หลังจากที่ จขกท ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับโลกแห่งการลงทุน ผมก็พบว่าบัญชีเป็นอะไรที่นักลงทุนบอกว่ายากและไม่เข้าใจเลย และที่สำคัญคือไม่ค่อยมีที่ไหนสอนบัญชีแบบจริงๆจังๆและลงลึกสำหรับนักลงทุนด้วย ทาง จขกท ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้สอบบัญชีและอยู่ในแวดวงบัญชีมานานกว่า 10 ปี จึงอยากลองให้ความรู้ทางด้านบัญชีพื้นฐานเพื่อให้นักลงทุนนำความรู้ทางด้านบัญชีไปใช้ในการลงทุนให้เกิดประโยชน์ กะว่าจะลองเขียนไปเรื่อยๆตั้งแต่ต้นจนจบในเรื่องบัญชีพื้นฐาน เชื่อว่าท่านไหนที่ตามจนจบจะต้องมีความรู้ในเรื่องบัญชีมากขึ้นและช่วยในเรื่องการลงทุนได้อย่างแน่นอน
แต่ จขกท ไม่แน่ใจว่าจะมีใครสนใจมั้ย หากใครสนใจช่วย Like เพจ
https://www.facebook.com/ByAuditor/
จะได้ติดตามบทความได้ง่ายขึ้น และหากใครสนใจอยากไล่อ่านอันก่อนๆ ลองดูในส่วนกระทู้ที่ จขกท ตั้งได้ที่
https://pantip.com/profile/778766
การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด
อันนี้เป็นแนววิเคราะห์ส่วนตัวของผมนะครับ ใครเห็นว่าดีก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ
สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยทั่วไปแล้วบริษัทที่ดีนั้นจะมีกระแสเงินสดเป็นบวก ยิ่งบวกมากยิ่งดี เพราะแสดงให้เห็นถึงกำไรที่มีคุณภาพ ที่เกิดเป็นกระแสเงินสดรับที่มากกว่าจ่ายและเข้ามาในบริษัทจริงๆ และบริษัทที่มีกระแสเงินสดที่ดีเหล่านี้ก็จะสามารถนำกระแสเงินสดดังกล่าวมาตอบแทนผู้ถือหุ้นในรูปปันผล หรือสามารถนำไปลงทุนต่อได้ เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตามจะมีธุรกิจบางประเภทที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะติดลบเสมอ เช่น ธุรกิจลิสซิ่ง เป็นต้น เนื่องจากเงินที่ปล่อยกู้จะเป็นก้อน แต่จะทยอยได้รับชำระเงินคืนในในรูปเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะอยู่ในกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ดังนั้นหากบริษัทเหล่านี้ยังสามารถปล่อยกู้เพิ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็จะติดลบไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แน่เสมอไปว่าหากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นลบแล้วจะไม่ดี อันนี้ต้องดูลักษณะของธุรกิจประกอบกันด้วย
สำหรับกระแสเงินสดจากการลงทุนหากเป็นลบแสดงว่าบริษัทลงทุนซื้อสินทรัพย์ระยะยาวเข้ามา เช่น ที่ดินเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งเราก็ควรไปวิเคราะห์กันต่อในตัวสินทรัพย์ที่ทางบริษัทซื้อมาว่าคุ้มค่าหรือไม่ในราคาที่ซื้อ หากเป็นราคาที่คุ้มค่าแน่นอนว่าการลงทุนดังกล่าวย่อมส่งผลดีกับบริษัท หากกระแสเงินสดจากการลงทุนเป็นบวกแสดงว่าบริษัทได้รับเงินจากการขายสินทรัพย์ระยะยาว ซึ่งหากสินทรัพย์ระยะยาวที่ถูกขายออกเป็นสินทรัพย์ที่ทำให้บริษัทขาดทุนมากๆหรือไม่ก่อให้เกิดกำไรแล้ว การขายสินทรัพย์ดังกล่าวออกไปในราคาที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อบริษัท เช่นกัน
สำหรับกระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน หากมียอดเป็นบวกอันนี้เราก็ต้องมองก่อนว่าการจัดหาเงินดังกล่าวนำมา ใช้ส่วนใด เช่น หากนำมาใช้ในส่วนของการดำเนินงานเนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานนั้นเป็นลบอันนี้ก็ไม่น่าจะดี (ยกเว้นธุรกิจบางประเภทที่มีกระแสเงินสดติดลบเป็นปกติ) หากการจัดหาเงินดังกล่าวนำมาใช้ในการลงทุนของบริษัทและหากสินทรัพย์ระยะยาวที่ทางบริษัทจะซื้อเข้ามาเป็นการลงทุนที่ดีอันนี้ก็น่าจะส่งผลดีกับบริษัท นอกจากนี้เงินกู้ที่นำมาใช้ก็ควรเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวด้วย เพื่อให้สัมพันธ์กับกิจกรรมการลงทุนซึ่งเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (ระยะยาว) ด้วยเช่นกัน ในทางกลับกันหากบริษัทกู้ยืมเงินระยะสั้นมาเพื่อใช้ในกิจกรรมการลงทุน อันนี้บริษัทก็อาจเกิดปัญหาสภาพคล่องขึ้นได้หากมีเงินสดในมือไม่มากพอเนื่องจากต้องจ่ายคืนเงินกู้ในระยะเวลาอันสั้นแต่กว่าสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามานั้นกว่าจะสร้างรายได้ให้เกิดเป็นกำไร อาจไม่ทันกัน เป็นต้น
รายการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สามารถเห็นได้จากงบกระแสเงินสดครับ
แชร์ความรู้บัญชี การอ่านและวิเคราะห์งบการเงิน (Day 12) : การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด
แต่ จขกท ไม่แน่ใจว่าจะมีใครสนใจมั้ย หากใครสนใจช่วย Like เพจ
https://www.facebook.com/ByAuditor/
จะได้ติดตามบทความได้ง่ายขึ้น และหากใครสนใจอยากไล่อ่านอันก่อนๆ ลองดูในส่วนกระทู้ที่ จขกท ตั้งได้ที่
https://pantip.com/profile/778766
การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด
อันนี้เป็นแนววิเคราะห์ส่วนตัวของผมนะครับ ใครเห็นว่าดีก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ
สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยทั่วไปแล้วบริษัทที่ดีนั้นจะมีกระแสเงินสดเป็นบวก ยิ่งบวกมากยิ่งดี เพราะแสดงให้เห็นถึงกำไรที่มีคุณภาพ ที่เกิดเป็นกระแสเงินสดรับที่มากกว่าจ่ายและเข้ามาในบริษัทจริงๆ และบริษัทที่มีกระแสเงินสดที่ดีเหล่านี้ก็จะสามารถนำกระแสเงินสดดังกล่าวมาตอบแทนผู้ถือหุ้นในรูปปันผล หรือสามารถนำไปลงทุนต่อได้ เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป อย่างไรก็ตามจะมีธุรกิจบางประเภทที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะติดลบเสมอ เช่น ธุรกิจลิสซิ่ง เป็นต้น เนื่องจากเงินที่ปล่อยกู้จะเป็นก้อน แต่จะทยอยได้รับชำระเงินคืนในในรูปเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะอยู่ในกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ดังนั้นหากบริษัทเหล่านี้ยังสามารถปล่อยกู้เพิ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็จะติดลบไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แน่เสมอไปว่าหากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นลบแล้วจะไม่ดี อันนี้ต้องดูลักษณะของธุรกิจประกอบกันด้วย
สำหรับกระแสเงินสดจากการลงทุนหากเป็นลบแสดงว่าบริษัทลงทุนซื้อสินทรัพย์ระยะยาวเข้ามา เช่น ที่ดินเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งเราก็ควรไปวิเคราะห์กันต่อในตัวสินทรัพย์ที่ทางบริษัทซื้อมาว่าคุ้มค่าหรือไม่ในราคาที่ซื้อ หากเป็นราคาที่คุ้มค่าแน่นอนว่าการลงทุนดังกล่าวย่อมส่งผลดีกับบริษัท หากกระแสเงินสดจากการลงทุนเป็นบวกแสดงว่าบริษัทได้รับเงินจากการขายสินทรัพย์ระยะยาว ซึ่งหากสินทรัพย์ระยะยาวที่ถูกขายออกเป็นสินทรัพย์ที่ทำให้บริษัทขาดทุนมากๆหรือไม่ก่อให้เกิดกำไรแล้ว การขายสินทรัพย์ดังกล่าวออกไปในราคาที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อบริษัท เช่นกัน
สำหรับกระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน หากมียอดเป็นบวกอันนี้เราก็ต้องมองก่อนว่าการจัดหาเงินดังกล่าวนำมา ใช้ส่วนใด เช่น หากนำมาใช้ในส่วนของการดำเนินงานเนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานนั้นเป็นลบอันนี้ก็ไม่น่าจะดี (ยกเว้นธุรกิจบางประเภทที่มีกระแสเงินสดติดลบเป็นปกติ) หากการจัดหาเงินดังกล่าวนำมาใช้ในการลงทุนของบริษัทและหากสินทรัพย์ระยะยาวที่ทางบริษัทจะซื้อเข้ามาเป็นการลงทุนที่ดีอันนี้ก็น่าจะส่งผลดีกับบริษัท นอกจากนี้เงินกู้ที่นำมาใช้ก็ควรเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวด้วย เพื่อให้สัมพันธ์กับกิจกรรมการลงทุนซึ่งเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (ระยะยาว) ด้วยเช่นกัน ในทางกลับกันหากบริษัทกู้ยืมเงินระยะสั้นมาเพื่อใช้ในกิจกรรมการลงทุน อันนี้บริษัทก็อาจเกิดปัญหาสภาพคล่องขึ้นได้หากมีเงินสดในมือไม่มากพอเนื่องจากต้องจ่ายคืนเงินกู้ในระยะเวลาอันสั้นแต่กว่าสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามานั้นกว่าจะสร้างรายได้ให้เกิดเป็นกำไร อาจไม่ทันกัน เป็นต้น
รายการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สามารถเห็นได้จากงบกระแสเงินสดครับ