แชร์ประสบการณ์การทำงานแฟชั่นในเมืองมิลาน ฉบับเรียลติดดิน!

สวัสดีค่าาาา ริต้านะคะ จริงๆเคยตั้งกระทู้ไปเเล้วเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานและฝึกงานเกี่ยวกับแฟชั่นในมิลาน
https://pantip.com/topic/34879241
ลองไปเชคดูนะคะ
รวมถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่ ริต้าเองได้บันทึกเอาไว้ตอนที่ทำงานอยู่ที่นั้นด้วย ในเพจ Margherita Mattina    ซึ่ง มีเรื่องราวบันทึกเอาไว้อย่างมากมาย
และถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่มีแง่คิดมุมมองใหม่ๆที่อยากจะเก็บไว้แชร์กันกับทุกๆคนนะคะ
https://www.facebook.com/Margherita-Mattina-1564167913895823/

ก็ยังคงคอนเซ็ปการเม้าแบบเดิมๆ  กับเรื่องผู้ชายแซ่บๆและประสบการณ์การทำงานทางด้านแฟชั่นในประเทศอิตาลี ซึ่งมันกลายเป็นประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตการทำงานของริต้าในปัจจุบัน แน่นอนล่ะค่ะ ว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ที่สำคัญคือการกระทำของเราในปัจจุบัน จะส่งผลถึงอนาคตแน่นอนค่ะ  ไม่ใช่แต่สักว่าจะทำงานหนักอย่างเดียวนะคะ ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป แต่ต้องทำงานหนัก และต้องฉลาดในการทำงานด้วยค่ะ

เชื่อริต้าเถอะค่ะ ว่าการทำงานของริต้าเอง ที่ทั้งหนัก ทั้งทรหด และสุดท้ายมันก็ส่งผลดีกับริต้าในปัจจุบัน
มาลองติดตามกันไปด้วยกันนะคะ ยิ้ม

ประเทศอิตาลี เป็นประเทศที่เจิดจรัส ค่ะ ทั้ง ประวัติศาสตร์ ศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม อาหาร ภาษา และที่โด่งดังมากก็คือ แฟชั่น ที่ค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และแน่นอนค่ะ ว่าใครๆก็อยากที่จะมาศึกษา ยิ่งทางด้านศิลปะหรือแฟชั่นแล้วล่ะก็ ถือได้ว่าประเทศอิตาลี เป็นที่ยอมรับของวงการแฟชั่นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ มีทั้งศิลปินและ ดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลกที่โลดแล่นอยู่ในวงการ  ก็แหม พี่เลี่ยนของเราค่อนข้างที่จะมีCharacterแปลกๆ และ ย้ำคิดย้ำทำกันขนาดนี้! งานก็ต้องเป๊ะ ปังเป็นธรรมดา

แต่สำหรับนักเรียนนักศึกษาแฟชั่น คงอาจจะต้องปั้นสติคิดดีๆก่อนที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อมาเรียนและคิดจะหางานทำต่อที่นี่นะคะ บอกก่อนว่า ด่านปราการแรกของประเทศนี้คือภาษาค่ะ สำคัญมาก และ ปัจจัยที่สำคัญอีกอันหนึ่งคือ ไม่ว่าจะอาชีพหรือสาขาใด ๆ ก็ตามที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องทำงานฟรีไปก่อน  แล้วหลังจากนั้นจึงได้ได้รับค่าจ้าง ซึ่ง บอกเลยว่า ถ้าไม่ทำ ก็ออกไปค่ะ  มีคนต่อคิวอีกเยอะ  !! เพราะอย่าลืมว่า มิลาน โด่งดังในเรื่องของแฟชั่น คนที่แห่กรูกันเข้ามาหางานแฟชั่นที่นี่ก็มักจะต้องโชว์ผลงานและสร้างชื่อเสียงโดยพึ่งพาอาศัยบารมีเงินเก่าของตัวเองก่อนนั้นแหละค่ะ อีกอย่างคนที่นี่ ตรรกะพังๆมีเพียบ! เพราะทรัพยากรทางด้านความสร้างสรรค์มีเยอะค่ะ มีต่างชาติที่ต้องการเข้ามากอบโกยจากที่นี่เยอะ เพราะฉะนั้นความหลากหลายทางความคิดต่อคนต่างชาติเนี้ย ค่อนข้างพังๆ

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2016 ปีที่แล้วนะคะ ริต้าได้รับเลือกจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้โชว์ผลงานแฟชั่นโชว์ที่ริต้าทำตอนจบป.โท  คือแบบหูย  คือดีใจมากค่ะ กรี๊ดมาก คือเราจะได้มีผลงานของเราเดินอยู่ในงาน Milan Graduate Fashion Week ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ แล้วก็ถือว่าเป็นอีกช่องทางของการหางานด้วยที่จะมีเหล่าบริษัทและดีไซน์เนอร์มากมายมาร่วมงาน และสามารถดึงตัวนักเรียนนักศึกษาไปทำงานได้เลย ซึ่งความคาดหวังจากการโชว์ผลงานในครั้งนี้ค่อนข้างสูง แรงกดดันค่อนข้างมาก ด้วยว่าเราเป็นต่างชาติด้วยและ ที่สำคัญ คือBudget ค่อนข้างมีน้อย ! อย่างที่ริต้าบอกนะคะ ว่าริต้าฝึกงานและทำงานโดยปราศจาก ค่าใช้จ่ายที่บริษัทควรจะจ่ายให้  คุณพ่อกับคุณแม่ของริต้าก็ Support ได้แค่ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าที่พัก เท่านั้นเอง ซึ่ง ค่ะ ก็ไม่เท่านั้นนะคะ เพราะรวมๆแล้ว ต่อเดือนนี่ก็สามารถซื้อนายแบบดีๆกินได้สัก 5-6 คนเลยนะคะ  และในตอนนั้นเอง ริต้าเองก็กำลังรอเรียกเริ่มงานจากบริษัท ที่เป็น Brand Consulting ซึ่งก็กำลังทำสวนลำไยแปลงใหญ่ อยู่ค่ะ จะเป็นลมมากค่ะ กับการรอคอย

เอาหล่ะ  สำคัญที่สุดคือต้องบอกครอบครัวก่อนว่าเราได้รับเลือกจากโรงเรียน
พ่อ : เป็นไงบ้าง  เค้าเรียกเริ่มงานหรือยัง?
ริต้า : ยังอะ พ่อ! ก็รอๆอยู่ ไม่รู้ทำไมนานจัง
พ่อ : อือ นี่ที่บ้านก็แย่ๆ ละนะ น้องก็ต้องมีค่าเทอม
ริต้า : ค่ะ เดี๋ยวริต้าจะเร่งถามโรงเรียนแล้วกัน เพราะเค้าติดต่อต้าผ่านโรงเรียนหมดเลย
พ่อ : (ถอนหายใจ)  
ริต้า : หน่าพ่อ  เออ มีข่าวดี พอดีที่โรงเรียนเค้าให้ริต้า เป็นตัวแทน โชว์ผลงานทีสิสตอนจบที่มิลานแฟชั่นวีคอะ
พ่อ : ...... เอ้าเหรอ? เค้าออกเงินให้หรือเปล่า?
ริต้า : เปล่าอ่าค่ะ  เค้าบอกว่า เค้าสามารถช่วยได้แค่ นางแบบนายแบบ ที่เหลือ คือ เราต้องจ่ายเองหมดเลย
พ่อ : แล้ว เราจะไปหาเงินมาจากไหนกันล่ะลูก
ริต้า : ก็...เดี๋ยวก็หาทางได้เองแหละ ต้าจะไปหาซื้อผ้าถูกๆเอา ยังไงก็ต้องเย็บเองอยู่แล้ว

ริต้าก็พูดไปงั้นแหละค่ะ... แหม จะหาเงินที่ไหนได้ คือริต้ารู้นะคะว่าทางบ้านริต้าดีใจ มาก แต่ด้วยว่า มันต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมากในการทำเสื้อผ้าและคอลเลคชั่น คิดเล่นๆ นะคะ ค่าวัสดุเนี้ยะ เมตรนึง ถูกสุดๆก็ 400-500 บาท ยิ่งริต้าทำสูทเสื้อผ้าผู้ชาย เมตรนึงก็เป็น พันค่ะ แล้วไหน จะต้องมีค่า ฟิตติ้งนายแบบที่ต้องจ้างมา  รองเท้าที่ต้องใช้โชว์ ค่า Lookbook นายแบบ แต่งหน้า คือมันเยอะมาก แล้ว 6 ชุดค่ะ สำหรับครอบครัวพื้นฐานฐานะปานกลางอย่างริต้าแล้ว พูดได้คำเดียวค่ะว่า -ดีออก! งานเข้า-

ก็แอบเสียใจนะคะ  นึกว่าเค้าจะแฮปปี้แบบสุดๆ  แต่ Whatever ค่ะ เราต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ

-ฟัง พร้อม กับตั้งสติ ไว้เลยค่ะ น้องๆที่เรียนแฟชั่นอยู่ ณ ตอนนี้ ถ้าอยากจะมาเรียนต่อ แฟชั่นดีไซน์ที่ต่างประเทศล่ะ ก็ กรุณา หมั่นฝึกซ้อมการทำแพทเทิร์น ตัดเย็บไว้เลยค่ะ เพราะว่า หินมาก เพราะถ้าจะไปจ้าง รับรองเลยว่าแพงมากค่ะ เดรสตัวนึงค่าเย็บนี่ตกตัวละ 4000- 5000 บาทไทย เอาแบบ Basic นะคะ ไม่เอาฉูดฉาด ซึ่งเป็นอะไรที่แบบ ต้องรวยมากจริงๆค่ะ และค่า วัสดุอุปกรณ์ที่นี่แพงมากค่ะ ปริ้นผ้าทีนึงนี่รับรองว่า แทบเอาตัวเข้าแลก เฉพาะฉะนั้น ต้องฝึกทำเองให้ได้ทั้งหมดนะคะ-  (แล้วอีริต้าสาระแนทำอะไรคะ ......เสื้อผ้าผู้ชายค่ะ ! ยากกว่า โหดกว่า และแพงกว่า)

เหมือนกับว่าชาติที่แล้วริต้าเคยทำบุญด้วยผ้าพิมพ์ลายตีนจก หรือไม่ก็เครื่องรางหนังวัว  โชคดีที่ริต้า เขียน E-mail ขอ Support จากทาง โรงงานปริ้นผ้า และ โรงงานเครื่องหนัง ว่าสามารถช่วยริต้าได้ไหม เหมือนเราก็แนะนำตัวเองไปว่า เออ เราได้รับเลือกนะ ผลงานของเราจะไปอยู่บน Milan Fashion Week นะ สามารถช่วยเราได้ไหม ....พระเจ้าค่ะ ! เค้าสามารถ Support ริต้า!!!!! ไม่ใช่แค่ปริ้นผ้าเท่านั้นนะคะที่ฟรี แต่นางแถมผ้ามาให้ด้วยจ้า คือไปที่โรงงานและเลือกเอาเลยว่าจะเอาผ้าอะไร คือริต้า ทำทั้งหมด 6 ชุด แล้วแต่ละชุดคือ ผ้าใช้เยอะมาก คราวนี้ริต้าก็ปริ้นกระจายเลยค่ะ เกือบ 20 เมตร ค่าปริ้นอย่างเดียวตกเมตรละ 1,500 บาท นะคะ ไม่รวมค่าผ้าหลากหลายชนิด ลองคูณกันเล่นๆค่ะ  เกือบถอย Macbook ได้ใหม่เลยค่ะ.

-ริต้าเอง เชื่อเสมอว่ามันมีทางออกค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีผ้า ทำ เราก็ทำแพทเทิร์นไปก่อน ทำอะไรที่ตอนนี้มี ทำให้เต็มที่เดี๋ยวstep ถัดไปก็มาเอง-

แต่คำว่า -ยิ้ม งานเข้า- ยังไม่ใช่ทั้งหมด ของงานที่เข้ามาค่ะ เพราะ อีบริษัท ที่อยู่นอกมิลาน ดันโทรมาบอกว่า เริ่มงานได้นะคะ อีก 2 วัน ซึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ริต้าต้องเริ่มตัดเย็บ เสื้อผ้า ทำแพทเทิร์น ต่างๆนาๆ

เหมือนมีบุญเก่าช่วยนิดๆค่ะ เพราะว่า เค้าต้องการให้ริต้าไปทำงานแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ และ อีก 3 วันที่เหลือ ก็ทำงานที่มิลานแล้วส่งผ่านอีเมลล์ จากมิลานไป บริษัทนี่ก็ใช้เวลา 2 ชม โดยรถไฟ ค่ะ .....ซึ่ง เหนื่อย!

ริต้าก็เลยแพลนว่า โอเค ก็ ไปทำงาน 2 วัน  อีก 3 วันก็ ลุยกับแฟชั่นโชว์ให้เต็มที่ ก็น่าจะโอเค ที่คิดไว้คร่าวๆนะคะ  แต่ทีนี้ด้วยความที่อุปกรณ์การตัดเย็บทั้งหมด อยู่ที่มหาวิทยาลัยค่ะ และ มหาวิทยาลัย มีเวลาเปิดปิดค่ะ คือ 9.00 – 18.00 แล้ว ใครที่ไหนมันจะไปทำทันคะ เสาร์ - อาทิตย์ ก็ไม่เปิด ก็คือเป็นไงคะ ยิ้มไงคะ  ริต้ามีเวลาทำงาน แค่ 3 วัน น้อยกว่าคน อื่น ถึง 2 วัน ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างกดดันและเพลียทั้งใจและกายมากค่ะ.

คราวนี้ ริต้ามีเวลาแค่ 2เดือนครึ่งค่ะ ที่จะต้องทำชุดให้เสร็จ ทั้งหมด 6 ชุดค่ะ ในเดือนแรกริต้าว่าจะต้องทำแพทเทิร์นทั้งหมดให้เสร็จ ฟิตติ้งให้เรียบร้อย เพราะว่ายังไม่มีเงินซื้อผ้า แล้ว อีก 1 เดือนหลัง พอได้เงินจากทำงานละก็ค่อยซื้อผ้าแล้วตามเย็บให้ทันและเสร็จ มีเวลาถ่าย Lookbook และ Retouch นิดหน่อยก่อนส่ง Final โอเคล่ะ ทันชัวร์ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป

คิดกับทำ มักต่างกันค่ะ แหมจินตนาการไว้เลิศหรู พอถึงเวลาเริ่มจริงก็จะเป็นจะตายเอาให้ได้  ผ่านไป เกือบ หนึ่งเดือนคือเหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยที่สุด เพราะว่าต้องแบ่ง ร่าง เป็น 2 ร่างที่ต้องทำงานหนักทั้ง 2 ทาง คือ เข้าใจฟีลว่าเราทำงานหนักแต่ไม่ได้ตังไหมคะ แบบว่า ไม่มีทางเลือก คือต้องทำ ต้องทำ และ ต้องทำไปก่อน เพราะถ้าไม่ทำ ก็คือต้องพัง พังหมดยิ่งกว่าโดนรุมโทรมมมมม

แต่ดีที่ว่า จู่ๆ ก็มีผู้ชายเข้ามาในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตค่ะ แย่ถึงขนาดว่า นี่มันไม่เหลือใครเลยจริง.......เห้ออออ ไม่พ้นเรื่อง ผู้ชายอยู่ดีค่ะ ยิ้ม
......TO BE CONTINUED
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่