ต่อนยอน ต๊ะต่อนยอน สวัสดีฮะ 555555555555 พอดีได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวเชียงใหม่
เลยอยากเอาภาพบรรยากาศมาฝาก ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวที่รอมานานมากๆ เนื่องด้วยบรรดาเพื่อนๆ
แต่ละคนที่ไปด้วยนั้นต่างว่างไม่ตรงกันซักที จนวันเวลาล่วงเลยข้ามปี แล้วก็ได้ไปเที่ยวกันซักทีครับ
ไปครับไปเที่ยวด้วยกัน : )
16.02.2017 - Day1 (เจอกันอีกแล้วนะคุณเชียงใหม่)

: เริ่มต้นทริปด้วยเครื่องบินไฟล์ทช่วงสิบเอ็ดโมง ทริปนี้เดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ครับ ไปถึงนั่นก็ราวๆเที่ยงกว่าแล้ว
โดยแพลนตอนแรกของเราคือไปที่สวนพระนางเจ้าครับ จริงๆก็เห็นมาเยอะแล้วนะครับสำหรับรูปของคนอื่น แต่ก็ยังมีความอยาก
ที่จะได้ไปเห็นด้วยตัวเองอยู่ดี 5555555

เรานั่งไปถึงนั่นประมาณช่วงบ่ายสองนิดๆครับ ตอนแรกเห็นแดดแรงมาก คิดไว้แล้วว่าโอ้โหร้อนตับแตกแน่นอน แต่พอลงมาจากรถ
ก็เออพบว่า แดดมันแรงก็จริงอยู่ แต่ก็ยังพอมีลมเย็นพัดตลอดเวลา เท่านั้นแหละครับก็รู้สึกแฮปปี้แล้ว ตอนแรกพี่คนรถของเราขับ
ไปส่งตรงโซนพิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าเปิดใหม่รึป่าว ในนั้นก็มีพวกแหล่งข้อมูลเยอะแยะอยู่ ที่เป็นเรื่อง
เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ มีทั้งแบบบอร์ดให้อ่านคล้ายๆกับบรรยากาศบอร์ดของเราตามงานวิทยาศาสตร์โรงเรียน รวมไปถึงโซนที่
เป็นพวก Interactive ก็มีครับ แต่จริงๆเหมือนที่นี่เค้าจะมีชั้นบนด้วย แต่ว่าตอนที่พวกผมไปนี่ชั้นบนปิดซ่อมพอดีครับ ก็เลยไม่รู้เลย
ว่าข้างบนเค้ามีอะไรกันบ้าง เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันแปปเดียวเองครับไม่มากเท่าไหร่ เพราะจริงๆจุดที่ตั้งใจอยากไปเดินคือตรงสะพานเหล็ก
กับตรงที่เป็นโซนต้นไม้ต่างๆมากกว่า มาจากในเมืองกันมั้งครับเบื่อตึกเต็มที อยากเห็นใบไม้กับโลกข้างนอกกันซะส่วนใหญ่ 555555


คำแนะนำของพี่คนรถก็คือให้เราไปที่ตรงสะพานเหล็กก่อน แล้วค่อยเดินมาโซนกระบองเพชร
เพราะเหมือนโซนสะพานเหล็กจะปิดเร็วกว่าอีกโซนนึง

ตรงนี้เป็นโซนสะพานเหล็กครับ จริงๆตอนเดินไป เห็นป้ายระหว่างทางติดว่าจะมีน้องกิ้งก่าบิน แต่นี่ไม่เจอสักตัวเลยครับ 555555555
ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนกับป่าในกรุงของ ปตท ที่กรุงเทพ แต่ถ้าเทียบกันผมว่าที่นี่เดินสบายกว่า อาจจะเพราะด้วยอากาศ ที่นี่แดดแรง
แต่ว่าลมเย็นพัดตลอดทำให้รู้สึกว่าเดินได้เรื่อยๆ ไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ครับ




อันนี้ถัดมาเราเดินกันมาในโซนของต้นไม้ครับ ไฮไลท์ที่นี่คงจะเป็นโซนของกระบองเพชรที่ทุกคนดูต้องมา พอเข้าไปก็ดีนะครับ
เค้าจัดโซนสวยดี ดูตั้งใจวางน้องๆแคคตัสแบบคิดมาแล้ว รวมถึงจัดโซนต่างๆทำให้ดูน่าเดิน น่าถ่ายรูปเล่นดีครับ



เข้าใจแล้วว่าทำไม คนมาถ่ายกันเยอะขนาดนี้

จบจากสวนพระนางเจ้า ก็เริ่มหิวข้าวกันละครับ ก็เลยเดินทางไปหาร้านข้าวกินกัน ตอนแรกลังเลระหว่างกลับไปกินมื้อเย็นตรงที่พักในคืนนี้
หรือไปหาอะไรกินแถวดอยก่อนดี สรุปใจความได้ก็คือ ตัดสินใจไปที่ม่อนแจ่มครับ


ตอนแรกคิดว่าคงไปไม่ทันเพราะกลัวดอยข้างบนเค้าจะปิดให้เที่ยว แต่พอลองไปถามเค้าดูร้านอาหาร รวมไปถึงทุกๆโซนของที่นี่จะปิด
ประมาณหกโมงกว่าๆครับ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลย กับการมากินข้าวเย็นที่นี่ อากาศดีมากกกกกกกก ลมเย็น มองไปตรงไหน
ก็สบายตาสบายใจไปหมดฮะ อาหารที่นี่ก็ผมถือว่าอร่อยนะครับ แล้วก็คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายลงไปครับ เราชิวกันอยู่ที่นี่จนถึงช่วงหกโมงนิดๆ
เลยครับ รอเก็บภาพตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก มองไปข้างๆก็เจอแต่ทุ่ง เจอแต่สวน เหมือนได้มาเติมพลังงานให้กับตัวเอง หลังจากที่
ต้องทนอยู่แต่ในเมืองมาในช่วงหลายเดือนนี้


อิ่มท้องกันแล้วก็เตรียมตัวไปที่พักกันต่อเลยครับ สำหรับคืนแรกพวกเราจองที่พักไว้ที่
"Camp Chiang Mai" อยู่แถวๆบริเวณแม่ริม
เนื่องด้วยทริปนี้มีเพื่อนผู้หญิงไปด้วย ก็คงพอจะเข้าใจใช่มั้ยครับว่าทำไมถึงเลือกมานอนกันที่นี่ 5555555 เราเดินทางไปถึงที่นั่น
กันประมาณหนึ่งทุ่ม ก็ทำการจ่ายเงินเรียบร้อยตรงหน้าเคาท์เตอร์ แล้วก็ยกข้าวของไปเก็บในแคมป์ที่เราจองไว้ เนื่องด้วยวันที่
พวกเรามาเป็นวันธรรมดาครับ

ทำให้คนพักที่นี่ค่อนข้างน้อย ซึ่งมันดีนะครับ มันดูเงียบสงบดี ส่วนห้องที่พวกเราไปพักเราเลือกเป็นห้อง Family จำนวน 2 ห้องครับ
นอนได้ห้องละ 3 คน มันน่ารักมากนะครับ เป็นกระโจมเล็กๆ แต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเมื่อเข้าไปนอนอยู่ข้างใน บวกกับโทนสีของ
เครื่องนอนในห้องนั้นทำให้รู้สึกเหมือนเรามาตั้งแคมป์ลูกเสือสุดๆ เรานอนเล่นกันสักพักนึงครับ

ก่อนที่วางแพลนจะออกไปปิ้งบาร์บีคิวกันบริเวณโซนทานอาหารด้านหน้าทางเข้าแคมป์ เพราะนี่ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมหลัก
ที่คนส่วนใหญ่มาแล้วก็นิยมทำแน่นอนครับ มันก็ดูหาที่ทำได้ยากนะถ้าเราอยู่ในกรุงเทพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้*สำหรับเมนูอาหารที่ให้เรานำมาปิ้งก็เป็นเนื้อไก่ เนื้อหมู ไส้กรอก อะไรแบบนี้ครับ ราคาก็น่ารักดี อยู่ที่ไม้ละสิบบาท
สิบห้าบาทโดยประมาณ จะมีโดดมาหน่อยก็คงจะเป็นไส้กรอกที่ขาย 80 บาท แต่ถ้าให้แนะนำ ผมแนะนำให้เลือกซื้ออันที่
มันเป็นชิ้นเนื้อครับ แล้วเอามาย่างกันเอง แล้วค่อยหั่นทีหลัง เพราะผมว่ามันคุ้มกว่าแล้วก็มันค่อนข้างสุกกันอย่างทั่วถึงครับ
ถ้าเป็นแบบไม้เสียบจะสุกไม่ค่อยเสมอกันเท่าไหร่*
หลังจากทานอิ่มกันเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันกลับแคมป์ของตัวเอง แล้วก็ทยอยกันออกมาอาบน้ำครับ สำหรับไฟกลางที่นี่จะ
ปิดประมาณช่วง 4 ทุ่มครับ ดังนั้นรีบกลับก่อนก็จะดี เพราะเดี๋ยวจะมืดไป แต่ที่นี่น่ารักดีนะครับ เพราะตอนที่เราไปพัก
เค้าจะแจกเจ้าไฟฉายจิ๋วมาให้เราคนละอัน เป็นของเล็กๆน้อยๆ แต่ดูได้ใช้ประโยชน์นะครับ สำหรับใครที่เกิดอยากเข้าห้องน้ำ
ในช่วงกลางดึก เพราะห้องน้ำของที่นี่เป็นห้องน้ำรวม อารมณ์ประมาณโรงแรมโฮสเทลครับ เครื่องทำน้ำร้อนมีแน่นอนสำหรับ
คนที่กลัวว่าน้ำจะเย็น แต่ต้องปรับดีดีนะครับ ด้านซ้ายด้านขวา ไม่งั้นถ้าไม่ร้อนจนไข่สุกก็จะหนาวเย็นเป็นเอลซ่าเลยครับ
สำหรับคืนวันแรกผมถือว่าค่อนข้างประทับใจนะครับ มันได้มาพักจริงๆในที่ที่เราอยากมา มันดูไม่ได้หวือหวามากหรอกครับ
แต่เหมือนได้มาทำตัวง่ายๆ อยากพักที่ที่ทุกคนอยากมาพัก แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ฝันดีครับคุณเชียงใหม่
17.02.2017 - Day2 (เหมือนน้ำตกรักจังเลยเนาะ...)
: อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ครับ ตื่นมาเจอกับอุณหภูมิ 18 องศากำลังเย็นสบายๆเลยครับ หลังจากอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จก็เดินมา
ที่โซนอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่ก็น่ารักครับ มีทั้งหมูทอดกระเทียม ไก่ย่าง หมูปิ้ง ไข่ต้ม ข้าวเหนียวปิ้ง กาแฟ โอวัลตินต่างๆนาๆ
ถือว่าอร่อยและอิ่มท้องเลยนะครับ



เรานัดพี่คนรถไว้ประมาณแปดเก้าโมงครับ สำหรับแพลนวันนี้คือไปที่แม่กลางหลวงฮิลล์ครับ ไปพักตากอากาศที่นั่นเพื่อรอขึ้น
กิ่วแม่ปานกันในวันถัดไป แต่ถ้าจะไปเลยตอนนี้มันก็จะดูถึงเร็วไปหน่อย ก็เลยเลือกไปเดินเล่นทานกาแฟกันที่
"เก๊าไม้ล้านนา"
ครับ ที่นี่เป็นทั้งที่พักแล้วก็มีร้านอาหารร้านกาแฟรองรับอยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าด้วยครับ



[CR] WINTER THINGS : ต๊ะต่อนยอน...นอนหนาวที่เชียงใหม่
เลยอยากเอาภาพบรรยากาศมาฝาก ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวที่รอมานานมากๆ เนื่องด้วยบรรดาเพื่อนๆ
แต่ละคนที่ไปด้วยนั้นต่างว่างไม่ตรงกันซักที จนวันเวลาล่วงเลยข้ามปี แล้วก็ได้ไปเที่ยวกันซักทีครับ
ไปครับไปเที่ยวด้วยกัน : )
16.02.2017 - Day1 (เจอกันอีกแล้วนะคุณเชียงใหม่)
โดยแพลนตอนแรกของเราคือไปที่สวนพระนางเจ้าครับ จริงๆก็เห็นมาเยอะแล้วนะครับสำหรับรูปของคนอื่น แต่ก็ยังมีความอยาก
ที่จะได้ไปเห็นด้วยตัวเองอยู่ดี 5555555
ก็เออพบว่า แดดมันแรงก็จริงอยู่ แต่ก็ยังพอมีลมเย็นพัดตลอดเวลา เท่านั้นแหละครับก็รู้สึกแฮปปี้แล้ว ตอนแรกพี่คนรถของเราขับ
ไปส่งตรงโซนพิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าเปิดใหม่รึป่าว ในนั้นก็มีพวกแหล่งข้อมูลเยอะแยะอยู่ ที่เป็นเรื่อง
เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ มีทั้งแบบบอร์ดให้อ่านคล้ายๆกับบรรยากาศบอร์ดของเราตามงานวิทยาศาสตร์โรงเรียน รวมไปถึงโซนที่
เป็นพวก Interactive ก็มีครับ แต่จริงๆเหมือนที่นี่เค้าจะมีชั้นบนด้วย แต่ว่าตอนที่พวกผมไปนี่ชั้นบนปิดซ่อมพอดีครับ ก็เลยไม่รู้เลย
ว่าข้างบนเค้ามีอะไรกันบ้าง เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันแปปเดียวเองครับไม่มากเท่าไหร่ เพราะจริงๆจุดที่ตั้งใจอยากไปเดินคือตรงสะพานเหล็ก
กับตรงที่เป็นโซนต้นไม้ต่างๆมากกว่า มาจากในเมืองกันมั้งครับเบื่อตึกเต็มที อยากเห็นใบไม้กับโลกข้างนอกกันซะส่วนใหญ่ 555555
เพราะเหมือนโซนสะพานเหล็กจะปิดเร็วกว่าอีกโซนนึง
ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนกับป่าในกรุงของ ปตท ที่กรุงเทพ แต่ถ้าเทียบกันผมว่าที่นี่เดินสบายกว่า อาจจะเพราะด้วยอากาศ ที่นี่แดดแรง
แต่ว่าลมเย็นพัดตลอดทำให้รู้สึกว่าเดินได้เรื่อยๆ ไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ครับ
เค้าจัดโซนสวยดี ดูตั้งใจวางน้องๆแคคตัสแบบคิดมาแล้ว รวมถึงจัดโซนต่างๆทำให้ดูน่าเดิน น่าถ่ายรูปเล่นดีครับ
หรือไปหาอะไรกินแถวดอยก่อนดี สรุปใจความได้ก็คือ ตัดสินใจไปที่ม่อนแจ่มครับ
ประมาณหกโมงกว่าๆครับ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลย กับการมากินข้าวเย็นที่นี่ อากาศดีมากกกกกกกก ลมเย็น มองไปตรงไหน
ก็สบายตาสบายใจไปหมดฮะ อาหารที่นี่ก็ผมถือว่าอร่อยนะครับ แล้วก็คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายลงไปครับ เราชิวกันอยู่ที่นี่จนถึงช่วงหกโมงนิดๆ
เลยครับ รอเก็บภาพตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก มองไปข้างๆก็เจอแต่ทุ่ง เจอแต่สวน เหมือนได้มาเติมพลังงานให้กับตัวเอง หลังจากที่
ต้องทนอยู่แต่ในเมืองมาในช่วงหลายเดือนนี้
เนื่องด้วยทริปนี้มีเพื่อนผู้หญิงไปด้วย ก็คงพอจะเข้าใจใช่มั้ยครับว่าทำไมถึงเลือกมานอนกันที่นี่ 5555555 เราเดินทางไปถึงที่นั่น
กันประมาณหนึ่งทุ่ม ก็ทำการจ่ายเงินเรียบร้อยตรงหน้าเคาท์เตอร์ แล้วก็ยกข้าวของไปเก็บในแคมป์ที่เราจองไว้ เนื่องด้วยวันที่
พวกเรามาเป็นวันธรรมดาครับ
นอนได้ห้องละ 3 คน มันน่ารักมากนะครับ เป็นกระโจมเล็กๆ แต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเมื่อเข้าไปนอนอยู่ข้างใน บวกกับโทนสีของ
เครื่องนอนในห้องนั้นทำให้รู้สึกเหมือนเรามาตั้งแคมป์ลูกเสือสุดๆ เรานอนเล่นกันสักพักนึงครับ
ที่คนส่วนใหญ่มาแล้วก็นิยมทำแน่นอนครับ มันก็ดูหาที่ทำได้ยากนะถ้าเราอยู่ในกรุงเทพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากทานอิ่มกันเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันกลับแคมป์ของตัวเอง แล้วก็ทยอยกันออกมาอาบน้ำครับ สำหรับไฟกลางที่นี่จะ
ปิดประมาณช่วง 4 ทุ่มครับ ดังนั้นรีบกลับก่อนก็จะดี เพราะเดี๋ยวจะมืดไป แต่ที่นี่น่ารักดีนะครับ เพราะตอนที่เราไปพัก
เค้าจะแจกเจ้าไฟฉายจิ๋วมาให้เราคนละอัน เป็นของเล็กๆน้อยๆ แต่ดูได้ใช้ประโยชน์นะครับ สำหรับใครที่เกิดอยากเข้าห้องน้ำ
ในช่วงกลางดึก เพราะห้องน้ำของที่นี่เป็นห้องน้ำรวม อารมณ์ประมาณโรงแรมโฮสเทลครับ เครื่องทำน้ำร้อนมีแน่นอนสำหรับ
คนที่กลัวว่าน้ำจะเย็น แต่ต้องปรับดีดีนะครับ ด้านซ้ายด้านขวา ไม่งั้นถ้าไม่ร้อนจนไข่สุกก็จะหนาวเย็นเป็นเอลซ่าเลยครับ
สำหรับคืนวันแรกผมถือว่าค่อนข้างประทับใจนะครับ มันได้มาพักจริงๆในที่ที่เราอยากมา มันดูไม่ได้หวือหวามากหรอกครับ
แต่เหมือนได้มาทำตัวง่ายๆ อยากพักที่ที่ทุกคนอยากมาพัก แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ฝันดีครับคุณเชียงใหม่
: อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ครับ ตื่นมาเจอกับอุณหภูมิ 18 องศากำลังเย็นสบายๆเลยครับ หลังจากอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จก็เดินมา
ที่โซนอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่ก็น่ารักครับ มีทั้งหมูทอดกระเทียม ไก่ย่าง หมูปิ้ง ไข่ต้ม ข้าวเหนียวปิ้ง กาแฟ โอวัลตินต่างๆนาๆ
ถือว่าอร่อยและอิ่มท้องเลยนะครับ
กิ่วแม่ปานกันในวันถัดไป แต่ถ้าจะไปเลยตอนนี้มันก็จะดูถึงเร็วไปหน่อย ก็เลยเลือกไปเดินเล่นทานกาแฟกันที่ "เก๊าไม้ล้านนา"
ครับ ที่นี่เป็นทั้งที่พักแล้วก็มีร้านอาหารร้านกาแฟรองรับอยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าด้วยครับ