สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
#PARTY PART2-2 IN RIGA ,LATVIA
หลายคนอาจจะมอง Fashion Party เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน แหมๆ ถ้าเปิดเผยกันหมดก็หมดสนุกกันสิคะ เล่นเกมเปลื้องผ้าเปลื้องหน้ากาก สนุกกว่ากันเยอะ__
_
FASHION SHOW ที่ RIGA นางจัดยิ่งใหญ่มาก คือเหมือน Production นางดีมากเลยทีเดียวนะคะ ทั้งโชว์ แสง สี เสียง สถานที่ แต่ เสื้อผ้า แบบ . .... คือเหมือนนางยังคงเป็นประเทศที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่มาก ผู้คนที่นี่เลยไม่ได้สนใจกับเรื่องของการซื้อเสื้อผ้า หรือ Brand name นัก เอาง่ายๆ พวกนางก็คือคน รัสเซียนั้นแหละ รูปร่าง ผิวพรรณ หน้าตา ดีๆทั้งนั้น สูง ยาว ขาว หน้าตาแบบบาร์บี้น่าขยี้เว่อร์_____
ผู้คนที่ Nice ค่ะ คือจบแฟชั่นโชว์นางจะมี ดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดีปรีดา กันเยอะแยะมากมายซึ่งที่มิลานไม่เป็นแบบนี้เลย ทั้ง LONDON , NEW YORK ,PARIS และ MILAN คือด้วยความที่เป็นเมืองแฟชั่น และผู้คนที่มาดูโชว์ วันๆนึงจะต้องตะลอนไปหลายที่ในMILAN เพราะนางไม่ได้มารวมตัวกันจัดที่ๆเดียว ดอกไม้จึงเป็นอะไรที่เกินความจำเป็นเสียเวลา มาก คิดดูถ้าต้องดู โชว์ 6 โชว์ภายใน 1 วัน ต้องซื้อดอกไม้6 ช่อ เป็นภูมิแพ้ตายในรถพอดีค่ะ แล้วอีดีไซน์เนอร์ก็ปากเสีย....
_ดีไซน์เนอร์ : เสื้อผ้าน่ากลัวมากก
ดิชั้นกับอานีน่าพลอย ขำไปด้วย ตามแบบฉบับนายว่าขี้ข้าพลอย
เราก็ไม่ได้อยากไปวิจารณ์ หรือ ไปให้ความเห็นอะไร ไว้เม้ากัน2 คนดีกว่า
_ดีไซน์เนอร์ : คนพวกนี้เอาดอกไม้มาสุมให้ดีไซน์เนอร์อย่างกะคนตาย
โอ้ยตายยยย !!!!! ดีนะที่นางพูดเป็นภาษาอิตาเลียน ไม่งั้นได้มีฆาตกรรมหมู่แน่ๆ แต่ก็จริงๆนะแก คือดีไซน์เนอร์ยืนอยู่กลางรันเวย์อะ แล้วดอกไม้นางเยอะมากกกก นางเลยต้องวางไว้กับพื้น คือเหมือนแบบนางเป็นรูปปั้นที่มีดอกไม้สุมกองๆไว้เกือบจะจะเหมือนกะโปรงชุดงานแต่งอะ และเยอะมากกกกกกก
มีธูปกับเทียนหน่อยนี่ใช่เลย
_ในส่วนของ after party
Backdrop น่ากลัวมากกกกกกกกก เหมือนงานขายผ้าอ้อมเด็ก
เป็นไวนิล สีฟ้าผืนใหญ่คาดลายสีขาว มีดอกไม้ประปราย โอ้ยยยย น้ำยาปรับผ้านุ่มมากก
ลืมเรื่อง Backdrop ไปค่ะ พูดถึงงานรวมๆดีกว่า ถือว่าจัดได้ดีมากทีเดียว น่าเบื่อไปนิด เพราะนางเล่นเอานักเปียโนมาบรรเลงในงาน พร้อมกับโชว์นักร้องโอเปร่าแบบเดี่ยวๆ ในห้องโถงใหญ่ อลังการ คือทุนนางเยอะมากกอะ เยอะไป แต่เราอาจจะเข้าไม่ถึง หรือ ไม่คุ้นเคยก็ไม่รู้นะ ซึ่งอีกะเทย และชะนีจากมิลานก็จ้วง ไวน์กับเหล้ากันแบบไม่หยุด_____ งานเหล้าฟรีอ่าเนอะ
ทุกคนจะอยากคุยกับเราค่ะเพราะเป็นสาวสวยมาจากมิลาน ซึ่งทุกคนจะให้เครดิตที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ส่วนมากก็จะมาถามเรื่องเสื้อผ้า เรื่องราวเกี่ยวกับมิลาน เวลาจะนินทาใครก็จะเม้ากันเป็นภาษาอิตาเลียนบ้าง หรือบางทีก็จะสอนคีย์เวิร์ดให้อีอานีน่าว่า เวลาจะด่าใครอะ ให้เรียก "ดีออก!" นางก็เข้าใจนะ และพูดชัดมากด้วยฮ่าๆ ปาร์ตี้ไม่ได้สนุกเท่าไหร่เลย แต่สนุกที่ได้คุยกับผู้คนมากหน้าหลายตามากกว่า ซึ่งในส่วนนี้พวกเราก็ทำการบ้านมาดีค่ะ เรื่องงานออกสังคมเนี้ยะ ถนัด!
ในขณะที่ดิชั้นเดินไปหยิบไวน์ ซึ่งไม่รู้ว่าแก้วที่เท่าไหร่ พอเดินกลับมาคือเจออีอานีน่ายืนยิ้มหวานยิงฟันข้าวโพดกับผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้หล่ออะไรมากแต่กินได้เคี้ยวอร่อย อะปล่อยนางไป คราวนี้ตากูละ คว้าจากไหนดี
ก็เลยปลีกตัวมายืนเดี่ยวๆช้างนอก เพราะกลัวว่าจะถูกกล่อมโดยเสียงเปียโนให้เมาหนักไปกว่าเดิม
_ผู้ชาย : ไงครับ ผมแทบไม่เคยเห็นคนเอเชียที่นี้เลย มาทำอะไรครับ (สำเนียงภาษาอังกฤษนางดีมาก พอหันไปเจอแทบจะเป็นลม คือหล่อเลย ตาเขไปนิด แต่โดยรวมคือดีเลย สูงสง่า ล้ำๆ น่ากิน)
_อิชั้น : อ๋อ ค่ะ พอดีเจ้านายพาดิชั้นมาดูโชว์วันนี้อะค่ะ
_ผู้ชาย : แล้วเป็นไง ชอบไหม?
_อิชั้น : อ๋อออ ชอบค่ะ ชอบมากเลย เพิ่งรู้ว่าที่ริก้ามีแฟชั่นโชว์ที่อลังการแบบนี้ด้วย
ก็เป็นปกติค่ะที่ ผู้ชายจะชวนคุยเรื่องนั้นนู้นนี่ เป็นต่างชาติมาจากเอเชียอ่าเนอะ เลยได้ภาษีเรื่องคุยเยอะหน่อย นางก็ถามว่าชอบอะไรอีก อาหาร สถานที่ ไปชมนั้นโน้นนี่มาหรือยัง บลาๆ ก็คือเรื่องทั่วไปว่าเราสนใจอะไรเหมือนเป็นการหว่านล้อมเบาๆก่อนจะเจาะลึกลงไปว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรต่อดี
จริงๆถ้ามีใครมาถามอะไรประมาณนี้ ก็แกล้งตอบไปล่ะค่ะว่า ชอบมาก Amazing - Wonderful -OH MY GOSHHHHH
_ผู้ชาย : แล้วชอบคนที่นี่ไหมครับ?
(กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นซด แล้วก็เลยชะงัก ก่อนจะเหลือกตาเป๋ไปมองที่ผู้ชาย)
_อีชั้น : ชอบสิคะ คนที่นี่น่ารัก ดูเฟรนลี่มาก คุณเองก็เฟลนลี่มากๆเลยนะคะ : ดูดีมากด้วย
(อีแรดดดด หลุดปากออกไปแล้วว ถ้าเค้าแค่เค้ามาคุยด้วยเฉยๆล่ะ นกเลยนะ)
_ผู้ชาย : ฝนตกแล้ว ให้ผมไปส่งไหม คุณพักที่โรงแรมไหน
(โอ้ยจะสุภาพบุรุษไปไหนคะ จะรออะไรล่ะคะ)
นั้นแหละค่ะ ผู้ชายไม่ได้ขับรถมาส่งนะคะ นั่งแท๊กซี่มาด้วยกันค่ะ เพราะฮีก็ดื่มไปเยอะเหมือนกัน หน้าแดงฉาดทั้งคู่ ระหว่างทางก็คุยกันสับเพเหระ ถาม
เรื่อง ว่ามาจากไหนมาทำอะไรซะส่วนใหญ่
_ผู้ชาย : แล้วคุณมาจากไหนครับ?
_อีชั้น : ประเทศไทยค่ะ กรุงเทพ แต่มาเรียนป.โท และฝึกงานที่มิลาน
_ผู้ชาย : อ่าวววว ผมก็เป็นคนอิตาเลียน บังเอิญมากก
(((( โถ ลงรถทันไหมชั้น มาตั้งไกล อุตส่าห์หวังจะมากินหนุ่มลัทเวีย ได้อิตาเลียนมาแทน แต่ก็นั้นแหละค่ะ อย่าเรื่องมาก กำอะไรได้ก็เอาเข้าปากเคี้ยวไปก่อน ฮ่าๆ ))))
_อีชั้น : ใช่ค่ะ บังเอิญจังเลยย ถึงว่าสำเนียงคุณเหมือนคนอิตาเลียนจัง
(
ตัวเบ้อเร้ออออ ไม่รู้เลยว่านางคืออิตาเลียน คือนางผมบลอนด์ ตาฟ้า ซึ่งมารู้อีกทีคือนางเป็นคนมาจากตอนเหนือของอิตาลี)
ซึ่งคืนแรก ดิชั้นก็ปิดจ๊อบกับหนุ่มอิตาเลียนที่ลัทเวียไปเรียบร้อยค่ะ
ส่วนอีอานีน่า นก ค่ะ เพราะนางมัวแต่ลีลา และก็อ้างว่าตามหาชั้น เลยอดได้ นางเลยนอนเหงาTad คนเดียวในห้องกว้าง ฮ่าๆ
เรื่องการทำงานที่นั้นก็ ไม่ค่อยเป็นปัญหาอะไรเท่าไหร่ค่ะ คือรูปแบบงานมีทางทีมงานคอยจัดการทั้งหมด ตัวอีชั้นกับอานีน่าเอง ก็มีหน้าที่แค่ คอยจัดเสื้อผ้าที่จะต้องโชว์ ซึ่งขอบอกเลยว่า ดีไซน์เนอร์นางอารมณ์ไม่ดีสุดๆเพราะอะไรไม่รู้ แต่นางลงที่ดิชั้นและอานีน่าตลอดเวลา ทั้งเรื่องอาหารไม่อร่อย กาแฟห่วยแตก ทีมงานจัดงานช้า นางแบบมาสาย แล้วดิชั้นก็ต้องวิ่งพล่านไปคุยกับคนนั้นคนโน้นนี่ วิ่งซื้อกาแฟ โอ้ยยย คือถ้ามันเป็นประเทศอังกฤษ หรือ ประเทศอะไรก็แล้วแต่ที่นางพูดภาษาอังกฤษกันได้จะไม่ว่าเลย นี่เล่นแบบ สื่อสารกันด้วยคำศัพท์และท่าทาง กว่าจะเข้าใจเล่นกันหัวร้อนกันทีเดียว กาแฟแก้วหนึ่งแต่ละที่ก็เรียกไม่เหมือนกัน เป็นลมค่ะ !
_ดีไซน์เนอร์ : เนี้ยะ มัวแต่แต่งตัวแต่งหน้ากันแบบนี้ จะรอให้งานเสร็จไปถึงปีหน้าเลยไหมคะ?
เห็นไหมคะ Intern ทำทุกอย่างจริงๆค่ะเหลือซักกางเกงในให้ดีไซน์เนอร์เท่านั้นแหละค่ะ
_พูดเลยว่าเหนื่อยมาก หลับก็ไม่ได้หลับทั้งคืน(เพราะมัวแต่ปิดจ๊อบ ฮ่าๆ) ทำงานอย่างกะทาสอีก พูดเลยนะคะว่าข้าวเย็นไม่ได้ทานจ่ะ ยาไส้ด้วยเหล้าล้วนๆ after party คืนที่ 2 สนุกค่ะ เพราะเป็นโชว์ของแบรนด์เราเองเพราะฉะนั้นจะเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยทั้งดนตรี แสงสีเสียง
ซึ่งกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีนะคะ จากคนที่มาร่วมงาน
ดีไซน์เนอร์นางคงเครียด เลยหาเรื่องด่าตลอด 24 ชม พอหลังจากจบโชว์นางเลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยซึ่งหลังจากจบงานทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบเรียบค่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ตัวอิชั้นกับอานีน่าเองก็นอนตายกันยันสว่างจนพลาดเวลาอาหารเช้าที่สุดแสนอร่อยที่โรงแรม
_____จริงๆแล้วริต้าว่าแก่นของการฝึกงาน มันสอนให้เราอดทนนะคะ ปัจจุบันนี้นักเรียน นักศึกษาจบใหม่หลายคนอยากรวยเร็วค่ะ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองให้เร็วที่สุด อยากเป็นดีไซน์เนอร์ อยากจะปีนขึ้นไปให้สูงที่สุดในขณะที่ยังอายุน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะที่คิดการใหญ่ไว้ เพราะริต้าเองก็คิดมาตลอด ตอนอยู่ไทยก็สบายค่ะ งานดีเงินดี แต่พอตอนมีปัญหาเราแก้ปัญหาได้เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้สะสางไปทั้งหมด
___สิ่งที่พวกเราลืมไปนั้นคือเรื่องของพื้นฐานที่มั่นคงค่ะ ถ้างานเล็กๆน้อยๆน่ารำคาญเรายังจัดการไม่ได้ กับแค่คนๆเดียวเรายังไม่สามารถรองรับอารมณ์หรือต่อรองกับเค้าได้ ต่อๆไปเมื่อเราเป็นใหญ่หรือมีกิจการเป็นของตัวเอง เราต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนอีกหลายคนที่เป็นทั้งลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือแม้แต่รัฐบาล หลายๆปัจจัย ก็เป็นเรื่องที่ยากไม่ใช่น้อย
เป็นห่วงน้องๆด้วยที่สมัยนี้ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้นานลาออกกันเป็นเบือๆ เพราะงานหนัก เงินน้อย
____ดูริต้าสิคะ เงินก็ไม่ได้ งานก็อย่างกะทาส แต่ริต้าเชื่อว่าค่ะ ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ริต้าแกร่งและไม่กลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น
ริต้าเองก็เป็นคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าก็ตกจากที่สูงมาเหมือนกัน และก็ไม่อยากให้ใครที่กำลังทำงานหนักหรือคิดท้อถอยตกลงมาเหมือนริต้า ค่อยๆคิด ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
___คำโบราณที่ว่าไว้ ว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม เค้าพูดไม่ผิดหรอกค่ะ
รัก และขอให้ประสบความสำเร็จกันทุกคนค่ะ
เจอกันใหม่เรื่องเล่าครั้งต่อไปนะคะ ไม่พ้นเรื่อง ผู้ชาย ปาร์ตี้ และโลกที่แท้จริงของแฟชั่นหรอกค่ะ
ริต้าชอบเขียนค่ะ และดีใจที่มีคนมาชอบเรื่องราวที่เขียนเรื่อยๆ
ขอบคุณนะคะ
หลายคนอาจจะมอง Fashion Party เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน แหมๆ ถ้าเปิดเผยกันหมดก็หมดสนุกกันสิคะ เล่นเกมเปลื้องผ้าเปลื้องหน้ากาก สนุกกว่ากันเยอะ__
_
FASHION SHOW ที่ RIGA นางจัดยิ่งใหญ่มาก คือเหมือน Production นางดีมากเลยทีเดียวนะคะ ทั้งโชว์ แสง สี เสียง สถานที่ แต่ เสื้อผ้า แบบ . .... คือเหมือนนางยังคงเป็นประเทศที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่มาก ผู้คนที่นี่เลยไม่ได้สนใจกับเรื่องของการซื้อเสื้อผ้า หรือ Brand name นัก เอาง่ายๆ พวกนางก็คือคน รัสเซียนั้นแหละ รูปร่าง ผิวพรรณ หน้าตา ดีๆทั้งนั้น สูง ยาว ขาว หน้าตาแบบบาร์บี้น่าขยี้เว่อร์_____
ผู้คนที่ Nice ค่ะ คือจบแฟชั่นโชว์นางจะมี ดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดีปรีดา กันเยอะแยะมากมายซึ่งที่มิลานไม่เป็นแบบนี้เลย ทั้ง LONDON , NEW YORK ,PARIS และ MILAN คือด้วยความที่เป็นเมืองแฟชั่น และผู้คนที่มาดูโชว์ วันๆนึงจะต้องตะลอนไปหลายที่ในMILAN เพราะนางไม่ได้มารวมตัวกันจัดที่ๆเดียว ดอกไม้จึงเป็นอะไรที่เกินความจำเป็นเสียเวลา มาก คิดดูถ้าต้องดู โชว์ 6 โชว์ภายใน 1 วัน ต้องซื้อดอกไม้6 ช่อ เป็นภูมิแพ้ตายในรถพอดีค่ะ แล้วอีดีไซน์เนอร์ก็ปากเสีย....
_ดีไซน์เนอร์ : เสื้อผ้าน่ากลัวมากก
ดิชั้นกับอานีน่าพลอย ขำไปด้วย ตามแบบฉบับนายว่าขี้ข้าพลอย
เราก็ไม่ได้อยากไปวิจารณ์ หรือ ไปให้ความเห็นอะไร ไว้เม้ากัน2 คนดีกว่า
_ดีไซน์เนอร์ : คนพวกนี้เอาดอกไม้มาสุมให้ดีไซน์เนอร์อย่างกะคนตาย
โอ้ยตายยยย !!!!! ดีนะที่นางพูดเป็นภาษาอิตาเลียน ไม่งั้นได้มีฆาตกรรมหมู่แน่ๆ แต่ก็จริงๆนะแก คือดีไซน์เนอร์ยืนอยู่กลางรันเวย์อะ แล้วดอกไม้นางเยอะมากกกก นางเลยต้องวางไว้กับพื้น คือเหมือนแบบนางเป็นรูปปั้นที่มีดอกไม้สุมกองๆไว้เกือบจะจะเหมือนกะโปรงชุดงานแต่งอะ และเยอะมากกกกกกก
มีธูปกับเทียนหน่อยนี่ใช่เลย
_ในส่วนของ after party
Backdrop น่ากลัวมากกกกกกกกก เหมือนงานขายผ้าอ้อมเด็ก
เป็นไวนิล สีฟ้าผืนใหญ่คาดลายสีขาว มีดอกไม้ประปราย โอ้ยยยย น้ำยาปรับผ้านุ่มมากก
ลืมเรื่อง Backdrop ไปค่ะ พูดถึงงานรวมๆดีกว่า ถือว่าจัดได้ดีมากทีเดียว น่าเบื่อไปนิด เพราะนางเล่นเอานักเปียโนมาบรรเลงในงาน พร้อมกับโชว์นักร้องโอเปร่าแบบเดี่ยวๆ ในห้องโถงใหญ่ อลังการ คือทุนนางเยอะมากกอะ เยอะไป แต่เราอาจจะเข้าไม่ถึง หรือ ไม่คุ้นเคยก็ไม่รู้นะ ซึ่งอีกะเทย และชะนีจากมิลานก็จ้วง ไวน์กับเหล้ากันแบบไม่หยุด_____ งานเหล้าฟรีอ่าเนอะ
ทุกคนจะอยากคุยกับเราค่ะเพราะเป็นสาวสวยมาจากมิลาน ซึ่งทุกคนจะให้เครดิตที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ส่วนมากก็จะมาถามเรื่องเสื้อผ้า เรื่องราวเกี่ยวกับมิลาน เวลาจะนินทาใครก็จะเม้ากันเป็นภาษาอิตาเลียนบ้าง หรือบางทีก็จะสอนคีย์เวิร์ดให้อีอานีน่าว่า เวลาจะด่าใครอะ ให้เรียก "ดีออก!" นางก็เข้าใจนะ และพูดชัดมากด้วยฮ่าๆ ปาร์ตี้ไม่ได้สนุกเท่าไหร่เลย แต่สนุกที่ได้คุยกับผู้คนมากหน้าหลายตามากกว่า ซึ่งในส่วนนี้พวกเราก็ทำการบ้านมาดีค่ะ เรื่องงานออกสังคมเนี้ยะ ถนัด!
ในขณะที่ดิชั้นเดินไปหยิบไวน์ ซึ่งไม่รู้ว่าแก้วที่เท่าไหร่ พอเดินกลับมาคือเจออีอานีน่ายืนยิ้มหวานยิงฟันข้าวโพดกับผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้หล่ออะไรมากแต่กินได้เคี้ยวอร่อย อะปล่อยนางไป คราวนี้ตากูละ คว้าจากไหนดี
ก็เลยปลีกตัวมายืนเดี่ยวๆช้างนอก เพราะกลัวว่าจะถูกกล่อมโดยเสียงเปียโนให้เมาหนักไปกว่าเดิม
_ผู้ชาย : ไงครับ ผมแทบไม่เคยเห็นคนเอเชียที่นี้เลย มาทำอะไรครับ (สำเนียงภาษาอังกฤษนางดีมาก พอหันไปเจอแทบจะเป็นลม คือหล่อเลย ตาเขไปนิด แต่โดยรวมคือดีเลย สูงสง่า ล้ำๆ น่ากิน)
_อิชั้น : อ๋อ ค่ะ พอดีเจ้านายพาดิชั้นมาดูโชว์วันนี้อะค่ะ
_ผู้ชาย : แล้วเป็นไง ชอบไหม?
_อิชั้น : อ๋อออ ชอบค่ะ ชอบมากเลย เพิ่งรู้ว่าที่ริก้ามีแฟชั่นโชว์ที่อลังการแบบนี้ด้วย
ก็เป็นปกติค่ะที่ ผู้ชายจะชวนคุยเรื่องนั้นนู้นนี่ เป็นต่างชาติมาจากเอเชียอ่าเนอะ เลยได้ภาษีเรื่องคุยเยอะหน่อย นางก็ถามว่าชอบอะไรอีก อาหาร สถานที่ ไปชมนั้นโน้นนี่มาหรือยัง บลาๆ ก็คือเรื่องทั่วไปว่าเราสนใจอะไรเหมือนเป็นการหว่านล้อมเบาๆก่อนจะเจาะลึกลงไปว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรต่อดี
จริงๆถ้ามีใครมาถามอะไรประมาณนี้ ก็แกล้งตอบไปล่ะค่ะว่า ชอบมาก Amazing - Wonderful -OH MY GOSHHHHH
_ผู้ชาย : แล้วชอบคนที่นี่ไหมครับ?
(กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นซด แล้วก็เลยชะงัก ก่อนจะเหลือกตาเป๋ไปมองที่ผู้ชาย)
_อีชั้น : ชอบสิคะ คนที่นี่น่ารัก ดูเฟรนลี่มาก คุณเองก็เฟลนลี่มากๆเลยนะคะ : ดูดีมากด้วย
(อีแรดดดด หลุดปากออกไปแล้วว ถ้าเค้าแค่เค้ามาคุยด้วยเฉยๆล่ะ นกเลยนะ)
_ผู้ชาย : ฝนตกแล้ว ให้ผมไปส่งไหม คุณพักที่โรงแรมไหน
(โอ้ยจะสุภาพบุรุษไปไหนคะ จะรออะไรล่ะคะ)
นั้นแหละค่ะ ผู้ชายไม่ได้ขับรถมาส่งนะคะ นั่งแท๊กซี่มาด้วยกันค่ะ เพราะฮีก็ดื่มไปเยอะเหมือนกัน หน้าแดงฉาดทั้งคู่ ระหว่างทางก็คุยกันสับเพเหระ ถาม
เรื่อง ว่ามาจากไหนมาทำอะไรซะส่วนใหญ่
_ผู้ชาย : แล้วคุณมาจากไหนครับ?
_อีชั้น : ประเทศไทยค่ะ กรุงเทพ แต่มาเรียนป.โท และฝึกงานที่มิลาน
_ผู้ชาย : อ่าวววว ผมก็เป็นคนอิตาเลียน บังเอิญมากก
(((( โถ ลงรถทันไหมชั้น มาตั้งไกล อุตส่าห์หวังจะมากินหนุ่มลัทเวีย ได้อิตาเลียนมาแทน แต่ก็นั้นแหละค่ะ อย่าเรื่องมาก กำอะไรได้ก็เอาเข้าปากเคี้ยวไปก่อน ฮ่าๆ ))))
_อีชั้น : ใช่ค่ะ บังเอิญจังเลยย ถึงว่าสำเนียงคุณเหมือนคนอิตาเลียนจัง
(

ซึ่งคืนแรก ดิชั้นก็ปิดจ๊อบกับหนุ่มอิตาเลียนที่ลัทเวียไปเรียบร้อยค่ะ
ส่วนอีอานีน่า นก ค่ะ เพราะนางมัวแต่ลีลา และก็อ้างว่าตามหาชั้น เลยอดได้ นางเลยนอนเหงาTad คนเดียวในห้องกว้าง ฮ่าๆ
เรื่องการทำงานที่นั้นก็ ไม่ค่อยเป็นปัญหาอะไรเท่าไหร่ค่ะ คือรูปแบบงานมีทางทีมงานคอยจัดการทั้งหมด ตัวอีชั้นกับอานีน่าเอง ก็มีหน้าที่แค่ คอยจัดเสื้อผ้าที่จะต้องโชว์ ซึ่งขอบอกเลยว่า ดีไซน์เนอร์นางอารมณ์ไม่ดีสุดๆเพราะอะไรไม่รู้ แต่นางลงที่ดิชั้นและอานีน่าตลอดเวลา ทั้งเรื่องอาหารไม่อร่อย กาแฟห่วยแตก ทีมงานจัดงานช้า นางแบบมาสาย แล้วดิชั้นก็ต้องวิ่งพล่านไปคุยกับคนนั้นคนโน้นนี่ วิ่งซื้อกาแฟ โอ้ยยย คือถ้ามันเป็นประเทศอังกฤษ หรือ ประเทศอะไรก็แล้วแต่ที่นางพูดภาษาอังกฤษกันได้จะไม่ว่าเลย นี่เล่นแบบ สื่อสารกันด้วยคำศัพท์และท่าทาง กว่าจะเข้าใจเล่นกันหัวร้อนกันทีเดียว กาแฟแก้วหนึ่งแต่ละที่ก็เรียกไม่เหมือนกัน เป็นลมค่ะ !
_ดีไซน์เนอร์ : เนี้ยะ มัวแต่แต่งตัวแต่งหน้ากันแบบนี้ จะรอให้งานเสร็จไปถึงปีหน้าเลยไหมคะ?
เห็นไหมคะ Intern ทำทุกอย่างจริงๆค่ะเหลือซักกางเกงในให้ดีไซน์เนอร์เท่านั้นแหละค่ะ
_พูดเลยว่าเหนื่อยมาก หลับก็ไม่ได้หลับทั้งคืน(เพราะมัวแต่ปิดจ๊อบ ฮ่าๆ) ทำงานอย่างกะทาสอีก พูดเลยนะคะว่าข้าวเย็นไม่ได้ทานจ่ะ ยาไส้ด้วยเหล้าล้วนๆ after party คืนที่ 2 สนุกค่ะ เพราะเป็นโชว์ของแบรนด์เราเองเพราะฉะนั้นจะเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยทั้งดนตรี แสงสีเสียง
ซึ่งกระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีนะคะ จากคนที่มาร่วมงาน
ดีไซน์เนอร์นางคงเครียด เลยหาเรื่องด่าตลอด 24 ชม พอหลังจากจบโชว์นางเลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยซึ่งหลังจากจบงานทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบเรียบค่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ตัวอิชั้นกับอานีน่าเองก็นอนตายกันยันสว่างจนพลาดเวลาอาหารเช้าที่สุดแสนอร่อยที่โรงแรม
_____จริงๆแล้วริต้าว่าแก่นของการฝึกงาน มันสอนให้เราอดทนนะคะ ปัจจุบันนี้นักเรียน นักศึกษาจบใหม่หลายคนอยากรวยเร็วค่ะ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองให้เร็วที่สุด อยากเป็นดีไซน์เนอร์ อยากจะปีนขึ้นไปให้สูงที่สุดในขณะที่ยังอายุน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะที่คิดการใหญ่ไว้ เพราะริต้าเองก็คิดมาตลอด ตอนอยู่ไทยก็สบายค่ะ งานดีเงินดี แต่พอตอนมีปัญหาเราแก้ปัญหาได้เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้สะสางไปทั้งหมด
___สิ่งที่พวกเราลืมไปนั้นคือเรื่องของพื้นฐานที่มั่นคงค่ะ ถ้างานเล็กๆน้อยๆน่ารำคาญเรายังจัดการไม่ได้ กับแค่คนๆเดียวเรายังไม่สามารถรองรับอารมณ์หรือต่อรองกับเค้าได้ ต่อๆไปเมื่อเราเป็นใหญ่หรือมีกิจการเป็นของตัวเอง เราต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนอีกหลายคนที่เป็นทั้งลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือแม้แต่รัฐบาล หลายๆปัจจัย ก็เป็นเรื่องที่ยากไม่ใช่น้อย
เป็นห่วงน้องๆด้วยที่สมัยนี้ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้นานลาออกกันเป็นเบือๆ เพราะงานหนัก เงินน้อย
____ดูริต้าสิคะ เงินก็ไม่ได้ งานก็อย่างกะทาส แต่ริต้าเชื่อว่าค่ะ ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ริต้าแกร่งและไม่กลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น
ริต้าเองก็เป็นคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าก็ตกจากที่สูงมาเหมือนกัน และก็ไม่อยากให้ใครที่กำลังทำงานหนักหรือคิดท้อถอยตกลงมาเหมือนริต้า ค่อยๆคิด ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
___คำโบราณที่ว่าไว้ ว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม เค้าพูดไม่ผิดหรอกค่ะ

รัก และขอให้ประสบความสำเร็จกันทุกคนค่ะ
เจอกันใหม่เรื่องเล่าครั้งต่อไปนะคะ ไม่พ้นเรื่อง ผู้ชาย ปาร์ตี้ และโลกที่แท้จริงของแฟชั่นหรอกค่ะ
ริต้าชอบเขียนค่ะ และดีใจที่มีคนมาชอบเรื่องราวที่เขียนเรื่อยๆ
ขอบคุณนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์การฝึกงานวงการแฟชั่นใน มิลาน ฉบับ เรียลๆ
มันก็ไม่เสมอไปหรอกค่ะ ยิ่งเรียนสายออกแบบศิลปะอีกด้วย ข้อมูลเชิงด้านเศรษฐกิจถึงขั้นดับวูบ
แต่เอาล่ะค่ะ ถือว่าเป็นการเม้าประสบการณ์สนุกๆ ขำๆ ที่ตอนเจอกับตัว อิชั้นเองถึงกับกลั้นน้ำตา น้ำมูกไม่อยู่เลยทีเดียว
หวังว่าใครที่อยากไปเรียนต่อ ยุโรป อยากหางานทำที่ดีกว่าที่เป็น อ่านบทความของดิฉันก่อนตัดสินใจค่ะ
ตัวอีชั้นเองได้มีโอกาสมาศึกษาปริญญาโทสวยๆ ด้าน Fashion Design ที่ MILANO ,ITALY ซึ่งตอนแรกที่จะมาหัวใจมันพองโตแบบ โอ้ย ตื่นเต้นมากถึงมากที่สุด เมืองแห่งอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ร้อนฉ่าๆ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหนุ่มๆคิ้วเข้มตาน้ำข้าวใส่สูทตัวเนี๊ยบคลาสสิคเดินกันเต็มเมือง และที่สำคัญ "โอกาสของเจ๊มาถึงล้าวววววว"
นั้นแหละที่คิด .. .
เพื่อนๆ ครูบาอาจารย์ก็ต่างพลอยยินดีไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือคุณพ่อคุณแม่ที่ตั้งความหวังกันไว้อย่างสุดขีดหรืออย่างที่สุดว่า มิลานคือเมืองแฟชั่น โอกาสการทำงาน ก็มักจะมีมากตามความคิดไปด้วย ยังไม่นับเรื่องเงินที่เราจะได้จากการทำงานเป็น สกุล ยูโร เรียกว่ามานั่งฝันเปียกฝันแห้งกันทั้งวันทั้งคืน
และการเดินทางก็มาถึง
ต้องขอโทษที่อวยตัวเองจริงๆนะคะ แต่อิชั้นดันเป็นเด็กหัวกะทิเรื่องการออกแบบแฟชั่นตั้งแต่เรียนปริญญาตรีที่ไทยแล้ว การมาเรียนต่อปริญญาโท ที่มิลาน ก็เลยได้ขึ้นเป็นหัวกะทิได้ไม่ยาก เพราะความถึก และสวย ผลงานจึงดันไปเข้าตาดีไซน์เนอร์ท่านนึงที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการแฟชั่นที่มิลานทันทีที่ นางมาเป็นอาจารย์พิเศษสอน
และนางก็หยิบดิชั้นกับเพื่อนสาวแสนสวยจากโปตุเกตอีกคนไปทันที นางชื่อ -อานีน่า- เมื่อช่วงเวลาแห่งการฝึกงานมาถึง!
ตัวดิชั้นเองกับเพื่อนก็คิดว่าโชคดีที่ไม่ต้องวิ่งหอบคัมภีร์ Portfolio แบกไปทั่วมิลานเพื่อสัมภาษณ์งาน เหมือนเพื่อนๆ ไหนจะรอลุ้นอีกว่าเค้าจะรับไหม หรือกังวลว่าจะมีที่ฝึกงานทันจบหรือเปล่า ซึ่งดิชั้นก็นั่งกระดิกเท้าสวยๆ เดินshopping และ รอวันแรกแห่งการฝึกงานมาถึง.....
และวันแรกของการฝึกงานก็มาถึงค่ะ มีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเคยเตือนๆไว้แล้ว ว่าเวลาไปทำงานน่ะ แต่งตัวดีๆ เพราะถ้าแต่งตัวกังๆไปทำงานพวกนางจะใช้ให้กวาดทำความสะอาดห้อง
ซึ่งวันแรกไปก็จัดเต็มเลยค่ะ
ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบรรดาป้าๆที่ออกมาต้อนรับด้วยกันกับภาษาอิตาเลียน
ดีออก! ไม่รู้เรื่อง
ป้าเบอร์1 : มีใครพูดภาษาอิตาเลียนบ้างไหมเนี้ยยย?
อานีน่า : หนูฟังออกค่ะ พูดได้นิดหน่อย แต่เพื่อนหนูคนนี้พูดไม่ได้เลย (พร้อมชี้มาที่อิชั้น)
ตัวอีชั้นเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พร้อมกวาดตามองอีอานีน่าเป็นนัยๆ ว่า (หล่อนไม่ต้องอ้างชั้นก็ได้นะยะ)
ป้าเบอร์1 :โอ้ย ตายๆๆๆๆๆ คุณพระคุณเจ้าช่วย แล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี้ยะ? ตายแล้ววววว
เอาแล้วไง เอาแล้วไง นางเริ่มบ่น ซึ่งมันก็เป็นอุปสรรคจริงๆล่ะค่ะ
คือหน้าที่หลักของดิชั้นเองและอานีน่าคืออยู่ในห้องเครื่อง เป็นนางใน คอยช่วยพวกนางเย็บผ้า ทำงานฝีมือ ซึ่งพวกนางใช้มือเป็นหลักในการทำงาน เพราะพวกนางเป็นนางใน ในแบรนด์ห้องเสื้อ กูตูร์ เก่า (เสื้อผ้าชั้นสูงที่ต้องตัดเย็บด้วยมือห้ามใช้จักร) เช่น Valentino , Armani Prive และแบรนด์ดังอีกมากมายเพราะพวกแก่ และประสบการณ์เยอะจริงๆ นางเลยจะมีแค่จักรไว้ใช้แค่ตัวเดียว นอกนั้นนางจะเย็บมือกันหมด
ป้าๆจะมีแค่ 3 เบอร์ค่ะ โดยรวมก็น่ารัก และก็เอ็นดูอิชั้นกับอานีน่า แต่พวกนางจะโมโหขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเราฟังภาษาอิตาเลียนไม่รู้เรื่อง ดังนั้นแล้ว กลับบ้านไปก็จะพยายามท่องศัพท์เกี่ยวกับการเย็บผ้าแบบด่วนๆ
บอกเลยว่าที่มหาวิทยาลัยเองเป็น มหาวิทยาลัยแบบ นานาชาติ ไม่ได้ใช้ภาษาอิตาเลียนเป็นหลัก พูดแต่ภาษาอังกฤษ
และตัวเราเองก็ไม่มีเวลาไปลงคอร์สเรียนภาษาอิตาเลียนด้วยเพราะว่างานจะหนักมาก เรียนเสร็จยันดึกค่ำทุกวัน รวมไปถึงต้องทำ โปรเจคเสาร์อาทิตย์อีกด้วย ลืมไปเลยเรื่องเวลาว่างหรือคอร์สเรียนภาษา
ป้าเบอร์1 จะขี้วีน ขี้บ่น ขี้ด่า "ชั้นจะไม่ไปเรียนภาษาอังกฤษมาพูดกับพวกหล่อนหรอกนะ พวกหล่อนต้องเรียนภาษาอิตาเลียนมาพูดกับชั้น!!"
และนี่ก้คือเหตุที่เกิดขึ้นจากที่นางใช้ดิชั้นไปหยิบเก้าอี้มานั่งในห้องครัวนั้นเอง ==;
มาวันแรกก็โดนสอยผ้าค่ะ ด้วยความเกร็ง จึงนั่งทำนานมาก ตั้งใจมาก
ป้าเบอร์2 : นี่เธอสอยอะไรของเธอเนี้ยะ เบี้ยวไปหมดเลยยย ตายแล้ว เห็นไหมว่าขากางเกงมันไม่เท่ากัน คุณพระ!
แล้วนางก็รื้อที่นั่งสอยมานานกว่าชั่วโมงออกแบบ ดึงรวดเดียวออกหมดเหมือนถอนหนวด ตอนนั้นใจแทบสลาย
คุณป้าคะ คือ มันแทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะ จริงๆมองแทบไม่ออกเลยว่ามันไม่เท่ากัน ถ้าจะไม่เท่ากันก็คือ ไม่ถึง 1 เซนติเมตร และ นางก็วัดให้ดูว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
พูดเลยค่ะว่าปวดหัวแบบ ตึ๊บๆ ปวดมาก เพราะนั่งอยู่ในห้องเย็บผ้า พวกนาง 3 คนจะพูดไม่หยุดตามประสาชาวอิตาเลียนขี้เม้า สักพักก็ทะเลาะกัน ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องที่นางทะเลาะกันมันเป็นเรื่องแบบเถียงกันว่า หน้าผ้าที่ถูกต้องอยู่ด้านไหนกันแน่ ยืดยาวกันไปครึ่ง ชั่วโมง มีทะเลาะแย่งจักร เรื่องลูก สามี เม้าเรื่องอาหารร้านนั้นโน้นนี่ คิดออกไหมคะ มันต่างภาษา นึกถึงตอนเรียนภาษาอังกฤษ 1 ชั่วโมงที่โรงเรียนสิคะ ปวดหัวแค่ไหน นี่มาเจออิตาเลียน 8 ชั่วโมงเอี๊ยดดดดด สมองไม่ละลายเป็นน้ำไหลออกหูก็บุญแล้วค่ะ
ที่พีคไปกว่านั้นก็คือ
ป้าเบอร์3 : หนูๆ จ๊ะก่อนกลับ ช่วยกันเก็บทำความสะอาดห้องแพทเทิร์นด้วยนะจ๊ะ
ป้าเบอร์1: ใช่ๆ รักษาความสะอาดกันดีๆด้วย เก็บของให้เป็นระเบียบ เก็บเข็มหมุดตามพื้น ให้ดีนะอย่าทิ้ง
ป้าเบอร์2:ถ้าของใช้ของพวกเราไม่เป็นระเบียบมันจะทำให้ชั้นของชึ้นและไม่เป็นอันทำงาน !
โอ้ยยยย พักก่อน นี่มาฝึกงานนะไม่ได้มาทำความสะอาดห้องให้ป้าๆนะคะ อิชั้นกับอานีน่ามองหน้ากันแบบ
" seriously?? "
นั้นแหละค่ะ และแล้วพวกเราก็ต้องทำเวรกันเหมือนตอนประถม ก้มลงและเก็บเข็มกับพื้น จัดและรักษาความสะอาดให้เรียบร้อย ทั้งห้องทำงานป้าๆ และโต๊ะดีไซน์เนอร์
วันแรกคือเหนื่อยเลย ไม่อยากทำต่อด้วย เหนื่อย ท้อ และรู้สึกว่าไม่เป็นตัวเอง
คือตอนที่เราอยู่ไทย ด้วยความที่ ถึงและสวย เลยได้มีโอกาสทำงานในแบรนด์เล็กๆ ดีไซน์เสื้อผ้าตั้งแต่ตอนปี3 ตอนปี4 ก็เลยได้เป็นดีไซน์เนอร์เลย ได้ทำงานแบบชี้นิ้วจนชิน ไม่เคยต้องมานั่งสอย หรือเก็บกวาดห้องแบบนี้ ข้าวก็ไม่ได้มีให้ทาน เงินก็ไม่ได้ ยิ่งช่วงก่อนแฟชั่นโชว์นี้คือน้ำหนักลดฮวบเลย เพราะว่ามาทำงานแบบ 7 วันรวมเสาร์-อาทิตย์ ไหนจะต้องทำProject Thesis ให้จบในช่วงเวลาที่ฝึกงานพร้อมกันไปด้วย บางทีนั่งทำงานกันจนลืมกินข้าว
ยิ่งช่วงถ่าย Look-Book Collection แรกจำได้แม่นเลยว่าไม่ได้ทานอะไรกันเลยตั้งแต่เที่ยงยัน 2 ทุ่ม คือตอนนั้นจะเป็นลมจริงๆ และโมโหหิวมากแต่ต้องควบคุมสติให้ได้เพราะก็ไม่มีใครได้กินเหมือนกันทั้งดีไซน์เนอร์เอง พี่ๆช่างกล้อง ช่างแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งนางแบบ ได้แต่กินน้ำลูบท้องเข้าไป มิลานไม่เหมือนประเทศไทยค่ะที่หิวก็มีร้านสะดวกซื้อมากมาย มีร้านข้างทาง ที่นี่ร้านอาหารปิดเปิดเป็นเวลาอีกต่างหาก ร้านที่จะเปิดตลอดเวลามีไม่กี่ร้าน ต่อให้มีก็ไกล ตอนอยู่ไทยก็จะมีแบบข้าวกองนะคะ มีน้ำขนม เริ่ดๆ โทรสั่งได้อย่างใจหมาย แต่ที่นี่ ไม่ค่ะ ปวดหัวกับการ Treatคน กับที่นี่มาก
หลังจากนั้นถ่ายงานครั้งต่อไป ดิชั้นกับเพื่อนต้องห่อแซนวิช ไปทาน แล้ว แอบเข้าไปทานกันในห้องน้ำค่ะ ไม่ใช่กินขี้นะคะอย่าเข้าใจผิด เพราะพวกเราหิวมากๆ วิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้านางแบบกันตลอดเวลา ต้องคอยผลัดกันดูแลหน้า ฉากตอลดเวลาด้วยเพราะเผื่อเสื้อผ้ามันไม่พอดี มันหลุด ก็ต้องซ่อมทันที ต้องใช้พลังงานเยอะค่ะ น่าสมเพชเว่อร์
ส่วนช่วงที่สนุกที่สุดของการฝึกงานคือ after party ค่ะ เป็นช่วงที่ Fashion show จบแล้วก็จะมี เหล้า มี ขนมอร่อยๆ เสิร์ฟตลอดเวลา ได้เมากันสุดฤทธิ์ ที่สำคัญ ได้กินนายแบบด้วยค่า อันนี้พีคสุด เพราะด้วยความเป็นต่างชาติ คนที่นี่ก็มักอยากจะเข้ามาคุยด้วยตลอดเวลา ดีนะที่ ดิชั้นกับ อานีน่าคนล่ะtarget กัน ไม่งั้นล่ะตบกันตาย เราจะเป็นเกย์สวยใส ส่วนอานีน่าจะเป็น แบบ Bitch ตัวจริง
แต่.... ทุกครั้งที่เรากำลังเข้าได้เข้าเข็มกับผู้ชายและกำลังเมาได้ที่
"WHERE THE HELL ARE YOU GUYSSSSSSSSSSS?????"
นั้นแหละค่ะ ที่ทำให้ต้องวางทุกสิ่งที่กำลังทำ ตบหน้าตัวเองให้สร่าง แล้ววิ่งไปเก็บของ แพ็คเสื้อผ้ากลับออฟฟิศตอนตี1
ตอนแรกทำสัญญาฝึก 3 เดือนก็หวังว่ามันจะจบไปเพราะว่า มันเป็น 3 เดือนที่โหดร้ายมาก
น้ำหนักลด สิวขึ้น หน้าคล้ำ เศร้าหมอง สุขภาพจิตทรุดโทรม หลายสิ่งมาก หลายครั้งที่โดนด่า โดนว่าแรงๆเพราะ ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เล่นกันกับอานีน่ามากเกินไปก็โดนด่า หัวเราะมากไปก็โดนว่า พอเงียบมากไปก็หาว่าไม่มีความสุข ค่ะ !!!
งานอารมณ์ล้วนๆ
งานที่ให้ทำก็สุดแสนจะน่าเบื่อ
ตั้งแต่สอยผ้า เย็บชีฟอง เย็บหนัง(อันนี้ปวดนิ้วมาก) เย็บหนังด้วยมือ
ทำความสะอาด
ชงกาแฟ ( น่าเบื่อมาก)
ใช้ไปซื้อของข้างนอก
ซ่อมเสื้อผ้าให้ดีไซน์เนอร์
ส่งเข็มหมุด และเก็บเข็ม
Pack ของ และสอยป้ายแบรนด์กับเสื้อผ้า
ยังไม่รวมเลาะเสื้อผ้า เลาะหนัง เลาะ Fur ซ่อมรองเท้า และอีกมากมายที่เรียกได้ว่าจะเป็นลม
คือไม่ได้จับงานคอมเลย ไม่ได้ดีไซน์ด้วย นี่มันเป็นงานตามเช็ด เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวแบบขนานแท้
แต่สุดท้ายแล้ว นางก็ยื่นข้อเสนอว่าจะให้ต่ออีก3 เดือน จะทำไหม??? โดยจะจ่ายเงินให้ แต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่นะ
"ทำ!"
เอ้า ! เพราะเราเริ่มรู้สึกว่าไม่มีตัวเลือกที่จะอยู่ที่นี่
คือตอนนั้นก็เรียนจบแล้วด้วย และก็หางานทำอยู่พอดี การหางานทำที่นี่ยากมาก ยากแบบ ยากมากๆสำหรับคนเพิ่งจบใหม่แล้ว เค้าไม่สนใจสถาบันที่จบมาด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะจบสวยหรูมาจากไหน ก็ต้องเน้นทำงานฟรีก่อน ซึ่งทุกคนที่มิลานต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จริงๆค่ะ ทุกที่อยากได้ Intern และ Intern เท่านั้นเพราะไม่ต้องจ่ายเงิน ได้แรงงานฟรี ถึงจ่ายก็ จ่ายน้อย ยุโรปเศรษฐกิจแย่เลยนะคะ ไม่ว่าจะสาขาไหนๆ
แล้วเราเป็นชาวต่างชาติที่แทบไม่รู้ภาษาอิตาเลียนเลยจะไปเหลืออะไร เพราะใครๆก็อยากได้คนที่พูดคุยและสื่อสารกันรู้เรื่องทั้งนั้น ยิ่งงานออกแบบแล้วมันง่ายกว่าที่จะสื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเงินเดือนของผู้คนในวงการแฟชั่นจะเริ่มต้นที่ 400 -800 ยูโรเท่านั้น เป็นไงล่ะคะในขณะที่ค่าเช่าบ้านก็แพง ค่ากิน ค่าใช้ ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์
400 นี่เรียกว่าหรูแล้วนะ บางที่ต้องทำงานกันเป็นปีกว่าจะได้ถือว่าโหดร้ายมากๆ เพราะเศรษฐกิจมันไม่ดีด้วย
แล้วคนที่อยากทำงานที่มิลานจริงๆก็มีเยอะมาก
"ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป มีคนมาทำแทนได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง" นี่แหละที่นางพูด
ตัวเราเองได้งานเป็น Junior Designer แบรนด์ยักษ์แบรนด์หนึ่ง แต่เงินเดือนคือ พังพินาศมาก เช่าได้แต่เตียงนอนเท่านั้น ไม่สามารถเช่าห้องนอนได้ เลยตัดสินใจปฎิเสธไป ซึ่งในที่สุดก็เลยต้องตัดสินใจฝึกงานกับนางต่อเป็นระยะเวลาอีก 3 เดือน
ซึ่งคราวนี้ หนักกว่าเก่าเพราะ นางเริ่มให้ดีไซน์ และ เย็บชุดจริงที่จะขึ้นโชว์ด้วย คราวนี้หนักเลย ทั้งเครียดและกดดัน
ระบบการทำงานยังเหมือนเดิม
ไม่ค่อยได้กิน
ไม่ค่อยได้นอน
ไม่ค่อยมีเวลาไปพักผ่อน
และแล้วมันก็ผ่าน 6 เดือนนั้นมาได้ ตอนนี้ตัวเราเองก็มีโปรเจคใหม่ที่รอให้เราทำอยู่ และยังไงก็อยากจะฝากบอกคนที่กำลังเรียนแฟชั่นหรือหางานแฟชั่นอยู่ว่าอย่าท้อเป็นอันขาด คือต้องทำด้วยใจรักจริงๆ จะหนักแค่ไหนก็ต้องทน ถ้าเราไม่มีต้นทุนทางด้านการเงิน อย่างน้อยมีต้นทุนทางด้านความอดทนก็ยังดี
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำงานหนักเพื่ออนาคตนะคะ ยังไงก็แบ่งปันแชร์ประสบการณ์การฝึกงานกันเนอะ
ที่สำคัญอย่าลืมหาข้อมูลของประเทศนั้นๆก่อนจะบินไปทำงานหรือเรียนนะคะ
เดี๋ยวมาเจาะ detail กันแต่ละpart ค่ะ โดยเฉพาะParty!!!!
Margherita Mattina