สวัสดีค่ะ
ดิฉันอายุ 30 ปี แต่งงานมา 4 ปีกว่า หลังแต่งงานรู้สึกไม่มีความสุขเหมือนตอนเป็นแฟนกัน เคยมีคนบอกว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ชีวิตคู่ก็ต้องมีสุขบ้างทุกข์บ้าง หลังแต่งงานผู้ชายคาดหวังให้ภรรยาเหมือนเดิม แต่ผู้หญิงคาดหวังให้สามีดีกับตนมากขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต่างผิดหวังในกันและกัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรรกะนี้มันจริงหรือเปล่า แต่เรื่องราวของดิฉันมันสับสนว่านั้น เลยอยากมาระบายในพันทิป เผื่อจะเจอทางออก
ดิฉันกับสามีรู้จักกันตอนดิฉันอายุ 23 ปี ส่วนเค้าอายุ 30 ปี (เค้าอายุมากกว่า 7 ปี) เค้าเป็นผู้ชายที่หน้าที่การงานดี และมีหน้ามีตาในสังคม (เป็นข้าราชการระดับสูงที่อายุยังน้อย) ส่วนดิฉันทำงานในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับบ้านของเค้า ตอนที่เพิ่งคบกันดิฉันรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาเจ้าชู้มากและติดเพื่อน แต่ดิฉันก็อยากลองและก็คิดว่าตัวเองคงเอาอยู่ ซึ่งก็ไม่ยากอย่างที่คิด เค้าเริ่มตัดผู้หญิงคนอื่นออกไปเรื่อย ๆ เราคบกันมีความสุขดีเวลาผ่านไป 3 ปี วันนึงเค้าบอกว่าเค้าอยากสร้างครอบครัวอยากมีลูกกับดิฉัน ดิฉันถามว่าเพราะอะไรถึงเลือกดิฉัน เค้าบอกว่า "เพราะน้องใจดีไม่เรื่องมาก เข้ากับญาติๆ พี่ได้ดี และเข้าใจพี่รับข้อเสียของพี่ได้" ดิฉันก็บอกว่า "ถ้าแต่งงานกันพี่ก็ต้องเพลาๆ ลงบ้างนะ เมียต้องมาก่อนเพื่อนแล้วนะ" เค้าก็รับปากซะดิบดีบอกว่า "พี่สนุกมาเยอะแล้วอยากหยุดแล้ว" และเราก็แต่งงานกัน
หลังแต่งงานทุกอย่างไม่ได้เป็นดังหวังทุกคำสัญญากลับเป็นแค่ลมปาก ความผิดหวังเริ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ขอเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่รู้สึกเสียใจมากๆ แล้วกันนะคะ ครั้งแรกหลังแต่งงานเพียงแค่ 5 วัน เป็นฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดิฉันเตรียมเอกสารทุกอย่างแต่งตัวสวยๆ รอเค้ามารับ แต่เค้าก็มาผิดเวลาจนเลยฤกษ์ (ก่อน 10 โมงเช้า) เพราะเค้าเมาค้างตื่นไม่ไหว ดิฉันโกรธและเสียใจ จึงพูดกับเค้าไปว่า ที่ชวนจดทะเบียนเพราะอะไร ถ้าไม่อยากจดก็ไม่เป็นไรนะ ก็ดีเหมือนกันสมมุติถ้าอยู่กันไม่ได้จะได้เลิกกันง่ายๆ ดี (ตอนนั้นในใจก็ยังไม่แน่ใจว่าที่พูดเพราะเราต้องการประชดหรือว่ามันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) แต่เค้าก็ขอโทษแล้วดึงดันพาไปจดทะเบียนจนได้ในวันนั้นถึงแม้จะเลยฤกษ์ (ได้จดบ่าย 3 แล้วค่ะ) หลังจากวันนั้นทำให้รู้สึกว่าเค้าคงไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาดิฉันตามที่สัญญาไว้เมื่อก่อนแต่งงานแน่ๆ เรื่องต่อมาดิฉันก็ชวนเค้าไปฮันนีมูล
โดยแพลนไว้ว่าจะไปญี่ปุ่น แต่เค้าก็ไม่ยอมไป ทั้งๆ ที่เราก็มีเวลาและมีเงิน ฉันถามว่าทำไม เค้าตอมมาแค่ว่า "ก็ไม่อยากไปอ่ะ"

เป็นคำตอบที่สั้นแต่สตั้นต์มากๆ) แต่ด้วยนิสัยดิฉันไม่ค่อยขี้อ้อนและไม่ชอบง้อใครอยู่แล้วจึงไม่เซ้าซี้ปล่อยเลยตามเลย สุดท้ายก็ไม่มีฮันนีมูลสำหรับคู่ของเรา (ครั้งนี้เสียใจหนักมากค่ะแต่เก็บอาการเอาไว้) เราแต่งงานแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะเค้าทำงานอยู่จังหวัดอื่นแต่เป็นจังหวัดใกล้ๆ กัน ดิฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเค้าเมื่อทำเวรออฟได้ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันดิฉันก็รู้สึกไม่มีความสุขเลย เค้าบอกอยากจะมีลูกแต่ดิฉันรูสึกว่าเค้าคงยังไม่พร้อมจะเป็นพ่อคนถ้ายังทำตัวแบบนั้นดิฉันเลยแอบกินยาคุมโดยที่เค้าไม่รู้มาตลอด ต่อมาอีกปีครึ่งดิฉันก็เจอดีค่ะ เพราะจับได้ว่าเค้าแอบคบกับผู้หญิงคนอื่น พอจับได้เค้าก็ไม่ยอมรับทั้งๆ มีหลักฐานมัดตัว ดิฉันเสียใจมากแต่ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะดิฉันเองด้วยที่ทำให้เค้ามีคนอื่น (หลังแต่งงานดิฉันอ้วนขึ้นค่ะไม่สวยหุ่นดีเหมือนแต่ก่อน) เลยถามเค้าว่าจะเอายังไง แต่เค้าก็ยังบอกว่ารักดิฉันคนเดียวและสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว สุดท้ายดิฉันก็ให้อภัยเค้าค่ะแต่ก็รู้สึกหมดรักไปเรื่อยๆ แล้วสถานะการก็เริ่มเลวร้ายขึ้นเมื่อเค้าเริ่มใช้สมาร์ทโฟน เค้าเริ่มไม่สนใจดิฉันมากขึ้น ส่วนดิฉันก็รู้สึกเหงาเลยเริ่มคุยกับผู้ชายคนอื่น (แต่ไม่ได้มีอะไรกันนะคะ)
ดิฉันรู้ตัวว่ามันผิดที่ทำแบบนั้น แต่ยอมรับว่าการคุยกับผู้ชายคนอื่นเป็นความสุขเล็กๆ ของชีวิตในช่วงนั้น ดิฉันเริ่มทำเวรออฟแต่ไม่ไปหาเค้า โดยจะนัดไปเที่ยวที่อื่นกับเพื่อนๆ น้องๆ ที่สนิทกันส่วนใหญ่เที่ยวกลางคืนเช็คเรตติ่งแก้เบื่อตามประสาแก็งค์สาวโสด โดนอ้างกับเค้าว่าอยู่เวร แต่เค้าก็ไม่เคยตาม ไม่ถาม ไม่สงสัย ดิฉันคิดว่าลึกๆ แล้วคงรู้สึกว่าเข้าทางเค้าเหมือนกันที่เค้าคงได้อยู่กับเพื่อนกับผู้หญิงคนอื่นของเค้าอย่างเต็มที่ จนวันนึงดิฉันเริ่มมั่นใจแล้วว่าหมดรัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใจแข็งตัดขาดจากเค้าได้จริงๆ หรือไม่ ก็เลยลาออกจากที่ทำงานเดิม (เพราะที่เก่าอยู่ใกล้บ้านเค้า ถ้าดิฉันยังทำงานอยู่ตรงนั้นคิดว่าคงเลิกกันไม่ขาด) โดยอ้างว่าจะมาเรียนต่อ ป.โท และมาทำงานที่ใหม่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังดิฉันมาอยู่ที่ใหม่ได้ 3-4 เดือน จู่ๆ เค้าก็เริ่มปรับปรุงตัวเอง ดิฉันคิดว่าเค้าคงรู้ตัวว่ากำลังจะเสียดิฉันไปแล้วจริงๆ เค้ากลับมาเอาใจใส่ดิฉัน ชวนไปเที่ยว อยากได้อะไรก็ตามใจทุกอย่าง แรกๆ ก็คิดว่าจะทำได้สักกี่ตั้งเดี๋ยวก็คงดีแตกเหมือนเดิมอีก แต่ก็มีความสุขจริงๆ นะคะ ที่เค้ากลับมาทำดีกับเรามากขึ้น จนผ่านไป 1 ปีเค้าก็ยังไม่ดีแตก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าคู่เราคงผ่านบททดสอบแล้วหละ เค้าคงพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ จนดิฉันเลิกคุมกำเนิดและมีลูกกับเค้า
ช่วงที่ตั้งครรภ์ก็มีความสุขมากค่ะ ยังเอาใจดีทุกอย่าง แต่แล้วชะตาก็เล่นตลกอีกครั้งตอนหลังคลอด ผีร้ายกลับเข้าร่างสามีดิฉันอีกแล้วค่ะ เค้าก็ดูเห่อลูกดี (แต่แป๊ปๆ) สุดท้ายก็ไม่ค่อยมาดูแลลูก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ดิฉันเพียงคนเดียว เพราะดิฉันลาออกจากงานค่ะ ตั้งใจเป็นแม่ฟูลไทม์ (เลี้ยงลูกกับเรียน ป.โท) แต่เข้าใจมั๊ยคะแม่ฟูลไทม์ก็ต้องการคนช่วยและกำลังใจนะคะ โดยเฉพาะจากสามี แต่ดิฉันไม่เคยได้รับ เคยเปิดใจคุยกับเค้าค่ะ เค้าก็รับปากอีกตามเคย แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดิฉันเหนื่อยล้ามากๆ อ่อนใจ กับพฤติกรรมของสามี จนลูกอายุได้ 6 เดือน ดิฉันจึงตัดสินใจขอเวลาสัปดาละ 3 วัน เพื่อกลับมาทำงานเป็นพาร์ทไทม์ที่ รพ.เอกชนแห่งเดิม และตั้งใจจะเคลียร์วิทยานิพนธ์ที่ทำค้างอยู่ให้เสร็จ แต่จริงเหตุผลหลัก ลึกๆ ของดิฉันคือ ต้องการมาพักใจต่างหาก อยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง โดยฝากลูกให้แม่สามีและพี่สาวสามีช่วยเลี้ยง หลังกลับมาทำงานดิฉันสภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ 4 วันที่อยู่กับลูกดิฉันก็สนใจแต่ลูกจริงๆ โดยไม่เก็บเอาพฤติกรรมของเค้ามาคิดมากให้รกสมอง เราไม่ค่อยคุยกัน จะคุยกันแต่เรื่องลูก ที่ตลกร้ายคือหลังมีลูกเราไม่เคยมีอะไรกันเลย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าดิฉันไม่ยอมทำหน้าที่นะคะ ดิฉันเป็นฝ่ายชวนตลอดค่ะ แต่เค้าเป็นฝ่ายไม่ยอมทำการบ้านมันเสียใจ น้อยใจ และทำให้รู้สึกไร้คุณค่าจริงๆ ค่ะ ดิฉันถามตรงๆ ว่า "ทำไม่ถึงไม่มีอะไรกับดิฉันเลยพี่กำลังมีคนอื่นหรือเปล่า" เค้าก็อ้างว่าอยู่กับลูกแล้วไม่มีอารมณ์ หลังจากนั้นดิฉันก็ลองชวนไปที่อื่นแต่เค้าก็ไม่ยอมไปด้วยกัน (ก่อนหน้ามีลูกถึงเราจะระหองระแหงแต่เรื่อง sex ของเราจัดว่าดีมาตลอดนะคะไม่เคยขาด) มันทำให้ดิฉันอดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างเค้าเหรอจะไม่มีอารมณ์ เค้าคงอิ่มมาจากที่อื่นมากกว่า พฤติกรรมเค้าก็ชัดเจนมาก เค้าหวงมือถือสุดๆ แค่เค้าเล่นๆ อยู่ พอดิฉันเดินผ่านก็กดออกหน้าจอโฮมทันที เค้าอยู่บ้านไม่ติดกลับบ้านไม่ต่ำว่าตี 2 ทุกวัน บางวันก็ไม่กลับ โดยอ้างว่าไปดูฟุตบอล ดิฉันก็นิ่งเฉยมาตลอดไม่อยากทะเลาะเพราะสงสารลูก **แก้ไขเพิ่มเติม** ดิฉันอดทนเพราะรักลูกมากค่ะทำหน้าที่แม่ที่ดีมาตลอดตอนนี้ลูกอายุ 1 ขวบ 6 เดือนแล้วค่ะ ยังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ลูกก็น่ารักค่ะเป็นเด็กฉลาดอารมณ์ดียิ้มเก่ง และดิฉันก็จบ ป.โท แล้ว กำลังตัดสินใจจะกลับไปทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็ห่วงลูกเลยยังรอๆ ไปก่อน ส่วนเค้าก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยสำหรับลูกเค้าดูแลเฉพาะค่าใช้จ่ายเท่านั้น สำหรับดิฉันก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันเลยตลอดเวลา 1 ปีครึ่ง แต่เค้าก็ไม่เคยแสดงออกว่าอยากเลิกกับดิฉันนะคะ ถามว่าตอนนี้ถ้าหย่ากันเลิกกันดิฉันเสียใจไหม ขอตอบเลยว่าไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วคงเพราะด้านชามามากจนเกินพอ ตอนนี้ดิฉันอยากจบเรื่องของเรา บอกตรงๆ ว่าดิฉันก็ต้องการความรักแบบชายหญิง ตอนนี้ก็มีคนมาจีบดิฉันอยู่เรื่อยๆ แต่ก็คุยกันแค่แบบเพื่อน ดิฉันอยากเปิดใจมีใครใหม่ที่รักกันและรับได้ที่ดิฉันเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วอย่างจริงใจให้เค้าเป็นคนจิตใจดีและสามารถเป็นพ่อที่ดีเข้ากับลูกของดิฉันได้ แต่ก็ทำใจไม่ได้เพราะ 1.ไม่อยากให้ลูกมีปมด้อยดิฉันแคร์ความรู้สึกของลูกมาค่ะ 2.เกรงใจญาติของเค้าค่ะ (แม่สามีและพี่สาวสามีดีกับดิฉันมากๆ) 3.ยังหวังเล็กๆ ว่าสักวันเค้าจะกลับมาดีกับดิฉันอีกครั้งอย่างถาวร 4.เคยปรึกษาแม่ของตัวเองครั้งนึงแม่ก็บอกให้ทนๆ ไปเถอะ (พ่อของดิฉันก็เคยเจ้าชู้ค่ะ แต่แม่ของดิฉันเอาอยู่)แม่พูดแกมเล่นแกมจริงบอกว่า ไม่ต้องหย่าเก็บเค้าไว้ทำโปรไฟล์ (ใครๆ ก็เรียกเค้าว่า ท่าน และเรียกดิฉันว่า คุณนายค่ะ) 😂😂!!แม่นะแม่คิดได้ไง!!
ดิฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะถ้ารอนานไปกว่านี้โดยไม่หย่า แต่สุดท้ายไม่มีอะไรดีขึ้น ดิฉันก็แก่ตัวไปเรื่อยๆ จะสร้างครอบครัวใหม่ที่ดีอย่างใจหวังคงเป็นไปได้ยาก เฮ้อ😥
สุดท้ายก็ขอจบกระทู้ปัญหาชีวิตของดิฉันเพียงเท่านี้ เล่ามายาวมากต้องขอบคุณที่อ่านจนจบ นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉันถ้าแทคห้องผิดต้องขออภัยด้วย ใครมีคำแนะนำดีๆ เม้นต์มาได้เลยนะคะ ดิฉันเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวมานานอยากฟังความคิดเห็นบุคคลภายนอกบ้าง ขอบคุณค่ะ
มีใครเคยรู้สึกว่าคิดผิดที่แต่งงาน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้กับการหย่าไหมคะ
ดิฉันอายุ 30 ปี แต่งงานมา 4 ปีกว่า หลังแต่งงานรู้สึกไม่มีความสุขเหมือนตอนเป็นแฟนกัน เคยมีคนบอกว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ชีวิตคู่ก็ต้องมีสุขบ้างทุกข์บ้าง หลังแต่งงานผู้ชายคาดหวังให้ภรรยาเหมือนเดิม แต่ผู้หญิงคาดหวังให้สามีดีกับตนมากขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต่างผิดหวังในกันและกัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรรกะนี้มันจริงหรือเปล่า แต่เรื่องราวของดิฉันมันสับสนว่านั้น เลยอยากมาระบายในพันทิป เผื่อจะเจอทางออก
ดิฉันกับสามีรู้จักกันตอนดิฉันอายุ 23 ปี ส่วนเค้าอายุ 30 ปี (เค้าอายุมากกว่า 7 ปี) เค้าเป็นผู้ชายที่หน้าที่การงานดี และมีหน้ามีตาในสังคม (เป็นข้าราชการระดับสูงที่อายุยังน้อย) ส่วนดิฉันทำงานในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับบ้านของเค้า ตอนที่เพิ่งคบกันดิฉันรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาเจ้าชู้มากและติดเพื่อน แต่ดิฉันก็อยากลองและก็คิดว่าตัวเองคงเอาอยู่ ซึ่งก็ไม่ยากอย่างที่คิด เค้าเริ่มตัดผู้หญิงคนอื่นออกไปเรื่อย ๆ เราคบกันมีความสุขดีเวลาผ่านไป 3 ปี วันนึงเค้าบอกว่าเค้าอยากสร้างครอบครัวอยากมีลูกกับดิฉัน ดิฉันถามว่าเพราะอะไรถึงเลือกดิฉัน เค้าบอกว่า "เพราะน้องใจดีไม่เรื่องมาก เข้ากับญาติๆ พี่ได้ดี และเข้าใจพี่รับข้อเสียของพี่ได้" ดิฉันก็บอกว่า "ถ้าแต่งงานกันพี่ก็ต้องเพลาๆ ลงบ้างนะ เมียต้องมาก่อนเพื่อนแล้วนะ" เค้าก็รับปากซะดิบดีบอกว่า "พี่สนุกมาเยอะแล้วอยากหยุดแล้ว" และเราก็แต่งงานกัน
หลังแต่งงานทุกอย่างไม่ได้เป็นดังหวังทุกคำสัญญากลับเป็นแค่ลมปาก ความผิดหวังเริ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ขอเล่าเฉพาะเหตุการณ์ที่รู้สึกเสียใจมากๆ แล้วกันนะคะ ครั้งแรกหลังแต่งงานเพียงแค่ 5 วัน เป็นฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดิฉันเตรียมเอกสารทุกอย่างแต่งตัวสวยๆ รอเค้ามารับ แต่เค้าก็มาผิดเวลาจนเลยฤกษ์ (ก่อน 10 โมงเช้า) เพราะเค้าเมาค้างตื่นไม่ไหว ดิฉันโกรธและเสียใจ จึงพูดกับเค้าไปว่า ที่ชวนจดทะเบียนเพราะอะไร ถ้าไม่อยากจดก็ไม่เป็นไรนะ ก็ดีเหมือนกันสมมุติถ้าอยู่กันไม่ได้จะได้เลิกกันง่ายๆ ดี (ตอนนั้นในใจก็ยังไม่แน่ใจว่าที่พูดเพราะเราต้องการประชดหรือว่ามันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) แต่เค้าก็ขอโทษแล้วดึงดันพาไปจดทะเบียนจนได้ในวันนั้นถึงแม้จะเลยฤกษ์ (ได้จดบ่าย 3 แล้วค่ะ) หลังจากวันนั้นทำให้รู้สึกว่าเค้าคงไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาดิฉันตามที่สัญญาไว้เมื่อก่อนแต่งงานแน่ๆ เรื่องต่อมาดิฉันก็ชวนเค้าไปฮันนีมูล
โดยแพลนไว้ว่าจะไปญี่ปุ่น แต่เค้าก็ไม่ยอมไป ทั้งๆ ที่เราก็มีเวลาและมีเงิน ฉันถามว่าทำไม เค้าตอมมาแค่ว่า "ก็ไม่อยากไปอ่ะ"
ดิฉันรู้ตัวว่ามันผิดที่ทำแบบนั้น แต่ยอมรับว่าการคุยกับผู้ชายคนอื่นเป็นความสุขเล็กๆ ของชีวิตในช่วงนั้น ดิฉันเริ่มทำเวรออฟแต่ไม่ไปหาเค้า โดยจะนัดไปเที่ยวที่อื่นกับเพื่อนๆ น้องๆ ที่สนิทกันส่วนใหญ่เที่ยวกลางคืนเช็คเรตติ่งแก้เบื่อตามประสาแก็งค์สาวโสด โดนอ้างกับเค้าว่าอยู่เวร แต่เค้าก็ไม่เคยตาม ไม่ถาม ไม่สงสัย ดิฉันคิดว่าลึกๆ แล้วคงรู้สึกว่าเข้าทางเค้าเหมือนกันที่เค้าคงได้อยู่กับเพื่อนกับผู้หญิงคนอื่นของเค้าอย่างเต็มที่ จนวันนึงดิฉันเริ่มมั่นใจแล้วว่าหมดรัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใจแข็งตัดขาดจากเค้าได้จริงๆ หรือไม่ ก็เลยลาออกจากที่ทำงานเดิม (เพราะที่เก่าอยู่ใกล้บ้านเค้า ถ้าดิฉันยังทำงานอยู่ตรงนั้นคิดว่าคงเลิกกันไม่ขาด) โดยอ้างว่าจะมาเรียนต่อ ป.โท และมาทำงานที่ใหม่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังดิฉันมาอยู่ที่ใหม่ได้ 3-4 เดือน จู่ๆ เค้าก็เริ่มปรับปรุงตัวเอง ดิฉันคิดว่าเค้าคงรู้ตัวว่ากำลังจะเสียดิฉันไปแล้วจริงๆ เค้ากลับมาเอาใจใส่ดิฉัน ชวนไปเที่ยว อยากได้อะไรก็ตามใจทุกอย่าง แรกๆ ก็คิดว่าจะทำได้สักกี่ตั้งเดี๋ยวก็คงดีแตกเหมือนเดิมอีก แต่ก็มีความสุขจริงๆ นะคะ ที่เค้ากลับมาทำดีกับเรามากขึ้น จนผ่านไป 1 ปีเค้าก็ยังไม่ดีแตก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าคู่เราคงผ่านบททดสอบแล้วหละ เค้าคงพร้อมจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ จนดิฉันเลิกคุมกำเนิดและมีลูกกับเค้า
ช่วงที่ตั้งครรภ์ก็มีความสุขมากค่ะ ยังเอาใจดีทุกอย่าง แต่แล้วชะตาก็เล่นตลกอีกครั้งตอนหลังคลอด ผีร้ายกลับเข้าร่างสามีดิฉันอีกแล้วค่ะ เค้าก็ดูเห่อลูกดี (แต่แป๊ปๆ) สุดท้ายก็ไม่ค่อยมาดูแลลูก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ดิฉันเพียงคนเดียว เพราะดิฉันลาออกจากงานค่ะ ตั้งใจเป็นแม่ฟูลไทม์ (เลี้ยงลูกกับเรียน ป.โท) แต่เข้าใจมั๊ยคะแม่ฟูลไทม์ก็ต้องการคนช่วยและกำลังใจนะคะ โดยเฉพาะจากสามี แต่ดิฉันไม่เคยได้รับ เคยเปิดใจคุยกับเค้าค่ะ เค้าก็รับปากอีกตามเคย แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดิฉันเหนื่อยล้ามากๆ อ่อนใจ กับพฤติกรรมของสามี จนลูกอายุได้ 6 เดือน ดิฉันจึงตัดสินใจขอเวลาสัปดาละ 3 วัน เพื่อกลับมาทำงานเป็นพาร์ทไทม์ที่ รพ.เอกชนแห่งเดิม และตั้งใจจะเคลียร์วิทยานิพนธ์ที่ทำค้างอยู่ให้เสร็จ แต่จริงเหตุผลหลัก ลึกๆ ของดิฉันคือ ต้องการมาพักใจต่างหาก อยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง โดยฝากลูกให้แม่สามีและพี่สาวสามีช่วยเลี้ยง หลังกลับมาทำงานดิฉันสภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ 4 วันที่อยู่กับลูกดิฉันก็สนใจแต่ลูกจริงๆ โดยไม่เก็บเอาพฤติกรรมของเค้ามาคิดมากให้รกสมอง เราไม่ค่อยคุยกัน จะคุยกันแต่เรื่องลูก ที่ตลกร้ายคือหลังมีลูกเราไม่เคยมีอะไรกันเลย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าดิฉันไม่ยอมทำหน้าที่นะคะ ดิฉันเป็นฝ่ายชวนตลอดค่ะ แต่เค้าเป็นฝ่ายไม่ยอมทำการบ้านมันเสียใจ น้อยใจ และทำให้รู้สึกไร้คุณค่าจริงๆ ค่ะ ดิฉันถามตรงๆ ว่า "ทำไม่ถึงไม่มีอะไรกับดิฉันเลยพี่กำลังมีคนอื่นหรือเปล่า" เค้าก็อ้างว่าอยู่กับลูกแล้วไม่มีอารมณ์ หลังจากนั้นดิฉันก็ลองชวนไปที่อื่นแต่เค้าก็ไม่ยอมไปด้วยกัน (ก่อนหน้ามีลูกถึงเราจะระหองระแหงแต่เรื่อง sex ของเราจัดว่าดีมาตลอดนะคะไม่เคยขาด) มันทำให้ดิฉันอดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างเค้าเหรอจะไม่มีอารมณ์ เค้าคงอิ่มมาจากที่อื่นมากกว่า พฤติกรรมเค้าก็ชัดเจนมาก เค้าหวงมือถือสุดๆ แค่เค้าเล่นๆ อยู่ พอดิฉันเดินผ่านก็กดออกหน้าจอโฮมทันที เค้าอยู่บ้านไม่ติดกลับบ้านไม่ต่ำว่าตี 2 ทุกวัน บางวันก็ไม่กลับ โดยอ้างว่าไปดูฟุตบอล ดิฉันก็นิ่งเฉยมาตลอดไม่อยากทะเลาะเพราะสงสารลูก **แก้ไขเพิ่มเติม** ดิฉันอดทนเพราะรักลูกมากค่ะทำหน้าที่แม่ที่ดีมาตลอดตอนนี้ลูกอายุ 1 ขวบ 6 เดือนแล้วค่ะ ยังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ลูกก็น่ารักค่ะเป็นเด็กฉลาดอารมณ์ดียิ้มเก่ง และดิฉันก็จบ ป.โท แล้ว กำลังตัดสินใจจะกลับไปทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็ห่วงลูกเลยยังรอๆ ไปก่อน ส่วนเค้าก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยสำหรับลูกเค้าดูแลเฉพาะค่าใช้จ่ายเท่านั้น สำหรับดิฉันก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันเลยตลอดเวลา 1 ปีครึ่ง แต่เค้าก็ไม่เคยแสดงออกว่าอยากเลิกกับดิฉันนะคะ ถามว่าตอนนี้ถ้าหย่ากันเลิกกันดิฉันเสียใจไหม ขอตอบเลยว่าไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วคงเพราะด้านชามามากจนเกินพอ ตอนนี้ดิฉันอยากจบเรื่องของเรา บอกตรงๆ ว่าดิฉันก็ต้องการความรักแบบชายหญิง ตอนนี้ก็มีคนมาจีบดิฉันอยู่เรื่อยๆ แต่ก็คุยกันแค่แบบเพื่อน ดิฉันอยากเปิดใจมีใครใหม่ที่รักกันและรับได้ที่ดิฉันเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วอย่างจริงใจให้เค้าเป็นคนจิตใจดีและสามารถเป็นพ่อที่ดีเข้ากับลูกของดิฉันได้ แต่ก็ทำใจไม่ได้เพราะ 1.ไม่อยากให้ลูกมีปมด้อยดิฉันแคร์ความรู้สึกของลูกมาค่ะ 2.เกรงใจญาติของเค้าค่ะ (แม่สามีและพี่สาวสามีดีกับดิฉันมากๆ) 3.ยังหวังเล็กๆ ว่าสักวันเค้าจะกลับมาดีกับดิฉันอีกครั้งอย่างถาวร 4.เคยปรึกษาแม่ของตัวเองครั้งนึงแม่ก็บอกให้ทนๆ ไปเถอะ (พ่อของดิฉันก็เคยเจ้าชู้ค่ะ แต่แม่ของดิฉันเอาอยู่)แม่พูดแกมเล่นแกมจริงบอกว่า ไม่ต้องหย่าเก็บเค้าไว้ทำโปรไฟล์ (ใครๆ ก็เรียกเค้าว่า ท่าน และเรียกดิฉันว่า คุณนายค่ะ) 😂😂!!แม่นะแม่คิดได้ไง!!
ดิฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะถ้ารอนานไปกว่านี้โดยไม่หย่า แต่สุดท้ายไม่มีอะไรดีขึ้น ดิฉันก็แก่ตัวไปเรื่อยๆ จะสร้างครอบครัวใหม่ที่ดีอย่างใจหวังคงเป็นไปได้ยาก เฮ้อ😥
สุดท้ายก็ขอจบกระทู้ปัญหาชีวิตของดิฉันเพียงเท่านี้ เล่ามายาวมากต้องขอบคุณที่อ่านจนจบ นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉันถ้าแทคห้องผิดต้องขออภัยด้วย ใครมีคำแนะนำดีๆ เม้นต์มาได้เลยนะคะ ดิฉันเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวมานานอยากฟังความคิดเห็นบุคคลภายนอกบ้าง ขอบคุณค่ะ