สวัสดีค่ะ
เราขออนุญาตเล่าย่อๆค่ะ
พื้นฐานครอบครัวของเราที่บ้านรักกันมาก มีกัน 4 คน พ่อแม่เราและน้องสาว
คือรักและดูแลกันช่วยเหลือกัน สนิทกันมาก
และอาจจะเพราะครอบครัวของเรามีความสุขเกินไป ทำให้สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเราคือครอบครัว (เราเคยเกิดปัญหาหลายเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเรียน แฟนทิ้ง สุขภาพ เพื่อน หรืออื่นๆที่หนักมาหลายอย่าง แต่ไม่ได้ทำให้เราเครียดมาก เราฝ่าฟันมันมาได้เสมอ เพราะเรารู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาเราจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เรายังมีอยู่คือครอบครัว เราล้มไม่ได้)
เรารักพ่อแม่ รักน้องเรามาก สมัยเรียน อยู่คนละมหาลัย เดินทางลำบาก แต่เราก็ดั้นด้นไปอยู่กับน้องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ไหนไม่มีเรียนก็ไปอยู่ด้วยกันยาว พอเรียนจบก็มาอยู่กับน้อง กลับบ้านตจว.ก็นอนด้วยกันพ่อแม่ลูก กอดกัน เดินกอดพ่อแม่ จูงกัน คืออบอุ่นมาก
เมื่อมีใครสักคนเราก็อยากให้เค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านเรา ไม่ใช่แยกตัวออกไป (ไม่ได้หมายถึงอยู่ด้วยกัน แต่หมายถึง มาทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นเพิ่มขึ้น รู้สึกว่า มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม)
เรามีแฟน เราก็พามารู้จักครอบครัวเรา ไปเที่ยวทริปไหนก็จะพาไปด้วยกันเสมอ (แต่ก็มีเวลาส่วนตัวโมเม้นอยู่ด้วยกัน 2 คนอยู่แล้ว)
สรุปคือ ใครคบเรา จะรู้จักสนิทกับน้องเรา จะรู้จักบ้านเรา รู้จักพื้นฐานครอบครัวเรา
เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน น้องเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องพบหมอทุกอาทิตย์เป็นค่อนข้างหนัก อยากฆ่าตัวตาย (ไม่มีสาเหตุ แต่นั่งเฉยๆก็รู้สึกเศร้า หมอบอกเกิดจากสารอะไรสักอย่างในสมอง)
ตอนนั้นลำบากมาก เพราะเราแทบต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว เพราะนอนๆอยู่น้องก็ร้องไห้ นั่งๆอยู่ก็ร้องไห้ เราต้องกอดต้องปลอบ ต้องหากิจกรรมทำ ไม่ให้น้องคิดฟุ้งซ่าน เราเรียนปโทเรียนตอนเย็น ไปเรียน เราก็ต้องพาน้องไปมอด้วย ไม่ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียว น้องไปเรียนก็ต้องฝากเพื่อนน้อง คือถึงกับคิดว่าอยากไปนั่งเฝ้าใต้อาคารเวลาน้องเรียน เราดูแลน้องมาอย่างทุลักทุเล ตอนแรกก็ไม่ได้บอกที่บ้าน เพราะพ่อแม่อยู่ตจว. พ่อแม่จะเป็นห่วงมากและช่วงนั้นที่บ้านก็ยังมีปัญหาอื่นๆอีก
หลังจากรับยาเกือบครึ่งปี ดูแลอย่างดีเท่าที่เราจะทำไหว ช่วงนั้น เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก ไปห้าง ไปนู่นนี่กับน้องทุกอาทิตย์ ไม่อยู่อุดอู้ในห้อง
เพื่อนชวนไปไหน เราไป แต่เราจะลากน้องไปด้วย และน้องเราก็จะรู้จักเพื่อนเรา และเข้ากันได้
จนน้องเราอาการเริ่มดีมากๆ คือดีขึ้นมากจริงๆ เราก็พาไปเที่ยวกับเพื่อนตามปกติ
เพื่อนคนนึงของเรา เรารู้จักมาเกือบ 5 ปี เราไปเที่ยวและพาน้องเราไปเที่ยวด้วยและผลคือมาชอบน้องเรา เราก็ดีใจ (ปกติเมื่อก่อนน้องเรามีใครมาจีบ เรานี่แหละบอกน้องเราให้ลองคบ ลองดูใจ ลองศึกษา ไปเที่ยวกับเค้าเสมอ เราอยากให้มีใครเข้ามาในชีวิตน้องเราและอีกหน่อยจะได้ดูแลน้องเรา เราจะได้ไม่ห่วง)
เราดีใจและพอใจมาก เค้าจีบกัน เค้าไปเที่ยวกัน เราไม่เคยขัดขวางหรือตามไป เราคิดแค่ว่า ถ้าเป็นคนนี้ดูแลน้องเราได้ เราดีใจมาก
แต่เราก็ยังกังวลเรื่องน้องเราเป็นโรคซึมเศร้า เราจึงไปคุยกับเค้าและบอกว่า น้องเราถ้ารักใครรักจริงและทุ่มเทสุดใจ มีใจร้อยให้ร้อยยี่สิบ แต่ด้วยน้องเราเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งยังไม่หายดี ดังนั้นถ้าเกิดน้องรักไปแล้วและเกิดมันไม่ใช่ น้องเราจะได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างหนัก เรากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงขอให้ดูๆกันไปสักระยะ
และเพื่อนเราคนนี้ก็ให้สัญญากับเรา ว่า วางใจเถอะ เราไม่ได้รีบ เราเองก็เพิ่งเรียนจบ ทรัพย์สินยังไม่มี ชีวิตไม่มั่นคง เราเองก็เพิ่งรู้จักน้องเธอ เราอยากดูๆกันไปนานๆก่อน
เราก็โอเค ทุกอย่างแฮปปี้มาก แต่...หลังจากนั้นเพียงแค่น่าจะสัก 10 วันเท่านั้น จ้าาาา...ขอคบน้องเรา และเป็นแฟนกัน
ส่วนเรา เราก็โมโหและโกรธมาก (ต้องบอกไว้ก่อนว่าเราจุดเดือดเรามันต่ำมาก ทั้งชีวิตตั้งแต่โตมาเคยโกรธคนนับรวมได้แค่ 3 คน ส่วนเค้าเป็นคนที่ 4)
ครั้งนี้เราโกรธจริง เราเลยไปต่อว่า แต่ผลคือ เรื่องของเราไร้สาระ สิ่งที่เค้าตอบมา(ไม่ได้พูดแบบนี้แต่อารมณ์ประมาณนี้) คือ คนจะรักกันคบกันเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว เอาง่ายๆเค้าไม่ยอมลงให้เรา (ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเค้า โตเมืองนอก มีความคิดต่างจากเรา และเค้าเป็นคนเก่งคือเก่งหลายอย่าง เก่งระดับประเทศ พูดได้หลายภาษา และมีแนวคิด มีความคิดเป็นของตัวเอง สมัยเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไรกันมากมายตามประสาเพื่อน คือเค้าเก่งกว่าอะไรกว่า หลายอย่างเค้าแสดงออกมาว่าเค้าเหนือกว่าคนอื่น เหนือกว่าเพื่อน ดีกว่าเพื่อน แต่คือ เราไม่ได้สนใจไง เราก็มองข้ามไม่ได้เอาเก็บมาคิด มาทำให้รู้สึกด้อยค่าลดค่าอะไร)
....นี่คือจุดเริ่มต้น...เพราะหลังจากนั้นมันมีอะไรอีกหลายอย่าง...แต่ไสิ่งที่กระทบกระเทือนเราคือ ตัวของน้องเราเอง น้องเราเลือกไม่ได้ระหว่างผู้ชายที่รู้จัก 10 วันกับเรา น้องพยายามโอ๋ทางนั้น บอกเดี๋ยวก็ดีเอง คือสรุปน้องใส่ใจความรู้สึกของเค้ามากกว่าเรา
และมันก็เกิดอะไรอีกหลายเหตุการณ์ น้องเราที่พฤติกรรมเปลี่ยนไป นิสัยเปลี่ยนไป หลายๆอย่างเปลี่ยนไป จนบางทีเรามองหน้าแล้วต้องคิดว่า นี่ใครวะ..?? ไม่ใช่น้องเรา
จนในที่สุดถึงจุดแตกหัก เพราะ อยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อไม่ได้ เราอยู่ไม่ได้
เรากระทบกระเทือนจิตใจมากตอนนั้น คุยกันว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เค้ากับพี่ทะเลาะกันแบบนี้ เหตการณ์จะเลวร้ายลง ยังไงห่างกันก่อนไหม ถ้าเรากับเค้าดีกันแล้วค่อยเริ่มใหม่ดีกว่า เพราะงั้นเราอยู่ในสภาพ ทนทะเลาะ อารมณ์มัวๆ ระหว่างเราแบบนี้ไม่ไหว เราตัดสินใจจะออกจากชีวิตน้องไป
ทีนั้นน้องถึงได้ยอม และน้องตัดสินใจเลิกคุยกันชั่วคราวและเลือกเรา และในตอนนั้นเพื่อนเราคนนั้นนั่นแหละ ถึงรู้ตัว เห็นน้องเราจะไป เลยยอมทุกอย่างแบบยอมจากใจจริง (ก่อนหน้านั้นคือ ปากบอกยอม แต่พฤติกรรมไม่ใช่ ความคิดไม่ใช่)
เหตการณ์ตัดขาดผ่านไป แต่ผ่านไปนิด น้องก็จะกลับมาถามว่า ดีกันหรือยัง บลาๆ แอบถามแอบพูด
ใจจริงเราอยากให้ต่างคนต่างไป ที่ผ่านมาแล้วๆกันเถอะ แต่อย่ามายุ่งกันอีก อะไรเสียๆไปก็อภัยให้มันผ่านไป แต่อย่ามาอีกเลย
นานเข้าๆ ถึงน้องจะไม่มีเพื่อนเราคนนั้น เราพยายามคุยกันเหมือนเดิมพี่น้อง แต่ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีก มีฝ้าบางๆกั้นเราไว้
และเราก็ทนเห็นน้องเราที่ต้องแอบไปร้องไห้หาคิดถึงไม่ได้ เราอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีความสุขที่เห็นน้องเป็นแบบนั้น
ผลคือ เราก็ปล่อย และอยากคบกันก็กลับไปคบนะ ก็ถือซะว่าเป็นเพื่อนทางน้องไป เราบอกว่าเราไม่ยุ่ง ไม่ยุ่งอะไรทั้งนั้น
เราดีใจที่เราเห็นน้องมีความสุข น้องพยายามคุยพยายามเล่นกับเรา เหมือนเดิม
เราก็พยายามฝืนให้ แต่...เราทำใจมีความสุขไม่ได้ที่เห็นเค้ารักกัน มันผิดที่เราเองที่เราจิตใจคับแคบ เรามองหน้าอดีตเพื่อนคนนั้นไม่ได้ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะยอมและเค้าบอกจะปรับปรุงตัวก็ตาม แต่แค่นึก เราก็นึกถึงเพียง เค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ความรักในครอบครัวของเราร้าวฉาน ความรักที่ให้ครอบครัวเปลี่ยนไป เรากับน้องเปลี่ยนไป เราไม่อาจยอมรับเค้าได้เต็มร้อย เหมือนแปะโลโก้ติดหัวไว้เลย
เรื่องรักน้องเรา ก็คงจะจริง เค้าก็คงดูแลน้องเราได้แหละ แต่ให้เรายอมรับมันก็จำยอมเท่านั้นแหละ แต่เราก็ไม่อยากให้น้องเสียใจ เราพยายามกลั้นความอึดอัดใจนี้ แต่เราจะทนไปได้ถึงไหน ตอนนี้เรากับน้องยังอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้เราอึดอัดมาก อยากแยกกันอยู่
แต่เราแยกไม่ได้ เพราะถ้าแยก พ่อแม่ที่ตจว.ก็จะไม่สบายใจ ไม่ยอม ทุกข์ใจ (พ่อกับแม่เป็นโรควัยทองทั้งคู่ เมื่อก่อนต้องไปหาหมอและฉีดยาฮอร์โมน แต่อาการก็กลับมาเป็นบ้างเป็นระยะๆ เป็นช่วงๆ เราพยายามดูแลและพยุงมาด้วยกันด้วยความรักมาตลอด)
น้องเราก็เป็นโรคซึมเศร้า ถ้าเราแยกไป น้องเรากลัวว่าจะเครียด ทุกข์ใจ และอาการอาจจะแย่ลง แยกไม่ได้อีก...
แต่...เรารู้สึกความอึดอัดใจเรามันหนักและสะสมเหลือเกิน เราอึดอัดใจที่จะต้องเห็นเค้ารักกัน เราอยากแยกตัวออกมา เค้าก็รักกันไป เราก็คอยมองห่างๆ ส่วนเราก็ดูแลน้องเราตามสมควร...แต่แยกไม่ได้
ทุกวันนี้เราอึดอัด รู้สึกเครียดสะสม รู้สึกหนัก ไม่มีความสุข จนกลัวว่า วันนึงเรานี่แหละจะเป็นโรคสักอย่างทางจิตเวช (เพราะครอบครัวจะว่าไปก็เรียกได้ว่าเป็นครบทุกคน ญาติใกล้ชิดก็เป็น เราคิดว่าเราจะรอดอยู่คนเดียว เราคิดว่าเราจะเป็นคนเดียวที่ปกติไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เรากลัวมากจริงๆ เรากลัวเราป่วย เพราะเรารู้สึกเราได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจากเรื่องนี้ เราเหมือนเราถูกหักหลัง โดยที่มีอดีตเพื่อนคนนี้เป็นสาเหตุ
เรามองเค้า เราก็มองเห็นสาเหตุตลอดเวลาว่า เพราะเค้าทำให้ เราคิดกับครอบครัวแบบนี้ เราอยากปล่อยวาง แต่เราทำไม่ได้
เราแทบไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับใคร เพราะถือคติ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า ฉะนั้นมีเพื่อนสนิทรู้เรื่องนี้แค่2-3 คน โซเชี่ยลเราเงียบมาก คนนอกไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดปัญหาแบบนี้ หน้าเราไม่เคยแสดงออก เรื่องราวไม่เคยเปิดเผย
เราควรทำยังไงดี? เราเหนื่อย กลางคืนไม่อยากนอน ถ้าได้นอนก็ไม่อยากตื่น ไม่อยากทำอะไร อึดอัดไปหมด รู้สึกหนัก รู้สึกเคว้ง หรือความจริงแล้วเราป่วยจริงๆ ธรรมะไม่ช่วย ปล่อยวางพูดง่ายแต่ทำยาก ไม่อยากอยู่ในสภาพจิตใจแบบนี้ จิตใจเราทรมาน ท้อแท้
ตอนนี้เราอยู่กับน้องแล้วเราอึดอัดมากจริงๆ อยากออกมา บางทีถ้าพื้นฐานครอบครัวเราไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น พี่น้องก็ดูแลกัน รักตามสมควร ทุกอย่างคงดีกว่านี้
ตอนนี้เราคิดว่าอนาคตครอบครัวเราคงเป็นแบบดารา กีฟ อรฬี กับ พอร์ช ศรันย์ คนละสาเหตุกับเค้า แต่แนวโน้มอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เกรซ(น้องสาว)เค้าก็คบกับพอร์ชได้อย่างดีนะ
ขอบคุณทุกความเห็นมากค่ะ จะนำมาตรึกตรองค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆ
ปรึกษาปัญหาครอบครัวค่ะ รู้สึกอึดอัดใจจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคจิตเวช
เราขออนุญาตเล่าย่อๆค่ะ
พื้นฐานครอบครัวของเราที่บ้านรักกันมาก มีกัน 4 คน พ่อแม่เราและน้องสาว
คือรักและดูแลกันช่วยเหลือกัน สนิทกันมาก
และอาจจะเพราะครอบครัวของเรามีความสุขเกินไป ทำให้สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเราคือครอบครัว (เราเคยเกิดปัญหาหลายเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเรียน แฟนทิ้ง สุขภาพ เพื่อน หรืออื่นๆที่หนักมาหลายอย่าง แต่ไม่ได้ทำให้เราเครียดมาก เราฝ่าฟันมันมาได้เสมอ เพราะเรารู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาเราจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เรายังมีอยู่คือครอบครัว เราล้มไม่ได้)
เรารักพ่อแม่ รักน้องเรามาก สมัยเรียน อยู่คนละมหาลัย เดินทางลำบาก แต่เราก็ดั้นด้นไปอยู่กับน้องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ไหนไม่มีเรียนก็ไปอยู่ด้วยกันยาว พอเรียนจบก็มาอยู่กับน้อง กลับบ้านตจว.ก็นอนด้วยกันพ่อแม่ลูก กอดกัน เดินกอดพ่อแม่ จูงกัน คืออบอุ่นมาก
เมื่อมีใครสักคนเราก็อยากให้เค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านเรา ไม่ใช่แยกตัวออกไป (ไม่ได้หมายถึงอยู่ด้วยกัน แต่หมายถึง มาทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นเพิ่มขึ้น รู้สึกว่า มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม)
เรามีแฟน เราก็พามารู้จักครอบครัวเรา ไปเที่ยวทริปไหนก็จะพาไปด้วยกันเสมอ (แต่ก็มีเวลาส่วนตัวโมเม้นอยู่ด้วยกัน 2 คนอยู่แล้ว)
สรุปคือ ใครคบเรา จะรู้จักสนิทกับน้องเรา จะรู้จักบ้านเรา รู้จักพื้นฐานครอบครัวเรา
เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน น้องเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องพบหมอทุกอาทิตย์เป็นค่อนข้างหนัก อยากฆ่าตัวตาย (ไม่มีสาเหตุ แต่นั่งเฉยๆก็รู้สึกเศร้า หมอบอกเกิดจากสารอะไรสักอย่างในสมอง)
ตอนนั้นลำบากมาก เพราะเราแทบต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว เพราะนอนๆอยู่น้องก็ร้องไห้ นั่งๆอยู่ก็ร้องไห้ เราต้องกอดต้องปลอบ ต้องหากิจกรรมทำ ไม่ให้น้องคิดฟุ้งซ่าน เราเรียนปโทเรียนตอนเย็น ไปเรียน เราก็ต้องพาน้องไปมอด้วย ไม่ปล่อยให้น้องอยู่คนเดียว น้องไปเรียนก็ต้องฝากเพื่อนน้อง คือถึงกับคิดว่าอยากไปนั่งเฝ้าใต้อาคารเวลาน้องเรียน เราดูแลน้องมาอย่างทุลักทุเล ตอนแรกก็ไม่ได้บอกที่บ้าน เพราะพ่อแม่อยู่ตจว. พ่อแม่จะเป็นห่วงมากและช่วงนั้นที่บ้านก็ยังมีปัญหาอื่นๆอีก
หลังจากรับยาเกือบครึ่งปี ดูแลอย่างดีเท่าที่เราจะทำไหว ช่วงนั้น เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก ไปห้าง ไปนู่นนี่กับน้องทุกอาทิตย์ ไม่อยู่อุดอู้ในห้อง
เพื่อนชวนไปไหน เราไป แต่เราจะลากน้องไปด้วย และน้องเราก็จะรู้จักเพื่อนเรา และเข้ากันได้
จนน้องเราอาการเริ่มดีมากๆ คือดีขึ้นมากจริงๆ เราก็พาไปเที่ยวกับเพื่อนตามปกติ
เพื่อนคนนึงของเรา เรารู้จักมาเกือบ 5 ปี เราไปเที่ยวและพาน้องเราไปเที่ยวด้วยและผลคือมาชอบน้องเรา เราก็ดีใจ (ปกติเมื่อก่อนน้องเรามีใครมาจีบ เรานี่แหละบอกน้องเราให้ลองคบ ลองดูใจ ลองศึกษา ไปเที่ยวกับเค้าเสมอ เราอยากให้มีใครเข้ามาในชีวิตน้องเราและอีกหน่อยจะได้ดูแลน้องเรา เราจะได้ไม่ห่วง)
เราดีใจและพอใจมาก เค้าจีบกัน เค้าไปเที่ยวกัน เราไม่เคยขัดขวางหรือตามไป เราคิดแค่ว่า ถ้าเป็นคนนี้ดูแลน้องเราได้ เราดีใจมาก
แต่เราก็ยังกังวลเรื่องน้องเราเป็นโรคซึมเศร้า เราจึงไปคุยกับเค้าและบอกว่า น้องเราถ้ารักใครรักจริงและทุ่มเทสุดใจ มีใจร้อยให้ร้อยยี่สิบ แต่ด้วยน้องเราเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งยังไม่หายดี ดังนั้นถ้าเกิดน้องรักไปแล้วและเกิดมันไม่ใช่ น้องเราจะได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างหนัก เรากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงขอให้ดูๆกันไปสักระยะ
และเพื่อนเราคนนี้ก็ให้สัญญากับเรา ว่า วางใจเถอะ เราไม่ได้รีบ เราเองก็เพิ่งเรียนจบ ทรัพย์สินยังไม่มี ชีวิตไม่มั่นคง เราเองก็เพิ่งรู้จักน้องเธอ เราอยากดูๆกันไปนานๆก่อน
เราก็โอเค ทุกอย่างแฮปปี้มาก แต่...หลังจากนั้นเพียงแค่น่าจะสัก 10 วันเท่านั้น จ้าาาา...ขอคบน้องเรา และเป็นแฟนกัน
ส่วนเรา เราก็โมโหและโกรธมาก (ต้องบอกไว้ก่อนว่าเราจุดเดือดเรามันต่ำมาก ทั้งชีวิตตั้งแต่โตมาเคยโกรธคนนับรวมได้แค่ 3 คน ส่วนเค้าเป็นคนที่ 4)
ครั้งนี้เราโกรธจริง เราเลยไปต่อว่า แต่ผลคือ เรื่องของเราไร้สาระ สิ่งที่เค้าตอบมา(ไม่ได้พูดแบบนี้แต่อารมณ์ประมาณนี้) คือ คนจะรักกันคบกันเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว เอาง่ายๆเค้าไม่ยอมลงให้เรา (ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเค้า โตเมืองนอก มีความคิดต่างจากเรา และเค้าเป็นคนเก่งคือเก่งหลายอย่าง เก่งระดับประเทศ พูดได้หลายภาษา และมีแนวคิด มีความคิดเป็นของตัวเอง สมัยเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไรกันมากมายตามประสาเพื่อน คือเค้าเก่งกว่าอะไรกว่า หลายอย่างเค้าแสดงออกมาว่าเค้าเหนือกว่าคนอื่น เหนือกว่าเพื่อน ดีกว่าเพื่อน แต่คือ เราไม่ได้สนใจไง เราก็มองข้ามไม่ได้เอาเก็บมาคิด มาทำให้รู้สึกด้อยค่าลดค่าอะไร)
....นี่คือจุดเริ่มต้น...เพราะหลังจากนั้นมันมีอะไรอีกหลายอย่าง...แต่ไสิ่งที่กระทบกระเทือนเราคือ ตัวของน้องเราเอง น้องเราเลือกไม่ได้ระหว่างผู้ชายที่รู้จัก 10 วันกับเรา น้องพยายามโอ๋ทางนั้น บอกเดี๋ยวก็ดีเอง คือสรุปน้องใส่ใจความรู้สึกของเค้ามากกว่าเรา
และมันก็เกิดอะไรอีกหลายเหตุการณ์ น้องเราที่พฤติกรรมเปลี่ยนไป นิสัยเปลี่ยนไป หลายๆอย่างเปลี่ยนไป จนบางทีเรามองหน้าแล้วต้องคิดว่า นี่ใครวะ..?? ไม่ใช่น้องเรา
จนในที่สุดถึงจุดแตกหัก เพราะ อยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อไม่ได้ เราอยู่ไม่ได้
เรากระทบกระเทือนจิตใจมากตอนนั้น คุยกันว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เค้ากับพี่ทะเลาะกันแบบนี้ เหตการณ์จะเลวร้ายลง ยังไงห่างกันก่อนไหม ถ้าเรากับเค้าดีกันแล้วค่อยเริ่มใหม่ดีกว่า เพราะงั้นเราอยู่ในสภาพ ทนทะเลาะ อารมณ์มัวๆ ระหว่างเราแบบนี้ไม่ไหว เราตัดสินใจจะออกจากชีวิตน้องไป
ทีนั้นน้องถึงได้ยอม และน้องตัดสินใจเลิกคุยกันชั่วคราวและเลือกเรา และในตอนนั้นเพื่อนเราคนนั้นนั่นแหละ ถึงรู้ตัว เห็นน้องเราจะไป เลยยอมทุกอย่างแบบยอมจากใจจริง (ก่อนหน้านั้นคือ ปากบอกยอม แต่พฤติกรรมไม่ใช่ ความคิดไม่ใช่)
เหตการณ์ตัดขาดผ่านไป แต่ผ่านไปนิด น้องก็จะกลับมาถามว่า ดีกันหรือยัง บลาๆ แอบถามแอบพูด
ใจจริงเราอยากให้ต่างคนต่างไป ที่ผ่านมาแล้วๆกันเถอะ แต่อย่ามายุ่งกันอีก อะไรเสียๆไปก็อภัยให้มันผ่านไป แต่อย่ามาอีกเลย
นานเข้าๆ ถึงน้องจะไม่มีเพื่อนเราคนนั้น เราพยายามคุยกันเหมือนเดิมพี่น้อง แต่ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีก มีฝ้าบางๆกั้นเราไว้
และเราก็ทนเห็นน้องเราที่ต้องแอบไปร้องไห้หาคิดถึงไม่ได้ เราอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีความสุขที่เห็นน้องเป็นแบบนั้น
ผลคือ เราก็ปล่อย และอยากคบกันก็กลับไปคบนะ ก็ถือซะว่าเป็นเพื่อนทางน้องไป เราบอกว่าเราไม่ยุ่ง ไม่ยุ่งอะไรทั้งนั้น
เราดีใจที่เราเห็นน้องมีความสุข น้องพยายามคุยพยายามเล่นกับเรา เหมือนเดิม
เราก็พยายามฝืนให้ แต่...เราทำใจมีความสุขไม่ได้ที่เห็นเค้ารักกัน มันผิดที่เราเองที่เราจิตใจคับแคบ เรามองหน้าอดีตเพื่อนคนนั้นไม่ได้ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะยอมและเค้าบอกจะปรับปรุงตัวก็ตาม แต่แค่นึก เราก็นึกถึงเพียง เค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ความรักในครอบครัวของเราร้าวฉาน ความรักที่ให้ครอบครัวเปลี่ยนไป เรากับน้องเปลี่ยนไป เราไม่อาจยอมรับเค้าได้เต็มร้อย เหมือนแปะโลโก้ติดหัวไว้เลย
เรื่องรักน้องเรา ก็คงจะจริง เค้าก็คงดูแลน้องเราได้แหละ แต่ให้เรายอมรับมันก็จำยอมเท่านั้นแหละ แต่เราก็ไม่อยากให้น้องเสียใจ เราพยายามกลั้นความอึดอัดใจนี้ แต่เราจะทนไปได้ถึงไหน ตอนนี้เรากับน้องยังอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้เราอึดอัดมาก อยากแยกกันอยู่
แต่เราแยกไม่ได้ เพราะถ้าแยก พ่อแม่ที่ตจว.ก็จะไม่สบายใจ ไม่ยอม ทุกข์ใจ (พ่อกับแม่เป็นโรควัยทองทั้งคู่ เมื่อก่อนต้องไปหาหมอและฉีดยาฮอร์โมน แต่อาการก็กลับมาเป็นบ้างเป็นระยะๆ เป็นช่วงๆ เราพยายามดูแลและพยุงมาด้วยกันด้วยความรักมาตลอด)
น้องเราก็เป็นโรคซึมเศร้า ถ้าเราแยกไป น้องเรากลัวว่าจะเครียด ทุกข์ใจ และอาการอาจจะแย่ลง แยกไม่ได้อีก...
แต่...เรารู้สึกความอึดอัดใจเรามันหนักและสะสมเหลือเกิน เราอึดอัดใจที่จะต้องเห็นเค้ารักกัน เราอยากแยกตัวออกมา เค้าก็รักกันไป เราก็คอยมองห่างๆ ส่วนเราก็ดูแลน้องเราตามสมควร...แต่แยกไม่ได้
ทุกวันนี้เราอึดอัด รู้สึกเครียดสะสม รู้สึกหนัก ไม่มีความสุข จนกลัวว่า วันนึงเรานี่แหละจะเป็นโรคสักอย่างทางจิตเวช (เพราะครอบครัวจะว่าไปก็เรียกได้ว่าเป็นครบทุกคน ญาติใกล้ชิดก็เป็น เราคิดว่าเราจะรอดอยู่คนเดียว เราคิดว่าเราจะเป็นคนเดียวที่ปกติไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เรากลัวมากจริงๆ เรากลัวเราป่วย เพราะเรารู้สึกเราได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจากเรื่องนี้ เราเหมือนเราถูกหักหลัง โดยที่มีอดีตเพื่อนคนนี้เป็นสาเหตุ
เรามองเค้า เราก็มองเห็นสาเหตุตลอดเวลาว่า เพราะเค้าทำให้ เราคิดกับครอบครัวแบบนี้ เราอยากปล่อยวาง แต่เราทำไม่ได้
เราแทบไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับใคร เพราะถือคติ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า ฉะนั้นมีเพื่อนสนิทรู้เรื่องนี้แค่2-3 คน โซเชี่ยลเราเงียบมาก คนนอกไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดปัญหาแบบนี้ หน้าเราไม่เคยแสดงออก เรื่องราวไม่เคยเปิดเผย
เราควรทำยังไงดี? เราเหนื่อย กลางคืนไม่อยากนอน ถ้าได้นอนก็ไม่อยากตื่น ไม่อยากทำอะไร อึดอัดไปหมด รู้สึกหนัก รู้สึกเคว้ง หรือความจริงแล้วเราป่วยจริงๆ ธรรมะไม่ช่วย ปล่อยวางพูดง่ายแต่ทำยาก ไม่อยากอยู่ในสภาพจิตใจแบบนี้ จิตใจเราทรมาน ท้อแท้
ตอนนี้เราอยู่กับน้องแล้วเราอึดอัดมากจริงๆ อยากออกมา บางทีถ้าพื้นฐานครอบครัวเราไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น พี่น้องก็ดูแลกัน รักตามสมควร ทุกอย่างคงดีกว่านี้
ตอนนี้เราคิดว่าอนาคตครอบครัวเราคงเป็นแบบดารา กีฟ อรฬี กับ พอร์ช ศรันย์ คนละสาเหตุกับเค้า แต่แนวโน้มอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เกรซ(น้องสาว)เค้าก็คบกับพอร์ชได้อย่างดีนะ
ขอบคุณทุกความเห็นมากค่ะ จะนำมาตรึกตรองค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆ