สวัสดีค่ะทุกท่าน
กระทู้นี้เป็นการรีวิวการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้เพื่อนๆที่สนใจลองศึกษาเป็นข้อมูลดูนะคะ
.......................................................................
ทริปนี้พวกเราไปกัน 5 คน 7 วัน 6 คืน (13-19 กพ 2017) ตามแพลนคือ พอลงเครื่องที่นาริตะก็จะตรงไปคาวาคูจิโกะเลย อยู่ที่นั่น 3 คืน วันที่ 4 เชคเอ๊าท์ ขับรถเที่ยวมาตามทางแล้วมาคืนรถที่โตเกียว ตลอดระยะเวลาที่อยู่โตเกียวใช้รถไฟเอาค่ะ ดังนั้นจะขอรีวิวแค่ช่วงที่เช่ารถนะคะ
เราเช่ารถกับ Toyota rent a car หรือ
https://rent.toyota.co.jp/eng/ สาเหตุที่เลือกก็ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้นเราเสริชๆดูว่ามีใครให้เช่ารถบ้างในญี่ปุ่น แล้วลองเข้าไปจองในเว็บดู ลองอยู่ 2-3 เจ้า แต่เว็บที่ลองส่วนใหญ่จะไม่มีรถที่ต้องการ เพราะเราเลือกจองช่วงปลายเดือนมกราคม คืออีกครึ่งเดือนก็จะไปอยู่แล้ว เลยอาจจะหมด สุดท้ายมาจบที่เจ้านี้ ที่เค้ามีรถแบบที่ต้องการให้เช่าในช่วงที่เราจะไปพอดี
เจ้านี้มีรถให้เลือกหลายแบบ เราเลือกแบบ P3 Standard ซึ่งเป็นรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ามัดจำ สามารถไปจ่ายทีเดียวตอนรับรถได้เลย แต่หากเลือกรุ่นที่ดีกว่านี้ต้องจ่ายค่ะ
จริงๆตอนแรกที่เลือกในเว็บเราเลือกรถคันแรกซ้ายมือ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับได้รุ่นตัวขวามือแทน รถยาวแบบนี้ยังไม่เคยขับ เพราะปกติขับรถยนต์ธรรมดา แต่ตอนนั้นก็โอเคๆ ไม่มีปัญหา ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ อยากเที่ยวแล้ววววว
และนี่คือรถตัวจริงที่ได้มาค่ะ ด้านหลังสามารถบรรจุกระเป๋าเดินทาง 5 ใบได้พอดี ดีจริงๆ
ตอนที่ทำการจองรถในเว็บเราไม่มั่นใจว่าจะเจอหิมะหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อป้องกันไว้ก่อนจึงกะว่าจะจอง ยางแบบ winter tyre เพิ่มด้วย แต่ในเว็บจะจองได้แค่การเลือกรถ เลือกสถานที่รับส่งรถ และประกันเท่านั้นนะคะ หลังจากคอนเฟิร์มการจอง จะมีเมลส่งมาแจ้งรายละเอียดและบอกว่า หากต้องการ Option เสริมอะไรก็ตามให้เมลไปบอกเค้าตาม e-mail ที่ให้มา เราก็เมลไปแจ้งเค้าว่าต้องการ Option เสริมเป็น ยางแบบ winter, บัตร ETC, และ Navigator ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเค้าก็จะ reply เมลกลับมาเป็นสรุปยอดค่าเช่าใหม่ตามด้านล่างค่ะ
จากรูปจะเห็นว่ามีค่าชาร์จเมื่อคืนรถคนละที่กันกับที่รับรถ เพราะเราเลือกคืนรถที่โตเกียว และมีอีกค่าหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นค่าประกันค่ะ ค่านี้ตอนทำการจองจะมีการแนะนำว่าให้เลือก สุดท้ายก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ
เมื่อรับรถ ก็มีการตรวจสภาพตัวรถอะไรปรกติ สอนการใช้ Navigator ซึ่งไม่ยากค่ะ แค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ของที่ที่เราจะไป หรือหากใส่แล้วไม่เจอ ก็ลองใส่ชื่อสถานที่นั้นดู การบอกทางก็บอกดีเลยค่ะ ละเอียดดี (แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีตื่นเต้นเข้าช่องผิด แต่โปรแกรมก็รีบคำนวณแล้วบอกทางใหม่พากลับมาในเส้นทางเหมือนเดิม สะบายใจได้เลยค่ะ)
เมื่อตั้ง Navi ให้พาไปยังที่พักในคาวาฯแล้ว ก็ออกเดินทางกันเล้ย เส้นทางจากสนามบินนาริตะไปคาวาฯนั้นจะมีตัดผ่านตัวเมืองโตเกียวด้วยค่ะ ขอบอกว่าตอนนั้นเพลียมากๆ ง่วงนอน แต่ก็เกร็งและตื่นเต้นมากๆ ทำให้เข้าช่องผิดกลายเป็นออกจากทางด่วน แถมดันเป็นช่วงที่อยู่โตเกียว สรุปเลยได้ขับรถในโตเกียวแป๊บนึง โครตตตตตื่นเต้น จากเพลียๆนี่ตาสว่างเลย ไม่ช้า Navi ก็พากลับขึ้นทางด่วนได้ใหม่ เสียเวลาไปประมาณ 10 นาที คนญี่ปุ่นขับรถไม่เร็ว ขับตามกฎจราจร ขนาดอยู่กลางเมืองหลวง ใครขับที่กรุงเทพฯได้ ยังไงก็ขับที่ญี่ปุ่นได้ค่ะ
ทางด่วนบ้านเขาก็คล้ายกับบ้านเรา ในรูปนี้เป็นตอนออกมาจากโซนโตเกียวมองเห็นเทือกเขาไกลๆ จะถึงคาวาคูจิโกะแล้ววววว
ขับๆไปก็จะเจอด่านไปเรื่อยๆตามทาง Navi จะแจ้งให้เรารู้ก่อนถึงเลยว่าจะมีด่านเก็บเงินอยู่ข้างหน้านะ และค่าทางด่วนกี่เยนจะบอกให้รู้ตัวก่อนหมด เอาจริงๆ ต่อให้ไม่มีบัตร ETC ก็น่าจะโอเค เพราะเราไม่จำเป็นต้องคุยกับพนักงานเก็บเงินเลย Navi บอกเราให้รู้ก่อนถึงอยู่แล้ว แต่การมีบัตรก็สะดวกมากๆเลยค่ะ ใช้ก่อน จ่ายทีหลังทีเดียวตอนเอารถไปคืน พอเรามีบัตร ETC ซึ่งจะเสียบไว้ด้านใต้พวงมาลัย ก็แค่ชะลอๆขับเข้าไปในเลน ETC อารมณ์ประมาณเดียวกับบัตรทางด่วนบ้านเราเลยค่ะ
ขับมาจนเข้าเขตจังหวัดยามานาชิ ก็จะเห็นฟูจิซัง ผลุบๆโผล่ๆ มาให้เห็นระหว่างทาง กรี้ดกร้าดตื่นเต้นกันมากๆเลย นี่เป็นครั้งแรกของทุกคนที่เคยเห็นฟูจิซัง
ในที่สุดก็มาถึงที่พักในตอนประมาณบ่ายสามโมง (ออกจากสนามบินนาริตะประมาณ 11 โมง แวะกินข้าวกลางวันบริเวณ Oasis ของทางด่วน) ขับไม่เกิน 100 km/h นะคะ บางทีก็เกินเวลาเผลอๆเพราะดูไม่ออกเลยว่านี่เร็วเกินร้อยแล้วหรอ แต่พอรู้ตัวจะพยายามขับให้อยู่ในความเร็วที่กำหนด เพราะกลัวว่าถ้าถูกจับแล้วจะยาววววว
ที่พักของพวกเราชื่อ Den's Inn ด้านล่างเป็น cafe' เปิดสายและปิดเร็ว พวกเราจึงไม่เคยได้ใช้บริการเลย ที่นี่เป็นโฮสเทลเล็กๆที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องน้ำสะอาด แต่ในส่วนกลางของบ้านไม่เปิด Heater ทำให้หนาวมากเวลาต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำหรือไปอาบน้ำ ห้องของพวกเราอยู่ชั้น 2 ห้องซ้ายมือ เป็นเตียง 2 ชั้น 3 หลัง จากห้องนอน สามารถมองเห็นยอดฟูจิด้วยนะเออ แต่เห็นไม่ชัดเต็มๆเนื่องจากฝั่งตรงข้ามของที่พักเรา คือ Music Forest สถานที่ท่องเที่ยวในแถบนั้นบังอยู่นั่นเอง
เนื่องจากเพลียจากการขับรถ เราหลับไปชั่วโมงกว่าๆ ตื่นมาตอนห้าโมงเย็น ก็เลยเดินไปฝั่งตรงข้าม ข้างๆ Music Forest ที่ณ.เวลานั้นปิดแล้ว เพื่อไปชมวิวริมทะเลสาบ ดูฟูจิ และดวงอาทิตย์ตกดินของวันแรก วันนี้อากาศดี แต่มีเมฆบ้างเหมือนกัน อากาศหนาว ช่างน่าตื่นเต้นกับวิวและอากาศเสียจริงๆ
พอเริ่มมืดจึงขับรถกลับเข้าไปในตัวเมือง พวกเราถามเจ้าของโฮสเทลว่าหากอยากกินซูชิควรไปร้านไหนดี เขาเลยแนะนำร้านนี้มา เขาบอกว่าเป็นร้านที่อร่อย และราคาไม่แพง พวกเราจึงออกเดินทางตามไปชิม ชื่อร้านคือ 魚屋路・富士吉田店 เราเปิด google map ให้เขาจิ้มพิกัดให้ แล้วเห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์ร้าน เลยเลือกตั้งค่า Navi โดยใช้เบอร์โทรร้านนำทางมาเลย
ร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพาน อาหารก็อร่อย ไม่ถึงกับเวอร์มาก แต่โอเคมาก ระหว่างทาน เชฟเดินเอาปลาออกมาโชว์ แล้วทำการแล่เนื้อปลาโชว์สดๆในร้านให้ได้ชมกันด้วยค่ะ
รูปอาหารนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะคะ ของจริงมากกว่านี้เยอะ แค่หิวจนขี้เกียจถ่าย จบมื้อนี้หมดกันไปคนละพันกว่าเยน ใครหยิบจานแพงมากก็จ่ายเยอะหน่อย
จบวันแรกไปแล้ว ตอนแรกกะรีวิวสั้นๆแค่เรื่องเช่ารถ ไปๆมาๆ ไหง๋กลายเป็นรีวิวทริปไปซะได้ ใครที่คิดอยากขับรถเที่ยวขอบอกว่า หากได้ลองสักครั้งแล้วจะติดใจค่ะ
สำหรับวันต่อๆไปเชิญด้านล่างเลยจ้า ใครอยากทราบแค่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเช่ารถ ค่าน้ำมัน และค่าทางด่วน เชิญตอนท้ายของ คห.6 เลยค่ะ
[CR] รีวิวเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น คาวาคูจิโกะ & ฮาโกเน่
กระทู้นี้เป็นการรีวิวการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้เพื่อนๆที่สนใจลองศึกษาเป็นข้อมูลดูนะคะ
.......................................................................
ทริปนี้พวกเราไปกัน 5 คน 7 วัน 6 คืน (13-19 กพ 2017) ตามแพลนคือ พอลงเครื่องที่นาริตะก็จะตรงไปคาวาคูจิโกะเลย อยู่ที่นั่น 3 คืน วันที่ 4 เชคเอ๊าท์ ขับรถเที่ยวมาตามทางแล้วมาคืนรถที่โตเกียว ตลอดระยะเวลาที่อยู่โตเกียวใช้รถไฟเอาค่ะ ดังนั้นจะขอรีวิวแค่ช่วงที่เช่ารถนะคะ
เราเช่ารถกับ Toyota rent a car หรือ https://rent.toyota.co.jp/eng/ สาเหตุที่เลือกก็ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้นเราเสริชๆดูว่ามีใครให้เช่ารถบ้างในญี่ปุ่น แล้วลองเข้าไปจองในเว็บดู ลองอยู่ 2-3 เจ้า แต่เว็บที่ลองส่วนใหญ่จะไม่มีรถที่ต้องการ เพราะเราเลือกจองช่วงปลายเดือนมกราคม คืออีกครึ่งเดือนก็จะไปอยู่แล้ว เลยอาจจะหมด สุดท้ายมาจบที่เจ้านี้ ที่เค้ามีรถแบบที่ต้องการให้เช่าในช่วงที่เราจะไปพอดี
เจ้านี้มีรถให้เลือกหลายแบบ เราเลือกแบบ P3 Standard ซึ่งเป็นรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ามัดจำ สามารถไปจ่ายทีเดียวตอนรับรถได้เลย แต่หากเลือกรุ่นที่ดีกว่านี้ต้องจ่ายค่ะ
จริงๆตอนแรกที่เลือกในเว็บเราเลือกรถคันแรกซ้ายมือ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับได้รุ่นตัวขวามือแทน รถยาวแบบนี้ยังไม่เคยขับ เพราะปกติขับรถยนต์ธรรมดา แต่ตอนนั้นก็โอเคๆ ไม่มีปัญหา ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ อยากเที่ยวแล้ววววว
และนี่คือรถตัวจริงที่ได้มาค่ะ ด้านหลังสามารถบรรจุกระเป๋าเดินทาง 5 ใบได้พอดี ดีจริงๆ
ตอนที่ทำการจองรถในเว็บเราไม่มั่นใจว่าจะเจอหิมะหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อป้องกันไว้ก่อนจึงกะว่าจะจอง ยางแบบ winter tyre เพิ่มด้วย แต่ในเว็บจะจองได้แค่การเลือกรถ เลือกสถานที่รับส่งรถ และประกันเท่านั้นนะคะ หลังจากคอนเฟิร์มการจอง จะมีเมลส่งมาแจ้งรายละเอียดและบอกว่า หากต้องการ Option เสริมอะไรก็ตามให้เมลไปบอกเค้าตาม e-mail ที่ให้มา เราก็เมลไปแจ้งเค้าว่าต้องการ Option เสริมเป็น ยางแบบ winter, บัตร ETC, และ Navigator ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเค้าก็จะ reply เมลกลับมาเป็นสรุปยอดค่าเช่าใหม่ตามด้านล่างค่ะ
จากรูปจะเห็นว่ามีค่าชาร์จเมื่อคืนรถคนละที่กันกับที่รับรถ เพราะเราเลือกคืนรถที่โตเกียว และมีอีกค่าหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นค่าประกันค่ะ ค่านี้ตอนทำการจองจะมีการแนะนำว่าให้เลือก สุดท้ายก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ
เมื่อรับรถ ก็มีการตรวจสภาพตัวรถอะไรปรกติ สอนการใช้ Navigator ซึ่งไม่ยากค่ะ แค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ของที่ที่เราจะไป หรือหากใส่แล้วไม่เจอ ก็ลองใส่ชื่อสถานที่นั้นดู การบอกทางก็บอกดีเลยค่ะ ละเอียดดี (แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีตื่นเต้นเข้าช่องผิด แต่โปรแกรมก็รีบคำนวณแล้วบอกทางใหม่พากลับมาในเส้นทางเหมือนเดิม สะบายใจได้เลยค่ะ)
เมื่อตั้ง Navi ให้พาไปยังที่พักในคาวาฯแล้ว ก็ออกเดินทางกันเล้ย เส้นทางจากสนามบินนาริตะไปคาวาฯนั้นจะมีตัดผ่านตัวเมืองโตเกียวด้วยค่ะ ขอบอกว่าตอนนั้นเพลียมากๆ ง่วงนอน แต่ก็เกร็งและตื่นเต้นมากๆ ทำให้เข้าช่องผิดกลายเป็นออกจากทางด่วน แถมดันเป็นช่วงที่อยู่โตเกียว สรุปเลยได้ขับรถในโตเกียวแป๊บนึง โครตตตตตื่นเต้น จากเพลียๆนี่ตาสว่างเลย ไม่ช้า Navi ก็พากลับขึ้นทางด่วนได้ใหม่ เสียเวลาไปประมาณ 10 นาที คนญี่ปุ่นขับรถไม่เร็ว ขับตามกฎจราจร ขนาดอยู่กลางเมืองหลวง ใครขับที่กรุงเทพฯได้ ยังไงก็ขับที่ญี่ปุ่นได้ค่ะ
ทางด่วนบ้านเขาก็คล้ายกับบ้านเรา ในรูปนี้เป็นตอนออกมาจากโซนโตเกียวมองเห็นเทือกเขาไกลๆ จะถึงคาวาคูจิโกะแล้ววววว
ขับๆไปก็จะเจอด่านไปเรื่อยๆตามทาง Navi จะแจ้งให้เรารู้ก่อนถึงเลยว่าจะมีด่านเก็บเงินอยู่ข้างหน้านะ และค่าทางด่วนกี่เยนจะบอกให้รู้ตัวก่อนหมด เอาจริงๆ ต่อให้ไม่มีบัตร ETC ก็น่าจะโอเค เพราะเราไม่จำเป็นต้องคุยกับพนักงานเก็บเงินเลย Navi บอกเราให้รู้ก่อนถึงอยู่แล้ว แต่การมีบัตรก็สะดวกมากๆเลยค่ะ ใช้ก่อน จ่ายทีหลังทีเดียวตอนเอารถไปคืน พอเรามีบัตร ETC ซึ่งจะเสียบไว้ด้านใต้พวงมาลัย ก็แค่ชะลอๆขับเข้าไปในเลน ETC อารมณ์ประมาณเดียวกับบัตรทางด่วนบ้านเราเลยค่ะ
ขับมาจนเข้าเขตจังหวัดยามานาชิ ก็จะเห็นฟูจิซัง ผลุบๆโผล่ๆ มาให้เห็นระหว่างทาง กรี้ดกร้าดตื่นเต้นกันมากๆเลย นี่เป็นครั้งแรกของทุกคนที่เคยเห็นฟูจิซัง
ในที่สุดก็มาถึงที่พักในตอนประมาณบ่ายสามโมง (ออกจากสนามบินนาริตะประมาณ 11 โมง แวะกินข้าวกลางวันบริเวณ Oasis ของทางด่วน) ขับไม่เกิน 100 km/h นะคะ บางทีก็เกินเวลาเผลอๆเพราะดูไม่ออกเลยว่านี่เร็วเกินร้อยแล้วหรอ แต่พอรู้ตัวจะพยายามขับให้อยู่ในความเร็วที่กำหนด เพราะกลัวว่าถ้าถูกจับแล้วจะยาววววว
ที่พักของพวกเราชื่อ Den's Inn ด้านล่างเป็น cafe' เปิดสายและปิดเร็ว พวกเราจึงไม่เคยได้ใช้บริการเลย ที่นี่เป็นโฮสเทลเล็กๆที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องน้ำสะอาด แต่ในส่วนกลางของบ้านไม่เปิด Heater ทำให้หนาวมากเวลาต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำหรือไปอาบน้ำ ห้องของพวกเราอยู่ชั้น 2 ห้องซ้ายมือ เป็นเตียง 2 ชั้น 3 หลัง จากห้องนอน สามารถมองเห็นยอดฟูจิด้วยนะเออ แต่เห็นไม่ชัดเต็มๆเนื่องจากฝั่งตรงข้ามของที่พักเรา คือ Music Forest สถานที่ท่องเที่ยวในแถบนั้นบังอยู่นั่นเอง
เนื่องจากเพลียจากการขับรถ เราหลับไปชั่วโมงกว่าๆ ตื่นมาตอนห้าโมงเย็น ก็เลยเดินไปฝั่งตรงข้าม ข้างๆ Music Forest ที่ณ.เวลานั้นปิดแล้ว เพื่อไปชมวิวริมทะเลสาบ ดูฟูจิ และดวงอาทิตย์ตกดินของวันแรก วันนี้อากาศดี แต่มีเมฆบ้างเหมือนกัน อากาศหนาว ช่างน่าตื่นเต้นกับวิวและอากาศเสียจริงๆ
พอเริ่มมืดจึงขับรถกลับเข้าไปในตัวเมือง พวกเราถามเจ้าของโฮสเทลว่าหากอยากกินซูชิควรไปร้านไหนดี เขาเลยแนะนำร้านนี้มา เขาบอกว่าเป็นร้านที่อร่อย และราคาไม่แพง พวกเราจึงออกเดินทางตามไปชิม ชื่อร้านคือ 魚屋路・富士吉田店 เราเปิด google map ให้เขาจิ้มพิกัดให้ แล้วเห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์ร้าน เลยเลือกตั้งค่า Navi โดยใช้เบอร์โทรร้านนำทางมาเลย
ร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพาน อาหารก็อร่อย ไม่ถึงกับเวอร์มาก แต่โอเคมาก ระหว่างทาน เชฟเดินเอาปลาออกมาโชว์ แล้วทำการแล่เนื้อปลาโชว์สดๆในร้านให้ได้ชมกันด้วยค่ะ
รูปอาหารนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะคะ ของจริงมากกว่านี้เยอะ แค่หิวจนขี้เกียจถ่าย จบมื้อนี้หมดกันไปคนละพันกว่าเยน ใครหยิบจานแพงมากก็จ่ายเยอะหน่อย
จบวันแรกไปแล้ว ตอนแรกกะรีวิวสั้นๆแค่เรื่องเช่ารถ ไปๆมาๆ ไหง๋กลายเป็นรีวิวทริปไปซะได้ ใครที่คิดอยากขับรถเที่ยวขอบอกว่า หากได้ลองสักครั้งแล้วจะติดใจค่ะ
สำหรับวันต่อๆไปเชิญด้านล่างเลยจ้า ใครอยากทราบแค่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเช่ารถ ค่าน้ำมัน และค่าทางด่วน เชิญตอนท้ายของ คห.6 เลยค่ะ