเปิดเส้นทางใหม่ เช่น เชียงใหม่-เวียงจันทน์, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และมีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 5 ลำ
ส่วน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ปี 2559 มีกำไรจากธุรกิจการบิน 4,071 ล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2558 ถึง 412% และถ้าหักค่าซ่อมเครื่องบินเช่าใช้จ่ายพิเศษตามโครงการตามแผนปฏิรูป ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท ดีกว่าปีที่แล้วที่ขาดทุน 13,047 ล้านบาท โดยการบินไทย ระบุว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ลดลงและการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ประเมินว่า การปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของสายการบินต้นทุนต่ำ แต่การที่สายการบินเลือกใช้วิธีการขึ้นค่าตั๋ว จึงทำให้ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของสายการบิน รวมถึงจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น จะมีส่วนต่อรายได้ของสายการบินในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 มี.ค.) เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารงานและปฏิรูปการบินไทย
สำหรับการยื่นครั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหาสินบนโรลส์รอยซ์ ที่พบความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างจนทำให้การบินไทยขาดทุน จึงต้องการให้ใช้มาตรา 44 เหมือนการแก้ปัญหาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่มา
http://www.springnews.co.th/th/2017/03/28186/
สายการบินตบเท้าแจ้งผลประกอบการกำไร! “นกแอร์” ขาดทุน
วันที่ 1 มี.ค. 60 — บริษัท สายการบิน "นกแอร์" จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการของสายการบินนกแอร์และบริษัทย่อย 2,800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2558 ที่ขาดทุน 726 ล้านบาท โดยสายการบินนกแอร์ ระบุว่า ผลขาดทุนมาจากรายได้ที่ลดลงและมีต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตามแผนการขยายฝูงบิน ค่าซ่อมบำรุงเครื่องบิน รวมถึงการนำเครื่องยนต์ของเครื่องบินซ่อมบำรุงตามระยะ และค่าใช้จ่ายซ่อมเครื่องบินที่เสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเคลมประกันภัยและรอคืนเงิน
ขณะที่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย มีกำไรสุทธิ 1,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีกำไร 1,078 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยแอร์เอเชีย ระบุว่า ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่ยังมีกำไร เพราะมีการขยายเส้นทางใหม่ 12 เส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง
ด้าน บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่กำลังเจอปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินของสนามบินสมุย ระบุว่า ปีที่แล้วได้กำไรสุทธิ 1,837 ล้านบาท ลดลง 0.7% ซึ่งปี 2560 นี้ มีแผนเปิดเส้นทางใหม่ เช่น เชียงใหม่-เวียงจันทน์, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และมีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 5 ลำ
ส่วน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ปี 2559 มีกำไรจากธุรกิจการบิน 4,071 ล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2558 ถึง 412% และถ้าหักค่าซ่อมเครื่องบินเช่าใช้จ่ายพิเศษตามโครงการตามแผนปฏิรูป ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท ดีกว่าปีที่แล้วที่ขาดทุน 13,047 ล้านบาท โดยการบินไทย ระบุว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ลดลงและการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ประเมินว่า การปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของสายการบินต้นทุนต่ำ แต่การที่สายการบินเลือกใช้วิธีการขึ้นค่าตั๋ว จึงทำให้ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของสายการบิน รวมถึงจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น จะมีส่วนต่อรายได้ของสายการบินในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 มี.ค.) เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารงานและปฏิรูปการบินไทย
สำหรับการยื่นครั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหาสินบนโรลส์รอยซ์ ที่พบความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างจนทำให้การบินไทยขาดทุน จึงต้องการให้ใช้มาตรา 44 เหมือนการแก้ปัญหาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่มา http://www.springnews.co.th/th/2017/03/28186/