[CR] LAMPANG ORCHID AND AURORA 2025 ออกจากป่ามาปะแสงสี 3 วัน 2 คืน ขุนตาล เมืองลำปาง

พอดีจะไปเที่ยว อช ดอยขุนตาล ช่วงนั้นพอดี ได้ข่าวเลยแวะเสียหน่อย ให้รู้ว่าแสงเหนือครั้งแรกที่ลำปาง มันเป็นยังไง

เรามาถึงสวน เกือบ 4 โมง งานออกร้านเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้า แต่ไฟจะเปิดประมาณ 18-18.30ที่ประตูพบว่ามีรถรับส่งฟรี (สวนสาธารณะหนองกระทิง – คลองถมห้วยเป้ง โฮงละกอน 5 แยก เซ็นทรัลลำปาง) มีชั่วโมงละรอบ ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ว่ามีเลยเดินเที่ยวมาเรื่อยๆ จากที่พักแถวกาดกองต้า
บริเวณนั้นมีโซนผ้าย้อมครั่ง ซึ่งเป็นสีโทนชมพู มีตลาดผ้าพื้นเมือง ใครสนใจมาช็อปได้
ถัดไปหาของกินที่กาดนั่งก้อม เป็นตลาดกลางสวน  มีโต๊ะนั่งบรรยากาศดี น่าจะเป็นตลาดที่อยู่ประจำสวนอยู่แล้ว

เดินต่อไปจะเป็นโซนนิทรรศการเซรามิค และต้นไม้
มีจัดแสดงผลงานเซรามิค กับคนที่ปั้นชิ้นงานขะมักเขม้น และมีเวิร์คชอปวันที่ 5-10 ธันวาคม สอนวาดลายไก่ฉบับ signature ลำปาง จากนั้นก็ให้วาดอิสระ บนกระถางดินเผาดิบ แล้วให้กลับบ้านมาเลยจ้า
ข้างๆ มีร้านขายสินค้าเซรามิคมาออกนิดๆ หน่อยๆ
จากนั้น ก็มาถึงประตูทางเข้าทางการ ด้านซ้ายมือเป็นสวนกล้วยไม้ มาเห็นตอนมืดแล้ว จุดนี้ไม่ได้จัดไฟเลยไม่ได้ถ่ายตอนมืดมา
ฉากถ่ายรูปโดย central lampang พร้อมพรีเซนเตอร์

ประมาณ 6 โมงเริ่มเปิดไฟ  แนะนำเดินจากโซนกล้วยไม้ไป


โซนวงกต สีสะท้อนแสงสีม่วงธีมไดโนเสาร์
โซนวางมือแล้วขึ้นคำทำนายจากวัดต่างๆ
เกาะลอย ที่มีต้นไม้และพระจันทร์

ถึง 20.00 เริ่มน้ำพุแสงสีพอดี   


ดูก็เห็นเลยว่า ทุ่มทุนมาก เข้าชมฟรี แถมมีรถรับส่งอีก พอดูเสร็จออกมาสองแถว รถเต็ม รถก็เลยออกทันทีที่รถอีกรอบมาถึง แต่ถ้าชั่วโมงละคันจุได้สิบคนคือน้อยไปมาก เรานั่งไปลงห้าแยกหอนาฬิกา ซึ่งใกล้กับที่พักเราที่กาดกองต้าเดินไม่เกิน 10 นาที
 
งานชมไฟยังจัดถึงวันที่ 14  ถ้าใครสนใจสุดสัปดาห์นี้ที่คาดว่าอากาศจะเย็น เดินฟินกว่าเดิมแน่นอน  แถมมีงานออกร้าน เทศกาลฤดูหนาว เริ่ม 12-21 ธันวาคม  อีกงานที่สนามกีฬาข้างๆ กัน (เดินถึงกันได้) ใครชอบบรรยากาศออกร้าน + กาชาดแบบนี้ได้ มาเดินเที่ยวได้ทั้งคืนเลย
 




แน่นอน เริ่มที่รถไฟฉึกฉักชมวิวในตำนาน ขบวนที่ 51 เราจองล่วงหน้า 3 เดือน แต่ก็เหลือแต่ตั๋วนั่งชั้น 3 สิบสองชั่วโมงใครก็ว่าทรมาน
จองเต๊นท์ +ที่นอนของขุนตาน 1 คืน พร้อมเดินทาง

สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์  เราเพิ่งเคยใช้บริการรถไฟทางไกลที่นี้เป็นครั้งแรก โดยเป็นช่องแสกนตั๋วก่อนขึ้นชานชาลา ซึ่งถ้ายังไม่ถึงเวลาบอร์ดดิ้งของขบวนนั้น เขาก็จะยังไม่ให้ขึ้นไป

กลางสถานีในส่วนของรถไฟทางไกลจะมีร้านค้าปลีกย่อยเรียงกันมากมาย มี telemed ใครมีไข้ปวดหัวใดๆ มารับการปรึกษาพบแพทย์ผ่านวิดีโอและรับยาฟรีได้
ส่วนศูนย์อาหารที่มีอาหารไม่หลากหลายเท่าไร อยู่ประตู 4 ข้าง ที่ขายตั๋วรถไฟทางไกล   ตู้ห้องสมุดน้อยของ Tk park ก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน ส่วนตัวคิดว่า ทำเลไม่เหมาะเลย ควรจะไปอยู่ฝั่ง Mrt /srt สีแดงมากกว่า แนวหนังสือก็ต่างจากตอนตั้งที่สยามสเคปพอดู



เราสนใจมาใช้บริการห้องอาบน้ำ เพราะน่าจะไม่ได้อาบอีกนาน ห้องอาบน้ำมีจุดเดียวคืออยู่ที่ในห้องน้ำที่ประตู 5 ขอบ่นตั้งแต่ห้องน้ำเลย ว่า ในเมื่อเป็นห้องน้ำในขนส่ง ทางไกลเช่นนี้ เวลาสร้างน่าจะคำนึงถึงสัมภาระผู้โดยสารบ้างไหม ที่วางสัมภาระควรจะมี ขนาดในห้างยังมีกันเลย
จุดชาร์จไฟ ของสถานีมีเยอะพอสมควร
มีเก้าอี้นวด แต่เป็นรุ่นโบราณหน่อย 10 นาที 20 บาท นวดได้หัว - เอว ขากับแขนไม่มีที่นวด  แต่แรงใช้ได้เลยทีเดียว แล้วก็ถือว่าภายนอกดูสะอาด
ประมาณ 20 นาที ก็เริ่มเปิดให้ขึ้นชานชาลา 
ที่นั่งเต็ม แต่ไม่ได้มีใครมายืนโหนทางเดินอย่างที่คาด ถึงจะมีคนยืนระหว่างตู้หรือปูเสื่อนอนตรงซิ้งน้ำก็ตาม   การนั่งก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะแถวที่นั่ง มีแต่คนที่ดูเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งมีความเกรงใจซึ่งกันและกันพอสมควร

เพื่อการนี้เราได้เตรียมหมอนรองคอมานอนและกินยาแก้เมารถ ระหว่างทางมีหลับๆ ตื่นๆ มีคนมาขายของที่หลายอย่างหน่อยที่สถานีนครสวรรค์  อันนี้ที่น่าแปลกใจคือ สมัยก่อน อาหารที่มาขาย portion อาจจะไม่ใหญ่อะไรแล้วราคาก็ 10 20 บาท เดี๋ยวนี้อาหารกล่อง  40 กินเล่น 20   ไม่ต้องพูดถึงอาหารตู้เสบียง ที่มีพนักงานเอามาเสนอขายตอนเช้าๆ ราคาเครื่องบินเลยทีเดียวเชียว

ระหว่าง 12 ชั่วโมงกว่าอันยาวนาน พยายามจิบน้ำให้น้อยที่สุด คือเอาแค่คอไม่แห้งเท่านั้น แต่ก็ได้ไปห้องน้ำ เพื่อดูสภาพ 1 ที ปรากฏว่า น้ำไม่มี เห็นแล้วนึกในใจ ใครจะซื้อน้ำกิน  เห็นส้วมแล้วไม่อยากเข้าแน่ๆ

หลังพิษณุโลก คนก็พอโล่งขึ้น แต่ตรงเก้าอี้เรา คนครบ ! ได้เหยียดขาล้างหน้าจริงๆ ตรงแม่เมาะ ที่จอดสิบกว่านาที ก็เลยลงไปล้างหน้าให้สดชื่น

คนลงเยอะเหมือนกัน ลงมามีร้านข้าว เผื่อใครอยากเติมพลัง
เราได้ไปถ่ายตารางรถไฟไว้ก่อน  บางทีมันมีเปลี่ยนแปลงเวลา