"ต้อหิน" ภัยร้ายใกล้ตัว คนติดสมาร์ทโฟน


ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า 1 ในอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ก็คือ ดวงตา



ต้อหิน เป็นโรคทางดวงตา ที่มีความรุนแรงเพราะเมื่อเป็นแล้วมีโอกาสที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสีย  การมองเห็นอย่างถาวร อีกทั้งผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าตาบอดไปแล้ว



จากสถิติปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วโลกถึง 70 ล้านคน โดยเกือบ 10% ของผู้ป่วยหรือประมาณ 6.7 ล้านคน ต้องตาบอด หรือสูญเสียการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง ในประเทศไทยข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2555 พบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วประเทศ จำนวน 17,687 ราย ซึ่งในอำเภอศรีราชารวมทั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย มีปริมาณผู้ป่วยโรคต้อหินจำนวนมาก ดังนั้นการมีความรู้เกี่ยวกับตัวโรค อาการแสดงและการป้องกันการเกิดโรคต้อหินจะช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคและ การตรวจเจอโรคเมื่อเป็นระยะรุนแรงได้


สาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งของต้อหินในปัจจุบันคือความเครียดเพราะความเครียดจะทำให้เกิดความดันลูกตาขึ้นได้ ในยุคแห่งสังคมออนไลน์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตต่างก็มีความจำเป็นในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน จนมีคำกล่าวว่าเป็น “ปัจจัยที่ 5” ของมนุษย์เลยก็ว่าได้

แต่สมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตนั้นใช่ว่าจะมีเพียงข้อดีเท่านั้น การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้เกิดอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นก่อให้เกิดการล้าของสายตาจากการเพ่งตัวอักษรขนาดเล็ก โดยเฉพาะการใช้สายตาในที่มืดเพราะยิ่งต้องเพ่งมากขึ้น รวมทั้งเกิดภาวะเครียดจากการทำงานที่ต้องใช้รายละเอียดมาก โดยสัญญานเตือนภัยว่ามีภาวะเครียดและสายตาล้าแล้ว ได้แก่ ตาแห้ง แสบตากระพริบ  ตาบ่อย  ปวดเมื่อยที่กระบอกตา สายตาพร่ามองเห็นไม่ชัด หากมีอาการดังกล่าวแล้ว ควรที่จะหยุดพักการใช้สายตา และหากจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ควรเปิดไฟให้สว่างเพียงพอ ใช้เทคโนโลยีด้วยระยะเวลา  ที่เหมาะสม คือ ใช้ 25 นาที พัก 5 นาที หรือใช้ 30 นาที พัก 10 นาที เป็นต้น นอกจากนี้การนอนพักผ่อนและการดื่มน้ำอย่างเพียงพอก็สามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มน้ำให้ตาชุ่มชื่นได้อีกด้วย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่