สวัสดีอีกครั้งคะ ทุกคน วันนี้ไอซ์อยากจะมารีวิวที่ไอซ์ไปเที่ยวญี่ปุ่นมา ปีที่แล้ว หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ ^^
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาญี่ปุ่นไอซ์กับแฟนมีแพลนจะไปอเมริกา
แต่!! ชีวิตเหมือนนางเองโดนแกล้งวีซ่าไม่ผ่าน 3 รอบ ซึ่งน่าโมโหมาก มีเวลาตัดสินใจ 3 วัน จากนั้นทุกแต่คนเชียร์ให้ไปญี่ปุ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ สถานทูตอเมริกา ไหงงั้นละ ? ก็ได้คะ ในเมื่อทุกคนเชียร์ ไปญี่ปุ่นก็ได้ ไปกันเลย
ขอบอกทุกคนก่อนว่า การมาญี่ปุ่นครั้งแรกพวกเราไม่ได้เตรียมตัวหรือทำการบ้านมาเลย ไปแบบชิวๆ มันจะเป็นยังไงไปดูกัน555555
ครั้งแรกเราดูที่พักที่โรงแรม แล้วเกิดความสงสัย เอ๊ะ? ทำไมค่าโรงแรมมันโหดแบบนี้!! ตายแน่นอนเลยฉัน ไม่มีเงินกินข้าวแน่เลย
เลยตัดสินใจ จองห้องพักที่ Airbnb แถวๆย่าน Meguro-ku ซึ่งห่างจาก Shibuya ประมาณ 4 นาที สำหรับจะขึ้นรถไฟ ถ้าเดินก็ 20 นาทีเขาบอกมา แต่เราเดิน ตั้ง 40 นาทีแหนะ โกหกกันชัดๆ (ใช่เหรอ???? ได้ข่าวแกแวะหลายที่นิ)
จากสถานีรถไฟถึงบ้านพักเดินลากกระเป๋า 10 นาที พูดเลยว่าเกือบไม่รอด เพราะทางไปบ้านพักเป็นเนินขึ้น แถมยังต้องขึ้นบรรไดอีก
คอยดูนะ ขากลับฉันจะกลิ้งกระเป๋าพร้อมตัวฉันลงมา 5555

นี่คือรูปบ้านพักของเรา สะอาดและเรียบง่าย

และสิ่งเจ้าของบ้านเตรียมไว้ให้พวกเรา น่ารักและใจดีมาก ชมไปก่อนๆ55555
หลังจากเก็บของอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นวันแรกก็ไปลุยกัน
วันที่ 1 พวกเราก็จะจัดของเสร็จก็เริ่มจะค่ำแล้ว เราตรงดิ่งไป
Shibuya เคยเห็นแต่ในหนังตื่นเต้นอ่ะ



คนเยอะจังเลย แปลกใจว่าคนมาจากไหนเยอะแยะ
ไอซ์กับแฟนเดินตามคนเข้าไปในตรอกที่มีแสงไฟเยอะๆ555 ตามเขาอย่างเดียว ก็ได้พบกับ!!!


คือดีมาก มันคืออะไรอ่ะแก ถามแฟน แฟนบอกมาด้วยกันจะรู้มั้ย เลยลองซื้อมาชิม รู้สึกเลี่ยนๆเอียนๆ กินไม่หมดกินต่อทีบ้านก็ได้คะ เสียดายของเนอะ
พอกินของหวานแล้วก็ขอกินของคาวต่อ เอ๊ะยังไง?5555


ไก่กุ๊กๆ ชื่อร้านชื่ออะไรจำไม่ได้ รู้แค่ว่าบ้านเราก็มี 55555 แต่แฟนอร่อยมากๆยู ไก่ที่นี่อร่อยจริงๆ (แหม๊แกหิวละสิ!)
หลังจากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อย เริ่มจะหิวแล้ว อยากกินซูชิดีๆ แต่มีหลายร้านที่เต็มเราก็เลยเดินต่อไปเรื่อย จนเจอร้านนี้





Shushi Stan ด้วยความหิวจัด ทำให้ภาพที่ถ่ายมาดูเบลอสุดๆ และก็ถ่ายอาหารไม่ครบเพราะถือกล้องไปกินไปเกะกะสุดๆ
แต่ร้านนี้อร่อยมากๆ ด้วยความที่ไปครั้งแรก ไปหาวาซาบิ เห้ยๆวาซาบิไม่มี คนญี่ปุ่นไม่กินว่าซาบิกันเหรอ คิดคำถามในใจ
ด้วยความที่พวกเราทั้งสองคน ฉลาดกันทั้งคู่ เห็นเหมือนถ้วยเล็กๆมีผงสีเขียวอยู่ สายตาก็มองไปยังเชฟและลูกค้าคนอื่นไม่มีใครมอง คงใช่แน่นอนวาซาบิ
ด้วยความมั่นใจเราทั้งคู่ ตักผงสีเขียวๆลงในซอสโชยุ คนๆให้เข้ากัน จิ้มซูชิลงไป กินอย่างอร่อย อ่าวทำไมไม่เผ็ดวะ-** ตักลงเพิ่มอีก คนๆก็ยังไม่เผ็ดสงสัยวาซาบิร้านนี้ไม่แรงมั้ง แอบคุยกัน2คน จากนั้นเชฟและลูกค้าคนอื่นหันมามองพวกเรา2คนและยิ้มๆ เราก็ยิ้มตอบสิคะ คิดในใจ ร้านนี้วาซาบิไม่ได้เรื่องเลย จากนั้นเช็คบิลแล้วรีบพากันเดินออกจากร้าน และกลับไปที่บ้านพัก เปิดคอมแล้วนั่งอ่านรีวิวเวปต่างๆ จนได้เจอ1ข้อความ ว่าไปญี่ปุ่น เวลาไปทานซูชิเชฟจะใส่มาให้ในข้าวแล้ว ส่วนผงสีเขียวคือชาเขียวเขาแจกฟรีไว้ผสมกับน้ำอุ่น = =!! เอิ่ม.... อายมั้ยละ เขามองทั้งร้าน 55555555555555 ด้วยความที่อับอายเลยรีบเข้านอน เอาแรงไว้เดินทางต่อสำหรับวันพรุ่งนี้ 555555
วันที่ 2 Asakusa, Naka Meguro
ตื่นเช้ามาอากาศแจ่มใส ออกมานอกระเบียง บรรยากาศดีมากเลยคะ

กำลังชื่นชมอากาศอยู่พักนึง มีลุงแก่ๆเดินเข้ามา พ่นไฟภาษาญี่ปุ่นใส่ใหญ่เลย คือลุงคะ sorry i don't understand Japanese นางถามว่าเราเป็นเจ้าของบ้านพักหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ จากนั้นก็คุยกันไม่เข้าใจ เราบอกให้นางกลับไป นางไม่กลับ มีเครื่องไม้เครื่องมือให้ดูเราก็พอจะนึกออกแล้วว่า คงให้จ่ายค่าไฟ แต่เราบอกเราจ่ายไม่ได้ เราไม่ใช่เจ้าของบ้าน เขาไม่ยอมกลับจนก็เราจะจ่ายจนเราต้องยอม

ลุงนิดื้อจริงๆ ส่วนอีเจ๊เจ้าของบ้าน (เรียกเขาอีเจ๊ละ) เราต้องคุยกัน!!!555555
หลังจากนั้นเคลียร์กันอยู่พักใหญ่ สรุป นางอยู่อเมริกาคคะ มาไม่ได้ ให้พวกเรารับผิดชอบไป ไม่ได้คะ!! เราไม่ยอมเราแจ้งทาง Airbnb แล้วทาง Airbnb รับผิดชอบโดยการโอนค่าใช่จ่ายเข้าบัญชีเรา เป็นอันเรียบร้อย อิอิ
Sensō-ji Temple
ใครๆต่างก็บอกก็ไอซ์ว่า ถ้าไปญี่ปุ่น แล้วไม่ไป Sensō-ji Temple ก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น
งั้นก็ไปก๊โล้ด ลงจากสถานีรถไฟ ก็จะเข้าไปวัด ก็เริ่มหิวเพราะความโมโหอีเจ๊เจ้าของบ้าน (ไม่เกี่ยวกับเจ๊ แกหิวเอง)
ก็เลย รีบหาของกิน พวกเราเน้นถูกไว้ก่อน แพงไว้ชาติ555 มีอะไรกินได้หมดเลยนะ ยกเว้น หอย ไข่หอยเม่น ปลาหมึก กุ้ง 55555 (จ้ากินได้หมด)
รีบจัดหาร้านที่พวกเราคิดว่าดีสำหรับพวกเราสองคน นั้นก็คือร้านนี้







อิ่มกันสุดๆ งั้นก็ไปต่อกันเลย







เดินไปกินไป มีขี้เล็บอย่าว่ากัน555555


พอกินเสร็จฝนดันมาตก ตกแบบเบาๆ แต่ลมแรงมาก แรงจนล่มที่พกมาด้วยหัก= =*
แต่เราก็ไม่เคยท้อที่อยากอยากเห็น
Asahi Beer Headquarters และ
Tokyo Skytree เราต้องสู้ สู้จนได้เจอ
อยากลองไป Tokyo Skytree แต่ด้วยความที่ลมแรงเริ่มมีฝนหนักและอากาศเย็น โอเคล้มเลิก กลับบ้านพักก็ได้ เชอะ


พอกลับมาถึงก็ต้องรีบอาน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะอากาศที่นี่เริ่มหนาว แล้วพวกเราทั้ง 2คน ก็ตากฝนมาอีก
พักผ่อนสักพัก ลืมไปว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น เลยกะว่าจะกินแถวๆบ้านพัก Naka-Meguro ไม่อยากเดินไปไกล ขี้เกียจนั่งรถไฟอีก
เจอร้านนี้ น่านั่งมั้ยยู เอาร้านนี้แล้วกันเนอะ จะได้รีบกินรีบกับ
ร้านนี้ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ทำให้เรา2คน คนฉลาด555สั่งกันเองแบบตามเคย ด้วยความที่ฉนาดทั้งคู่บวกกับพนักงานไม่พูดอังกฤษ เราก็ได้อาหารที่ออกมาดูน่าตาน่าทาน เก่งใช่มั้ยละ



เริ่มกินกันอย่างเมามันส์ แต่ไอ้อาหารที่เราสั่งมานิ มันคืออะไร!!!!
ไอซ์ก็คิดว่าเป็นเนื้อกับปลา55555 พอกินลงไปรู้สึกแปลกๆทั้งคู่ โต๊ะข้างๆเริ่มมองมีเสียงซุบซิบนินทา
คิดในใจอะไรอีกวะเนี่ย เรียกบ๋อยมา ไม่พูดอังกฤษสักคนจนโต๊ะข้างๆสงสัยสงสาร เขาพูดอังกฤษได้เขาบอกที่พวกเรากำลังกินกันอ่ะ
คือเนื้อม้าห่ะ เนื้อม้า!!!!!! ตายๆตายละตรูเกิดมาไม่เคยกินจะดีดมั้ยเนี่ย พูดกันนิดหน่อยเครื่องดื่มเข้าปาก คุยกันสนุกสนานพร้อมกับกินเนื้อม้าหมดจาน เพราะความเมา 55555555

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรเปิดดิกแปลเมนูอาหารก่อนสั่ง5555555555555
ปล. ไอซ์ใช้กล้องสลับกับกล้องมือถือนะคะ ภาพออกมาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง
[CR] [Review] Japan Trip : Tokyo & Osaka just the two of us เที่ยวไปกินไป Part 1
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาญี่ปุ่นไอซ์กับแฟนมีแพลนจะไปอเมริกา
แต่!! ชีวิตเหมือนนางเองโดนแกล้งวีซ่าไม่ผ่าน 3 รอบ ซึ่งน่าโมโหมาก มีเวลาตัดสินใจ 3 วัน จากนั้นทุกแต่คนเชียร์ให้ไปญี่ปุ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ สถานทูตอเมริกา ไหงงั้นละ ? ก็ได้คะ ในเมื่อทุกคนเชียร์ ไปญี่ปุ่นก็ได้ ไปกันเลย
ขอบอกทุกคนก่อนว่า การมาญี่ปุ่นครั้งแรกพวกเราไม่ได้เตรียมตัวหรือทำการบ้านมาเลย ไปแบบชิวๆ มันจะเป็นยังไงไปดูกัน555555
ครั้งแรกเราดูที่พักที่โรงแรม แล้วเกิดความสงสัย เอ๊ะ? ทำไมค่าโรงแรมมันโหดแบบนี้!! ตายแน่นอนเลยฉัน ไม่มีเงินกินข้าวแน่เลย
เลยตัดสินใจ จองห้องพักที่ Airbnb แถวๆย่าน Meguro-ku ซึ่งห่างจาก Shibuya ประมาณ 4 นาที สำหรับจะขึ้นรถไฟ ถ้าเดินก็ 20 นาทีเขาบอกมา แต่เราเดิน ตั้ง 40 นาทีแหนะ โกหกกันชัดๆ (ใช่เหรอ???? ได้ข่าวแกแวะหลายที่นิ)
จากสถานีรถไฟถึงบ้านพักเดินลากกระเป๋า 10 นาที พูดเลยว่าเกือบไม่รอด เพราะทางไปบ้านพักเป็นเนินขึ้น แถมยังต้องขึ้นบรรไดอีก
คอยดูนะ ขากลับฉันจะกลิ้งกระเป๋าพร้อมตัวฉันลงมา 5555
นี่คือรูปบ้านพักของเรา สะอาดและเรียบง่าย
และสิ่งเจ้าของบ้านเตรียมไว้ให้พวกเรา น่ารักและใจดีมาก ชมไปก่อนๆ55555
หลังจากเก็บของอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นวันแรกก็ไปลุยกัน
วันที่ 1 พวกเราก็จะจัดของเสร็จก็เริ่มจะค่ำแล้ว เราตรงดิ่งไป Shibuya เคยเห็นแต่ในหนังตื่นเต้นอ่ะ
คนเยอะจังเลย แปลกใจว่าคนมาจากไหนเยอะแยะ
ไอซ์กับแฟนเดินตามคนเข้าไปในตรอกที่มีแสงไฟเยอะๆ555 ตามเขาอย่างเดียว ก็ได้พบกับ!!!
คือดีมาก มันคืออะไรอ่ะแก ถามแฟน แฟนบอกมาด้วยกันจะรู้มั้ย เลยลองซื้อมาชิม รู้สึกเลี่ยนๆเอียนๆ กินไม่หมดกินต่อทีบ้านก็ได้คะ เสียดายของเนอะ
พอกินของหวานแล้วก็ขอกินของคาวต่อ เอ๊ะยังไง?5555
ไก่กุ๊กๆ ชื่อร้านชื่ออะไรจำไม่ได้ รู้แค่ว่าบ้านเราก็มี 55555 แต่แฟนอร่อยมากๆยู ไก่ที่นี่อร่อยจริงๆ (แหม๊แกหิวละสิ!)
หลังจากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อย เริ่มจะหิวแล้ว อยากกินซูชิดีๆ แต่มีหลายร้านที่เต็มเราก็เลยเดินต่อไปเรื่อย จนเจอร้านนี้
Shushi Stan ด้วยความหิวจัด ทำให้ภาพที่ถ่ายมาดูเบลอสุดๆ และก็ถ่ายอาหารไม่ครบเพราะถือกล้องไปกินไปเกะกะสุดๆ
แต่ร้านนี้อร่อยมากๆ ด้วยความที่ไปครั้งแรก ไปหาวาซาบิ เห้ยๆวาซาบิไม่มี คนญี่ปุ่นไม่กินว่าซาบิกันเหรอ คิดคำถามในใจ
ด้วยความที่พวกเราทั้งสองคน ฉลาดกันทั้งคู่ เห็นเหมือนถ้วยเล็กๆมีผงสีเขียวอยู่ สายตาก็มองไปยังเชฟและลูกค้าคนอื่นไม่มีใครมอง คงใช่แน่นอนวาซาบิ
ด้วยความมั่นใจเราทั้งคู่ ตักผงสีเขียวๆลงในซอสโชยุ คนๆให้เข้ากัน จิ้มซูชิลงไป กินอย่างอร่อย อ่าวทำไมไม่เผ็ดวะ-** ตักลงเพิ่มอีก คนๆก็ยังไม่เผ็ดสงสัยวาซาบิร้านนี้ไม่แรงมั้ง แอบคุยกัน2คน จากนั้นเชฟและลูกค้าคนอื่นหันมามองพวกเรา2คนและยิ้มๆ เราก็ยิ้มตอบสิคะ คิดในใจ ร้านนี้วาซาบิไม่ได้เรื่องเลย จากนั้นเช็คบิลแล้วรีบพากันเดินออกจากร้าน และกลับไปที่บ้านพัก เปิดคอมแล้วนั่งอ่านรีวิวเวปต่างๆ จนได้เจอ1ข้อความ ว่าไปญี่ปุ่น เวลาไปทานซูชิเชฟจะใส่มาให้ในข้าวแล้ว ส่วนผงสีเขียวคือชาเขียวเขาแจกฟรีไว้ผสมกับน้ำอุ่น = =!! เอิ่ม.... อายมั้ยละ เขามองทั้งร้าน 55555555555555 ด้วยความที่อับอายเลยรีบเข้านอน เอาแรงไว้เดินทางต่อสำหรับวันพรุ่งนี้ 555555
วันที่ 2 Asakusa, Naka Meguro
ตื่นเช้ามาอากาศแจ่มใส ออกมานอกระเบียง บรรยากาศดีมากเลยคะ
กำลังชื่นชมอากาศอยู่พักนึง มีลุงแก่ๆเดินเข้ามา พ่นไฟภาษาญี่ปุ่นใส่ใหญ่เลย คือลุงคะ sorry i don't understand Japanese นางถามว่าเราเป็นเจ้าของบ้านพักหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ จากนั้นก็คุยกันไม่เข้าใจ เราบอกให้นางกลับไป นางไม่กลับ มีเครื่องไม้เครื่องมือให้ดูเราก็พอจะนึกออกแล้วว่า คงให้จ่ายค่าไฟ แต่เราบอกเราจ่ายไม่ได้ เราไม่ใช่เจ้าของบ้าน เขาไม่ยอมกลับจนก็เราจะจ่ายจนเราต้องยอม
ลุงนิดื้อจริงๆ ส่วนอีเจ๊เจ้าของบ้าน (เรียกเขาอีเจ๊ละ) เราต้องคุยกัน!!!555555
หลังจากนั้นเคลียร์กันอยู่พักใหญ่ สรุป นางอยู่อเมริกาคคะ มาไม่ได้ ให้พวกเรารับผิดชอบไป ไม่ได้คะ!! เราไม่ยอมเราแจ้งทาง Airbnb แล้วทาง Airbnb รับผิดชอบโดยการโอนค่าใช่จ่ายเข้าบัญชีเรา เป็นอันเรียบร้อย อิอิ
Sensō-ji Temple
ใครๆต่างก็บอกก็ไอซ์ว่า ถ้าไปญี่ปุ่น แล้วไม่ไป Sensō-ji Temple ก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น
งั้นก็ไปก๊โล้ด ลงจากสถานีรถไฟ ก็จะเข้าไปวัด ก็เริ่มหิวเพราะความโมโหอีเจ๊เจ้าของบ้าน (ไม่เกี่ยวกับเจ๊ แกหิวเอง)
ก็เลย รีบหาของกิน พวกเราเน้นถูกไว้ก่อน แพงไว้ชาติ555 มีอะไรกินได้หมดเลยนะ ยกเว้น หอย ไข่หอยเม่น ปลาหมึก กุ้ง 55555 (จ้ากินได้หมด)
รีบจัดหาร้านที่พวกเราคิดว่าดีสำหรับพวกเราสองคน นั้นก็คือร้านนี้
อิ่มกันสุดๆ งั้นก็ไปต่อกันเลย
เดินไปกินไป มีขี้เล็บอย่าว่ากัน555555
พอกินเสร็จฝนดันมาตก ตกแบบเบาๆ แต่ลมแรงมาก แรงจนล่มที่พกมาด้วยหัก= =*
แต่เราก็ไม่เคยท้อที่อยากอยากเห็น Asahi Beer Headquarters และ Tokyo Skytree เราต้องสู้ สู้จนได้เจอ
อยากลองไป Tokyo Skytree แต่ด้วยความที่ลมแรงเริ่มมีฝนหนักและอากาศเย็น โอเคล้มเลิก กลับบ้านพักก็ได้ เชอะ
พอกลับมาถึงก็ต้องรีบอาน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะอากาศที่นี่เริ่มหนาว แล้วพวกเราทั้ง 2คน ก็ตากฝนมาอีก
พักผ่อนสักพัก ลืมไปว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น เลยกะว่าจะกินแถวๆบ้านพัก Naka-Meguro ไม่อยากเดินไปไกล ขี้เกียจนั่งรถไฟอีก
เจอร้านนี้ น่านั่งมั้ยยู เอาร้านนี้แล้วกันเนอะ จะได้รีบกินรีบกับ
ร้านนี้ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ทำให้เรา2คน คนฉลาด555สั่งกันเองแบบตามเคย ด้วยความที่ฉนาดทั้งคู่บวกกับพนักงานไม่พูดอังกฤษ เราก็ได้อาหารที่ออกมาดูน่าตาน่าทาน เก่งใช่มั้ยละ
เริ่มกินกันอย่างเมามันส์ แต่ไอ้อาหารที่เราสั่งมานิ มันคืออะไร!!!!
ไอซ์ก็คิดว่าเป็นเนื้อกับปลา55555 พอกินลงไปรู้สึกแปลกๆทั้งคู่ โต๊ะข้างๆเริ่มมองมีเสียงซุบซิบนินทา
คิดในใจอะไรอีกวะเนี่ย เรียกบ๋อยมา ไม่พูดอังกฤษสักคนจนโต๊ะข้างๆสงสัยสงสาร เขาพูดอังกฤษได้เขาบอกที่พวกเรากำลังกินกันอ่ะ
คือเนื้อม้าห่ะ เนื้อม้า!!!!!! ตายๆตายละตรูเกิดมาไม่เคยกินจะดีดมั้ยเนี่ย พูดกันนิดหน่อยเครื่องดื่มเข้าปาก คุยกันสนุกสนานพร้อมกับกินเนื้อม้าหมดจาน เพราะความเมา 55555555
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรเปิดดิกแปลเมนูอาหารก่อนสั่ง5555555555555
ปล. ไอซ์ใช้กล้องสลับกับกล้องมือถือนะคะ ภาพออกมาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง
เดี๋ยวมาลงใหม่นะ ขอพักก่อน อย่าลืมติดตามกันนะคะ
https://pantip.com/topic/36165608
[Review] Japan Trip : Tokyo & Osaka just the two of us เที่ยวไปกินไป Part 3
https://pantip.com/topic/36168298
[Review] Japan Trip : Tokyo & Osaka just the two of us เที่ยวไปกินไป Part 4
https://pantip.com/topic/36168776
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ทริปเที่ยว กัมพูชา ตามประสาเราสองคน นครวัด นครธม ณ เมืองเสียมเรียบ ที่ไม่ได้เรียบอย่างที่คิด Cambodia is fun
https://pantip.com/topic/36157879
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
3 Days in HongKong + Macau กับเราสามคน ลูก แม่ และยาย Let's go!
https://pantip.com/topic/36147097
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
วิธีทำ Mint chocolate chip cookies แปลกแต่อร่อย หอมฟุ้งเลย
https://pantip.com/topic/36155540