ต่อจากกระทู้แรก ใครยังไม่ได้อ่านกระทู้แรก เข้าไปได้ที่
https://pantip.com/topic/36146368
กลับมาต่อจากตอนแรกค่ะ เดี๋ยวตอนนี้จะมาเล่าอาการหลังลงคอร์สฝังเข็มกับหมอจริงๆจังนะคะ หลังจากที่เสียเงินไปปุ๊บ ที่บอกไว้ข้างต้นค่อนข้างจะราคาสูงกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน เราลองทำ10ครั้ง จ่ายหมอแกไปประมาน1800หยวน (9000กว่าบาท)แต่หลังๆเหมือนแกจะจัดโปรด้วยให้ลูกค้าประจำนะคะ ถ้าใครอยู่เซี่ยงไฮ้ อยากจะลองทำบอกว่าคนไทยแนะนำมาชื่อ เมี่ยวซิน ก็ได้ค่ะ แกสนิทกับเรา น่าจะได้ส่วนลด เพราะเราบอกว่าเดี๋ยวเราจะเอาประสบการณ์ไปลงเขียน แฮร่ๆ หลังจากนั้นปั๊บ แกบอกว่าช่วงแรกเราต้องมาถี่ๆหน่อยๆ มาติดกันห้าวัน หลังจากนั้นก็เหลืออาทิต์ละวันพอ เราก็เชื่อหมอค่ะ เพราะอยากหาย เลิกงานก็จะนั่งรถไฟใต้ดินเข้ามาตลอด ทำเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่ม กลับบ้านนอน เพราะห้ามอาบน้ำ ฮ่าๆเพราะการ รมยาคือหลังจากทำเสร็จ แปดชั่วโมงห้ามอาบน้ำค่ะ แล้วเราไปทำช่วงอากาศหนาวมาก ยิ่งต้องแต่งตัวให้อุ่น ห้ามให้ตัว มือเท้าโดนความเย็น ไม่งั้นอาจจะเห็นผลช้าได้
............................
เราก็พยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงของแต่ละวัน เพราะอาการเราหนักจริงๆ ยิ่งช่วงอากาศหนาวเรายิ่งน้ำมูลไหลเยิ้มไม่หยุด หนักขนาดไหนคือ ทิชชู่ซื้อติดโต๊ะไว้ ดึง ซับๆไม่หยุด แล้วเป็นทั้งวันจนเลิกงาน กลับบ้านก็เป็น นอนหายใจทางปาก ทรมานสุดๆอะ
Day2:หลังจากที่ทำ กลับมาหายใจโล่งขึ้น แต่ตอนนอนยังหายใจไม่ออกเหมือนเดิม
Day3:ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนคนจีน สังเกตน้ำมูกไม่ไหลแฮะ แต่ตอนเย็น กินข้าวไม่ได้กลิ่นอาหาร เหมือนอาการตอนเราป่วยอะ กินแล้วไม่ได้รสชาติอาหาร น้ำมูลเริ่มไหลออกมาบ้าง แต่ไม่ไหลเยิ้ม
Day4:ตอนเช้าสังเกต มีน้ำมูลเป็นสีขาว เหนียวไม่เหลวเหมือนแต่ก่อน มีสเลดและเสมหะแทรกซ้อน ไปหาหมอตอนบ่ายโมง หมอบอกเป็นอาการของการปรับตัว ทำเสร็จหมอบอกเราลงไปสิบครั้งไม่น่าจะพอนะ เพราะอาการเราเรื้อรัง สะสมมานาน คนอื่นมาทำสามสี่ครั้งดีขึ้นแล้ว เรายังไม่ไปถึงไหนเลย แอบหมดกำลังใจ ก็แอบคิดนะว่าหมอนี่ได้เรื่องจริงเปล่า เลยลองต่อไป ยังเหลือหกครั้งนี่
Day5:ยังคงมีเสมหะนิดหน่อย แต่ที่น่าแปลกใจ วันนั้นไปทำงานแทบไม่ต้องใช้ทิชชู่เลย คือมีน้ำมูกซึมๆในจมูก ไม่ไหลออกมา ตอนเย็นไปหาหมอแกฝังเข็มไล่เสมหะเราออกมา และแถมสองเข็มแก้ร้อนในให้ด้วย ดีงาม
Day6:ตอนเช้ายังมีน้ำมูกคลั่งข้างใน จามแค่ห้าครั้ง ช่วงก่อนทำจามไม่รู้กี่รอบ จามจนปวดหัว
.......................
หลังจากนั้นเหลืออีกสี่ครั้ง เราเริ่มนานๆทีไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว สัปดาห์ สองสัปดาห์ไปหาแกทีนึง แกก็มักจะบ่นไม่มีวินัย เอาจริงๆก็ไม่ดีแหละ ถ้าไม่มีวินัยก็จะรักษาไม่หายขาด ช่วงนั้นก็มีพี่คนไทยสองสาม สนใจมาทำด้วย เอาจริงๆเราก็ไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังนะ คือกะว่าอยากให้หายป่วยก่อนถึงจะกล้าพูด แต่เหมือนพี่เค้าก็ได้ยินจากพี่ที่เราสนิทอีกที ก็เลยพากันไป พี่คนนึงคือผอมเหมือนเรา นางอยากอ้วน พี่อีกคนนางก็อยากผอมลงมาหน่อย สลับกัน ฮ่าๆ เราว่าฝังเข็มช่วยได้แหละถ้าคิดในทางเป็นเหตุเป็นผล คนผอมอาจจะมาจากการดูดซึมอาหารไม่ดีพอ การฝังเข็มก็เหมือนเค้าไปปรับสมดุลในร่างกายใหม่ เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างเหลือเชื่อนะ แต่เราลองมากับตัวก็รู้สึกว่ามันดีจริงๆ
ช่วงเวลาที่พาพี่คนไทยไปทำ หมอแกก็มีค่สองคน สามี ภรรยา ที่นับถือลัทธิเต๋า บางวันคนเยอะมาก ถ้าไม่จองคิวก่อน ก็ต้องมารอ เตียงไม่พอ เราก็เลยได้เรียนรู้วิธีการฝังเข็มจากแกไปพลางๆ เป็นครูพักลักจำไป คือสิ่งสำคัญเราต้องรู้จุดลมปราณในร่างกาย ระบบภายในส่วนไหนเชื่อมต่อกับอะไร หมอก็จะค่อยๆบอกเรา แต่ไม่มีใครเค้าจะถ่ายทอดความรู้ให้หมดหรอก อย่างเช่น เค้าก็จะบอกว่า ผญเราเวลาประจำเดือนมา ที่ปวดท้องน้อยกันบ่อยๆก็มาจากตับ ไตมีปัญหา ส่งผลต่อฮอร์โมนและอารมณ์ด้วย เออ ลืมบอกไปว่า หลังจากที่ทำมาไม่กี่ครั้งเราก็ประจำเดือนมา แล้วคือดีงาม มาแบบไม่รู้ตัว ทุกทีจะส่งสัญญาณสักสองสามวันก่อนจะมา แต่คราวนั้นไม่มีสัญญาณความเจ็บปวดท้องน้อยไรเลย หลังจากวันนั้นถึงวันนี้ที่เราไม่ได้ไปหาหมอแล้ว เราก็ยังไม่มีอาการปวดเลยนะ นอกซะจากช่วงไหนเรากินของเย็นมากๆ อาจจะแค่นิดหน่อย เพราะอยากที่บอกไป เรารักษาไม่เต็มคอร์ส มันเลยยังรักษาไม่หายขาด เดี๋ยวรอแฟนมากะจะไปหาหมออีกรอบ พาแฟนไปทำด้วยกัน สุขภาพดีแพ๊คคู่ๆ ฮ่าๆ คือเอาจริงๆฝังเข็มไม่ได้แค่แก้ปัญหาเฉพาะโรคที่เราเป็นนะ มันจะช่วยเสริม และปรับสมดุลในร่างกายเราทั้งหมดด้วย อย่างที่เราบอกหมอเราเป็นไซนัส ภูมิแพ้ ขอบตาคล้ำ แต่ผลพลอยได้ที่ได้มาคือ หายปวดท้องน้อยเวลาประจำเดือนมา อารมณ์ดีขึ้น ไม่เหวี่ยงไรง่ายๆ ขับถ่ายดีขึ้น ขอบตาคล้ำลดลงนิดนึง อาจจะเป็นเพราะเลือดลมเราหมุนเวียนดีขึ้น หลังจากที่ฝังเข็มมาเรารู้สึกเลยว่า ยิ่งทำให้รักตัวเองมากขึ้น ทำงานหาเงินก็อยากเอาไปเข้าคอร์สสุขภาพดูแลตัวเอง เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐจริงๆนะ ยิ่งสุขภาพดีทั้งกายและใจ เราก็จะมีแรง คิดสร้างสรรค์ แบ่งปันสิ่งดีๆและช่วยเหลือคนรอบข้างได้มากขึ้นอีกด้วย
..........................
จนมาถึงครั้งสุดท้ายของการฝังเข็ม หมอวันนั้นนัดเราไปเช้ามาก เค้าบอกไม่อยากให้มาสายเดี๋ยวลูกค้าเยอะ เค้าจะไม่มีเวลาทำให้เรา วันนั้นหมอก็เพิ่มปล่อยเลือด กับฝังเข็มที่หัวให้เรา จริงๆมาหาแกเป็นสิบครั้งก็เริ่มผูกพันกับแกนะ แกมักจะสอนเรา ให้ความรู้บ้างเล็กน้อย แกก็ถามทำไมไม่สนใจเอาความรู้นี้ไปเปิดที่ไทยหรอ เดี๋ยวแกจะถ่ายทอดให้ เราก็ฟังก็โอเครนะ แต่ด้วยตัวเราไม่ได้จบแพทย์แผนจีนมา เราไม่มีความรู้เยอะเท่านักเรียนที่เรียน เลยไม่กล้าเสี่ยงเพราะมันขึ้นกับชีวิตคนด้วย ถ้าเค้าเสียเงินให้เรา แล้วเรารักษาไม่หาย ไม่ถูกจุด ก็ถือเราว่าไม่ได้ช่วยเหลือคน เลยเป็นครูพักลักจำ แอบๆถามแก ดูแกเวลาดีดเข็มลงท้องคนไข้ ถามแกส่วนนี้คืออะไร แก้อะไร เอาแค่นั้นไปก่อน ความสามารถมีแค่นี้จริงๆ ฮ่าๆ วันนั้นหมอก็ปล่อยเลือดให้ทั้งสิบนิ้ว เพราะแกบอกมือเราเย็น เลือดไปไหลเวียนไม่เพียงพอ ต้องทำให้มืออุ่น ไม่งั้นจะป่วยง่าย แกก็เอาเข็มเจาะแล้วบีบเลือดออกมา คือไม่อยากมองอะ เลือดเต็มมือ ทิชชู่หมดไปสิบๆกว่าแผ่น บางคนก็โดนปล่อยที่น่อง เอากะละมังมารองเลย คือศาสตร์รักษาแกเยอะมาก ใจไม่แข็ง ไม่อึดพอไม่แนะนำไปนะ เดี๋ยวจะเป็นลมเอา ฮ่าๆ แต่ฝังเข็มไม่เจ็บนะ คือเค้าจะดีดเข็มที่มีหลอดเล็กๆครอบไว้ อยู่ที่น้ำหนักมือคนดีดด้วย นอกจากนี้แกยังมีนวดกดจุด ปวดชิหาย อันนี้ลองและ แล้วก็ กวาซา กับครอบแก้ว ก็ลองหมดและ เดี๋ยวตอนหน้ามาบรรยายให้ฟัง—ทำไมกระทู้เรามันย๊าวว ยาว คนอ่านจะเบื่อมั้ย หรืออาจจะไม่มีคนอ่านเลยก็ เป็น ไป ได้ …..เอาเหอะ อ่านไม่อ่านก็ช่าง เราอยากเขียน 555
จบที่ปล่อยเลือดเสร็จ คอที่สังเกตได้ ตัวอุ่นขึ้นเยอะมาก มือจากเย็นเฉียบนี่อุ่นขึ้นเยอะเลย มีแรง มือไม่ชา แล้วแกก็ฝังเข็มที่หัวเราต่อ เพราะเราบ่นปวดหัวก่อนมา อีกอย่างไหล่เราตึงๆ ปวดๆหลัง น่าจะเป็นเพราะนั่งทำงานท่าเดิมตลอด แกเลยเอาเข็มมาทำไรไม่รู้เหมือนมาร้อยที่หลังเรา ไม่เจ็บนะอันนี้เพราะเข็มไม่หนา ก้อนอนเพลินๆไปหรือเราซาดิสก็ไม่รู้ อย่างที่เห็นในรูปอะ

ร้อยซะสวยงาม หมอก็จะคอยถามอาการหวัดตลอดว่า ยังน้ำมูลไหลมั้ย เราก็จะฟีดแบคกลับแกตลอด จนหมดครึ่งคอร์ส10ครั้ง หลังจากนั้นหมอกับเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนแกชวนไปจัดปาร์ตี้บ้านแก เราและพี่คนไทยที่รักษาก็ทำอาหารไทยอร่อยๆให้หมอทาน เกิดเป็นมิตรภาพดีๆขึ้นมา หลังจากที่หมดคอร์ส หมอก็ยังจะเชิญเราไปบ้านแกบ่อยๆ ให้ขนมติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เราก็ว่าเราคงต้องไปต่อให้ครบคอร์สและ ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายเราจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมา นอนหลับสบายทุกคืน หายใจโล่ง ไม่มีหวัดแล้วก็ตาม แต่หมอบอกว่าอยากให้มารักษาให้หายขาด เสียงเราเวลาพูดยังขึ้นจมูกอยู่ ทำให้เวลาไปเกะร้องเพลงไม่เพราะ ฮ่าๆ แล้วก็จะกะให้หมอฝังเพิ่มไซส์หน้าอกด้วย แกก็บอกทำได้ เดี๋ยวอัพให้อีกไซส์นึง นี่หมอเทวดาหรือเปล่าเนี่ย ทำได้หมด
.............................
จบและคะ แชร์ประการณ์การมาฝังเข็มที่เซี่ยงไฮ้สองตอน ใครที่อ่านมาถึงบันทึกนี่ เรานับถือคุณมาก ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ อย่างที่บอกไปเราไม่ได้มาโฆษณา หรือรู้จักหมอเป็นการส่วนตัวนะคะ เราแค่เป็นคนนึงที่เบื่ออาการโรคภูมิแพ้ ไซนัส และการกินยาไม่ได้ตอบโจทย์เรา จนเราได้มารู้จักหมอฝังเข็มคนนี้ เราเลยเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์เท่านั้น เผื่อมีคนไทยคนไหนทำงานอยู่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน อยากจะลองทำก็ไปลองได้นะคะ หรือถ้าใครรู้จักหมอฝังเข็มเก่งๆเหมือนกันที่นี่ หรือเรียนแพทย์แผนจีนอยู่ก็แนะนำมาได้น๊า เผื่อเราอาจจะไปลองทำดูบ้าง……….สำหรับรีวิวหน้าจะพูดเรื่อง กวาซาและการครอบแก้วนะคะ จะพยายามไม่เขียนเยอะเท่าอันนี้ ยังไงถ้าชอบก็ฝากติดตามด้วยนะคะเพื่อนๆชาวพันทิปที่น่ารักทุกคน สำหรับวันนี้ สวัสดีคะ^^
.....................
กดไลน์เพื่อติดตามงานเขียนอื่นๆได้ที่เฟสบุคเพจ "เขียนเรื่องเขียนราว"
https://www.facebook.com/writesara.story/
ตอนที่2 เมื่อเราลองฝังเข็ม รักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัส
กลับมาต่อจากตอนแรกค่ะ เดี๋ยวตอนนี้จะมาเล่าอาการหลังลงคอร์สฝังเข็มกับหมอจริงๆจังนะคะ หลังจากที่เสียเงินไปปุ๊บ ที่บอกไว้ข้างต้นค่อนข้างจะราคาสูงกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน เราลองทำ10ครั้ง จ่ายหมอแกไปประมาน1800หยวน (9000กว่าบาท)แต่หลังๆเหมือนแกจะจัดโปรด้วยให้ลูกค้าประจำนะคะ ถ้าใครอยู่เซี่ยงไฮ้ อยากจะลองทำบอกว่าคนไทยแนะนำมาชื่อ เมี่ยวซิน ก็ได้ค่ะ แกสนิทกับเรา น่าจะได้ส่วนลด เพราะเราบอกว่าเดี๋ยวเราจะเอาประสบการณ์ไปลงเขียน แฮร่ๆ หลังจากนั้นปั๊บ แกบอกว่าช่วงแรกเราต้องมาถี่ๆหน่อยๆ มาติดกันห้าวัน หลังจากนั้นก็เหลืออาทิต์ละวันพอ เราก็เชื่อหมอค่ะ เพราะอยากหาย เลิกงานก็จะนั่งรถไฟใต้ดินเข้ามาตลอด ทำเสร็จก็ปาไปสี่ทุ่ม กลับบ้านนอน เพราะห้ามอาบน้ำ ฮ่าๆเพราะการ รมยาคือหลังจากทำเสร็จ แปดชั่วโมงห้ามอาบน้ำค่ะ แล้วเราไปทำช่วงอากาศหนาวมาก ยิ่งต้องแต่งตัวให้อุ่น ห้ามให้ตัว มือเท้าโดนความเย็น ไม่งั้นอาจจะเห็นผลช้าได้
............................
เราก็พยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงของแต่ละวัน เพราะอาการเราหนักจริงๆ ยิ่งช่วงอากาศหนาวเรายิ่งน้ำมูลไหลเยิ้มไม่หยุด หนักขนาดไหนคือ ทิชชู่ซื้อติดโต๊ะไว้ ดึง ซับๆไม่หยุด แล้วเป็นทั้งวันจนเลิกงาน กลับบ้านก็เป็น นอนหายใจทางปาก ทรมานสุดๆอะ
Day2:หลังจากที่ทำ กลับมาหายใจโล่งขึ้น แต่ตอนนอนยังหายใจไม่ออกเหมือนเดิม
Day3:ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนคนจีน สังเกตน้ำมูกไม่ไหลแฮะ แต่ตอนเย็น กินข้าวไม่ได้กลิ่นอาหาร เหมือนอาการตอนเราป่วยอะ กินแล้วไม่ได้รสชาติอาหาร น้ำมูลเริ่มไหลออกมาบ้าง แต่ไม่ไหลเยิ้ม
Day4:ตอนเช้าสังเกต มีน้ำมูลเป็นสีขาว เหนียวไม่เหลวเหมือนแต่ก่อน มีสเลดและเสมหะแทรกซ้อน ไปหาหมอตอนบ่ายโมง หมอบอกเป็นอาการของการปรับตัว ทำเสร็จหมอบอกเราลงไปสิบครั้งไม่น่าจะพอนะ เพราะอาการเราเรื้อรัง สะสมมานาน คนอื่นมาทำสามสี่ครั้งดีขึ้นแล้ว เรายังไม่ไปถึงไหนเลย แอบหมดกำลังใจ ก็แอบคิดนะว่าหมอนี่ได้เรื่องจริงเปล่า เลยลองต่อไป ยังเหลือหกครั้งนี่
Day5:ยังคงมีเสมหะนิดหน่อย แต่ที่น่าแปลกใจ วันนั้นไปทำงานแทบไม่ต้องใช้ทิชชู่เลย คือมีน้ำมูกซึมๆในจมูก ไม่ไหลออกมา ตอนเย็นไปหาหมอแกฝังเข็มไล่เสมหะเราออกมา และแถมสองเข็มแก้ร้อนในให้ด้วย ดีงาม
Day6:ตอนเช้ายังมีน้ำมูกคลั่งข้างใน จามแค่ห้าครั้ง ช่วงก่อนทำจามไม่รู้กี่รอบ จามจนปวดหัว
.......................
หลังจากนั้นเหลืออีกสี่ครั้ง เราเริ่มนานๆทีไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว สัปดาห์ สองสัปดาห์ไปหาแกทีนึง แกก็มักจะบ่นไม่มีวินัย เอาจริงๆก็ไม่ดีแหละ ถ้าไม่มีวินัยก็จะรักษาไม่หายขาด ช่วงนั้นก็มีพี่คนไทยสองสาม สนใจมาทำด้วย เอาจริงๆเราก็ไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังนะ คือกะว่าอยากให้หายป่วยก่อนถึงจะกล้าพูด แต่เหมือนพี่เค้าก็ได้ยินจากพี่ที่เราสนิทอีกที ก็เลยพากันไป พี่คนนึงคือผอมเหมือนเรา นางอยากอ้วน พี่อีกคนนางก็อยากผอมลงมาหน่อย สลับกัน ฮ่าๆ เราว่าฝังเข็มช่วยได้แหละถ้าคิดในทางเป็นเหตุเป็นผล คนผอมอาจจะมาจากการดูดซึมอาหารไม่ดีพอ การฝังเข็มก็เหมือนเค้าไปปรับสมดุลในร่างกายใหม่ เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างเหลือเชื่อนะ แต่เราลองมากับตัวก็รู้สึกว่ามันดีจริงๆ
ช่วงเวลาที่พาพี่คนไทยไปทำ หมอแกก็มีค่สองคน สามี ภรรยา ที่นับถือลัทธิเต๋า บางวันคนเยอะมาก ถ้าไม่จองคิวก่อน ก็ต้องมารอ เตียงไม่พอ เราก็เลยได้เรียนรู้วิธีการฝังเข็มจากแกไปพลางๆ เป็นครูพักลักจำไป คือสิ่งสำคัญเราต้องรู้จุดลมปราณในร่างกาย ระบบภายในส่วนไหนเชื่อมต่อกับอะไร หมอก็จะค่อยๆบอกเรา แต่ไม่มีใครเค้าจะถ่ายทอดความรู้ให้หมดหรอก อย่างเช่น เค้าก็จะบอกว่า ผญเราเวลาประจำเดือนมา ที่ปวดท้องน้อยกันบ่อยๆก็มาจากตับ ไตมีปัญหา ส่งผลต่อฮอร์โมนและอารมณ์ด้วย เออ ลืมบอกไปว่า หลังจากที่ทำมาไม่กี่ครั้งเราก็ประจำเดือนมา แล้วคือดีงาม มาแบบไม่รู้ตัว ทุกทีจะส่งสัญญาณสักสองสามวันก่อนจะมา แต่คราวนั้นไม่มีสัญญาณความเจ็บปวดท้องน้อยไรเลย หลังจากวันนั้นถึงวันนี้ที่เราไม่ได้ไปหาหมอแล้ว เราก็ยังไม่มีอาการปวดเลยนะ นอกซะจากช่วงไหนเรากินของเย็นมากๆ อาจจะแค่นิดหน่อย เพราะอยากที่บอกไป เรารักษาไม่เต็มคอร์ส มันเลยยังรักษาไม่หายขาด เดี๋ยวรอแฟนมากะจะไปหาหมออีกรอบ พาแฟนไปทำด้วยกัน สุขภาพดีแพ๊คคู่ๆ ฮ่าๆ คือเอาจริงๆฝังเข็มไม่ได้แค่แก้ปัญหาเฉพาะโรคที่เราเป็นนะ มันจะช่วยเสริม และปรับสมดุลในร่างกายเราทั้งหมดด้วย อย่างที่เราบอกหมอเราเป็นไซนัส ภูมิแพ้ ขอบตาคล้ำ แต่ผลพลอยได้ที่ได้มาคือ หายปวดท้องน้อยเวลาประจำเดือนมา อารมณ์ดีขึ้น ไม่เหวี่ยงไรง่ายๆ ขับถ่ายดีขึ้น ขอบตาคล้ำลดลงนิดนึง อาจจะเป็นเพราะเลือดลมเราหมุนเวียนดีขึ้น หลังจากที่ฝังเข็มมาเรารู้สึกเลยว่า ยิ่งทำให้รักตัวเองมากขึ้น ทำงานหาเงินก็อยากเอาไปเข้าคอร์สสุขภาพดูแลตัวเอง เพราะการไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐจริงๆนะ ยิ่งสุขภาพดีทั้งกายและใจ เราก็จะมีแรง คิดสร้างสรรค์ แบ่งปันสิ่งดีๆและช่วยเหลือคนรอบข้างได้มากขึ้นอีกด้วย
..........................
จนมาถึงครั้งสุดท้ายของการฝังเข็ม หมอวันนั้นนัดเราไปเช้ามาก เค้าบอกไม่อยากให้มาสายเดี๋ยวลูกค้าเยอะ เค้าจะไม่มีเวลาทำให้เรา วันนั้นหมอก็เพิ่มปล่อยเลือด กับฝังเข็มที่หัวให้เรา จริงๆมาหาแกเป็นสิบครั้งก็เริ่มผูกพันกับแกนะ แกมักจะสอนเรา ให้ความรู้บ้างเล็กน้อย แกก็ถามทำไมไม่สนใจเอาความรู้นี้ไปเปิดที่ไทยหรอ เดี๋ยวแกจะถ่ายทอดให้ เราก็ฟังก็โอเครนะ แต่ด้วยตัวเราไม่ได้จบแพทย์แผนจีนมา เราไม่มีความรู้เยอะเท่านักเรียนที่เรียน เลยไม่กล้าเสี่ยงเพราะมันขึ้นกับชีวิตคนด้วย ถ้าเค้าเสียเงินให้เรา แล้วเรารักษาไม่หาย ไม่ถูกจุด ก็ถือเราว่าไม่ได้ช่วยเหลือคน เลยเป็นครูพักลักจำ แอบๆถามแก ดูแกเวลาดีดเข็มลงท้องคนไข้ ถามแกส่วนนี้คืออะไร แก้อะไร เอาแค่นั้นไปก่อน ความสามารถมีแค่นี้จริงๆ ฮ่าๆ วันนั้นหมอก็ปล่อยเลือดให้ทั้งสิบนิ้ว เพราะแกบอกมือเราเย็น เลือดไปไหลเวียนไม่เพียงพอ ต้องทำให้มืออุ่น ไม่งั้นจะป่วยง่าย แกก็เอาเข็มเจาะแล้วบีบเลือดออกมา คือไม่อยากมองอะ เลือดเต็มมือ ทิชชู่หมดไปสิบๆกว่าแผ่น บางคนก็โดนปล่อยที่น่อง เอากะละมังมารองเลย คือศาสตร์รักษาแกเยอะมาก ใจไม่แข็ง ไม่อึดพอไม่แนะนำไปนะ เดี๋ยวจะเป็นลมเอา ฮ่าๆ แต่ฝังเข็มไม่เจ็บนะ คือเค้าจะดีดเข็มที่มีหลอดเล็กๆครอบไว้ อยู่ที่น้ำหนักมือคนดีดด้วย นอกจากนี้แกยังมีนวดกดจุด ปวดชิหาย อันนี้ลองและ แล้วก็ กวาซา กับครอบแก้ว ก็ลองหมดและ เดี๋ยวตอนหน้ามาบรรยายให้ฟัง—ทำไมกระทู้เรามันย๊าวว ยาว คนอ่านจะเบื่อมั้ย หรืออาจจะไม่มีคนอ่านเลยก็ เป็น ไป ได้ …..เอาเหอะ อ่านไม่อ่านก็ช่าง เราอยากเขียน 555
จบที่ปล่อยเลือดเสร็จ คอที่สังเกตได้ ตัวอุ่นขึ้นเยอะมาก มือจากเย็นเฉียบนี่อุ่นขึ้นเยอะเลย มีแรง มือไม่ชา แล้วแกก็ฝังเข็มที่หัวเราต่อ เพราะเราบ่นปวดหัวก่อนมา อีกอย่างไหล่เราตึงๆ ปวดๆหลัง น่าจะเป็นเพราะนั่งทำงานท่าเดิมตลอด แกเลยเอาเข็มมาทำไรไม่รู้เหมือนมาร้อยที่หลังเรา ไม่เจ็บนะอันนี้เพราะเข็มไม่หนา ก้อนอนเพลินๆไปหรือเราซาดิสก็ไม่รู้ อย่างที่เห็นในรูปอะ
ร้อยซะสวยงาม หมอก็จะคอยถามอาการหวัดตลอดว่า ยังน้ำมูลไหลมั้ย เราก็จะฟีดแบคกลับแกตลอด จนหมดครึ่งคอร์ส10ครั้ง หลังจากนั้นหมอกับเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนแกชวนไปจัดปาร์ตี้บ้านแก เราและพี่คนไทยที่รักษาก็ทำอาหารไทยอร่อยๆให้หมอทาน เกิดเป็นมิตรภาพดีๆขึ้นมา หลังจากที่หมดคอร์ส หมอก็ยังจะเชิญเราไปบ้านแกบ่อยๆ ให้ขนมติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เราก็ว่าเราคงต้องไปต่อให้ครบคอร์สและ ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายเราจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมา นอนหลับสบายทุกคืน หายใจโล่ง ไม่มีหวัดแล้วก็ตาม แต่หมอบอกว่าอยากให้มารักษาให้หายขาด เสียงเราเวลาพูดยังขึ้นจมูกอยู่ ทำให้เวลาไปเกะร้องเพลงไม่เพราะ ฮ่าๆ แล้วก็จะกะให้หมอฝังเพิ่มไซส์หน้าอกด้วย แกก็บอกทำได้ เดี๋ยวอัพให้อีกไซส์นึง นี่หมอเทวดาหรือเปล่าเนี่ย ทำได้หมด
.............................
จบและคะ แชร์ประการณ์การมาฝังเข็มที่เซี่ยงไฮ้สองตอน ใครที่อ่านมาถึงบันทึกนี่ เรานับถือคุณมาก ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ อย่างที่บอกไปเราไม่ได้มาโฆษณา หรือรู้จักหมอเป็นการส่วนตัวนะคะ เราแค่เป็นคนนึงที่เบื่ออาการโรคภูมิแพ้ ไซนัส และการกินยาไม่ได้ตอบโจทย์เรา จนเราได้มารู้จักหมอฝังเข็มคนนี้ เราเลยเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์เท่านั้น เผื่อมีคนไทยคนไหนทำงานอยู่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน อยากจะลองทำก็ไปลองได้นะคะ หรือถ้าใครรู้จักหมอฝังเข็มเก่งๆเหมือนกันที่นี่ หรือเรียนแพทย์แผนจีนอยู่ก็แนะนำมาได้น๊า เผื่อเราอาจจะไปลองทำดูบ้าง……….สำหรับรีวิวหน้าจะพูดเรื่อง กวาซาและการครอบแก้วนะคะ จะพยายามไม่เขียนเยอะเท่าอันนี้ ยังไงถ้าชอบก็ฝากติดตามด้วยนะคะเพื่อนๆชาวพันทิปที่น่ารักทุกคน สำหรับวันนี้ สวัสดีคะ^^
.....................
กดไลน์เพื่อติดตามงานเขียนอื่นๆได้ที่เฟสบุคเพจ "เขียนเรื่องเขียนราว"
https://www.facebook.com/writesara.story/