ตอนแรก ผมก็เข้าใจว่า ท้องฟ้าสีฟ้า เพราะสะท้อนจากน้ำทะเล แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดแฮะ
เริ่มหาข้อมูล อ่านแล้วพอเข้าใจ จึงนำมาเผยแพร่ต่อครับ
อ้างอิงถึง web นี้นะครับ
http://wowboom.blogspot.com/2011/06/why-sky.html
ทำไมท้องฟ้าตอนกลางวันจึงเป็น สีฟ้า ทำไมไม่เป็นสีดำในเมื่อ จักรวาล นั้นเป็นสีดำ(ตามจริงก็ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ว่าจักรวาลมีสีอะไร) เหมือนตอนกลางคืน หลายคนอาจจะบอกว่าก็ตอนกลางวันมันมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เลยไม่เป็นสีดำเหมือนตอนกลางคืน มันก็ถูกแต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมตอนกลางวันฟ้าไม่เป็นสีขาว เหมือน แสงอาทิตย์
นั้นซิ เรื่องนี้เป็นปริศนามายาวนานเท่าๆ ตั้งแต่มนุษย์แหงนหน้ามองฟ้าเป็นครั้งแรก มันก็เป็นคำถามที่ค้างคาในหัวสมองมา เผ่าพันธุ์ของเรามาแสนนาน
จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาถึง ศตวรรษที่ 19 นักฟิสิกส์ชาวไอริส นามว่า John Tyndall จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้าได้ ด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ที่มีชื่อว่า ปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect) ที่ว่าแสงคลื่นสั้นเกิดการกระเจิง ได้ดีกว่าแสงคลื่นยาว เมื่อไปกระทบกับอนุภาคแขวนลอยในของเหลว
เกี่ยวกับ ชั้นบรรยากาศ
ในชั้นบรรยากาศนั้นประกอบ ไปด้วยโมเลกุลของแก็ส(เป็นอนุภาคขนาดเล็ก) และ ฝุ่น ผง เถ้า ผลึกเกลือ ผลึกน้ำแข็ง ละอองน้ำ(กลุ่มนี้เป็นอนุภาคขนาดใหญ่)
ยิ่งใกล้ผิวโลก อนุภาคต่างๆในในบรรยากาศยิ่งหนาแน่น
เกี่ยวกับ แสง
แสง เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่เดินทางเป็นคลื่น(รังสี) ตัวอย่างเช่นเสียงเป็นคลื่นสั่นสะเทือนของอากาศ ส่วนแสงเป็นคลื่นสั่นสะเทือนของไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก(เรียกว่า Electromagnetic waves คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เดินทางในอวกาศด้วยความเร็ว 299,792 km/sec ความเร็วนี้เรียกว่า ความเร็วแสง )
รังสีของแสง มีพลังงานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ความยาวคลื่น(wavelength) และความถี่(frequency)
ความยาวคลื่น คือ ระยะทางระหว่างยอดคลื่นสองจุด (ยอดบนกับยอดบน ส่วนถ้าเป็น ยอดล่างก็วัดกับยอดล่าง)
ความถี่ คือ คือจำนวนของคลื่นใน 1 วินาที
นั้นหมายความว่า รังสีที่มีความยาวคลื่นมากจะมีความถี่ต่ำ และมีพลังงานน้อย
ในทางตรงกันข้าม รังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นจะมีความถี่สูง แลมีพลังงานมาก
แสงที่เราเห็นเป็นสีขาว ตามจริงถ้าส่องผ่านปริซึม จะมองเป็นเป็น หลายสี โดยสีม่วงมีคลื่นสั้นสุด และสีแดงมีความยาวคลื่นมากที่สุด
อธิบายว่าทำไม ตอนกลางวันฟ้าจึง เป็น สีฟ้า
กลางวันแสงจากดวงอาทิตย์เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลก เป็นระยะทางสั้นกว่าตอนเย็น(หรือตอนเช้า)
อนุภาคต่างๆ มีจำนวนน้อย และขนาดเล็ก (พวกไอน้ำ ผลึกน้ำแข็งระเหยไป)
แสงที่เดินทางผ่านมาในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้น(พวกสี น้ำเงิน เขียว ม่วง) จะเกิดการกระเจิงเมื่อกระทบกับอนุภาคต่างๆในบรรยากาศ ทั่วทั้งท้องฟ้า จนอาบผืนฟ้าทั้งหมดเป็น สีฟ้า แสงสีฟ้าบางส่วนก็สะท้อนเข้าดวงตาเรา ทำให้เห็นเป็นสีฟ้า
ส่วนแสงคลื่นยาว(พวกสีแดง เหลือง แสด) ที่ไม่เกิดการกระเจิงนั้นจะวิ่งไปในทิศทางที่พุ่งออกจากแนวสายตา ทำให้มีแสงในกลุ่มคลื่นยาวค่อนข้างน้อยที่เรามองเห็น
อธิบายว่าทำไม ตอนเย็นท้องฟ้าจึงเป็นสีเหลือง หรือ สีส้ม เพราะ
เวลาเย็นดวงอาทิตย์จะทำแนวราบกับโลก ทำให้แสงเดินทางยาวกว่าตอน กลางวัน
อนุภาคต่างๆ ในอากาศหนาแน่นขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น(เนื่องจากความร้อนที่สะสมในเวลากลางวันทำผิวโลกร้อน ดันให้ฝุ่นละอองต่างลอยตัวขึ้นด้านบนตามมวลอากาศร้อนที่จะลอยขึ้นที่สูง)
แสงที่วิ่งผ่านบรรยากาศเมื่อกระทบกับอนุภาคในอากาศ รังสีสีน้ำเงินจะกระเิจิง ออกไปเรื่อยๆ ยิ่งระยะทางยาวก็กระเิจิงจนเหลือรังสี(แสงสีน้ำเงิน)เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเหลือถึงดวงตาเรา ในทางตรงกันข้ามแสงคลื่นยาว(สีแดง สีเหลือง สีแสด)ที่เหลือเป็นจำนวนมาก จะตรงเข้าสู่ดวงตาของเราโดยตรง(ตามแนวหัวลูกศรสีแดง) ทำให้เราเห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลือง หรือ ส้ม
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.sciencemadesimple.com/sky_blue.html
ผมเคยตอบลูกว่า เพราะสะท้อนจากน้ำทะเล
ถ้าจะอธิบายเด็ก 6 ขวบให้เข้าใจ อธิบายยังไงดีครับ
ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้า ในตอนกลางวัน และเป็นสีเหลือง(ส้ม) ในตอนเย็น (Why Sky)
เริ่มหาข้อมูล อ่านแล้วพอเข้าใจ จึงนำมาเผยแพร่ต่อครับ
อ้างอิงถึง web นี้นะครับ
http://wowboom.blogspot.com/2011/06/why-sky.html
ทำไมท้องฟ้าตอนกลางวันจึงเป็น สีฟ้า ทำไมไม่เป็นสีดำในเมื่อ จักรวาล นั้นเป็นสีดำ(ตามจริงก็ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ว่าจักรวาลมีสีอะไร) เหมือนตอนกลางคืน หลายคนอาจจะบอกว่าก็ตอนกลางวันมันมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เลยไม่เป็นสีดำเหมือนตอนกลางคืน มันก็ถูกแต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมตอนกลางวันฟ้าไม่เป็นสีขาว เหมือน แสงอาทิตย์
นั้นซิ เรื่องนี้เป็นปริศนามายาวนานเท่าๆ ตั้งแต่มนุษย์แหงนหน้ามองฟ้าเป็นครั้งแรก มันก็เป็นคำถามที่ค้างคาในหัวสมองมา เผ่าพันธุ์ของเรามาแสนนาน
จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาถึง ศตวรรษที่ 19 นักฟิสิกส์ชาวไอริส นามว่า John Tyndall จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้าได้ ด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ที่มีชื่อว่า ปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect) ที่ว่าแสงคลื่นสั้นเกิดการกระเจิง ได้ดีกว่าแสงคลื่นยาว เมื่อไปกระทบกับอนุภาคแขวนลอยในของเหลว
เกี่ยวกับ ชั้นบรรยากาศ
ในชั้นบรรยากาศนั้นประกอบ ไปด้วยโมเลกุลของแก็ส(เป็นอนุภาคขนาดเล็ก) และ ฝุ่น ผง เถ้า ผลึกเกลือ ผลึกน้ำแข็ง ละอองน้ำ(กลุ่มนี้เป็นอนุภาคขนาดใหญ่)
ยิ่งใกล้ผิวโลก อนุภาคต่างๆในในบรรยากาศยิ่งหนาแน่น
เกี่ยวกับ แสง
แสง เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่เดินทางเป็นคลื่น(รังสี) ตัวอย่างเช่นเสียงเป็นคลื่นสั่นสะเทือนของอากาศ ส่วนแสงเป็นคลื่นสั่นสะเทือนของไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก(เรียกว่า Electromagnetic waves คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เดินทางในอวกาศด้วยความเร็ว 299,792 km/sec ความเร็วนี้เรียกว่า ความเร็วแสง )
รังสีของแสง มีพลังงานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ความยาวคลื่น(wavelength) และความถี่(frequency)
ความยาวคลื่น คือ ระยะทางระหว่างยอดคลื่นสองจุด (ยอดบนกับยอดบน ส่วนถ้าเป็น ยอดล่างก็วัดกับยอดล่าง)
ความถี่ คือ คือจำนวนของคลื่นใน 1 วินาที
นั้นหมายความว่า รังสีที่มีความยาวคลื่นมากจะมีความถี่ต่ำ และมีพลังงานน้อย
ในทางตรงกันข้าม รังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นจะมีความถี่สูง แลมีพลังงานมาก
แสงที่เราเห็นเป็นสีขาว ตามจริงถ้าส่องผ่านปริซึม จะมองเป็นเป็น หลายสี โดยสีม่วงมีคลื่นสั้นสุด และสีแดงมีความยาวคลื่นมากที่สุด
อธิบายว่าทำไม ตอนกลางวันฟ้าจึง เป็น สีฟ้า
กลางวันแสงจากดวงอาทิตย์เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลก เป็นระยะทางสั้นกว่าตอนเย็น(หรือตอนเช้า)
อนุภาคต่างๆ มีจำนวนน้อย และขนาดเล็ก (พวกไอน้ำ ผลึกน้ำแข็งระเหยไป)
แสงที่เดินทางผ่านมาในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้น(พวกสี น้ำเงิน เขียว ม่วง) จะเกิดการกระเจิงเมื่อกระทบกับอนุภาคต่างๆในบรรยากาศ ทั่วทั้งท้องฟ้า จนอาบผืนฟ้าทั้งหมดเป็น สีฟ้า แสงสีฟ้าบางส่วนก็สะท้อนเข้าดวงตาเรา ทำให้เห็นเป็นสีฟ้า
ส่วนแสงคลื่นยาว(พวกสีแดง เหลือง แสด) ที่ไม่เกิดการกระเจิงนั้นจะวิ่งไปในทิศทางที่พุ่งออกจากแนวสายตา ทำให้มีแสงในกลุ่มคลื่นยาวค่อนข้างน้อยที่เรามองเห็น
อธิบายว่าทำไม ตอนเย็นท้องฟ้าจึงเป็นสีเหลือง หรือ สีส้ม เพราะ
เวลาเย็นดวงอาทิตย์จะทำแนวราบกับโลก ทำให้แสงเดินทางยาวกว่าตอน กลางวัน
อนุภาคต่างๆ ในอากาศหนาแน่นขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น(เนื่องจากความร้อนที่สะสมในเวลากลางวันทำผิวโลกร้อน ดันให้ฝุ่นละอองต่างลอยตัวขึ้นด้านบนตามมวลอากาศร้อนที่จะลอยขึ้นที่สูง)
แสงที่วิ่งผ่านบรรยากาศเมื่อกระทบกับอนุภาคในอากาศ รังสีสีน้ำเงินจะกระเิจิง ออกไปเรื่อยๆ ยิ่งระยะทางยาวก็กระเิจิงจนเหลือรังสี(แสงสีน้ำเงิน)เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเหลือถึงดวงตาเรา ในทางตรงกันข้ามแสงคลื่นยาว(สีแดง สีเหลือง สีแสด)ที่เหลือเป็นจำนวนมาก จะตรงเข้าสู่ดวงตาของเราโดยตรง(ตามแนวหัวลูกศรสีแดง) ทำให้เราเห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลือง หรือ ส้ม
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.sciencemadesimple.com/sky_blue.html
ผมเคยตอบลูกว่า เพราะสะท้อนจากน้ำทะเล
ถ้าจะอธิบายเด็ก 6 ขวบให้เข้าใจ อธิบายยังไงดีครับ